Share

บทที่ 279

Author: ดอกถังร่วงหล่น
last update Last Updated: 2024-08-06 19:07:10
เขาจึงพยายามอดทนไว้แล้วเปล่งเสียงอื้ออึงในลำคอ

เฟิ่งชูอิ่งปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าสั่งให้ข้ารอแล้วข้าต้องทำตามด้วยหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!”

หลินชูเจิ้ง “......”

เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องพูดอะไรในตอนนี้ถึงจะดี

เขากำลังคิดจะพูด เฟิ่งชูอิ่งก็ชักมีดออกแล้วแทงใส่แขนของเขาซ้ำอีกครั้ง

หลินชูเจิ้ง “......”

เขาอยากจะด่าบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเฟิ่งชูอิ่ง!

เฟิ่งชูอิ่งไม่คิดจะอดทนอดกลั้นกับเขาสักนิด “เจ้าวางใจเถอะ โดยปกติแล้วถึงจะโดนมีดแบบนี้แทงสักแปดแผลสิบแผล ขอแค่ไม่ตัดโดนเส้นเลือดใหญ่ เจ้าก็ไม่ตายหรอก

“แต่ถ้าเจ้าอยากตาย ข้าสามารถช่วยเจ้าได้นะ”

หลินชูเจิ้งเจ็บจนทนไม่ไหว กัดฟันเอ่ยว่า “พ่อของเจ้าเป็นเจ้าสำนักลี้ลับ

“ตอนนั้นสำนักลี้ลับถูกทำลายล้าง เพราะว่าเขากับเทียนซือความเห็นไม่ตรงกัน

“ตอนนั้นเทียนซือก็เลยประกาศว่า สำนักลี้ลับจะสร้างภัยพิบัติครั้งใหญ่ให้แผ่นดิน ฮ่องเต้ก็เลยมีพระราชโองการให้กวาดล้างสำนักลี้ลับ”

สิ่งที่เขาพูดทั้งหมดล้วนเป็นความจริง เพียงแต่นอกเหนือจากความจริงพวกนี้แล้ว เขายังซ่อนความลับเอาไว้อีกไม่น้อย

อีกอย่างคำพูดของเขายังจงใจหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญ คล้ายต้องการหันเหความสนใ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 280

    หลังจากนางสืบสวนเรียบร้อยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนที่พวกเขาล่วงเกินไปล้วนแต่เป็นคนมีอำนาจและความร้ายกาจ แล้วยังมีความเกี่ยวข้องกับนางอย่างมากด้วยหลังจากนางใคร่ครวญเล็กน้อยก็บอกกับหลินชูเจิ้งว่า “เอาทรัพย์สินที่บิดามารดาข้าทิ้งไว้คืนมาให้หมด”นางรู้ว่าของที่อยู่ในมือนางตอนนี้ ไม่มีทางเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้นางของที่พ่อนางเหลือเอาไว้ให้ จะยอมให้หลินชูเจิ้งแตะต้องไม่ได้เด็ดขาดคราวนี้หลินชูเจิ้งไม่กล้าค้านแม้แต่คำเดียว เขาพานางไปที่ห้องเรือนหลักเพื่อเอาของโดยตรงของที่บิดามารดาเฟิ่งชูอิ่งทิ้งเอาไว้ไม่นับว่ามากมายนัก นอกจากร้านค้าและเงินทองจำนวนหนึ่งแล้ว ก็มีแค่กำไลหนึ่งวง มีดสั้นหนึ่งเล่ม พัดหนึ่งด้ามและเข็มทิศดวงชะตาหนึ่งกระดานของทั้งสามชิ้นนี้ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ แม้แต่ฮว๋าซื่อที่ขี้เหนียวอย่างมากยังไม่ชายตาแลเลยกำไลวงนั้นดูธรรมดาสามัญมาก ไม่เหมือนทำจากทอง แล้วก็ไม่คล้ายเงินด้วย บนตัวกำไลยังมีคราบด่างเหมือนหลุดลอกอย่างไรอย่างนั้นมีดสั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย พอชัดออกมาบนมีดก็มีแต่คราบสนิมเต็มไปหมด แม้แต่เส้นด้ายก็คงตัดไม่ขาดพัดเล่มนั้นมีแต่สีแดงเหมือนเปื้อนเลือดสด

    Last Updated : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 281

    หากเทียนซือรู้ว่าเขาเก็บลูกสาวของเจ้าสำนักลี้ลับมาชุบเลี้ยงไว้ในจวน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เทียนซือก็ไม่ปล่อยเขาไปแน่ดังนั้นเรื่องทั้งหมดนี้ เขาจะต้องเก็บเป็นความลับจากเทียนซือ เฟิ่งชูอิ่งเป็นได้แค่ลูกสาวของน้องสาวเขาเท่านั้นเฟิ่งชูอิ่งกลับไม่ค่อยเชื่อใจหลินชูเจิ้ง นางจึงแปะยันต์แผ่นหนึ่งใส่เขายันต์แผ่นนั้นพอถูกแปะก็ล่องหนจนมองไม่เห็นหลินชูเจิ้งถาม “มันคืออะไรกัน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “มันคือยันต์คำลวง ภายในสามวันหลังจากนี้ เจ้าจะไม่สามารถพูดความจริงได้แม้แต่ประโยคเดียว“ต่อให้เทียนซือจะให้ยันต์ประกาศิตกับเจ้า เจ้าก็ไม่มีทางพูดความจริงได้อยู่ดี”หลินชูเจิ้ง “!!!!!!”ก่อนหน้านี้เขาเกลียดชังคนของสำนักลี้ลับมาก ตอนนี้เขาคิดว่าหากเขาจะเกลียดชังคนพวกนั้นก็มีเหตุผลอันสมควรแล้วล่ะ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่วิธีการแปลกประหลาดของพวกเขาก็ยากจะป้องกันได้แล้วเฟิ่งชูอิ่งเดินสำรวจทั่วจวนสกุลหลินอีกครั้ง จนกระทั่งฟ้าสางนางยืดแขนบิดขี้เกียจแล้วใช้รถม้าคันหนึ่งของจวนสกุลหลิน เดินทางไปที่จวนอ๋องฉู่จิ่งโม่เยี่ยไปที่ค่ายทหารตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนนี้จึงไม่อยู่ที่จวน คนเฝ้าประตูเห็นนางมาหาก็รีบย

    Last Updated : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 282

    เฟิ่งชูอิ่งเขียนข้อความหนึ่งบรรทัดเสร็จก็เป่าน้ำหมึกให้แห้งแล้วใส่ซองจดหมาย ก่อนจะส่งให้คนเฝ้าประตูนางอยู่ในเมืองหลวงเพียงไม่นานนัก จึงไม่มีเพื่อนฝูงที่ไหนให้ร่ำลา และมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือทันทีตอนที่นางมาถึงท่าเรือ ก็บังเอิญพบจิ่งสือเยี่ยนรออยู่ก่อนแล้วนางมองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านอ๋องจิ้นทำไมถึงอยู่ที่ท่าเรือได้ล่ะ?”จิ่งสือเยี่ยนตอบ “ข้ามารอเจ้า”เฟิ่งชูอิ่งแปลกใจเล็กน้อย นางไม่สงสัยว่าเขาจะแอบชอบนางอะไรทำนองนั้นหรอก เพราะทั้งสองคนแทบจะไม่ได้พบเจอกันเลย เขาไม่มีทางชอบนางแน่นอนจิ่งสือเยี่ยนกล่าวว่า “เพราะว่าเมื่อคืนนี้จวนสกุลหลินเกิดเหตุการณ์วุ่นวายใหญ่โต ข้าเลยเดาว่าเจ้าน่าจะอยู่ในจวนสกุลหลินต่อไม่ได้แล้ว”เมื่อคืนนี้จวนสกุลหลินเกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครมมากจริงๆ แต่เพราะสิ่งชั่วร้ายมิใช่ทุกคนจะมองเห็น พวกเขาจึงเห็นมากสุดแค่หมอกควันดำปกคลุมทั้งแถบแต่เพราะเสียงโวยวายในจวนสกุลหลินเมื่อคืนดังมากเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆ จวนสกุลหลินล้วนได้ยินกันหมดเมื่อจิ่งสือเยี่ยนแยกกับนางแล้วกลัวนางจะไม่ปลอดภัย จึงสั่งให้ทหารองครักษ์ไปเฝ้าที่นอกจวนสกุลหลินตอนที่เกิดเรื่องในจวนสกุลหลิน ทหารองครัก

    Last Updated : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 283

    นางถามเขา “ท่านอ๋องจิ้นรู้ไหมว่าฤดูฝนของเจียงหนานเป็นอย่างไร?”จิ่งสือเยี่ยนตอบว่า “ไม่รู้หรอก ถึงได้อยากไปดูให้เห็นกับตาอย่างไรล่ะ”เฟิ่งชูอิ่ง “......”คำตอบของเขาทำเอานางหมดคำจะพูดเลยล่ะจิ่งสือเยี่ยนเห็นสีหน้าท่าทางของนางก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่นางทราบหรือว่าฤดูฝนของเจียงหนานเป็นอย่างไร?”ร่างเดิมของเฟิ่งชูอิ่งนี้ไม่เคยไปที่เจียงหนานมาก่อน นางจึงส่ายหน้า “ไม่ทราบเพคะ”“แต่ฤดูฝนที่สามารถเรียกว่าเหมยอวี่ได้ คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับบ๊วย[footnoteRef:1]กระมัง!” [1: เหมยแปลว่าบ๊วย] คำพูดของนางนำพาไปสู่หัวข้อสนทนาใหม่ จิ่งสือเยี่ยนชอบทานบ๊วยมาก แต่ในเมืองหลวงไม่มีการปลูกบ๊วย บ๊วยที่นำเข้ามาจากเจียงหนานกว่าจะถึงเมืองหลวงก็ไม่สดแล้วตอนแรกเขาบอกว่าจะไปชมฤดูฝนที่เจียงหนาน ก็แค่ข้ออ้างที่คิดขึ้นมาส่งเดชเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาเริ่มจะพูดความจริงขึ้นมาบ้างแล้วเขายังคิดจะลากเฟิ่งชูอิ่งไปลองกินบ๊วยที่นั่นด้วยกัน เอาตั้งแต่บ๊วยสดๆ กินไล่ไปจนถึงที่หมักเป็นสุราเลยทันใดนั้นความคิดของเฟิ่งชูอิ่งก็ล่องลอยเล็กน้อย จิ่งโม่เยี่ยเหมือนจะไม่ชอบกินของเปรี้ยว.....ตอนที่ความคิดนี้ลอยเข้ามาในหัวของนาง นาง

    Last Updated : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 284

    ศิษย์คนนั้นพอกล่าวถึงตรงนี้ก็แผดเสียงดัง “สิ่งชั่วร้ายตัวนั้นมันสังหารศิษย์พี่จนตาย จากนั้นก็ทำร้ายข้าจนสาหัส“ก่อนข้าจะสลบไปเห็นว่าเฟิ่งชูอิ่งลงมือจัดการกับเจ้าสิ่งชั่วร้ายนั่นจนเป็นฝ่ายแพ้พ่าย”เทียนซือได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย “พวกเจ้าสู้กับสิ่งชั่วร้ายนั่นไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับเอาชนะได้เนี่ยนะ?”ศิษย์คนนั้นตอบ “ใช่ขอรับ นางฝีมือร้ายกาจมาก พวกเราสู้นางไม่ได้เลย”ตอนที่เทียนซือก้าวเข้ามาในจวนสกุลหลินก็สัมผัสกลิ่นอายชั่วร้ายได้ เขาจึงรู้ว่าสิ่งชั่วร้ายดังกล่าวต้องร้ายกาจมากอีกอย่างเขายังได้กลิ่นอายของไฟจากฟ้าผ่าด้วย ใต้หล้าแห่งนี้ ยันต์ที่สามารถเรียกสายฟ้ามาได้มีน้อยมาก อย่าว่าแต่สายฟ้าที่ทำร้ายสิ่งชั่วร้ายได้เลยศิษย์คนนั้นเล่าต่อว่า “วิชาศาสตร์ลี้ลับของเฟิ่งชูอิ่งร้ายกาจอย่างยิ่ง ท่านอาจารย์โปรดระวังตัวด้วย”เทียนซือเดินหน้ามืดครึ้มตามหาร่องรอยเฟิ่งชูอิ่งทั่วจวนสกุลหลิน แต่กลับไม่พบนาง พบเพียงหลินชูเจิ้งที่บาดเจ็บทั่วร่างหลินชูเจิ้งพอเห็นเทียนซือก็คิดจะฟ้องความผิดของเฟิ่งชูอิ่งแต่พอเขาเปิดปากกลับพูดออกไปว่า “เฟิ่งชูอิ่งร้ายกาจมากจริงๆ นางเป็นเทพธิดาของข้าชัดๆ!”หลังจากพูด

    Last Updated : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 285

    พวกเขาไม่รู้ว่ายันต์ปัญจอสนีแผ่นนั้นนางเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว นางก็แค่กระตุ้นการทำงานของมันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องโยนยันต์ออกไปแปะอีกเพราะว่าเรื่องหลายอย่างที่เกิดขึ้น เทียนซือจึงรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจทว่าหลังจากค้นจนครบทุกซอกทุกมุมก็ยังไม่พบเฟิ่งชูอิ่ง เขาจึงหันไปถามหลินชูเจิ้งว่า “เฟิ่งชูอิ่งไปไหนแล้ว?”หลินชูเจิ้งไม่อยากจะเอ่ยปากพูดแม้แต่คำเดียว เพราะว่าเขาไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ตนเองพูดออกไปได้แต่เมื่อเทียนซือเป็นคนถาม เขาก็จำเป็นจะต้องตอบเขาเปิดปากก็โพล่งออกไปว่า “เทียนซือ เอวของพระสนมสวี่อ่อนนุ่ม ใจของข้าอ่อนยิ่งกว่า เจ้ารีบเข้ามาอยู่ในใจของข้าสิ!”หลินชูเจิ้ง “!!!!!!”เทียนซือ “......”เขารู้ดีว่าสิ่งที่หลินชูเจิ้งพูดออกมาเป็นฝีมือของเฟิ่งชูอิ่ง ไม่ใช่ความต้องการของหลินชูเจิ้ง แต่มันกลับทำให้เขาเกิดจิตสังหารขึ้นมาเพราะว่าหลินชูเจิ้งกล่าวถึงพระสนมสวี่หลินชูเจิ้งเองก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนั้นเหมือนกัน เขาจึงใช้มือปิดปากของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะส่ายหน้าให้เทียนซืออย่างเอาเป็นเอาตายเทียนซือเห็นเขาเลือดท่วมตัว ถูกหลานสาวของตัวเองเล่นงานจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว เขาจึง

    Last Updated : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 286

    หลินชูเจิ้งได้ยินตัวเองกล่าวว่า “เจ้ามีอะไรให้หยิ่งผยองจองหอกนักหรือ? สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ สามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ[footnoteRef:1] สักวันหนึ่งบิดาจะต้องฆ่าเจ้าแน่!” [1: หมายถึงทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง รุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน] หลินชูเจิ้ง “!!!!!!”จิตใจเขาแทบแตกสลายตรงนั้น นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันแน่เนี่ย!แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เขาถูกฝ่าเท้าของจิ่งโม่เยี่ยเตะโด่งออกมาอีกครั้งเสี้ยวพริบตาที่หลินชูเจิ้งถูกถีบกระเด็น เขาก็เกิดความคิดในใจว่าช่างเถิด กระทืบเขาให้ตายไปเลย!ชีวิตนี้ยังจะเหลืออะไรให้อาวรณ์อีก คราวนี้หลินชูเจิ้งบรรลุอย่างถ่องแท้แล้ว!ตอนที่จิ่งโม่เยี่ยเตะเขาออกไปและคิดจะจากไปนั้น เขากลับรู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะว่าคนไม่มีอะไรดีอย่างหลินชูเจิ้ง ช่วงหลังมานี้เขานับว่าพอจะรู้จักนิสัยอีกฝ่ายอยู่บ้าง คนผู้นี้ไม่มีทางกล้าพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าเขาแน่นอนเขาหันกลับไปมองหลินชูเจิ้ง เมื่อเห็นสีหน้าหมดอาลัยตายอยากของหลินชูเจิ้งเขาก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเองเขากดเสียงเอ่ยว่า “หากข้าถาม เจ้าแค่พยักหน้าหรือส่ายหน้าก็พอ”หลินชูเจิ้งพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายกา

    Last Updated : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 287

    ‘ครั้งนี้เขาจะต้องฉวยโอกาสสั่งสอนนางสักหน่อย ให้นางหัดว่านอนสอนง่ายเสียบ้าง วันหลังจะได้ไม่สร้างเรื่องปวดหัวให้เขาไม่เว้นวันอีก’‘หากนางเป็นเด็กดีเชื่อฟังที่บอก เขาจะยอมดีกับนางให้มากเสียหน่อย’หลังจากเขาเปิดฝากล่องออกก็พบว่าด้านในมียันต์จำนวนมากอัดแน่นอยู่ตรงกลางของปึกยันต์เหล่านั้นมีแถวกระดาษพันรอบๆ มีตัวอักษรหงส์ฟ้อนมังกรทะยานเขียนไว้ว่า ‘ยันต์ตัดขาด’ ‘ยันต์คู่ขนาน’ ‘ยันต์อสนี’ ‘ยันต์คุ้มครอง’เขาเห็นของเหล่านั้นแล้วพลันรู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาเพราะว่าเฟิ่งชูอิ่งหวงแหนยันต์เหล่านี้เหมือนสมบัติล้ำค่า เขาเคยขอยันต์จากนางสิบแผ่นแปดแผ่น นางยังทำท่าอิดออดไม่อยากจะมอบให้เขาแต่ครั้งนี้กลับให้เขาเป็นกอบเป็นกำ ดูอย่างไรก็ผิดปกติจิ่งโม่เยี่ยสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย เขาหยิบยันต์พวกนั้นออกมาแล้วพบกับตั๋วเงินอีกปึกหนึ่งด้านบนตั๋วเงินมีกระดาษม้วนหนึ่งพันเอาไว้ เนื้อหาในกระดาษเขียนวิธีแก้คำสาปอย่างละเอียดพอเขาเห็นแบบนั้นแล้ว นัยน์ตาก็เย็นชาขึ้นหลายส่วนนางคิดจะทำอะไร?จิ่งโม่เยี่ยถามคนเฝ้าประตู “เฟิ่งชูอิ่งไปไหนแล้ว?”คนเฝ้าประตูตอบ “ตอนที่นางมาถึง ผู้น้อยเชิญนางเข้าไปนั่งรอท่านอ๋องในจวน

    Last Updated : 2024-08-06

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

DMCA.com Protection Status