แชร์

บทที่ 274

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-08-06 19:07:10
หลินชูเจิ้งเหมือนจะสัมผัสได้เหมือนกันจึงกล่าวอย่างคุ้มคลั่ง “คนแบบเจ้าน่ะ ไม่ควรมีชีวิตอยู่ตั้งนานแล้ว!

“เจ้าคิดว่าหยุดข้าได้แล้วจะยิ่งใหญ่เหนือใครอย่างนั้นหรือ ในเมืองหลวงแห่งนี้ มีคนที่จัดการเจ้าได้อีกมากมาย!”

เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้สนใจเขาและหันไปมองทางข้างๆ

ท้องฟ้าของจวนสกุลหลินปรากฏเงาขนาดมหึมา เงานั้นคล้ายจะปกคลุมจวนสกุลหลินจนมืดมิด

เงาดังกล่าวแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายออกมาอย่างเข้มข้น เป็นสิ่งชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

เฉี่ยวหลิงคิดจะเหาะขึ้นไปตีกับสิ่งชั่วร้ายดังกล่าว แต่ถูกเฟิ่งชูอิ่งขวางไว้ “เจ้าไปไม่ได้ เจ้าสู้เจ้าสิ่งนั้นไม่ไหวหรอก”

ศิษย์สองคนของเทียนซือแม้จะยังมึนงงอยู่ แต่พอสัมผัสพลังงานที่เย็นเยียบชวนขนลุกได้ พวกเขาก็ได้สติกันอย่างสมบูรณ์

หนึ่งในนักพรตเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์เห็นว่าเจ้าเป็นตัวปัญหา จึงได้เตรียมการมาล่วงหน้า เจ้าโง่นักที่คิดว่าพวกเรามีแค่ตาข่ายนั่นแค่ผืนเดียว!”

นักพรตอีกคนกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ข้าว่าของสิ่งนั้นมันแปลกอยู่นะ!”

ของสิ่งนี้ย่อมผิดปกติอยู่แล้ว

หลังจากเทียนซือได้ยินเรื่องค่ายกลจากปากของหลินชูเจิ้ง เขาก็ทราบทันทีว่ามันเป็นค่ายกลประเภทหนึ่งของสำนักลี้ลับ

ค่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 275

    สิ่งชั่วร้ายตนนั้นจึงวิ่งเข้าไปหานักพรตคนนั้นแล้วจับหักคอทันทีหลินชูเจิ้งเห็นฉากดังกล่าวก็ตกใจจนแทบหงายหลัง ตะโกนว่า “ผิดคนแล้ว! เจ้าควรจะต้องหักคอเฟิ่งชูอิ่งต่างหาก!”แต่น่าเสียดายที่สิ่งชั่วร้ายตนนั้นไม่ฟังคำสั่งของเขา ยิ่งเขาตะโกนดังเท่าไหร่ยิ่งเป็นการดึงดูดความสนใจจากสิ่งชั่วร้ายตนนั้น มันจึงม้วนตัวแล้วพุ่งเข้าไปหาเขาแทนหลินชูเจิ้งหวาดกลัวจนถอยกรูด ก่อนจะใช้มือผลักสิ่งชั่วร้ายออกไปตอนที่สิ่งชั่วร้ายสัมผัสโดนมือของเขา มือของเขาพลันมีสีทองเข้มข้นสาดส่องออกมาตอนที่เฟิ่งชูอิ่งเห็นแสงสีทองสายนั้น ก็พบว่าพลังงานดังกล่าวสามารถปัดป้องสิ่งชั่วร้ายได้ น่าจะเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือผู้สร้างค่ายกลแอบติดตั้งไว้ที่ตัวหลินชูเจิ้งเมื่อสิ่งชั่วร้ายตนนั้นทำร้ายหลินชูเจิ้งไม่ได้ นางจึงแอบเสียดายเล็กน้อยถึงหลินชูเจิ้งจะสามารถใช้มือผลักสิ่งชั่วร้ายออกไปได้ แต่เขาก็ใช่ว่าจะปลอดภัยดีเพราะว่าสิ่งชั่วร้ายนั่นมีไอชั่วร้ายเข้มข้นมากเกินไป ตอนที่ปะทะกันไอชั่วร้ายของมันจึงแทรกซึมเข้าไปในร่างของหลินชูเจิ้ง ทำให้เขาทุกข์ทรมานอย่างมาก พอสิ่งชั่วร้ายเห็นว่าหลินชูเจิ้งกำลังทรมานอย่างหนัก มันจึงปล่อยเขาเอาไว้ชั่วค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 276

    เฟิ่งชูอิ่งยืนนิ่งไม่คิดจะหลบการโจมตี สิ่งชั่วร้ายพุ่งเข้าไปหานางพร้อมลมหอบใหญ่จนผมของนางถูกพัดปลิวครั้นเห็นว่าสิ่งชั่วร้ายกำลังจะฉีกร่างนางออกเป็นเสี่ยงๆ นางกลับยืนตระหง่านดุจภูผานักพรตคนนั้นตะโกนว่า “ระวัง......”ทว่าเขายังไม่ทันจะพูดจบ สายฟ้าระลอกที่สองก็ผ่าลงมา บดขยี้ร่างสิ่งชั่วร้ายจนแหลกอีกครั้งนักพรตคนนั้น “!!!!!!”เขาจ้องเฟิ่งชูอิ่งด้วยความตกตะลึง นางเอ่ยเสียงเรียบว่า “ยังลุกไหวไหม?”นักพรตคนนั้นยังคงนิ่งอึ้งอยู่ท่าเดิมเฟิ่งชูอิ่งจึงเอ่ยว่า “ในเมื่อยังลุกไหวก็ลุกขึ้นมาเถอะ อย่าทำตัวเหมือนยายแก่ขี้สำออย นอนนิ่งเหมือนสุนัขตายอยู่แบบนั้นเลย”นักพรตคนนั้น “......”ภาพของเทพธิดาในใจของเขาพังทลายในเสี้ยวพริบตาตอนที่เขาพยายามจะลุกขึ้นมาจากพื้น เฟิ่งชูอิ่งก็เกิดเปลี่ยนใจแล้วส่งยันต์หลับใหลออกไปแปะกลางหน้าผากเขาครู่ต่อมา นักพรตคนนั้นก็สลบเหมือดไปทันทีสิ่งชั่วร้ายตนนั้นกลับมารวมตัวเป็นกลุ่มก้อนอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ขนาดเล็กลงกว่าเดิมมากเฉี่ยวหลิงคิดว่านางน่าจะสามารถฉีกสิ่งชั่วร้ายเป็นชิ้นๆ ได้แล้ว แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับไม่ยอมสั่งให้นางทำสิ่งชั่วร้ายตนนั้นตระหนักแล้วว่าเฟิ่งชูอิ่งเป็น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 277

    นางเป็นวิญญาณร้าย เรี่ยวแรงของนางจึงมีมากกว่าคนปกติแบบเทียบไม่ติดฝุ่นนางคว้าขาของหลินชูเจิ้งขึ้นมาอย่างป่าเถื่อน ก่อนจะฟาดเขากับพื้นหญ้าโดยตรงสาเหตุที่ฟาดใส่พุ่มหญ้าแบบนี้ เพราะว่าฟาดรุนแรงแค่ไหนก็ไม่มีทางตายง่ายๆ เพียงแต่จะสร้างความเจ็บปวดเท่านั้นจุดสำคัญคือเฟิ่งชูอิ่งไม่อนุญาตให้นางฆ่าคน ดังนั้นตอนที่ฟาดร่างหลินชูเจิ้งกับพื้นนางจึงออมแรงไว้บางส่วนนางกลัวว่าคอของหลินชูเจิ้งจะหัก จึงปล่อยให้ใบหน้าของหลินชูเจิ้งกระแทกพื้นก่อนจะเหวี่ยงมือเล็กน้อย เปลี่ยนจากคอของเขาเป็นส่วนกลางอกแทนเนื่องจากการถูกเฉี่ยวหลิงทรมานมันทำให้เขาอยากอยู่ก็ไม่ได้ อยากตายก็ไม่รอด จมูกกระแทกพื้นจนหักบิดเบี้ยว กระดูกซี่โครงถึงจะไม่หักแต่ก็ร้าวพอถูกทรมานนานหลินชูเจิ้งก็ชักอยากจะตายขึ้นมาจริงๆ หลินซื่อกับหลินหวานถิงได้ยินเสียงครึกโครมจึงพากันวิ่งมาดู จนได้พบฉากที่น่าตกตะลึงนั้นฮว๋าซื่อแหกปากร้องเสียงแหลม “หยุดนะ พวกเจ้าบ้าไปแล้ว!”นางกล่าวจบก็คิดจะพุ่งเข้าไปช่วยหลินชูเจิ้ง เฟิ่งชูอิ่งจึงยกเท้าถีบนางจนกระเด็นออกไป ตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรงหลินหวานถิงประคองฮว๋าซื่อขึ้นมาแล้วตวาด “เฟิ่งชูอิ่ง เจ้าทำอะไรเนี่ย!“ใคร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 278

    เฟิ่งชูอิ่งปรบมือ “สมแล้วที่เป็นท่านลุง ใช้เวลาครู่เดียวก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว ท่านนี่สุดยอดจริงๆ!”หลินชูเจิ้ง “......”คำชมแบบนี้ เขาไม่อยากได้สักนิดเดียว!แต่ว่าเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากปลาบนเขียงที่รอถูกเชือด ไม่อาจดิ้นรนขัดขืนได้เลยเฟิ่งชูอิ่งก้มลงมองเขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเริ่มเล่าออกมาได้แล้ว ท่านลุงผู้แสนดีของข้า”หลินชูเจิ้งเห็นเฟิ่งชูอิ่งเป็นอย่างนั้น ในใจพลันเกิดภาพหลอนออกมา คล้ายจะมองเห็นภาพทับซ้อนของบิดานางขึ้นมาในปีนั้นบิดาของเฟิ่งชูอิ่งเคยมาหาเขาอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนแรกเขาคิดว่าตนเองจะหลงลืมความอัปยศในตอนนั้นไปแล้ว แต่วันนี้กลับถูกเฟิ่งชูอิ่งขุดความทรงจำกลับมารสชาติแบบนั้นช่างชวนให้คนรู้สึกเกลียดจนเข้ากระดูกดำ ทว่ามิอาจต่อต้านขัดขืนได้โดยเฉพาะตอนที่เขาได้เห็นความสามารถของเฟิ่งชูอิ่ง และตระหนักว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในเงื้อมมือของนางอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางดิ้นหลุดได้เขาพยายามคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก นางสามารถเรียนวิชาศาสตร์ลี้ลับทั้งที่อยู่ภายใต้การจับจ้องของเขาได้อย่างไรเขายิ่งไม่เข้าใจเลยว่า บิดาของเฟิ่งชูอิ่งในตอนนั้นใช้วิธีไหนทำให้นางเอาศาสตร์ลี้ลับเข้ามาในจวนสกุลหลินเพราะต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 279

    เขาจึงพยายามอดทนไว้แล้วเปล่งเสียงอื้ออึงในลำคอเฟิ่งชูอิ่งปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าสั่งให้ข้ารอแล้วข้าต้องทำตามด้วยหรือ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!”หลินชูเจิ้ง “......”เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องพูดอะไรในตอนนี้ถึงจะดีเขากำลังคิดจะพูด เฟิ่งชูอิ่งก็ชักมีดออกแล้วแทงใส่แขนของเขาซ้ำอีกครั้งหลินชูเจิ้ง “......”เขาอยากจะด่าบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของเฟิ่งชูอิ่ง!เฟิ่งชูอิ่งไม่คิดจะอดทนอดกลั้นกับเขาสักนิด “เจ้าวางใจเถอะ โดยปกติแล้วถึงจะโดนมีดแบบนี้แทงสักแปดแผลสิบแผล ขอแค่ไม่ตัดโดนเส้นเลือดใหญ่ เจ้าก็ไม่ตายหรอก“แต่ถ้าเจ้าอยากตาย ข้าสามารถช่วยเจ้าได้นะ”หลินชูเจิ้งเจ็บจนทนไม่ไหว กัดฟันเอ่ยว่า “พ่อของเจ้าเป็นเจ้าสำนักลี้ลับ“ตอนนั้นสำนักลี้ลับถูกทำลายล้าง เพราะว่าเขากับเทียนซือความเห็นไม่ตรงกัน“ตอนนั้นเทียนซือก็เลยประกาศว่า สำนักลี้ลับจะสร้างภัยพิบัติครั้งใหญ่ให้แผ่นดิน ฮ่องเต้ก็เลยมีพระราชโองการให้กวาดล้างสำนักลี้ลับ”สิ่งที่เขาพูดทั้งหมดล้วนเป็นความจริง เพียงแต่นอกเหนือจากความจริงพวกนี้แล้ว เขายังซ่อนความลับเอาไว้อีกไม่น้อยอีกอย่างคำพูดของเขายังจงใจหลีกเลี่ยงประเด็นสำคัญ คล้ายต้องการหันเหความสนใ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 280

    หลังจากนางสืบสวนเรียบร้อยก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ คนที่พวกเขาล่วงเกินไปล้วนแต่เป็นคนมีอำนาจและความร้ายกาจ แล้วยังมีความเกี่ยวข้องกับนางอย่างมากด้วยหลังจากนางใคร่ครวญเล็กน้อยก็บอกกับหลินชูเจิ้งว่า “เอาทรัพย์สินที่บิดามารดาข้าทิ้งไว้คืนมาให้หมด”นางรู้ว่าของที่อยู่ในมือนางตอนนี้ ไม่มีทางเป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่บิดามารดาทิ้งไว้ให้นางของที่พ่อนางเหลือเอาไว้ให้ จะยอมให้หลินชูเจิ้งแตะต้องไม่ได้เด็ดขาดคราวนี้หลินชูเจิ้งไม่กล้าค้านแม้แต่คำเดียว เขาพานางไปที่ห้องเรือนหลักเพื่อเอาของโดยตรงของที่บิดามารดาเฟิ่งชูอิ่งทิ้งเอาไว้ไม่นับว่ามากมายนัก นอกจากร้านค้าและเงินทองจำนวนหนึ่งแล้ว ก็มีแค่กำไลหนึ่งวง มีดสั้นหนึ่งเล่ม พัดหนึ่งด้ามและเข็มทิศดวงชะตาหนึ่งกระดานของทั้งสามชิ้นนี้ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ แม้แต่ฮว๋าซื่อที่ขี้เหนียวอย่างมากยังไม่ชายตาแลเลยกำไลวงนั้นดูธรรมดาสามัญมาก ไม่เหมือนทำจากทอง แล้วก็ไม่คล้ายเงินด้วย บนตัวกำไลยังมีคราบด่างเหมือนหลุดลอกอย่างไรอย่างนั้นมีดสั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย พอชัดออกมาบนมีดก็มีแต่คราบสนิมเต็มไปหมด แม้แต่เส้นด้ายก็คงตัดไม่ขาดพัดเล่มนั้นมีแต่สีแดงเหมือนเปื้อนเลือดสด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 281

    หากเทียนซือรู้ว่าเขาเก็บลูกสาวของเจ้าสำนักลี้ลับมาชุบเลี้ยงไว้ในจวน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เทียนซือก็ไม่ปล่อยเขาไปแน่ดังนั้นเรื่องทั้งหมดนี้ เขาจะต้องเก็บเป็นความลับจากเทียนซือ เฟิ่งชูอิ่งเป็นได้แค่ลูกสาวของน้องสาวเขาเท่านั้นเฟิ่งชูอิ่งกลับไม่ค่อยเชื่อใจหลินชูเจิ้ง นางจึงแปะยันต์แผ่นหนึ่งใส่เขายันต์แผ่นนั้นพอถูกแปะก็ล่องหนจนมองไม่เห็นหลินชูเจิ้งถาม “มันคืออะไรกัน?”เฟิ่งชูอิ่งตอบว่า “มันคือยันต์คำลวง ภายในสามวันหลังจากนี้ เจ้าจะไม่สามารถพูดความจริงได้แม้แต่ประโยคเดียว“ต่อให้เทียนซือจะให้ยันต์ประกาศิตกับเจ้า เจ้าก็ไม่มีทางพูดความจริงได้อยู่ดี”หลินชูเจิ้ง “!!!!!!”ก่อนหน้านี้เขาเกลียดชังคนของสำนักลี้ลับมาก ตอนนี้เขาคิดว่าหากเขาจะเกลียดชังคนพวกนั้นก็มีเหตุผลอันสมควรแล้วล่ะ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่วิธีการแปลกประหลาดของพวกเขาก็ยากจะป้องกันได้แล้วเฟิ่งชูอิ่งเดินสำรวจทั่วจวนสกุลหลินอีกครั้ง จนกระทั่งฟ้าสางนางยืดแขนบิดขี้เกียจแล้วใช้รถม้าคันหนึ่งของจวนสกุลหลิน เดินทางไปที่จวนอ๋องฉู่จิ่งโม่เยี่ยไปที่ค่ายทหารตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนนี้จึงไม่อยู่ที่จวน คนเฝ้าประตูเห็นนางมาหาก็รีบย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 282

    เฟิ่งชูอิ่งเขียนข้อความหนึ่งบรรทัดเสร็จก็เป่าน้ำหมึกให้แห้งแล้วใส่ซองจดหมาย ก่อนจะส่งให้คนเฝ้าประตูนางอยู่ในเมืองหลวงเพียงไม่นานนัก จึงไม่มีเพื่อนฝูงที่ไหนให้ร่ำลา และมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือทันทีตอนที่นางมาถึงท่าเรือ ก็บังเอิญพบจิ่งสือเยี่ยนรออยู่ก่อนแล้วนางมองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านอ๋องจิ้นทำไมถึงอยู่ที่ท่าเรือได้ล่ะ?”จิ่งสือเยี่ยนตอบ “ข้ามารอเจ้า”เฟิ่งชูอิ่งแปลกใจเล็กน้อย นางไม่สงสัยว่าเขาจะแอบชอบนางอะไรทำนองนั้นหรอก เพราะทั้งสองคนแทบจะไม่ได้พบเจอกันเลย เขาไม่มีทางชอบนางแน่นอนจิ่งสือเยี่ยนกล่าวว่า “เพราะว่าเมื่อคืนนี้จวนสกุลหลินเกิดเหตุการณ์วุ่นวายใหญ่โต ข้าเลยเดาว่าเจ้าน่าจะอยู่ในจวนสกุลหลินต่อไม่ได้แล้ว”เมื่อคืนนี้จวนสกุลหลินเกิดเสียงดังอึกทึกครึกโครมมากจริงๆ แต่เพราะสิ่งชั่วร้ายมิใช่ทุกคนจะมองเห็น พวกเขาจึงเห็นมากสุดแค่หมอกควันดำปกคลุมทั้งแถบแต่เพราะเสียงโวยวายในจวนสกุลหลินเมื่อคืนดังมากเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆ จวนสกุลหลินล้วนได้ยินกันหมดเมื่อจิ่งสือเยี่ยนแยกกับนางแล้วกลัวนางจะไม่ปลอดภัย จึงสั่งให้ทหารองครักษ์ไปเฝ้าที่นอกจวนสกุลหลินตอนที่เกิดเรื่องในจวนสกุลหลิน ทหารองครัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

DMCA.com Protection Status