แชร์

บทที่ 246

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-08-02 18:00:00
จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองเฟิ่งชูอิ่งแวบหนึ่ง เขาไม่สนว่านางจะยินยอมหรือไม่ เขาไม่มีทางปล่อยนางออกไปจากเมืองหลวงแน่

ต่อให้นางตาย ก็ต้องตายอยู่ข้างกายเขาเท่านั้น!

เฟิ่งชูอิ่งไม่รับรู้ถึงความคิดของจิ่งโม่เยี่ย หากนางรู้ล่ะก็ คาดว่านางคงจะหลบหนีออกมาจากเมืองหลวงกลางดึก โดยไม่เสียเวลาคลายคำสาปให้เขาด้วยซ้ำ

จิ่งโม่เยี่ยหยิบหยกพกออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นให้นาง “เอาไปสิ”

เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยด้วยความงุนงง “อะไร?”

จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยอย่างเฉยเมย “ของแทนใจ”

เฟิ่งชูอิ่ง “......”

นางก็แค่หาข้ออ้างหลอกล่อหลินหว่านถิงเท่านั้น นางยังไม่คิดเป็นจริงเป็นจังเลย เขาก็ไม่ควรจะคิดเป็นจริงเป็นจังสิ!

นางรีบเอ่ย “ไม่ต้อง....”

จิ่งโม่เยี่ยปรายตามองนางนิ่งๆ นางจึงรับหยกพกจากเขาอย่างจำใจ “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”

จิ่งโม่เยี่ยยังคงจ้องมองนางด้วยสายตาเยือกเย็นต่อไป นัยน์ตาปราศจากระลอกคลื่น

นางเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก “ท่านอ๋องจ้องข้าแบบนี้ ข้าทำอะไรผิดตรงไหนหรือเพคะ?”

จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยเสียงเรียบ “ของแทนใจมีไว้แลกเปลี่ยนกัน ข้ามอบของแทนใจให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่คิดจะมอบของแทนใจคืนบ้างหรือ?”

เฟิ่งชูอิ่ง “......”

มอบคืน?

นางก้มมองหยกพกที่เขายื่นมา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Oun Ict
ชอบนะสนุกดีอีกกี่ตอนจบ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 247

    กว่าพวกเขาจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง บ่าวหญิงแซ่จูก็ทำร้ายคนไปมากมายแล้วฮว๋าซื่อได้ยินว่าบ่าวหญิงแซ่จูเกิดเป็นบ้าหลังออกมาจากห้องของเฟิ่งชูอิ่ง นางจึงสังหรณ์ใจไม่ดีแบบแปลกๆนางคิดว่าการที่บ่าวหญิงแซ่จูคุ้มคลั่งจะต้องเกี่ยวข้องกับห้องของเฟิ่งชูอิ่ง แต่นางไม่กล้าบอกเรื่องนี้ต่อหน้าหลินชูเจิ้งเพราะนางสั่งให้คนนำของชิ้นนั้นไปวางไว้ในห้องเฟิ่งชูอิ่งเองจวนสกุลหลินเกิดเรื่องติดต่อกันไม่เว้นวัน ทำเอาหลินชูเจิ้งปวดหัวอย่างมากหากยังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ตำแหน่งหัวหน้าเลขากรมคลังของเขาต้องหลุดมือไปแน่เขาคิดว่าพักหลังมานี้ฮวงจุ้ยของจวนสกุลหลินเหมือนจะเปลี่ยนไป สถานการณ์หลายอย่างดูผิดปกติมากเกินไปตอนที่เฟิ่งชูอิ่งกับจิ่งโม่เยี่ยมาถึงจวน พวกเขาได้ยินเสียงหลินชูเจิ้งด่าฮว๋าซื่อพอดีนางตั้งใจจะหาเรื่องปวดหัวเพิ่มให้หลินชูเจิ้ง จึงเอ่ยว่า “ท่านลุง แย่แล้วเจ้าค่ะ ห้องของข้าถูกโจรบุกเข้าไปอีกแล้ว!”หลินชูเจิ้งตวาดกลับอย่างไม่พอใจ “ห้องของเจ้าก็แค่ถูกโจรปล้น มันจะสำคัญเท่ากับชีวิตคนได้อย่างไร....”แต่พอเขาหันไปเห็นดวงตาดอกทอที่ดำสนิทของจิ่งโม่เยี่ย เขาก็เปลี่ยนคำพูดทันที “มีของอะไรหายไปบ้างล่ะ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-03
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 248

    สีหน้าของเขามืดครึ้มอย่างมาก หันไปประสานมือตอบจิ่งโม่เยี่ย “ท่านอ๋องโปรดวางใจ ข้าจะสอบสวนเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด!”จิ่งโม่เยี่ยเลิกคิ้วเบาๆ “คำพูดนี้รองเจ้ากรมหลินเคยพูดกับข้ามาครั้งหนึ่งแล้ว”หลินชูเจิ้ง “......”เขารู้สึกเหมือนมีฝ่ามือตบหน้าตนเองอย่างแรง จนเขาอับอายอย่างมากเขาประสานมือแล้วเอ่ยกับจิ่งโม่เยี่ย “วันนี้ทำให้ท่านอ๋องต้องหัวเราะเยาะแล้ว”จิ่งโม่เยี่ยตอบ “มันก็น่าหัวเราะเยาะจริงๆ นั่นแหละ”หลินชูเจิ้งไม่สามารถฝืนฉีกยิ้มได้อีกต่อไปหลังจากจิ่งโม่เยี่ยออกไป หลินชูเจิ้งก็ลากฮว๋าซื่อเข้าไปในห้องสองสามีภรรยาพูดคุยอะไรกันนั้น ไม่มีใครล่วงรู้ได้เช้าวันถัดมา หลินชูเจิ้งก็เขียนจดหมายปิดผนึกฉบับหนึ่งส่งไปที่จวนสกุลฮว๋า คนจากจวนสกุลฮว๋าก็พากันยกขโยงมาอีกครั้งครั้งนี้พวกเขาใช้เวลาปรึกษาหารือกันนานกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก แต่พอพวกเขาจากไปแล้ว ฮว๋าซื่อก็ไม่ถูกหย่าขาดเหมือนเดิมผู้ดูแลโจวมารายงานเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้นางทราบ นางถึงกับเผลอเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจผู้ดูแลโจวกระซิบว่า “คุณหนู เมื่อวานนี้ฮว๋าซื่อเชิญนักพรตมาคนหนึ่ง เขาคือคนเดียวกันกับที่ข้าเคยเชิญมาขับไล่วิญญาณร้ายขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-04
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 249

    นางเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้ากลับไปตั้งใจทำงานเถอะ ขอแค่เจ้าไม่ทำเรื่องต่ำช้าซ้ำอีก ต่อจากนี้ไปหมั่นทำบุญกุศลเพิ่มแต้มความดีให้ตัวเอง เจ้าก็จะมีชีวิตยืนยาวได้เหมือนคนทั่วไป”ผู้ดูแลโจวได้ยินเช่นนั้นก็พลันสบายใจขึ้นมา รีบเอ่ยว่า “คุณหนูโปรดวางใจ หลังจากนี้ข้าจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง”เฟิ่งชูอิ่งสั่งงานเขาว่า “เจ้าไปสืบเรื่องของอารามเทียนอี้มาหน่อย ขอแบบละเอียดๆ เลย“ถ้าเจ้าสืบข้อมูลที่น่าพอใจ ข้าจะช่วยสวดส่งวิญญาณร้ายตัวนั้นไปสู่ภพภูมิที่ดีเอง”ผู้ดูแลโจวได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจจนออกนอกหน้า “คุณหนูโปรดวางใจ ข้าจะสืบเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับอารามเทียนอี้มาให้ท่านเอง”หลังจากเขาออกไปได้ไม่นาน หลินชูเจิ้งก็มาหานางหลินชูเจิ้งมอบเครื่องประดับผมให้เฟิ่งชูอิ่งชุดหนึ่ง “ข้าลองถามฮว๋าซื่อแล้ว นางไม่เคยเห็นเครื่องประดับผมที่ไทเฮาพระราชทานให้เจ้า“ครั้งนี้นางดูแลจวนได้ไม่รอบคอบมากพอ ดังนั้นก็เลยมีขโมยลักลอบเข้ามาในจวนได้ ขโมยเครื่องประดับศีรษะชุดนั้นไป“เพื่อเป็นการชดเชยความผิดของนาง นางยินดีจะมอบเครื่องประดับชุดนี้ให้เจ้า”เฟิ่งชูอิ่งเห็นว่าเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำจากทอง ดูแล้วน่าจะมีมูลค่าอยู่ไม่น้อย สามารถ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-05
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 250

    เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้สังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจิ่งโม่เยี่ย ในสมองของนางคิดเพียงว่าจะคลายคำสาปให้จิ่งโม่เยี่ยอย่างไรครั้งก่อนนางประจักษ์แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพระสนมสวี่ฝีมือเป็นอย่างไร หากเผชิญหน้ากับคนผู้นั้นตรงๆ ด้วยความสามารถของร่างในปัจจุบันนี้ คาดว่าคงจะต่อกรด้วยไม่ไหวในเมื่อเป็นอย่างนั้น ก็จะต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกันซึ่งหน้าให้ได้มากที่สุดหากจะคลายคำสาปของจิ่งโม่เยี่ยได้ การปะทะกันอ้อมๆ มีโอกาสทำลายคำสาปได้มากกว่านางชักจะแอบกังวลตอนที่นางกำลังกังวลก็รู้สึกหนาวแบบแปลกๆ พอนางหันหน้าไปมองจึงเห็นว่าจิ่งโม่เยี่ยกำลังปรายหางตามองนางอยู่ ทำเอานางตกใจจนสะดุ้งนางอดเอ่ยถามไม่ได้ “ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปเพคะ?”จิ่งโม่เยี่ยมองนางอย่างเย็นชา แต่ไม่ยอมพูดอะไรเฟิ่งชูอิ่งกลับเข้าใจได้ทันที “วันนี้ท่านอ๋องต้องพบหน้าพระสนมสวี่ ดังนั้นก็เลยอารมณ์ไม่ดีสินะเพคะ?“ท่านอ๋องเปิดใจให้กว้างสิเพคะ ท่านมองนางเหมือนอุจจาระก้อนหนึ่ง หรืออุจจาระรูปพีระมิด เดี๋ยวก็มีความสุขขึ้นเอง”นางกล่าวจบก็นึกถึงภาพเหล่านั้นในหัว ก่อนจะอดไม่ได้หลุดขำออกมาจิ่งโม่เยี่ยถามว่า “เจ้ามักจะมองคนที่เจ้าเกลียดขี้หน้าแบบนี้หรือ?”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 251

    เนื่องจากในรถม้ามีพื้นที่ว่างอยู่ นางจึงเขียนยันต์เพิ่มอีกสักหน่อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝัน นางจึงขนกระดาษยันต์ทั้งหมดกับพู่กันวาดยันต์ติดตัวมาด้วย เผื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นนางจะได้รับมือได้เดิมทีจิ่งโม่เยี่ยก็อารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว พอหันไปเห็นนางก้มหน้าก้มตาเขียนยันต์โดยไม่สนใจตนเองสักนิด ก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่เฟิ่งชูอิ่งเอียงศีรษะกลับไปมองจึงเห็นว่าใบหน้าของเขามืดครึ้มยิ่งกว่าเดิมอีก นางจึงขยับไปอยู่ตรงมุมและพยายามหดตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ทว่าสายตาของจิ่งโม่เยี่ยจับจ้องอยู่ที่นางตลอดเวลา ไม่ว่านางจะพยายามทำตัวเล็กสักแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์นางถูกเขามองจนรู้สึกอึดอัด จึงยกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้นสูงๆ แล้วมุดศีรษะเข้าไปข้างใน ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเขียนยันต์ต่ออือ พอหางตาของนางมองไม่เห็นเขาแล้ว นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากทีเดียวจิ่งโม่เยี่ย “......”ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงตำหนักของพระสนมสวี่พระสนมสวี่เป็นพระชายาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เพื่อปิดหูปิดตาผู้อื่น นางจึงไม่ได้พำนักอยู่ในวังหลวงและย้ายออกไปพักอยู่ที่คฤหาสน์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับวังหลวงมากคฤหาสน์แห่งนั้นไม่นับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 252

    เฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำว่าเทียนซือก็เผลอชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ขอถามสักหน่อย ท่านนักพรตคือเทียนซือของอารามเทียนอี้อย่างนั้นหรือ?”เทียนซือตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เทียนซือก็เป็นแค่คำเรียกขานของพวกอนุชนรุ่นหลังเท่านั้นเอง”กล่าวเช่นนี้เท่ากับยอมรับว่าเขาเป็นเทียนซือของอารามเทียนอี้จริงๆก่อนหน้านี้เฟิ่งชูอิ่งเพิ่งจะได้ยินเรื่องเทียนซือของอารามเทียนอี้มาจากผู้ดูแลโจว คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้พบอีกฝ่ายที่ตำหนักพระสนมสวี่นางจึงกล่าวว่า “เทียนซือดูแล้วเหมือนผู้มีบารมีสูงส่ง คาดว่าคงจะเชี่ยวชาญในวิชาเต๋าอย่างมาก“ช่วงก่อนหน้านี้ท่านอ๋องไม่ทันระวังจึงโดนสิ่งชั่วร้ายเล่นงาน พักหลังมานี้ดวงชะตาของเขาจึงย่ำแย่อย่างมาก“เทียนซือได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมงานวันเกิดของพระสนมสวี่ แสดงว่าเป็นคนคุ้นเคยกันดี“เทียนซือพอจะช่วยปัดเป่าสิ่งอัปมงคลให้ท่านอ๋องได้หรือไม่?”นางพูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาอย่างมาก ราวกับไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมดวงชะตาของจิ่งโม่เยี่ยถึงได้ตกต่ำขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งที่เป็นเช่นนี้ดูคล้ายเด็กสาวไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลก อีกทั้งยังเป็นห่วงเป็นใยจิ่งโม่เยี่ยจากใจก่อนหน้านี้เทียนซือเคย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 253

    จิ่งโม่เยี่ยหันไปถามนาง “เจ้าดูไม่ออกจริงๆ หรือ?”เฟิ่งชูอิ่งพลันนึกบางอย่างออก นางหันมองเขาตาโต “คงไม่ใช่แบบที่ข้าคิดกระมัง?”จิ่งโม่เยี่ยยกมุมปากเป็นรอยยิ้มจางๆ “ก็น่าจะเป็นแบบที่เจ้าคิดนั่นแหละ”เฟิ่งชูอิ่งทนไม่ไหวหลุดอุทานหยาบคายออกมา ก่อนถามว่า “ท่านอ๋องทราบได้อย่างไรเพคะ?”บนโลกนี้มีคำสาปอยู่หลายประเภทมาก หนึ่งในนั้นเป็นวิชาทับซ้อนคำสาปชนิดนี้หากมองผิวเผินจะดูเหมือนกับคำสาปธรรมดาทั่วไป แต่มันกลับสามารถโอนย้ายความโชคร้ายและความเจ็บป่วยของผู้ใช้คำสาปทั้งหมด ไปยังตัวผู้ที่โดนคำสาปได้หรือก็คือ หากเทียนซือถูกคนฟันหนึ่งแผล เขาจะไม่เป็นอะไร ส่วนแผลจากการถูกฟันจะปรากฏขึ้นบนร่างของจิ่งโม่เยี่ยแทนหากเทียนซือเกิดป่วยขึ้นมา ตัวเขาก็จะไม่มีอาการเจ็บไข้ใดใด ทว่าโรคภัยไข้เจ็บเหล่านั้นจะเกิดขึ้นกับจิ่งโม่เยี่ยแทนในทางตรงกันข้าม ไม่ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะบาดเจ็บหรือป่วยไข้ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเทียนซือแม้แต่นิดเดียวจิ่งโม่เยี่ยเพียงปรายตามองเฟิ่งชูอิ่งแวบหนึ่ง ทั้งที่เขาไม่ได้ตอบคำถามของนาง แต่นางกลับเข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อได้ในพริบตาครั้งก่อนที่จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าคนที่ได้ประโยชน์จากคำสาปขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 254

    นางกำลังจะขยับเข้าไปบอกให้เขาฟังอีกรอบ แต่กลับมีนางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามา “ท่านอ๋องฉู๋ แม่นางเฟิ่ง พระสนมสวี่รอพวกท่านอยู่นานแล้วเพคะ”เมื่อการดีดลูกคิดรางแก้ว[footnoteRef:1]ของจิ่งโม่เยี่ยถูกขัดขวาง เขาจึงปรายตามองนางกำนัลคนนั้นอย่างเย็นชา [1: การคิดคำนวณที่ทำให้ตนเองได้ประโยชน์สูงสุด] เฟิ่งชูอิ่งกลับรู้สึกท้อใจเล็กน้อย จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ฟังสิ่งที่นางพูด คาดว่าคงจะร่วมมือทำตามแผนการของนางไม่ได้แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ คงต้องใช้วิธีการอื่นรับมือไปก่อนนางครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะหยิบของบางอย่างออกมาแล้วยัดใส่ในสายรัดเอวของจิ่งโม่เยี่ยจิ่งโม่เยี่ยหันมองนางเล็กน้อย นางจึงส่งยิ้มบางๆ ให้เขา เป็นรอยยิ้มที่อ่อนหวานน่ารักอย่างมากถึงเขาจะรู้ว่ารอยยิ้มของนางเป็นของปลอม แต่เขากลับมองว่ามันลื่นหูลื่นตามิเบา สีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดพลันอ่อนโยนลงสามส่วนพระสนมสวี่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมองเห็นท่าทางของทั้งสองคน ภายในแววตาของนางพลันดุร้ายขึ้นมาหลายส่วนก่อนหน้านี้นางไม่คิดจะเก็บเฟิ่งชูอิ่งมาใส่ใจ ทว่าตอนนี้พอได้เห็นทั้งสองเคียงคู่กัน กลับรู้สึกว่าทั้งสองคนเหมาะสมกันมากเสียอย่างนั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-08-06

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

DMCA.com Protection Status