คุณครูสาวเป็นลูกเสี้ยว มีเชื้อสายห่าง ๆ ของชาวยุโรป ผิวขาวสะอาดของเธอไร้ฝ้ากระมากมายอย่างฝรั่งทั่วไป แต่ก็ดูเป็นลูกครึ่ง ออกไปทางต่างชาติฝั่งสแกนดิเนเวีย สมกับที่หลายคนเรียกเธอว่าครูแหม่มผู้คนละแวกนี้ก็แปลก ในโรงเรียนเรียกครูผู้หญิงว่า ‘มิส’ ครูผู้ชายว่า ‘มาสเซอร์’ แต่เป็นเพราะว่ามิสแหม่มสอนภาษาไทย จะเรียกมิสแหม่มก็เบิ้ลความฝรั่งเข้าไปอีก ไม่เข้ากับความเป็นไทย ต่างคนเลยชอบเรียกเธอว่าครูแหม่มเสียมากกว่าค่ำคืนนี้คุณครูแหม่มสวมชุดกระโปรงยาวถึงตาตุ่ม เดรสรัดรูปสมส่วนเอวคอดบาง แขนตุ๊กตาพอง ๆ พาดไปข้างขวา ทบกันแล้วผูกเป็นโบว์อันใหญ่บนไหล่มน เผยให้เห็นผิวขาวละเอียดบริเวณเนินอกกลมกลึงสำหรับอคินแล้วคุณครูดูสะสวยราวกับเจ้าหญิงในนิทาน ราวกับว่าเธอหลุดออกมาจากโลกแห่งความฝันของเขา“ขอบคุณที่มาร่วมงานนะคะ คุณอคิน”“เอ่อ ครับครู... ซองครับ” มือส่งซองจดหมายสีขาวให้ตามมารยาทที่จะต้องใส่ แน่ล่ะว่าเขาควรได้รับการเชิญชวน ด้วยความที่ทางบ้านมีฐานะจนเป็นที่รู้จักในละแวกนั้น เขายังรู้จักกับมาสเซอร์หนุ่มแม้ไม่สนิทสนมกันอคินถือโอกาสนี้ ชักชวนคุณแม่มาร่วมแสดงความยินดีกับครอบครัวของพวกเขา“แม่ครับ... นี่ครูแ
อัณณิกายอมตามชายหนุ่มไป ไม่ใช่ว่าเธออยากกินหูฉลาม เธอฉลาดพอมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรแต่พ่อคุณทำอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ขับรถพาเธอมาเลี้ยงหูฉลามชามโตรอบดึกในภัตตาคารหรูย่านเยาวราช สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ จ้องหน้าเธออย่างไม่ลดละ พอเธอทานมันไม่หมด ขอแพ๊คกลับบ้านอย่างไม่อายเขาก็ไม่ได้ว่าคุณครูสาวไม่มีพฤติกรรมกินทิ้งกินขว้าง ปกติแล้วเธอจะห่ออาหารที่รับประทานเหลือเยอะ ๆ กลับบ้านไปฝากหมาแมว ฝากคนที่บ้านหรือเก็บไว้กินต่ออีกมื้อ หากไม่ใช่เล็กน้อยหย่อมเดียวที่สมควรพอจะทิ้ง เธอคงไม่เสียดายนับว่าทำตัวลำบาก...เธอกลัวว่าเขาจะไม่ถูกใจ ได้ยินมาว่าคุณอคินเลือกทำงานกึ่งรัฐวิสาหกิจ เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาดูแลหนังสือหลายแห่ง ไม่รวมแห่งนี้ซึ่งคุณพ่อของเขาเป็นเจ้าของ ด้วยความเป็นคนไม่ทะเยอทะยาน ไม่ฟุ้งเฟ้อ แม้ว่าบ้านของเขาจะมีฐานะร่ำรวย คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เขากลับทำตัวติดดิน ที่เห็นขับรถหรู ก็เป็นรถยนต์ที่คุณแม่ซื้อให้เป็นของขวัญอัณณิกาคิดว่าการทำตัวประหยัดน่าจะดี คุณอคินยังบอกว่าเธอน่ารัก รู้จักใช้เงินอย่างฉลาด เขาเองก็ไม่ใช่คนกินทิ้งกินขว้างตามที่แม่สอนมาตั้งแต่เล็ก ๆหญิงสาวกลับบ้านพร้อมความโล่งใจ เช้
อัณณิกาชักชวนชายหนุ่มไปเต็นท์ปิ้งย่างเกาหลีในเวลาเลิกงาน หลังตกลงกันว่าเป็นเพื่อนรับประทานอาหาร เพื่อนปรึกษาเรื่องหนังสือ ขีดเส้นกลางระหว่างกันว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมิตรภาพที่ดีหลายวันก่อนก็ไปกินข้าวต้มรอบดึก ชวนกันไปกินก๋วยจั๊บญวณย่านถนนพระอาทิตย์เธอชอบพูดคุยกับเขา เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ บทสนทนาของเธอและเขามีความรู้ มีเหตุผลอย่างคนมีวุฒิภาวะ อคินก็สมกับเป็นนายบรรณารักษ์ผู้อ่านหนังสือมากมายหลายประเภท เขายังเล่าเรื่องหนังสือแต่ละเล่มให้เธอฟัง พูดคุยกับเธอได้อย่างถูกคอในเรื่องของหนังสือวันนี้สองหนุ่มสาวไม่รู้จะไปที่ไหนดี เลยมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ ไม่ไกลจากหอสมุดมากนัก“ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยครับ ผมไม่มีความคิดอกุศลกับครูแน่นอน ผมไว้ใจได้นะครูแหม่มไม่ต้องห่วง”ชายหนุ่มสารภาพกับคุณครูสาวว่าความรู้สึกของเขาเป็นความบริสุทธิ์ใจ หากว่าจะออกไปทานข้าวด้วยกันรอบดึกอีกซึ่งเขาก็ไปส่งเธอถึงที่พัก ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือคอนโดมิเนียม โดยไม่มีเรื่องเกินเลย ไม่เคยแม้กระทั่งจับมือกันด้วยซ้ำ“อ่อ ค่ะ... แต่ช่วยเรียกแหม่มเฉย ๆ ได้ไหมคะ แหม่มไม่ได้เป็นครูของคุณอคินซะหน่อย”“ผมชินปากน่ะครับ คนที่ห้องสม
ชีวิตอันสงบสุขของอคินไม่พบเรื่องประหลาดบ่อยนัก หากไม่นับการอ่านหนังสือแปลก ๆแต่เขาเพิ่งเห็นพี่ชายที่เพิ่งแต่งงานหมาด ๆ ไม่ยอมละวางชีวิตส่วนตัว ความสนิทสนมผูกพันที่มีกับน้องสาวฝาแฝด สองพี่น้องทะเลาะกันยังกับว่าเป็นคนรัก เค้า ๆ ตัวเอง ๆ อย่างโน้นอย่างนี้เมื่อช่วงเช้า ตอนครูสาวแวะมาคืนหนังสือที่ห้องสมุดมีคำหนึ่งที่ทำเอาสะอึก เมื่อไปได้ยินเข้าโดยบังเอิญจากปากมาสเซอร์หนุ่ม‘ทำไมบนโลกนี้ถึงไม่มีแฝดแท้เป็นชายหญิงรู้ไหม? มันผิดธรรมชาติไง...’เรื่องราวเหล่านี้แอบแฝงอยู่ทั่วทุกมุมโลก เพียงแต่ไม่มีการตีแผ่ออกมาจะอย่างไรก็ตาม อคินคงไม่คิดว่าฝาแฝดคู่นี้จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปกว่าพี่น้องจริง ๆหลังจากที่ไปส่งเธอถึงคอนโดมิเนียมคืนนั้นก็ไม่ได้พบกันอีก ครูแหม่มยุ่งอยู่กับการทำงาน ส่วนตัวเขาได้รับสายจากเธออีกครั้งในอาทิตย์ถัดมาแน่นอนว่านายอคินต้องรีบบึ่งรถไปรับเธอถึงโรงเรียน ไม่อีดออดเกรงกลัวพี่ชายที่ส่งรังสีขู่ฆ่า ทำปากขมุบขมิบว่า ‘น้องสาวกู’ มองผ่านกระจกรถยนต์ก็เห็นแต่เพราะว่าภรรยาอยู่ด้วย พี่ชายฝาแฝดจำต้องปล่อยน้องสาวไปกับบรรณารักษ์หนุ่มหญิงสาวรีบขึ้นรถยนต์ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ยกมือไหว้ปลก
อคินไม่เคยจูบใคร เธอเป็นคนแรกที่มอบความรู้สึกเช่นนี้ แถมทำให้เขาเกิดความชอบพอในตัวเธอมากยิ่งขึ้นไปอีกเขาเริ่มหลงใหลริมฝีปากเล็ก ๆ ปลายลิ้นอ่อนนุ่มไม่ประสีประสา เหมือนจูบไม่เป็น จึงเฝ้าขบเม้มเลาะเล็มริมฝีปากทั้งบนล่างอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกความในใจที่ซ่อนเร้นมาเนิ่นนานประกาศออกมาในจุมพิตเสน่หา ดูดดื่ม ตรึงใจ แต่ทั้งที่หญิงสาวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน สัญชาตญาณดิบเถื่อนในกายชายทำให้เขาเป็นผู้ชักนำ โดยไม่ต้องได้รับการบอกสอนเนิ่นนานนับหลายสิบนาทีจนไม่ไหวนั่นแหละ ถึงได้ยอมปล่อยคนตัวเล็ก ขณะรสชาติหวานหอมของไวน์แดงยังติดอยู่ทั่วทั้งโพรงปากและปลายลิ้น ชายหนุ่มยิ้มอ่อนมองริมฝีปากแดงฉ่ำเพราะพิษจูบด้วยแววตาอ่อนโยนลง“ผมเอาเปรียบแหม่มไม่ได้ครับ แหม่มไม่มีสติเต็มร้อยหรอก นอนเถอะ...”“ไม่เมาค่ะ กินไปแค่นิดเดียวเอง คุณอคินอยู่เป็นเพื่อนแหม่มนะคะ”ไม่มีคนเมาที่ไหนยอมรับหรอกว่าเมา ขอบตาบวมช้ำแทบดูไม่ออกว่ากำลังเสียใจหรือเป็นเพราะฤทธิ์สุราแน่ แต่เมื่อเธอซบลงบนอกของเขาอย่างย่ามใจ ปิดตาลงผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ เหมือนกับว่าหลับไปเสียเฉย ๆ อคินโอบเอวบางไว้ ทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างระวังไม่ให้คนในอ้อมแขนตื่น--------
อคินตั้งใจจะถามเธอ แต่เขากลับไม่ถาม ไม่ออกความเห็นเลยสักอย่าง เรื่องปัญหาอย่างหนึ่งที่รู้มาพอสมควรคือพี่ชายฝาแฝดติดน้องสาวเอามาก ๆ จนไม่ยอมไปมีชีวิตของตนเอง เหมือนร่างกายเป็นครึ่งหนึ่งของกันและกัน สนิทสนมกันเหมือนเพื่อนซี้สุด ๆ ไม่อยากไปมีครอบครัวการฮันนีมูนก็อาจเป็นแผนการอย่างหนึ่ง คงทำให้สองสามีภรรยาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเขาขับรถไปเรื่อย ๆ สนทนาเรื่องสัพเพเหระอย่างที่เคยพูดคุยกัน โดยไม่พูดถึงพี่ชายของเธอ กระทั่งมาถึงคอนโดมิเนียมหรูติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาบรรยากาศร่มรื่น อยู่ในลิฟต์ตามลำพัง เป็นหญิงสาวพูดขึ้นมาเสียเอง“คุณพ่อคุณแม่คงอยากอุ้มหลานมั้งคะ”“อื้ม... แม่ผมก็ชอบพูดอย่างนั้นนะ แม่อยากอุ้มหลานซะที”“คุณแม่คุณอคินดูใจดีมากเลยนะคะ ใครได้เป็นลูกสะใภ้คงโชคดี คงได้มีหลานสักห้าคน สิบคน...”“สิบคนเลยหรือ?” หน้าตาตกใจของเขาเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่เธอจะถามสารทุกข์สุกดิบของคุณแม่ว่าสบายดีไหม คุณแม่ของเขาชอบทานอะไรเป็นพิเศษพอเป็นเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ อคินมักเล่าได้อย่างคล่องปาก อัณณิกาตั้งใจเป็นผู้ฟังที่ดีกับเขาบ้าง หลังจากที่เป็นผู้เล่าที่ดีมาโดยตลอดประตูไม้ลวดลายโมเดิร์นปิดล็อกด้
อัณณิกาแทบจะพลีกายให้เขาแล้ว แต่ถ้าเขาไม่เอาเธอก็คงไม่เสนอหน้ามาให้เขาเห็นอีก เธอยื่นคำขาดกับเขาว่าเธอจะไปจากเขา เธอไม่ขอเป็นเพื่อนอีกต่อไป ขณะที่เขาไม่ได้ฟังเธอเลย...แววตาคู่คมเบิกกว้างตะลึง จับจ้องปลายยอดปทุมถันสีชมพูหวานด้วยความรู้สึกหิวกระหาย ลำคอแห้งผากโดยไร้เหตุผล หลังจากที่เดรสสีชมพูหวานถูกดึงออกไป เหมือนเธอไม่สนใจมันเลยว่ามันจะขาด บราเซียร์ลูกไม้สีขาวสะอาดกองอยู่บนพื้นปาเก้เย็นเฉียบ อัณณิกาเหลือแค่แพนตี้ตัวจิ๋วตัวเดียวสวย... ครูแหม่มสวยกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากอคินคิดว่าเขาอาจหวงแหนเธอขึ้นมา เขาจะต้องหวงเธอเป็นบ้าเป็นหลังแน่ ๆ หากก้าวผ่านคำว่ามิตรภาพไปเมื่อสองเต้าอวบงามประจักษ์แก่สายตา ใบหน้าแดงซ่านส่ายหนี ด้วยความเอียงอายกับการเปลื้องผ้าต่อหน้าผู้ชายที่เธอชอบพอ เรือนร่างกำยำรุ่มร้อนซ้อนแขนเข้าใต้แผ่นหลัง ประคองกอดแม่สาวเอวบางร่างน้อยไว้“แหม่มชอบคุณอคินค่ะ ชอบมาก แหม่มชอบคุณมานานแล้ว คุณให้แหม่มนะคะ...”“ผมควรเป็นคนขอไม่ใช่หรือ?”“ไม่ค่ะ ไม่ใช่คุณ...” เธอหลุบตามองเขา บอกผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่มีผ่านแววตาสวยใส ในห้องรับแขกเงียบเชียบ บนโซฟาคับแคบที่ต้องนอนเบียดเสียดกัน แสงไฟส
ครั้นจะบอกปรามเขาว่าห้ามทำเฉพาะเรื่องนี้ เธอรู้สึกไม่มั่นใจกับการออรัลเซ็กซ์เลย มันคงเป็นข้อยกเว้น ห้ามโดยเด็ดขาด! ยิ่งเขากลืนกินทุกสิ่งไปจากเธอ ไม่ต่างจากว่าเธอเป็นหยาดน้ำผึ้งรสชาติหวานกลมกล่อม มือหนาจับสะโพกที่ส่ายเร่า ร่างบางหดตัวเกร็งส่งเสียงกรีดร้องลั่น เขาบีบมือของเธอเอาไว้จนเกือบที่จะไม่ไหว หญิงสาวขอร้องอ้อนวอนเขาให้หยุด กลางทางที่ทอแสงสวยงามอยู่รำไร เพราะว่าเธออยากให้เขามีความสุขไปพร้อมกับเธอตาสบตา ไม่มีใครได้เอ่ยปากพูดอะไรอีก ไม่มีการขัดขืนดึงรั้งบนเตียงรุ่มร้อนเสน่หา หญิงสาวโผเข้าจูบเขา ผลักตัวขึ้นทาบทับแผงอกกว้างกำยำ กระซิบบอกถ้อยคำรักแสนหวานข้าง ๆ หู ขยับสะโพกเข้าหาท่อนแข็งขึงอุ่นร้อนที่รอคอยการปลดปล่อย ถึงแม้ว่าเธอจะสั่นกลัว แถมทำได้เท่านี้...“อ๊ะ!” มัน... ใหญ่! ริมฝีปากคู่งามเม้มปิดสนิทแน่น อัณณิกาคิดว่าความก้าวร้าวของเขาเป็นสิ่งที่เธอเกินรับไหว เธอต้องตายแน่ถ้ายัดมันเข้าไป ขณะที่ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง พอแม่สาวใจกล้าดันปอดแหกขึ้นมากลางทาง จึงสลับขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้นำ ผลักตัวเข้าไปในอึดใจเดียว นั่นทำให้คนตัวเล็กดิ้นพล่าน ตะเกียกตะกายกอดเขาเหมือนคนจมน้ำที่ใกล้ขาดใจ“
ถึงแม้ว่าเธอยอมมอบหัวใจให้เขาแล้วก็ตาม ไม่มีวันไหน ที่เขาจะรักเธอน้อยลงสักวันเรือนไทยยกสูงด้านในเป็นเวลาของผู้หลักผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน บ่าวสาวขอตัวออกมายืนสูดอากาศด้านนอก หญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโต อุ้มประคองเธอออกมาวางลงบนพื้นหญ้าด้านหน้าอย่างระวัง ถอดรองเท้าส้นเตี้ยให้ใส่เป็นรองเท้าแตะแทน ยังกำชับบอกว่าจะไม่ดีต่อลูกน้อยไม่ควรยืนนาน ๆสักพักหนึ่งเขามองเข้าไปในบ้าน แผ่นป้ายติดดอกไม้น่ารักด้านบน “ผมเคยมองป้ายแต่งงานของพวกเขา จินตนาการอยู่ว่าอาจเป็นชื่อของเรา”“เห็นค่ะ... ตาเยิ้มเชียว แหม่มเลยยอมไปกินหูฉลามด้วยไง แหม่มไม่ไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ท่าทางน่าสนุกจะตาย”“แล้วหูฉลามอร่อยไหม?”“คนพาไปอร่อยกว่า...”“อ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่รับรักคุณอคินนะครับ... ครูแหม่ม” เขายิ้ม มือโอบเอวบางเข้าแนบชิดสะโพก ก้มหน้าลงมองชุดไทยสีขาวคาดสไบทอง เครื่องประดับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามสาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหน้าหวานงามแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบาง ทว่าริมฝีปากสีแดงสดเข้ากับชุดสวย เธอระบายยิ้มอ่อน“แหม่มชอบคุณก่อน คอยเฝ้าไปถามหาหนังสือประหลาด ๆ ก็แค่ข้ออ้างของแหม่ม แหม่มจะเอาหนังสือภาษามือสำหรับเด็กไปทำอะไร
ใบหน้างามระรื่นอารมณ์ดี แค่เจอโทรศัพท์เครื่องเดียว หญิงสาวรีบเปิดตู้เสื้อผ้า สวมเดรสลายดอกไม้มีสม็อคเอวน่ารัก ออกจากห้องไปซื้อของเข้าบ้านมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อแฟนหนุ่มกลับบ้านมา จะได้มีขนมปังมีข้าวรองท้องเสียหน่อย“น่าหมั่นไส้ ตัวลืมเรื่องของเราแล้วสิ เราสนิทกันขนาดไหน” บ่นพลางอมลมไว้ในแก้มป่อง คนถือถุงพะรุงพะรังเดินตามหญิงสาวที่นำหน้าเข้าลิฟต์ไป ปลายนิ้วเรียวกดเลข 15 ก่อนจะหันไปบอกกับพี่ชายซึ่งอยู่กันตามลำพัง“คนเราต้องโตไหม มิกกี้... ไม่เอานะ ไม่คิดมาก”เธอยอมเป็นฝ่ายง้อพี่ชายฝาแฝดก่อนวันนี้ ส่งยิ้มหวานให้ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกุมมือหนา ชายหนุ่มไม่ถนัดมือที่จะกุมน้องสาวก็ย้ายของไปถือไว้อีกข้างทั้งหมด เพื่อสอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันเหมือนอย่างเคย“เค้ายังรักตัวเหมือนเดิมนะ ตัวเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นคนที่เกิดมาด้วยกัน เค้าจะเป็นแม่คนแล้วนะ ตัวต้องดีใจสิถึงจะถูก”“I love you too Anika...”แววตาซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหาอาทรสบประสานกัน สองพี่น้องได้ปรับความเข้าใจ บีบมือกันและกันแน่น ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกกว้าง พร้อมความรู้สึกใหม่ ๆ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม และแตกต่างไปในขณะเดียว----------
ว่าที่คุณพ่ออ่อนโยนกว่าที่เธอคิด เขาลิ้มชิมเรือนร่างอย่างนิ่มนวลกระทั่งเต้าตึงซึ่งขยายใหญ่กว่าเดิม แทรกกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนทว่าโอนอ่อนตาม บนโต๊ะกินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่เคย ไม้สีดำแข็งแรงทนทานสมราคาคุยของเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งถอยมาใหม่ เพราะตัวเก่ามันหัก!ผู้ชายตัวโตใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า...พ่อหนุ่มเอวดุจะกลายเป็นพ่อหนุ่มเอวหวาน สองขาเรียวที่โอบรัดรอบเอวสอบ ขยับเบา ๆ หมุนวนเป็นวงกลมแต่ทำให้เธอรู้สึกถึงความล้ำลึกอัณณิกาก็คงไม่ไหว ร่างกายส่ายเร่า ส่งเสียงครวญครางปานขาดใจ เพราะติดใจสามีคนใหม่คนเดิม“คุณอคิน อ๊าาย!” เสียงหวานหวีดร้อง สะโพกงามกระตุกเกร็งเมื่อเดินทางมาสุดทางฝัน เธอหายใจหอบโยนทว่าตะโบมจูบริมฝีปากหนาหยักได้รูปช่องทางรัดร้อนกระตุกเป็นจังหวะ เร็วแรง ทำให้เรือนกายกำยำรุ่มร้อนราคะกัดกรามแน่นเป็นสันนูนอคินฟุบหน้าลงบนไหล่มน ฝังกายแกร่งครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย ราวกับว่าเขาพร้อมละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้ทำได้เพียงตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่าออกมา ทันทีที่การบีดรัดคลายตัวลง สองขาเรียวไขว้กันเหนือแ
ภาพขาวดำซึ่งเจ้าตัวที่ขยับไปมา ถีบแขนถีบขาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี เลขด้านบนสุดของจอ 12w6d ประมาณสิบสองสัปดาห์หกวันสาววัยห้าสิบกว่าตะลึงงัน ประคองจับแท็บเล็ตด้วยมือทั้งสองข้าง หรี่ตามองดูให้ชัด ถึงแม้ว่าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วกว่า ใหญ่พอที่จะมองภาพได้อย่างชัดเจนคุณแม่ป้อมดูวิดีโอสั้น ๆ เรียงกันหลายตอนจบแล้วกลับหันมาจ้องลูกชายตาเขม็ง“ไม่ดีใจเหรอ?” ถามหน้าเหลอหลา ด้วยสายตาที่ดุดันก้าวร้าวของหญิงตรงหน้า ไม่ได้ตั้งตัวก็โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าบนต้นแขนเป็นล่ำสันเพราะว่าใกล้มือที่สุด ถึงลูกชายจะมีมัดกล้ามแข็งแรง คุณแม่ก็ไม่คณนามือจนเจ้าตัวต้องร้อง“โอ๊ยแม่! ตีผมทำไมอะ ผมตั้งใจมากเลยนะ เห็นแม่บ่นว่าอยากได้หลาน เมื่อไรลูกชายจะมีเมีย ผมตั้งใจกินแต่ของดี ๆ ขยันทำการบ้านมากเลยนะแม่”“หลานก็ส่วนหลาน แต่แก... มันน่านักนะ!” เสียงตะคอกว่าก่อนจะลดเสียงลงเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า หญิงสาวรีบเข้ามากอดแขน“คุณแม่คะ... หนูลืมกินยาเองค่ะ อย่าตีพี่เขาเลย”“ตกลง... ลืมหรอ?”หญิงสาวส่ายหน้า ขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาบอกว่าให้รับคำแก้ตัวของเธอหน่อย จะได้ไม่ถูกคุณแม่ตีจนแขนแดงไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพ
‘เอ๊ย! มิสแว่น ๆ’‘ลุกเร็วมึง!’‘ยังไม่เลิกเรียนมานั่งร้านกาแฟได้ไง!’เสียงหวานใสของครูสาวผมฟู แว่นหน้าเตอะ ดังก้องเข้ามาในหัว ขนาดว่าเธอตะโกนอย่างดุดันที่สุดแล้วกลับไร้ซึ่งความน่ากลัว จะว่าดุก็ยังไม่ได้เลยเด็กหนุ่มวิ่งหนีคุณครูสาว ตะโกนเรียกมิสแว่น ๆ อะไร ๆ ทำไม ๆ แก๊งเด็กแสบที่ถึงจะสวมกางเกงน้ำเงินแต่หน้าตาเอาเรื่องเอาราว เกินกว่าครูตัวเล็กนิดเดียวจะรับมือไหว คุณครูยังทำกาแฟหกใส่เสื้อหนุ่มในร้านกาแฟ ล้มหน้าคะมำ!อัณณิกาสารภาพความในใจว่าเธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับน้ำใจจากเขา ไม่ใช่เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในวันที่ไม่ได้ดูแลตัวเองจนดูสวยเท่านี้วันนั้นอคินไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องกาแฟ จับตัวเด็กแสบได้ สั่งสอนแทนคุณครู แต่ละคนเงยหน้ากันแทบไม่ขึ้น‘ไม่เป็นไรนะครับ ครู...’เขาพูดเท่านั้น คุณครูไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกับเขาเลย ทำให้จำครูแหม่มไม่ได้อคินไม่คิดว่าเธอยังคงเก็บของเล็กน้อยเอาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่คิดอะไรจนพบเธออีกครั้งหนึ่ง มายืมหนังสือ มาคืนหนังสือ เขาเห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น มาก ๆ เข้าก็เริ่มหลงใหลในความน่ารักอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า“แหม่ม... ดีใจจังค่ะ ขอบคุณที่ดูแลแหม่ม
งอนกันไปงอนกันมา วันต่อมาก็หายโกรธ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ซับซ้อน สามารถนั่งพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเมื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาพูดกับเธอเรื่องพี่ชายว่าเขาไม่ชอบ เธอก็จะพยายามวางตัวให้ดีกว่านี้เย็นนี้เธอมารอพบเขาหน้าห้องสมุด ใต้ร่มไม้ใหญ่บนม้านั่งหินตัวเดิม สวมเดรสสีขาวสะอาด เข้ารูปสมส่วน แต่งหน้าบาง ๆ เข้ากับลิปสติกสีชมพู“รอนานไหม?” เป็นคำถามแรกของคนที่ถือน้ำหวานชื่นใจติดมือมาพร้อมกับกระเป๋าหนัง มือส่งให้หญิงสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย เธอรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วพลาสติกใสมีหลอดมองดูเหมือนจะเป็นน้ำหวานทั่วไป“น้ำนมข้าวโพดหรือคะ?”“ครับ ซื้อมาตอนพักกลางวัน บำรุงแฟนหน่อย”คนได้ยินหยิบหลอดเข้าปากชิมน้ำอร่อยไปหนึ่งคำ รสชาติไม่หวานมาก ขณะร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีกรมท่านั่งลงข้างเธอ ตั้งใจจะนั่งคุยกับแฟนสักหน่อย“ช่วงนี้เลิกงานเร็วหรือครับ?”“ค่ะ เดือนนี้งานไม่ยุ่ง แต่ว่าเดือนหน้าเลิกช้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร ผมจะไปรอแหม่ม... เหมือนเดิม” ปลายเสียงย้ำชัด กระทั่งแววตาเอ็นดูเห็นเธอดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมถามถึงมาสเซอร์หนุ่ม “เย็นนี้มาสเซอร์มิกจะมาชวนดูหนังอีกหรือเปล่า?”“ไ
นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า ของป๋าสายเปย์ เหมือนเกทับเดรสลายดอกไม้ตัวสวยที่ตากอยู่บนราวตากผ้าริมระเบียง กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นฝีมือของพ่อบ้าน ซักตากเสื้อผ้าให้ในระหว่างเธอออกไปทำงาน แต่เป็นวันหยุดของเขาอัณณิกาสังเกตว่าเสื้อผ้าตัวไหนที่พี่ชายฝาแฝดซื้อให้มักหลบอยู่ในซอกมุม ถึงเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าพับวางอย่างเรียบร้อย ก็พับซ่อนเอาไว้ แขวนไว้ด้านในสุดเหมือนจงใจให้เธอไม่หยิบมันขึ้นมาสวมเธอไม่ได้ต่อว่าผู้ชายขี้หวงทั้งที่รู้ว่าเขาน่ะคิดอะไร เพราะเวลาที่มีสาว ๆ มาเจ๊าะแจ๊ะบรรณารักษ์หนุ่มฮ็อตเนิร์ด โดยเฉพาะนักศึกษาฝึกงาน เธอแอบหวงเขาอยู่เหมือนกันวันนี้เธอเลิกงานไวสักหน่อย เดินเลาะริมทางเท้าไปถึงแล้วก็นั่งรอบริเวณม้าหิน ใกล้กับลานจอดรถยนต์ มองเห็นประตูกระจกอัตโนมัติเปิดอ้ากว้าง และปิดลงพร้อมแอร์เย็นฉ่ำจากด้านใน ร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาลายทางเดินออกมาพบเธอด้วยสีหน้าคร่ำเครียด“ผมเลิกช้านิดนึงนะครับ หนังสือชำรุด... หลายเล่ม”“ไม่เป็นไร ๆ แหม่มรอได้ คุณอคินทำงานก่อนเลย” เธอโบกมือไปมาบอกให้เขาไปทำงาน ชายหนุ่มคะยั้นคะยอเธอให้เข้าไปนั่งข้างใน อัณณิการู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก เธอจำเป็นต้องปฏิเสธชายที
รอยยิ้มพริ้มพรายบนวงหน้าหล่อเหลายามก้มลงมองริมฝีปากงาม พูดจาเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้ว ทั้งเอ็นดูหลงใหลเมื่อใดที่อัณณิกาตั้งคำถามกับเขาจะตอบเธอมากขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่คนพูดเยอะ พักหลังมานี้เขาสามารถพูดจาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเธอ“เราสองคน... อาจเป็นเรื่องสั้นสักเล่ม อาจมีตอนจบที่ไม่ดี ก็ได้นะคะ”“ต้องดีสิ ทำไมจะไม่ดีล่ะ ผมกับแหม่มชอบอะไรเหมือนกัน แล้ว... เราชอบหนังสือเหมือนกัน ผมชอบอ่านนิยายเหมือนแหม่มเลยนะ”หนังสือเล่มบางในมือของอัณณิกาไม่ใช่เรื่องราวที่ดีนัก หญิงสาวหยิบผิดเล่มมาจากห้องสมุดของเขา เธออ่านมันแล้วมีสีหน้าเศร้าหมองเพราะตอนจบที่ไม่สมหวังของตัวละคร“แล้วแหม่มจะทำยังไงดี...” คิดเองเออเอง ตอบเอง! “ไม่รู้เหมือนกัน เป็นเรื่องอนาคต”ร่างบางในเดรสกระโปรงน่ารักนั่งลงในมุมหนึ่งของห้องสมุดในบ้านหลังใหญ่ เธอเอาหลังพิงกำแพงอย่างท้อแท้ ได้รับการปลอบใจจากแฟนหนุ่ม ที่เฝ้าติดตามเธอไม่ห่าง“นั่นสิ เป็นเรื่องอนาคต แล้วจะไปคิดเยอะแยะทำไม” ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ เธอ ระหว่างชั้นหนังสือสูงจรดเพดาน มองหาหนังสือเล่มใหม่ หวังว่าอีกคนจะอารมณ์ดีขึ้น“มีเ
Maiken หรือ Mike หวงน้องสาวยังกับอะไรดี ถึงวันนี้จะแต่งงานไปแล้ว นั่นเป็นสาเหตุให้หลายคนคิดด้วยว่าเรื่องที่พูดทั้งหมดคงมั่นใจไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง อาจไม่จริงเลยก็ได้“ตัวยังไม่รู้จักผู้ชายดีพอ ไม่มีใครหวังดีกับเรานอกจากมิกกี้ เค้าบอกตลอดไม่ให้ไว้ใจหนุ่ม ๆ จะมีดีสักกี่คน”“โธ่... มาสเซอร์มิก เค้าโตแล้วปะ” เธอโวยวายพี่ชาย ขีดเส้นสัมพันธ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ด้วยการเรียกเขาว่า ‘มาสเซอร์มิก’ เป็นความหมายนัย ๆ ว่าต่างคนต่างมีหน้าที่การงานแล้ว ควรมีอิสรภาพของตนเอง“มาสเซอร์มิก ขอเถอะ ๆ นะ”“พูดไม่รู้เรื่องนะ”“ตัวอะพูดไม่รู้เรื่อง”“ไปเหอะ ไปคุยกันสองคนดีกว่า” คนประท้วงรวบช้อนกินข้าวทั้งที่ยังไม่ได้กินเลยสักคำ คว้าข้อมือน้องสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “วันนี้อยู่นอนคุยกัน... เค้าไปเที่ยวมา มีเรื่องเล่าให้ฟังตั้งเยอะแยะ”“ได้ไงเล่า ตัวไปนอนกับเมียตัวดิ”“ไม่”พี่ชายฝาแฝดยังคงดื้อรั้นหัวชนฝา แต่ไม่ทันจะได้พาน้องสาวไปจากห้องรับประทานอาหาร คุณพ่อคุณแม่เรียกให้รอผู้ใหญ่มาครบก่อนเขาก็ต้องอยู่ บอกด้วยว่าภรรยาของเขาจะมารับประทานอาหารค่ำด้วย และรอกลับบ้านด้วยกัน---------------------------------