พอขึ้นมาบนห้องฉันก็เริ่มต้นเปิดอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง ส่วนหนึ่งก็เพื่อตรวจสอบข่าวของคุณคามินทร์ในช่วงนี้ ข่าวของเขาไม่ได้ดังมากนักเมื่อเทียบกับข่าวดาราที่กำลังจะหย่าเพราะฝ่ายสามีนอกใจ นั่นทำให้ฉันได้ข้อมูลน้อยมากๆ เลยเปลี่ยนมาสำรวจสิ่งที่ตัวเองรู้มาแทนเอาละ เรื่องที่ฉันรู้มีอะไรบ้าง อย่างแรกเลยคือยัยเคท ฉันพยายามโทรหาหล่อนอยู่สองสามครั้งหวังว่าจะได้รับการติดต่อมาสักนิด แต่ก็ไม่มีเลย ตั้งแต่วันนั้นที่เราได้คุยกัน เธอก็หายไปเหมือนเดิมมันเป็นเธอจริงๆ เหรอเคที่ ถ้าใช่หรือไม่ใช่ก็ช่วยบอกฉันให้หายคาใจทีเถอะนอกจากนั้นก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง น้าแมทเองก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน แต่คุณภาคินทร์กลับไม่พูดถึงเขาเลย แสดงว่าคนที่รู้เรื่องคงมีแค่ฉันกับคุณคามินทร์อย่างนั้นสินะไม่แน่ว่าจริงๆ แล้วทุกอย่างอาจจะเกี่ยวข้องกัน วันนั้นเขาก็เปิดประตูเข้าห้องเคที่มาโดยไม่ได้มีคีย์การ์ดด้วยนี่ จริงๆ แล้วสองคนนี้อาจจะรู้จักกันก็ได้ หรือมีเรื่องใหญ่กว่านั้นที่ฉันต้องคิดถึงอีกนะแต่ฉันต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดีล่ะ ยัยเคทก็ติดต่อไม่ได้ด้วยไลน์!ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนข้อความในมือถือก็ดั
“เราเจอกันตอนนั้น ตอนที่เขามาส่งแกวันปฐมนิเทศ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะญ่า ฉันรู้ว่ามันผิด แต่เราก็เลิกกันมาได้สักพักแล้ว”ฉันควรจะตกใจเรื่องไหนก่อนดีนะ เรื่องที่เคทไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างที่คุณภาคินทร์กล่าวหา หรือเรื่องที่เธอกับอาแมทแอบลักลอบคบกัน...“งั้น...นักศึกษาที่น้าแมทเล่นชู้ด้วยจนน้าพาแท้ง ก็คือเธอเองสินะ”“ฮึก...ฉันไม่ได้ตั้งใจนะญ่า ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ”เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเธอดึงดูดสายตาของคนทั้งร้านให้หันมามองเป็นตาเดียว ฉันจึงลุกขึ้นแล้วดึงเพื่อนเข้ามากอดปลอบใจ ระหว่างนั้นก็มองไปรอบๆ เพราะรู้สึกเหมือนว่ามีใครมองพวกเราอยู่ แต่ก็ไม่เจอคนที่น่าสงสัยเลยสักคนเดียวคงคิดไปเองละมั้ง“ไม่ต้องร้องนะ อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ”“แกไม่โกรธฉันเหรอ?” เคทเงยหน้าขึ้นมาถามถามว่าฉันโกรธไหม ก็ต้องโกรธสิ ฉันไว้ใจเธอมาก ไม่คิดเลยว่าคนที่ทำร้ายจิตใจคนในครอบครัวฉันจะอยู่ใกล้ตัวถึงขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดัง น้าแมทเป็นผู้ชายเจ้าชู้ คงไม่แปลกที่ผู้หญิงอย่างเธอจะหวั่นไหว“ไม่หรอก ฉันเข้าใจ”เราปลอบกันอยู่สักพักหนึ่งฉันก็พาเคทออกมาที่นอกร้าน เธอดูเ
“ราล์ฟ ช่วยฉันด้วย ฉันคิดว่าฉัน...”[ตอนนี้อยู่ไหน ฉันสั่งให้เธออยู่บ้านไม่ใช่หรือไง]เสียงนี้มัน...คุณภาคินทร์งั้นเหรอ?ฉันรีบลดมือถือลงมาดูชื่อคนที่โทรเข้ามาในทันที แล้วชื่อนั้นก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมาจากอกคามินทร์ที่รัก กำลังโทรหาคุณ...เป็นเขาจริงเหรอ นี่ฉันไม่ได้ฝันหรือกำลังหลอนไปเองอย่างนั้นใช่ไหม“ได้ยังไงคะ” พอเอาสายแนบหูได้ฉันก็รีบถามเขาในทันที[สำคัญด้วยเหรอ ตอนนี้เธออยู่ไหน ที่บอกว่าอยู่คอนโดยัยเคทหมายความว่าไง โดนครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดอีกเหรอ?]“คือว่าฉัน...”เคร้ง!!เสียงที่ดังมาจากชั้นบนทำให้ฉันสะดุ้งโหยง เหมือนว่าเหล็กที่ฉันใช้ล็อกประตูจะถูกดันจนหล่นลงมา พร้อมกันนั้นก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ วิ่งตามลงมาเช่นกันซวยแล้วไง เกิดพวกนั้นมาเจอฉันเข้าล่ะบันไดหนีไฟอีกฝั่งไง วิ่งเร็วเข้าตติญา วิ่ง!!“คุณคามินทร์ ตอนนี้ฉันอยู่ชั้น 21 ค่ะ ถ้าฉันถูกจับได้แล้วตายไป อยากให้คุณรู้ว่าฉันได้หลักฐานทุกอย่างมาแล้ว คุณต้องมาเอาไปให้ได้นะคะ อื้อ!!!”อะไรน่ะ...ฉันยังวิ่งไปไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ จู่ๆ ประตูห้องๆ หนึ่งก็ได้เปิดออกก่อนที่จะมีมือหนึ่งพุ่งมาคว้าต
ฉันมองหน้าคุณคามินทร์ทันที คนข้างนอกมันไม่ปล่อยพวกเราเอาไว้แน่ๆ ไม่คิดเลยว่าจะรู้ตัวเร็วถึงขนาดนี้ นี่ฉันเข้ามาในห้องนี้ไม่ถึงห้านาทีเลยนะ!“เอายังไงดีคะ ถ้ามันเจอฉันต้องตายแน่ๆ”“คนอย่างแมททิวเนี่ยนะจะมีคนให้เรียกใช้อย่างกับเตรียมไว้แบบนี้ มันต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแน่ๆ”ในเวลาแบบนี้เขายังมีเวลามาวิเคราะห์สถานการณ์อีกเหรอ เรากำลังจะตายกันหมด อ๊ากกก ยิ่งฉันเห็นท่าทีเรียบนิ่งไม่ทุกข์ร้อนของเขาแล้ว ความลนลานมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก“ไม่รีบหาทางออกเหรอคะ เดี๋ยวก็ตายหรอก” ฉันพูดเตือนสติเขา แต่กลับถูกชายหนุ่มหันมามองตาเขียว“ก่อนจะมานี่ก็น่าจะรู้นะว่ามีโอกาสตาย”ใครมันจะไปรู้เรื่องอย่างนั้นว้า ให้ฉันถามหน่อยเถอะ ตอนที่ฉันกำลังหวาดกลัวจนถึงขีดสุด ว่าที่สามีของฉันไม่ปลอบใจก็ช่างมันเถอะ แต่ช่วยอย่าซ้ำเติมจะได้ไหมขอร้อง...ในขณะที่ฉันกำลังลนลานทำอะไรไม่ถูก จู่ๆ เขาก็พยักพเยิดไปยังตู้เสื้อผ้าซึ่งอยู่ในห้องข้างในสุด เชิงบอกว่าให้ฉันเข้าไปในนั้น“ซ่อนตัวก่อน ตรงนี้ฉันจะจัดการเอง”ว้าว เขาในตอนนี้เท่สุดๆ ไปเลย นี่มันฉากของพระเอกในหนังบู๊นี่นา ฉันลืมไปได้ยังไงนะว่าคนตรงหน้าคือมาเฟีย เรื่องแค่นี้
(ตติญา)เขากำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่นะ ทำไมไม่บอกฉันให้รู้บ้าง ไอ้พวกนี้ลากฉันออกมาจากตึกนั้น ท่ามกลางสายตาของลูกบ้านแทบทุกคนที่โผล่หน้าออกมามองว่านักโทษหลบหนีคนที่ว่านี้คือใคร ฉันอยากจะตะโกนออกไปเหลือเกินว่ามันไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้น แต่เหมือนว่าจากที่คนพวกนี้ประกาศออกไปคนอื่นก็ตัดสินฉันไปแล้วส่วนคุณคามินทร์ ฉันไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน ไม่รู้เลยว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร แต่ในนาทีนี้ฉันเชื่อใจมากพอว่าเขาจะต้องมาช่วยฉันได้แน่ๆ“เอามันไปที่โกดัง นายใหญ่ต้องการตัวมัน”“โกดังเหรอ ไม่นะ!!”ฉันเริ่มดีดดิ้นทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น พวกมันพาฉันมาที่รถกระบะเก่าๆ ที่จอดรออยู่เยื้องๆ กับตึก รอบข้างมันนั้นสนิมเขรอะเสียจนฉันไม่กล้าเข้าใกล้ กลัวว่าถ้าเผลอเอาผิวไปโดน สนิมมันจะบาดผิวฉันจนกลายเป็นบาดทะยักหรือเปล่า แต่นั่นก็ไม่ได้น่ากลัวเท่ากับที่ที่พวกมันจะพาฉันไปต่อจากนี้โกดังไหน ทำไมต้องโกดัง เราคุยกันที่นี่ไม่ได้เหรอ สถานการณ์อย่างนี้พวกมันจะเอาฉันไปฆ่าแน่ๆ เลยอ๊ากกก คุณคามินทร์จะลงมากี่โมง เขาจะพาคนมาช่วยฉันก่อนที่พวกมันจะพาฉันไปใช่ไหม“อย่าดิ้นสิวะ อยู่ดีๆ”ใครมันจะโง่อยู่นิ่งๆ ให้โดนจับเล่นว
‘ปกป้อง? ทั้งสองคนไหมล่ะ ยังไงก็ต้องมีคนหนึ่งโดน ไม่คนนั้น...ก็คนนี้’ฉันลบคำพูดของเคที่ออกไปจากหัวไม่ได้เลย ตลอดทางที่นั่งรถกลับมาที่คอนโด ฉันเอาแต่นั่งเงียบ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ตัวเลยว่ารถกำลังขับไปถึงไหน รู้ตัวอีกครั้งฉันก็เดินตามเขาขึ้นมาบนห้อง แล้วนั่งลงที่โซฟาด้วยอาการใจลอย“มาทำแผลก่อนนะ”เสียงของคุณคามินทร์ดังขึ้นพร้อมกับเขาที่นั่งลงบนพื้นพรมตรงหน้าฉัน กล่องอุปกรณ์ทำแผลที่เขาเอามาถูกเปิดออก ก่อนที่เขาจะจับเข่าของฉันดึงเข้าไปหาตัวทั้งอย่างนั้น“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”“ไม่เจ็บค่ะ ตอนโดนไม่รู้ตัวเลยว่าเจ็บ”เขาเงียบ เงียบมากๆ จนน่าตกใจ ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉยเหมือนอย่างทุกครั้งที่เราเจอกัน แต่ในครั้งนี้ในแววตามันเจือความไม่สบายใจจนฉันเองก็ยังจับสังเกตได้ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเพราะกลัวเขาจะไม่สบายใจมากกว่าเดิมฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดแบบเดียวกับที่ฉันคิดไหม แต่พอคิดถึงเรื่องที่ฉันพูดกับเคทลินออกไป ความกังวลพวกนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเขินจนใบหน้าเห่อร้อนไปหมด“อยู่กับฉันเธอเจ็บตัวไปสามร้อยรอบได้แล้วมั้ง คิดว่าแต่งงานไปก็คงจะเจ็บตัวหนักกว่าเดิมอีก”“โอ๊ย...”สำล
เช้าวันต่อมา ทุกอย่างกลายเป็นข่าวใหญ่อย่างที่คิด หลายวันก่อนทายาทคนรองของตระกูลคัลเลนถูกจับข้อหาค้ายา แต่วันนี้กลับตาลปัตรเป็นลูกชายของตระกูลคัลเลนเสียชีวิต ซ้ำยังมีหญิงสาวที่คาดว่าเป็นชู้รักของเขาถูกจับเข้าไปพร้อมกัน ข้อหานำเข้าและจัดจำหน่ายยาเสพติด ฟอกเงิน และวางยาผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมฉันยืนอยู่ข้างโต๊ะแถลงข่าวมองเพื่อนรักที่ถูกหิ้วเข้าคุกไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เธอไม่มองหน้าฉันเลยแม้แต่วินาทีเดียว เชิดหน้าเหมือนกับว่าเราไม่รู้จักกัน เดินผ่านตัวฉันไปราวกับธาตุอากาศทั้งเรื่องยาและเรื่องของน้าเขยคลี่คลายแล้ว ฉันเพิ่งสังเกตว่าคนในตระกูลคัลเลนดูไม่ได้เสียใจเลย แม้แต่พิธีศพเมื่อเช้าก็จัดอย่างเรียบง่าย ก่อนที่จะมาแถลงข่าวเพียงไม่กี่นาที คล้ายพวกเขารู้กันอยู่แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น ฉันได้ยินจากคุณน้ำหวานว่า เพราะช่วงนี้เกิดเรื่องมากมาย นอกจากน้าแมทจะยั่วยุให้เอแคลร์ทำร้ายแม่คนที่ชื่อน้องดาจนถึงแก่ชีวิตแล้วเขาก็ยังทำร้ายเธอที่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชจนโคม่า ตอนที่รู้ว่าเขาตายแล้ว ผู้เป็นแม่อย่างคุณย่าจึงไม่ได้เสียใจมากนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะท่านกำลังรู้สึกผิดที่เลี้ยงลูกมาไม่ด
ในที่สุด ความฝันของฉันก็ใกล้เป็นจริงแล้ว หลังจากที่เรื่องทุกอย่างเริ่มจะคลี่คลาย งานแต่งงานก็ได้เตรียมต่อ ส่วนฉันก็ไม่ลืมเข้ามาที่ห้องเสื้อ ซึ่งตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างพร้อมจะเปิดตัวเต็มทีแล้วช่วงนี้ฉันเข้ามาดูห้องเสื้อที่ตกแต่งใกล้เสร็จ ทั้งจักรเย็บผ้า ผ้าบางส่วนที่เลือกมาแล้วว่าต้องได้ใช้ หุ่นโชว์ เฟอร์นิเจอร์ ของกระจุกกระจิกทั้งด้ายเข็มและอะไหล่เย็บต่างๆ ทุกอย่างพร้อมเหลือแค่ให้ฉันเปิดตัวเท่านั้น การโพรโมตแรกของเราจะเริ่มต้นที่รายการแฟชั่นวีกที่ฮ่องกง และแน่นอนว่ามันต้องเกิดขึ้นหลังงานแต่งผ่านพ้นไปแล้วนั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับฉันหรอก เพราะปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่คนต่างหาก“เหนื่อยหรือเปล่า เห็นว่าช่วงนี้ทำงานหนักเลยซื้อขนมมาให้”นอกจากจะใจดีขึ้นผิดหูผิดตา เขายังชอบโดดงานมาขลุกอยู่ที่นี่บ่อยจนโดนคุณน้ำหวานดุ แต่คนอย่างเขาก็ยังหน้ามึนมาได้ตลอดจนฉันอยากจะจับมัดไว้กับที่ทำงานให้รู้แล้วรู้รอด“ไม่ต้องลำบากก็ได้ค่ะ แค่ให้ราล์ฟมาดูแลฉันก็ลำบากเขามากพอแล้ว” ฉันตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นไปมองเขา เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับเอกสารที่จะยื่นไปเปิดตัวในแฟชั่นวีกสัปดาห์หน้า“แค่นี้ไม่ลำบากหรอก
(ตติญา)ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะได้พูดคำนี้ออกมาเหมือนกัน แต่รู้ตัวอีกที ทุกอย่างก็ผ่านไปหลายปีแล้ว คิรินโตแล้ว กำลังจะขึ้นอนุบาล 3 ปีนี้ และลูกสาวคนเล็กที่มาพร้อมเรือนผมสีเทาเข้มเหมือนพ่อของเขา น้องดิว ชื่อดิว Dwyn มาจากภาษาเวลส์ แปลว่า คลื่นทะเล ฉันตั้งชื่อพี่ชายว่าคิริน ที่แปลว่า ภูเขา เพราะตอนที่หนีจากคามินทร์มา ภาพที่เห็นตรงหน้าเวลาร้องไห้มีแต่ภูเขาที่อยู่เป็นเพื่อน พอมีลูกสาวอีกคน ฉันอยากให้ชื่อนั้นสื่อถึงความทรงจำแทรกที่พ่อแม่ได้เจอกัน นั่นก็คือ ทะเล...ดิวเป็นเด็กที่สุขุมผิดกับเด็กหญิงทั่วไปลิบลับ เธอนั้นไม่ค่อยซุกซน พูดจาดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังใจเย็นและรู้ความ ผิดกับพี่ชายที่นับวันยิ่งโตยิ่งเหมือนพ่อ ทั้งกวนส้นเท้าและเกรียนยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนหนึ่งคงเพราะเมื่อก่อนสมัยอยู่เชียงใหม่ คิรินไม่ได้มีเพื่อนเล่นที่ไหนเลยนอกจากแม่ พอลงมาอยู่ที่นี่ก็มีลูกน้องของพ่อมาเล่นด้วย มีชัลก้า มีดิวและนับดาวที่เกิดไล่หลังมาไม่กี่ปี และตอนนี้ก็ยังมีน้องจินนี่อีก ครอบครัวเรากลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเด็กๆ ไปซะแล้วส่วนบ้านที่เชียงใหม่ บ้านที่แม่นวลยกให้เ
(พาร์ทพิเศษ ราล์ฟ)สำนักข่าวราล์ฟฟี่ รายงาน สวัสดีครับผมราล์ฟ ผู้ครองตำแหน่งมือขวาคนใหม่ของบอสแล้วยังเป็นพี่เลี้ยงเด็กดีเด่นประจำปีอีกด้วย ช่วงนี้ชีวิตผมค่อนข้างที่จะมั่นคง แม้ใครจะบอกว่าตำแหน่งอยู่ไม่นาน ตำนานจะคงอยู่ตลอดไป ส่วนผมนั้นตั้งใจจะเป็นทั้งตำแหน่งและตำนาน ไม่มีใครมาโค่นล้มลงไปได้ก่อนหน้านี้ตำแหน่งมือขวาของบอสไม่ใช่ของผมหรอกนะครับ แต่เป็นของคุณจาเรด ชายผู้ฝีมือดีที่สุดและยังเป็นคนที่บอสไว้วางใจเป็นอย่างมาก ผมต้องนึกขอบคุณเขาเลยนะที่ถูกจับตัวไปในครั้งนั้น เลยทำให้ผมได้มีโอกาสแสดงฝีมือกับเขาบ้างตอนนี้อย่าว่าแต่ปกป้องบอสเลย หน้าที่เล็กใหญ่ในแก๊งตั้งแต่ดูแลแมวยักษ์อย่างชัลก้า หรือแม้แต่การดูแลบอสน้อยของเราอย่างคุณคิริน ก็เป็นของผมไปหมด“ทำให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!!!”ส่วนคุณจาเรดที่ก่อนหน้านี้คือคนโปรดของบอส กลับถูกลดระดับมาเป็นเพียงครูฝึกให้แก่เด็กใหม่ที่เข้ามาในแก๊งเสียอย่างนั้น แต่แม้ว่าหน้าที่ของเขาจะเปลี่ยนไป แต่เรื่องชื่อเสียงของเขาในหมู่เด็กใหม่นั้นไม่ได้ก้อยลงเลย ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณจาเรดครูฝึกคนใหม่นั้น ทั้งดุ โหด แล้วไม่มีโหมดคิตตี้ให้
(คามินทร์)“ใจร้ายจังเลยนะ คิรินเป็นเหลนย่าแท้ๆ ทำไมไม่รู้จักบอกย่าเสียบ้าง รู้ไหมว่าใจแทบขาดตอนรู้จากปากน้ำหวานว่าหนูเจออะไรมาบ้าง”ตอนนั้นผมบอกว่ากลัวจะถูกย่าบ่นใช่ไหมครับ ตอนนี้สบายใจแล้วเพราะมีคนมารับแทน ติญ่านั่งหง็อยอยู่หน้าโซฟาโดยมีคิรินนั่งเล่นกับชัลก้าอยู่ ส่วนผมนั้นลอยตัว สามารถนั่งเอกเขนกได้อย่างสบายใจแต่ก็สบายใจได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น พอเห็นว่าหลานสะใภ้ท่าทางน่าสงสาร ย่าก็ได้เบนเข็มมาที่ผมแทน“แกนี่แหละตัวต้นเหตุไอ้หลานเวร ทำอะไรไม่คิดจนทำให้หนูญ่าต้องหนีไป สำนึกบ้างไหม ขึ้นไปนั่งบนโซฟาสบายใจไม่ดูเลยว่าเมียนั่งพื้น ลงมา!”“อ้าวย่า ปกติเราก็นั่งพื้นดูหนังกันบ่อยออก นั่งสบายกว่าโซฟาอายุหมื่นปีของย่าอีก”“ไอ้หลานเวรนี่ อยากปากแตกตายใช่ไหมฮะ”บรรยากาศในบ้านของผมกลับมาครึกครื้นอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องของน้องดาทำให้ไอ้วินทร์ดูซึมๆ และไม่ยอมเข้าบ้านเลยตลอดสามปี จนกระทั่งช่วงเดือนก่อนที่ติญ่ากลับมาทำห้องเสื้ออีกครั้ง และดึงเอาน้องดามาร่วมงานด้วย เราเลยได้มีโอกาสพูดคุยกันแบบครบทั้งครอบครัวเป็นครั้งแรกอันที่จริง...จะว่าครบก็ไม่ครบนัก เพ
เขาว่ากันว่า ความฝันของหญิงสาวทุกคน คือการได้ใส่ชุดแต่งงานสวยๆ แต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองรัก เชื่อไหมคะ ตอนที่ฉันยังทำงานอยู่ในสตูดิโอที่เชียงใหม่ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใส่ชุดแต่งงานพวกนั้นอีกครั้ง คิดแค่ว่าแค่ได้มองผู้คนยิ้มมีความสุขกับครั้งหนึ่งที่แสนสำคัญในชีวิต แค่นั้นก็มากพอแล้วแต่ไม่คิดว่าฉันจะได้สวมมันอีกครั้ง อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้...คนเดียวกับที่ฉันเคยบอกว่าไม่มีวันรักเขาได้ฉันค่อยๆ เดินไปตามทางเดินเพื่อเข้าสู่แท่นพิธีที่มีเจ้าบ่าวชุดขาวยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขามองมาที่ฉันแล้วก็ยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่สะกดฉันได้แทบทุกครั้ง รอยยิ้มและสายตาคู่นั้นเขาไม่เคยใช้มองใครเลยนอกจากฉัน มันเป็นของฉัน...ของฉันคนเดียวเท่านั้น...“แม่ค้าบ คิยินหย่อกว่าปะป๊าหยือป่าว”ฉันคงลืมบอกไป วันนี้คนที่จูงฉันเข้าสู่แท่นพิธีไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าคิรินน้อยนี่เอง เขาตื่นเต้นมากๆ เพราะพี่เลี้ยงทุกคนเอาแต่พูดกรอกหูว่า เนี่ยนะ มีไม่กี่คนในโลกหรอกที่จะได้อยู่ในงานแต่งงานของพ่อแม่ตัวเอง เขาคือคนพิเศษ แค่นั้นแหละเจ้าเด็กก็ดีใจใหญ่ เขาเป็นคนที่ตื่นเต้นกับงานแต่งงานในครั้งนี้ไม่แพ้คนที่แต่งเ
“ปล่อยเมียฉันซะพิมพิ ถ้าเธอไม่อยากโดนเป่าหัวกระจุยตอนนี้”เสียงของคามินทร์ที่ดังขึ้นหยุดทุกอย่าง ฉันลืมตาขึ้นมามองภาพตรงหน้าก่อนจะพบว่าเขากำลังเอาปืนจ่อที่หัวของคนที่พยายามจะฆ่าฉัน ทว่ายังไม่ทันที่พิมพิจะได้ตอบโต้ คอเสื้อของเธอก็ถูกดึงอย่างแรงจนร่างปลิวไปกระแทกเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล หลังจากนั้น ก็มีคนวิ่งเข้ามาจับตัวเธอกดลงกับพื้น“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า ปล่อยฉัน ปล่อย!!!”เสียงโวยวายของเธอดังไปทั่วห้อง ดังจนฉันเห็นสีหน้าหงุดหงิดของทุกคนในห้องนี้ คามินทร์ตรงเข้ามาหาฉันอย่างเงียบๆ ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงฉันเข้าไปแนบอกแล้วกอดเอาไว้แน่นความกลัวทุกอย่างก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งถูกระบายออกมาผ่านม่านน้ำตาเมื่อได้สัมผัสกับอ้อมกอดของเขา...มันเป็นอ้อมกอดที่...ทั้งอบอุ่นแล้วก็ปลอดภัยที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับมาเลย...“ฮึก...”“ขอโทษที่มาช้านะ”มันเป็นอย่างนั้นเสมอ อ้อมกอดของเขามันทั้งอบอุ่น ปลอดภัย แล้วก็ทำให้ฉันไม่หวาดกลัวอะไรอีกต่อไป ฉันไม่ได้ยินเสียงของพิมพิที่ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า ไม่ได้ยินความวุ่นวายอะไร มีเพียงเสียงของเขาเท่านั้นที่ดังอยู่ข้างหูฉันกลัว...กลัวเหลือเกินว่าอาจจะไม่
(ตติญา)“พี่ฟอง หนูฝากตรงนี้ด้วยนะคะ ดูแลแขกด้านหน้าด้วยค่ะ”ไม่คิดเลยนะ ว่าฉันจะได้จัดงานศพให้แม่นวลเร็วอย่างนี้เลย ตั้งแต่เด็กฉันคิดว่าตัวเองโชคร้ายมากๆ เจอเรื่องร้ายต่างๆ จนไม่น่าจะเจออีกแล้วหลังจากนี้ อย่างที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ แต่ชีวิตฉันมันคงยังอยู่ท่ามกลางพายุ ไม่เจอฟ้าหลังฝนที่ว่าสักทีล่ะมั้งหวังแต่เพียงว่า ขอให้นี่เป็นการสูญเสียครั้งสุดท้าย ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกฉันหลบจากทางหน้าฝานที่มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันหลายคน ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนมีหน้ามีตาอะไรมากมายเพราะนี่ก็เป็นแค่งานศพของแม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้น แต่จะเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน รวมทั้งป้าๆ แถวนี้ที่รู้จักแม่นวลมาหลายปีที่หน้าโลงศพของแม่นวล ฉันเป็นคนจัดดอกไม้เองทุกดอก แม้ว่าท่านจะเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แต่ว่าก็มีดอกไม้ที่ชอบอยู่ดอกหนึ่งแม่นวลเคยเอารูปให้ฉันดู ตอนนั้นท่านไม่รู้ชื่อ แต่เห็นแล้วชอบมันมากๆ ยิ่งพอได้รู้ความหมาย ท่านก็ยิ่งชอบจนใฝ่ฝันว่าอยากเอามาปลูกภายในบ้าน แต่น้าพาแพ้เกสรดอกไม้เลยทำได้แค่ตั้งเป็นภาพหน้าจอมือถือดอกไม้ชนิดนั้นคือ บลูบอนเน็ต ดอกไม้ที่มีความหมายแสนเศร้า แม้ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ขอไ
เรากลับมากรุงเทพฯทันทีที่รู้เรื่อง ก่อนเดินทางผมและติญ่ารวมทั้งพี่เลี้ยงทั้งสี่ของคิรินเตรียมตัวกันหนักมากๆ เพราะกลัวว่าคิรินจะงอแงตลอดทาง แต่โชคดีที่แค่ขึ้นเครื่องก็หลับปุ๋ย เลยทำให้ทั้งพ่อและแม่มีเวลาพักผ่อนก่อนถึงกรุงเทพฯทันทีที่มาถึงผมได้ให้น้ำหวานมารับคิรินไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรับศพป้านวลกลับมาทำพิธี ระหว่างทางนั้นผมต้องจับมือติญ่าเอาไว้ตลอด เธอดูเสียใจจนไม่สนแล้วว่าตอนนี้จะมีผมอยู่ข้างกายหรือไม่“ขอบคุณนะคะคุณหมอ เดี๋ยวพิมพิจะเอาเอกสารนี้ไปให้ญาติของป้าเองค่ะ”พวกเรามาถึงที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทว่าเมื่อมาถึง มีคนจัดการทุกอย่างแม้แต่เรื่องการจ่ายเงินค่าดำเนินการต่างๆ ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พิมพินั่นเองพอเธอเห็นพวกเรา หญิงสาวในชุดดำที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมก็ได้เดินตรงเข้ามา เธอยกมือไหว้ผมตามประสาผู้น้อยไหว้ผู้ใหญ่ก่อนจะทักเสียงเรียบ“สวัสดีค่ะพี่คามินทร์ ติญ่า”“สวัสดีพิมพิ มารับศพป้านวลเหรอ?”“ค่ะ ป้าแกไม่ได้มีญาติที่ไหน ก่อนเสียท่านก็ดูแลแม่หนูอย่างดี หนูเลย...”“เอามาให้ฉัน”ติญ่าพูดเสียงแผ่ว เธอยื่นมือสั่นๆ ไปรับเอาเ
ผมเดินตามเมียขึ้นมาที่ชั้นบน กะว่าอยากจะจัดการเด็กดื้อสักหน่อย ทว่ากลับได้ยินเสียงเล็กๆ สะอื้นมาจากห้องของคิริน ก่อนที่ติญ่าจะอุ้มลูกออกมา ปากเธอก็พึมพำปลอบลูกไม่หยุด“ไม่มีอะไรนะครับ แม่ขอโทษน้า ผีไม่มีหรอก”“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”คิรินร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดคอแม่เป็นการใหญ่ มือเล็กชี้เข้าไปในห้องแล้วพูดแต่คำว่า ผี ผี ผี อยู่ตลอด จนกระทั่งหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ตอนนี้ติญ่าพาคิรินมานอนในห้องของตัวเอง ผมได้แต่ยืนมองไม่กล้าถามอะไรมาก เพราะเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของเธอรอจนกระทั่งเธอลูบหลังคิรินหลับไป เลยถามออกไปเสียงแผ่ว“มีอะไรหรือเปล่า ละเมอเหรอ?”ติญ่ามองไปที่ลูกซึ่งตอนนี้หลับไปแล้ว แต่ก็ยังมีอาการสะอื้นให้เห็นอยู่เป็นระยะ“ก็นิดหน่อยค่ะ”สีหน้าที่ดูเป็นกังวลของเธอทำให้ผมพลอยกังวลไปด้วย ติญ่าไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอได้เดินไปยังห้องลูกก่อนจะสำรวจที่หน้าต่างด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก“ช่วงนี้คิรินบอกว่าเจอผีที่หน้าต่างบ่อยๆ ค่ะ ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเผลอเปิดหนังผีดูด้วยกันเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วเลยทำให้ลูกฝันร้าย แต่อยู่ดีๆ ลูกก็บอกว่าเห็นจริงๆ อยู่ที่ต้นไม้ข้าง
กลับมาถึงบ้านก็นั่นแหละ แบตหมดตามระเบียบ ผมพาคิรินไปนอนบนห้องแล้วก็ไปดูคนป่วยที่น่าจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาได้บ้างแล้วจากการพักมาทั้งวัน แต่กลับพบว่าเธอยังอยู่ในชุดนอนตัวเดิมแล้วดื่มน้ำเย็นลงไปหลายอึก“ดื่มน้ำเย็นแล้วจะหายไหมไข้น่ะ”ผมตรงเข้าไปหาเธอแล้วกอดอกพูดยิ้มๆ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่ชอบดื่มน้ำเย็นเป็นชีวิตจิตใจ แต่ดื่มแล้วก็เสียวฟันจนชอบทำหน้าประหลาดๆ ตลอดเวลา อย่างเช่นตอนนี้ก็ด้วย“หายเจ็บคอหรือยังครับ?”ผมถามเพราะเมื่อเช้ายังได้ยินเสียงเธอแหบแห้งเป็นนักร้องหมอลำอยู่เลย ถึงแม้กลับมาเสียงเธอจะเป็นปกติแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะหายง่ายๆ“หายแล้ว ไปซื้อยามากิน”“ยาอะไร?”“ถามทำไม”พูดจบก็ชักสีหน้าใส่ผมด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง ถ้าให้เดานี่คงเป็นการอาบน้ำครั้งแรกในรอบวัน นึกไปถึงเมื่อวานที่เธอเปลือยล่อนจ้อนต่อหน้าผมในสภาพที่หมดสติ ถ้าเป็นผมคนเมื่อก่อนที่เธอไม่ได้โกรธอยู่ล่ะก็ เธอไม่รอดแน่ระหว่างที่รอติญ่าอาบน้ำ ผมก็สั่งกับข้าวรอไปด้วย ที่นี่เป็นอำเภอเล็กๆ ดึกอย่างนี้ไม่ได้มีบริการเดลิเวอร์รี่ให้บริการ เลยต้องใช้เดลิเวอร์รี่จำเป็นอย่างราล์ฟไปซื้อมาใ