ภายหลังความตั้งใจที่หยางไท่หมิงกับฟงเฉิงฮ่าว ต้องการพบปะพูดคุยกับมู่ถงและจือเหมยผ่านพ้นไปด้วยดี รวมถึงซูอันกับเยี่ยนหลิงก็ยินดีรับของแทนใจไว้ ทั้งสองคนจึงอยู่พูดคุยจนเข้ายามซวี (19.00-21.00 น.) ก็ขอตัวกลับโรงเตี๊ยม เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ครอบครัวของซูอันล้วนเข้าใจว่า บุรุษทั้งสองมีภาร
“ท่านพ่อท่านแม่ข้ากับพี่หญิงไปก่อนนะเจ้าคะ พวกท่านสองคนอย่าเอาแต่จ้องผ้าปักให้มากนัก ต้องผ่อนคลายสายตาบ้างนะเจ้าคะ”“จ้า ๆ แม่กับพ่อจำคำพูดเจ้าได้ขึ้นใจแล้วล่ะอันเอ๋อร์”มู่ถงเข้าใจถึงความห่วงใยของบุตรสาวคนเล็กได้ดี “พวกเจ้าไม่ต้องห่วง พ่อกับแม่ย่อมพักสายตาอยู่แล้ว พวกเจ้าเองก็เช่นกันระมัดระวังด้วยเ
เมื่อซูอันคอยแนะนำช่างทอผ้าอยู่หนึ่งชั่วยาม และเห็นว่าทุกคนสามารถเข้าใจถึงกับทำออกมาได้ดี นางจึงวางใจได้ในระดับหนึ่ง ก่อนจะให้เยี่ยนหลิงคอยดูแลอยู่โรงทอผ้า ส่วนตัวของนางจะไปทำการทดสอบการฝึกของหน่วยคุ้มกัน ซึ่งดูจากระยะเวลาการฝึกก็ควรผ่านเกณฑ์ พร้อมออกไปทำภารกิจของตระกูลจินเสียทีซูอันที่มีอวี้เหลียน
“พวกข้าเข้าใจแล้วขอรับคุณหนูเล็ก!”“วันนี้ก็แยกย้ายกลับไปพักผ่อนเถิด ห้องพักที่นายช่างโจวซุ่นรับผิดชอบอยู่ อีกไม่กี่วันคงเสร็จเรียบร้อย พวกเจ้าคอยดูด้วยก่อนเข้าอยู่ ช่วยกันทำความสะอาดให้ดี ส่วนเครื่องนอนและของใช้ที่จำเป็นอื่น ๆ ส่งตัวแทนไปแจ้งกับพ่อบ้านที่จวน ข้าได้บอกเรื่องนี้กับพ่อบ้านเอาไว้แต่เนิ
หลังจากผ่านพิธีปักปิ่นของซูอันมาได้เจ็ดวัน กลุ่มของเต๋อห้าวที่นำผ้าไหมไปส่งยังเมืองเส้ากวน ก็เดินทางกลับมาถึงตระกูลจิน พร้อมกับเงินค่าผ้าไหมที่เหลือจำนวนหลายพันตำลึงทอง ที่สำคัญนายท่านวั่นยังมีใบสั่งซื้อผ้าไหมเพิ่มอีกจำนวนมาก โดยจ่ายเงินค่ามัดจำอย่างไม่ลังเล“คารวะคุณหนูใหญ่ คุณหนูเล็กขอรับ”“เป็นอย
ขบวนสินค้าของตระกูลจินที่จะไปเมืองหลวง มิได้ใช้เกวียนวัวแต่ซูอันใช้รถม้าเก็บหีบผ้าไหมแทน เพื่อมิให้การเดินทางเกิดความล่าช้า แม้จะเป็นขบวนเดินทางที่มีรถม้าขนาดใหญ่เพียงสองคัน แต่กลับมีผู้คุ้มกันเกือบสามสิบคนระหว่างการเดินทางไปเมืองหลวง ขบวนสินค้าของตระกูลจินเป็นที่สนใจของผู้พบเห็นอย่างมาก เนื่องจากข
ค่ำคืนแรกในเมืองหลวงผ่านไปอย่างราบรื่น การได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ทำให้ทุกคนหายเหนื่อย อาหารเช้าของวันที่สองเป็นอาหารง่าย ๆ เช่น โจ๊กและผัดผักใส่เนื้อทั่ว ๆ ไป ส่วนมื้อถัดไปซูอันจะพาครอบครัวไปกินในเหลาอาหาร เพราะผู้คนมักพูดว่าเหลาอาหารในเมืองหลวง มีอาหารที่อร่อยถึงแม้จะขายในราคาแพงก็ตามแต่ซูอันมิได้อ
“ช้าก่อน!! คุณหนูทั้งสองยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เสียงเอ่ยห้ามนี้ที่แท้แล้วเป็นสาวใช้ของเวยหนิงซีซูอันและเยี่ยนหลิงที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ จำต้องหยุดอยู่ด้านหน้าบันไดของร้านขนม พร้อมเอ่ยถามเสียงเรียบกลับไป “เจ้าเป็นใครถึงมายืนขวางทางข้ากับพี่สาว หรือสตรีในเมืองหลวงมีนิสัยเช่นนี้เหมือนกันหมดเช่น
แต่คนที่หวังประจบประแจงองค์ชายน้อย ย่อมไม่รอดพ้นการลงทัณฑ์จากฮ่องเต้ “หึ พวกเจ้าทุกคนควรยึดองค์ชายเจิ้งหลงรวมถึงคุณชายกับคุณหนู จากตระกูลหยางและตระกูลฟงเป็นแบบอย่าง ต้องมีความพยายามในการฝึกฝนให้มากกว่านี้ อย่าได้เกียจคร้านจะได้ไม่ทำให้บิดามารดาพวกเจ้าต้องขายหน้าส่วนเจ้ากู่จื่อเซียวเป็นถึงอาจารย์ของ
ฟงเหยาเหวินยืดหลังตรงสายตาเย็นชา เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเพราะถูกหยางเฟิ่งเซียนพูดแทนเสียก่อน “ข้ากับญาติผู้พี่ไม่ได้เริ่มก่อเรื่องวุ่นวาย แต่เป็นองค์ชายกับองค์หญิงต่างหากที่เริ่มก่อน พวกเขาต้องการเอากระดาษที่มีตัวอักษรของพวกเราไป” หยางเฟิ่งเซียนกล่าวตอบอย่างไม่เกรงกลัวผู้เป็นอาจารย์องค์ชายและองค์หญิ
หยางเฟิ่งเซียนได้ยินญาติผู้พี่เริ่มตอบกลับ จึงพูดเสริมด้วยเสียงเล็ก ๆ ตามประสาเด็ก แต่ใช่ว่าภายในหัวของหยางเฟิ่งเซียนจะไม่คิดอันใด “ส่วนฝีมือหัดเขียนของหม่อมฉันยังไม่ดีพอ หากถวายไปแล้วหมึกไม่สมดุลหรือเส้นขาดความสง่างาม มันอาจจะทำให้เสียเกียรติขององค์หญิงได้เช่นกัน”องค์ชายและองค์หญิงขมวดพระขนง พระพั
หนึ่งปีต่อมาณ วังหลวงอันโอ่อ่าซึ่งมีสำนักวั่งซูเก๋อ สถานที่สำหรับให้ความรู้แก่องค์ชายองค์หญิง รวมถึงบุตรหลานขุนนาง ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเรียนร่วมเป็นสหายของเชื้อพระวงศ์ยามเยาว์วัย และสองคู่แฝดจากตระกูลหยางกับตระกูลฟง ก็เป็นผู้ถูกเลือกจากฮ่องเต้ที่ทรงเล็งเห็นความสามารถแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระราชนัดด
สองคู่แฝดจากสองตระกูลที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เด็กน้อยทั้งสี่คนถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายายหรือท่านลุงท่านน้า ตั้งแต่สองคู่แฝดเริ่มหัดคลานจนเดินก้าวแรกได้ อยากหยิบจับสิ่งใดหรือจ้องมองสิ่งที่อยากได้ล้วนได้รับสิ่งนั้นเสมอในเมื่อมีคนเอาใจย่อมมีคนคอยขัด โดยให้เหตุผลสำหร
“ไอหยา ฮูหยินน้อยสงสัยลูก ๆ ของท่านจะกลัวคำขู่ไม่น้อย คนน้องถึงได้รีบตามออกมาทันที ท่านออกแรงเบ่งอีกครั้งนะเจ้าคะ”ซูอันรวบรวมลมหายใจอีกครั้ง และออกแรงเบ่งเพื่อให้บุตรอีกคนรีบออกมา เพราะตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว และในที่สุดเสียงร้องอันไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ฮูหยินน้อยคนนี้เป็นคุณหนูเจ้
เยี่ยนหลิงกัดฟันแน่นมือจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่น นางรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งกับการให้ชีวิตใหม่ของบุตรของนาง “ลูกแม่พวกเจ้ารีบออกมาเถิดอย่าได้กลั่นแกล้งแม่เช่นนี้เลย หากยังไม่ยอมออกมาแม่อาจขาดใจตายเอาได้ แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นเด็กกำพร้อมแม่นะ”“จินฮูหยินหัวเด็กคนแรกเริ่มโผล่ออกมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแข็งใจเบ่งออก
ข่าวการตั้งครรภ์ของบุตรสาวนายท่านตระกูลจิน ผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมทอเมฆาต่างกระจายไปถึงหูของคู่ค้า เมื่อใดที่ได้แวะเวียนมายังเมืองผู่เถียน ล้วนมีของขวัญติดไม้ติดมือมาเสมอ ซูอันไม่มีอาการแพ้ท้องอย่างอื่น มีเพียงการให้สามีตัวติดกับนางเท่านั้น ส่วนเยี่ยนหลิงกว่าจะหายเหม็นสามี อายุครรภ์ก็ปาเข้าไปเกือบห
“หลิงเอ๋อร์! เจ้าอาการหนักถึงเพียงนี้ ไยไม่ให้น้องเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเล่า หากเจ้าหมดสติล้มลงจนบาดเจ็บจะทำเช่นไร ท่านพี่พาลูกขึ้นไปนอนพักบนเตียงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“ได้ ๆ ๆ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับลูกกันแน่ฮูหยิน เมื่อเช้าก่อนจะแยกกลับเรือนยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ” มู่ถงไม่เคยเจออาการแพ้ท้องของสตรีตั้งครรภ์ เนื