พราวพิชชาดวงตาขุ่นเขียว เสียดายอากาศสดชื่นของยามเช้าชะมัด หล่อนตื่นตั้งแต่ตีห้าด้วยเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกไว้ ดังขึ้นครั้งแรกก็ผุดลุกตื่นทันที ตั้งใจว่าจะดักรอพบรัชภาคย์ก่อนเขาออกไปทำงาน
แต่พอลงมาถึง กลับพบว่าบ้านทั้งหลังเงียบกริบ เดินสำรวจทั่วภายในบ้าน เห็นเพียงคนทำงานในครัวอยู่สองคน หล่อนเคว้งอยู่เป็นพัก เมื่อเยี่ยมหน้ามองออกนอกหน้าต่างก็เห็นยอดน้ำค้างเกาะพราวทั่วยอดหญ้า อากาศดูสดชื่นนัก จึงตัดสินใจวิ่งกลับขึ้นไปในห้องพัก เปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่เป็นเสื้อยืดสวมสบายกับกางเกงขาสั้นแค่โคนขาเพื่อความคล่องตัว แล้วฉวยรองเท้าผ้าใบมาออกกำลังกายเต้นแอโรบิกต่อด้วยการทำโยคะอยู่ข้างแปลงพืชทดลองปลูกตั้งแต่ตีห้ากว่าจนถึงตอนนี้ ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้วละ...แต่ไม่รู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาของเจ้าของบ้านไร้มารยาทตั้งแต่ตอนไหนชีกอ เจ้าชู้ ชอบมั่ว มันฝังอยู่ในตัวนายเลยละสิ เห็นผู้หญิงไม่ได้ เป็นต้องแทะเล็ม แม้ทางสายตาก็ยังไม่เว้น ผู้ชายอะไรนิสัยเสียชะมัดพอนึกว่าตัวเขาไม่เห็นจะมีดีตรงไหน แต่ยังกล้าสบประมาทหล่อนอย่างเสียๆ หายๆ เมื่อวานนี้ ก็เบ้ปากกลอกตาอย่างหมั่นไส้เหลือทน‘เจ็ดนาฬิกาตรง พราวพิชชาขยับตัวเมื่อร่างสูงใหญ่ของเจ้าของบ้านเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ด้วยความตื่นเต้นหลังจากมานั่งรอก่อนเวลาเกือบสิบนาที พอเห็นเขาก็เผลอยิ้มดีใจออกมา แต่พอดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มปรายมามองก็รู้ตัว รีบหุบยิ้มฉับ เสมองรูปวาดสีน้ำมันบนผนังที่เพิ่งสังเกตก็วินาทีนี้แหละแทน ทำเหมือนว่าสนใจมันนักหนาพอรัชภาคย์นั่งลง หญิงสาวก็เหลือบเห็นเขาก้มหน้าก้มตาจัดการกับออมเล็ต ไส้กรอก และแฮมที่เสิร์ฟมาเสียจานใหญ่ เธอรอจนอาหารในจานเขาพร่องเป็นครึ่ง ก็เริ่มขยับตัว จิ้มไส้กรอกในจานของตัวเองกินบ้างรสชาติอร่อยดีหรอก แต่กลับรู้สึกฝืดคอ ฝืนกินไปแกนๆ ระหว่างรอให้เขาพูดออกมาสักที“จะเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าไหม”“คะ...อะไร” หญิงสาวเงยหน้ามอง ถามงุนงง“กินไส้กรอกทำท่าอย่างกับจะติดคอตาย งั้นก็กินน้ำส้มไล่ลงไปสิ หรือกินไม่ลงอีก จะได้ให้เด็กเอาน้ำเปล่ามาให้”พราวพิชชาสะดุดกึก ดีนะที่ไม่มีอะไรค้างอยู่ในปาก ไม่งั้นอาจสำลักออกมาแน่“ฉันรอว่าเมื่อไหร่คุณพูดธุระของฉัน ไม่เกี่ยวกับอาหารหรอก มันอร่อยดี ฉันกินได้ทุกอย่าง”
ใกล้เที่ยงวัน ธนัทจอดรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีน้ำตาลคันใหญ่มาจอดหน้าบ้าน เขาได้รับคำสั่งให้มาที่นี่เพื่อรอรับคำสั่งจากผู้หญิงที่เจ้านายพามาเมื่อสองวันก่อน‘คุณเล็กให้ผมไปรับคุณพราวพิชชาที่บ้านใหญ่แล้วไปส่งเธอที่รีสอร์ตแสงตะวันใช่ไหมครับ’‘กูแค่ให้มึงไปเสนอหน้าให้เขาเห็น ถ้าเขาให้ทำอะไร ก็ทำไปตามที่เขาต้องการ แต่ถ้าเขาไม่ออกปาก มึงก็ไม่ต้องเสือก’ธนัทไหวไหล่ ยิ้มกริ่มเมื่อถึงบางอ้อ นึกถึงอารมณ์บูดๆ ของเจ้านายที่เข้าสำนักงานใกล้ขุมเหมืองเมื่อเช้า แล้วด่าทอหัวหน้าคนงานที่กำลังออกอาการกะลิ้มกะเหลี่ยคนงานหญิงที่มาใหม่ ธนัทรู้ว่ารัชภาคย์ไม่ชอบเรื่องทำนองนี้ เห็นห่ามๆ อย่างนี้เถอะ ความเป็นสุภาพบุรุษในตัวของเจ้านายนั้นสูงลิบ ดูแลปกป้องลูกน้องหรือคนงานผู้หญิงดีอย่างกับอะไร ถ้ารู้ว่ามีใครบังอาจคุกคาม ไม่ให้เกียรติพวกเธอแล้วละก็...เจ้านายเขาไม่เคยละเว้นแต่ที่ผ่านมาก็เป็นการเรียกมาว่ากล่าวตักเตือน หนักข้อมากเข้าก็ลงโทษโดยการให้พักงานเสีย แต่ไม่เคยออกลีลาไล่เตะใครเหมือนเมื่อเช้าธนัทเตร่ไปมาหน้าบ้าน สลับการยืนอิงรถกระบะ พาหนะที่พาเขามาถึง ชะเง้อม
เกือบสามทุ่ม พราวพิชชายังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เก้าอี้ตรงมุมด้านในของโถงใหญ่ ถ้าเป็นที่เพิร์ท เธอคงรู้สึกว่ายังเป็นเวลาปกติ ไม่ดึกสำหรับใครสักคนที่จะยังคงอยู่นอกบ้าน แต่พอเป็นที่นี่ สถานที่ที่โอบล้อมด้วยทิวเขาที่เห็นไกลๆ ถึงจะอยู่ในบ้านที่ปลอดภัย ซ้ำยังโอ่อ่าหรูหรา สะดวกสบายแทบทุกตารางนิ้ว แต่พราวพิชชาก็ยังสัมผัสว่ามันวังเวงและน่ากลัวอยู่“ไปไหนของเขานะ แล้วจะกลับมากี่โมง”เหตุปะทะเมื่อตอนเช้า พราวพิชชาโกรธรัชภาคย์นั้นใช่แน่นอน ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าอะไร แต่ยังเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรเสียเขาก็ควรใช้คำพูดที่ถนอมน้ำใจเธอสักนิด...แทนที่จะเฟ้นหาแต่ถ้อยคำแรงๆ ให้เธอต้องรู้สึกแย่อยู่ทั้งวันหญิงสาวใช้เวลาคิดใคร่ครวญ ประเมินตัวเอง สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าเธอจะคุยกับเขาใหม่...ลึกๆ แล้วพราวพิชชาก็อยากเคลียร์เรื่องหนี้สินเก่าก่อนเหมือนกันจนถึงเวลาสี่ทุ่ม เธอก็ถอดใจที่จะนั่งรอเพื่อคุยกับเขา จึงลุกจากเก้าอี้ สัมผัสว่ารอบตัวเงียบสงัด เด็กในบ้านคงกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักทางด้านหลังกันหมดแล้วหญิงสาวอาบน้ำแล้วแต่งกายในชุดนอนด้วยกาง
หลังจากบุกเข้าไปถามรัชภาคย์ในห้องทำงาน พราวพิชชาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะต่อสายหาผู้ให้กำเนิดที่อยู่คนละทวีป แต่เมื่อมองเวลา คำนวณว่าทางนั้นคงหลับอยู่ หล่อนถึงได้ตัดใจข่มตาหลับ แล้วตื่นมาในเวลารุ่งสางโดยไม่รอช้า หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือมาค้นหาคำตอบที่ต้องการให้แน่ใจ ก่อนจะวางแผนรับมือการเป็นลูกหนี้หลักสิบล้านต่อด้วยตัวเองเธอโทร.เข้าเบอร์ของพ่อ แต่แม่เป็นคนรับสาย เสียงของแม่ดีอกดีใจ ถามความเป็นไปแม้เธอจากมาแค่ไม่กี่วัน ทำให้พราวพิชชาฝืดเฝื่อนในลำคอ ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ไม่เคยโกรธพ่อกับแม่ เธอจะรู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่พวกท่านทำลงไปล้วนก็เพื่อตัวเธอเองในฐานะลูก จึงเป็นหน้าที่ของเธอที่จะตามเคลียร์ปัญหาและชดใช้ให้กับทุกคนที่ครอบครัวติดค้างอยู่“เรื่องหนี้ แม่ไม่รู้เรื่องหรอก แหววคงต้องคุยกับคุณพ่อเอง แต่แม่เชื่อเลยว่าคุณพ่อต้องไม่ชอบใจที่แหววขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ มาถาม มันผ่านมานานแล้ว และมันก็จบไปแล้ว เราใช้คืนให้เจ้าหนี้เขาหมดแล้วนะลูก”“แต่แหววอยากรู้ค่ะ...แหววขอโทษที่พูดเรื่องพวกนี้ ทำให้แม่ไม่สบายใจ”“ตามใจ คุณพ่อม
ร่างงดงามกลมกลึงที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงจุดเดิม แม้แสงแดดยามสายจะแผดกล้า แต่หล่อนก็ยังทำเช่นเดิม จนคนที่ลงจากรถกระบะคันสีน้ำตาลที่แวะมาเมื่อวานต้องเขม้นมองซ้ำ เขาจำเธอได้ทันทีที่เห็นแวบแรก แต่ที่มองอยู่เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ทำไมยังแบกจอบขุดดินอยู่อีกล่ะป้า นี่เมื่อคืนเขาไม่ได้เคลียร์กันเหรอ”ธนัทถามป้ามิ่งที่เดินเอื่อยมาส่งปิ่นโตให้ตามที่เจ้าตัวโทร.มาอ้อนขอ ด้วยเหตุผลว่าเบื่อกับข้าวโรงอาหารในเหมืองจนกระเดือกไม่ลงอยู่แล้ว และวันนี้ก็ออกไปทำธุระในเมือง ขากลับจึงเลือกใช้เส้นทางนี้แทน ดังนั้นไหนๆ ก็ผ่านบ้านของเจ้านายอยู่แล้ว จึงขอให้ป้ามิ่งบอกแม่ครัวฝีมือดีจัดอาหารอร่อยๆ มาให้สักปิ่นโต“ป้าก็ไม่รู้ เมื่อวานป้ากลับบ้านไปก่อนที่คุณเล็กจะกลับมา แต่คิดว่าคงได้คุยกันแล้วละ เพราะเมื่อเช้าก็เห็นคุณเล็กดีๆ อยู่ แต่ตกสายคุณพราวพิชชาลงมาข้างล่าง หน้างี้ตึงเชียว ข้าวปลาตั้งโต๊ะไว้ให้ก็ไม่กิน แล้วเป็นอย่างที่คุณนัทเห็นนี่แหละ”ป้ามิ่งเล่าแล้วบุ้ยใบ้ไปในทิศทางที่พราวพิชชาถือจอบขุดดินอยู่อย่างแรงไม่ตก“แล้ว...สองคนนี้เขามีอะไร
รถจี๊ปสปอร์ตคันสีดำเคลื่อนด้วยความเร็วสูง จนรถญี่ปุ่นคันหลังตามเกือบไม่ทันอยู่หลายหน จนเข้าเขตที่ดินของตัวเอง รอบอาณาบริเวณเกือบพันไร่ รถคันหลังถึงชะลอตัว เคลื่อนตามช้าๆ เหมือนยังลังเล จนใกล้ป้อมด้านหน้าสักร้อยเมตร รถคันนั้นก็ถอยกลับออกไปรัชภาคย์บังคับรถผ่านเข้าสู่ประตูรั้วใหญ่ของเขตชั้นในของพื้นที่บ้านที่เขาสร้างไว้เกือบสองปี เมื่อรถจอดและดับเครื่องเสร็จจึงก้าวลงมา กวาดสายตาไปยังมุมหนึ่ง ไร้วี่แววว่าจะมีใครสักคนอยู่ตรงนั้นร่างสูงใหญ่ทอดเท้าเอื่อยไปยังแปลงทดลองปลูก นายดี๋เห็นเจ้านายก็รีบวิ่งมาหา“ทำไมถึงเละเทะอย่างนี้”รัชภาคย์ถามเสียงเรียบเรื่อย ชี้ไปยังมุมด้านนอกของแปลงทดลองที่มีร่องรอยการขุดจนไม่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่คนงานทำคนถูกถามทำหน้าแหย มองตามเจ้านาย ดินบางส่วนถูกขุดลึกกว่าหน้าดินพลิกขึ้นมา ซึ่งไม่มีทางเป็นฝีมือของคนทำงานอย่างพวกเขา“คุณผู้หญิงมาขุดอยู่สองวันแล้วครับ”“เขาทำอะไร”“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมไม่กล้าถาม”...เพราะคุณผู้หญิงคนสวยแบกจอบมาแต่ละที ใบหน้าก็
รัชภาคย์ถามเสียงขรึม แม้ความสงสัยมีอยู่มาก แต่เขาก็คิดว่าควรปรามหล่อนไว้ก่อน“เมื่อวานคุณพูดเรื่องหนี้สินกับฉัน คุณจำได้ไหมว่าพูดอะไรไปบ้าง คนทุเรศ จะเล่าก็เล่าไม่หมด พูดเอาดีใส่ตัว คุณทำได้ยังไง ทวงหนี้แทนพี่ชายคุณ พอเก็บหนี้ไม่ได้ก็ปาระเบิดใส่บ้านฉันงั้นเหรอ บ้าไปแล้วหรือไง ติดนิสัยคนบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือยังไง”รัชภาคย์ชะงักกึก แวบแรกนึกงุนงงว่าหล่อนพูดเรื่องอะไรกัน แต่ไม่นานก็นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นออก...เหตุการณ์ที่หล่อนกำลังถามถึง และมันเกิดขึ้นจริงด้วยฝืมือเขา“หน้าตัวเมีย ทำร้ายคนแก่กับผู้หญิง ถ้าพ่อแม่กับน้องฉันบาดเจ็บหรือตาย นายจะรับผิดชอบยังไง คนเลว เลวไม่มีที่ติ ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านฉัน”พราวพิชชากรีดเสียงใส่ ยิ่งรัชภาคย์ยังนิ่งเฉย ตีสีหน้าเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เธอก็ยิ่งโมโหหนักพลันร่างเล็กก็โผนหา เป้าหมายเป็นคนตัวใหญ่ที่ยืนปักหลักนิ่ง เล็บคมๆ จิกหมับที่แผงอกกว้าง แล้วกรีดลากอย่างต้องการให้เขาเจ็บพราวพิชชาประเมินเขาต่ำไป ข้างในรัชภาคย์กำลังเดือดปุดเมื่อได้ยินคำด่าทอ พอหล่อนพุ่งเข้าหา และ
ถึงอารมณ์หวามไหวที่น่าหวั่นกลัว ขณะเดียวกันก็เย้ายวนชวนให้โอนอ่อนตาม“คุณเล็ก...”เสียงครวญหลุดออกมา ดวงหน้านวลแหงนหงาย เสียงครางอือดังในลำคอระหงเมื่อเขาจูบไล้เนินเนื้อนวล ระเรื่อยลงกวาดชิมส่วนลี้ลับของกายเธอจนสัมผัสว่าหญิงสาวพรั่งพร้อมด้วยหยาดน้ำผึ้งหวานที่ฉ่ำเยิ้ม รัชภาคย์ปีนป่ายขึ้นมาทาบทับ ดันเรียวขางามเปิดกว้างเพื่อรองรับตัวตนของเขาพราวพิชชาผวาเฮือกขึ้นเมื่อความแข็งขึงร้อนผ่าวจดจ่ออยู่กับส่วนอ่อนนุ่มของตัวเอง หล่อนเม้มริมฝีปากแน่น สองมือเกาะไหล่กำยำแน่นอย่างหวาดหวั่นและจำยอมความเจ็บตึงแผ่ซ่านเมื่อความใหญ่โตขยับเบียดแทรกสู่ช่องทางอุ่นนุ่มที่คับแน่น เสียงครางกระหึ่มดังในลำคอหนาเมื่อเขาต้องบอกตัวเองให้ใจเย็นและอดทนรอ ค่อยๆ ขยับดันแก่นกายตนเข้าสู่ร่างเธอ“พอ...เจ็บ ออกไป”รัชภาคย์กอดรัดร่างงามไว้แน่น กดแก่นกายลึกลง จมดิ่งในความอุ่นชื้นที่รองรับอยู่“นอนนิ่งๆ อย่าต่อต้านผม ผ่อนคลายนะคนดี”เขากระซิบแผ่วเมื่อรู้สึกถึงความคับแคบในช่องทางที่พยายามแทรกผ่าน ข่มกลั้นอารมณ์ดิบที
“ผมอยากรู้มากกว่านี้”“คุณแหววสามารถย้ายมาทำงานที่เชียงราชโดยเป็นตัวแทนของบริษัทที่เธอสังกัดอยู่ ถ้าผมทำเรื่องขอตัวไป เพราะเราต้องมีฝ่ายบริการดูแลเรื่องซอฟต์แวร์ในบางโมดูลจากทางนั้นอยู่แล้ว และคุณแหววก็คุ้นเคยกับทีมงานเราดีเพราะเคยร่วมงานกัน”“แต่เท่าที่ผมรู้คุณแหววเป็นเลขา...งานพวกนี้เกี่ยวอะไรกับเธอ”“คุณแหววเป็นโปรแกรมเมอร์มือฉกาจ เธอเทกคอร์สเลขานุการเพิ่ม และเริ่มงานจริงจังในตำแหน่งเลขาของผู้บริหารในบริษัทซอฟต์แวร์ใหญ่ของเพิร์ท...คุณคงรู้แล้วว่าเธอเคยสมัครงานกับบริษัทผม เราอยากได้เธอมาร่วมงาน แต่จังหวะเวลาไม่ให้ ตอนนั้นเราขยายงานในออสเตรเลียอยู่ ถ้าได้คนที่คุ้นเคยและคล่องตัวในการประสานงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ก็จะดี ซึ่งคนที่ได้คะแนนเหนือกว่าเธอเป็นคนพื้นเพของเมืองนั้น”“ผมเข้าใจ...เธอก็เข้าใจดีด้วย”“ครับ คุณแหววเป็นคนทำงานมืออาชีพ เธอเข้าใจเรื่องพวกนี้ไม่ยาก ผมชื่นชมเธอ”“ถ้าคุณเห็นว่าคุณสมบัติของเธอเหมาะสมกับงานที่ว่า คุณพร้อมที่จะทำเรื่องไปยังต้นสังกัดเธอไหม
คำถามจากด้านหลังทำให้พราวพิชชาสะดุ้งด้วยไม่ทันรู้ตัว หันขวับมองเขา อื้ออึงในคำถาม ทบทวนซ้ำอีกรอบก็ไม่รู้ว่าคำถามครอบคลุมแค่ไหน“น่าอยู่สิคะ ไม่อย่างนั้นจะมีคนมากมายเข้ามาปักหลักที่นี่หรือ...คุณไรวินทร์ก็จะย้ายออฟฟิศจากเพิร์ทมาที่นี่เหมือนกัน”พราวพิชชาคิดดีแล้วว่าจะขอยืมชื่อของผู้ชายที่รู้จักกันไม่นานนัก หากชอบพออัธยาศัยของเขามากระตุ้นคนตรงหน้ารัชภาคย์มองหญิงสาวนิ่ง แววตาไม่เปลี่ยนไป เขาพยักหน้าเหมือนรับรู้...แค่นั้น ทำให้พราวพิชชาใจแป้วได้อีก แต่เมื่อคิดจะรุก ก็ควรเดินหน้าต่อ เพราะคนอย่างพราวพิชชาไม่ชอบทำอะไรค้างๆ คาๆ“คุณเล็กถาม...”“แล้วคุณล่ะอยู่ได้ไหม ถ้าผมขอให้คุณอยู่เชียงราช คุณจะรับข้อเสนอของผมไหม”หัวใจสาวเต้นโครมคราม ริมฝีปากบางสั่นระริกกับคำถามที่สวนมาก่อนเธอจะพูดจบ...คำถามนี้ไม่ใช่หรือที่เธอรอคอย“แล้วจะให้แหววอยู่เพื่ออะไรคะ แหววมีชีวิตและมีงานที่เพิร์ท แถมพ่อกับแม่ก็ย้ายไปอยู่ด้วย พวกท่านตั้งใจจะใช้ชีวิตในบั้นปลายที่นั่น”“ผมคิดว่าพ่อแม่คุณย้ายไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับคุณต่างหาก
“ทำไมทำหน้าไม่ค่อยดี ผมไม่รู้จะปลื้มดีหรือเปล่า คุณตอบรับรักด้วยสีหน้าแบบนี้” บอกว่าไม่รู้ตัวเองควรรู้สึกอย่างไร แต่สีหน้าและแววตาบ่งบอกว่าชอบอกชอบใจจนเกินร้อยแล้วและอีกคนก็รำพึงตอบลอยๆ เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด“แหววเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองขี้หึง”“เพิ่งรู้สึก…”“แหววไม่เคยคบใคร...บางทีอาจทำตัวไม่ถูก”“กังวลอยู่หรือเปล่า อยู่กับผม คุณสบายใจได้ ผมไม่ใช่มนุษย์สมบูรณ์แบบ ถ้าคุณคิดว่ามีอะไรแย่ๆ ในตัว ปล่อยออกมาเลย ผมรับรองว่ามันไม่มากกว่าที่ผมเป็นอยู่ อย่างเช่นขี้หึง ขอบอกว่าผมเป็นมากกว่าคุณ...ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่มาอยู่ในบ้านผมได้หรอก”รัชภาคย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ พราวพิชชาเอียงคอมอง แต่เลือกที่จะไม่ถามในเวลานี้ กลับทบทวนถึงความรู้สึกตัวเอง“แปลกดีนะ เมื่อปลายปีก่อน มนุษย์คนสุดท้ายที่ฉันจะอยากอยู่ใกล้และอยากเห็นหน้า...ก็คือคุณ แต่พอวันนี้กลับเป็นคุณที่ฉันหวง ไม่อยากให้ไปอยู่ใกล้ใคร”“ญาณิน...คุณติดใจอะไรญาณิน” รัชภาคย์หรี่ตาถาม เมื่อจับจุดในถ้อยคำของเธอได้
ผู้หญิงสาวผิวขาวร่างโปร่งบางที่พราวพิชชาตามมาห่างๆ เดินช้าลง หล่อนรอจนผู้ชายสองคนผละแยกไปคนละทางรัชภาคย์เดินมาสู่ทิศทางสำนักงาน...เคบินที่ใช้เป็นห้องทำงานส่วนตัว โดยอ้อมไปทางด้านหน้า ทางเดียวกับที่ธนัทเพิ่งใช้นำเธอมา...ส่วนผู้หญิงคนนั้นกลับเดินสวน ผ่านหน้าสโมสรเลยไปพราวพิชชาซอยเท้าตามอย่างอยากรู้สุดฤทธิ์ กระทั่งเห็นภาพเบื้องหน้าเต็มๆ ถึงกับอ้าปากค้าง ตาโตเบิกกว้างผู้หญิงสวยเด่นตรงไปหาแขกหนุ่มคนนั้น...หล่อนไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่รัชภาคย์!โล่งใจมากอยู่หรอก ไม่ปฏิเสธว่ายินดีจนเหมือนท้องฟ้าพลันสว่างโล่งจากที่เห็นแต่ความอึมครึมเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนสองคนนั้นรู้จักกัน...แต่ในแง่ไหนพราวพิชชาก็ไม่รู้ หากคงไม่ใช่ในสถานะธรรมดา เพราะเห็นผู้หญิงทำลับๆ ล่อๆ เหมือนไม่อยากให้ใครรู้เห็นตอนไปหาเขาอยู่จนฝ่ายหญิงวิ่งไปใกล้ ฝ่ายชายกำลังเปิดประตูรถตอนหลังจะก้าวขึ้นไปนั่งก็ชะงักแล้วหันมอง สองคนนั้นพูดอะไรก็ไม่รู้ ท่าทางผู้ชายไม่สนใจ ผู้หญิงตามไปยื้อประตูรถ จนลูกน้องตัวใหญ่สองคนมาประกบข้าง แล้วดึงตัวหล่อนออกมาพราวพิชชากำมือแน่น กัดฟันกรอด ผู้ชายสอ
พราวพิชชานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานไม้เนื้อดี เก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียว นอกเหนือจากเก้าอี้ตัวใหญ่ของรัชภาคย์ห้องทำงานบอกความเป็นตัวตนของเขา แม้ข้างนอกที่เห็นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัยผุดอยู่กลางป่าเขา แต่พอเป็นพื้นที่ส่วนตัว เช่นห้องทำงานก็มีแต่ของใช้จำเป็น จะว่าไปพราวพิชชาก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเท่าที่เห็นและสัมผัสตัวตนของเขา รัชภาคย์ก็เป็นแบบนี้แหละ เรียบง่ายเสียทุกอย่าง แม้กระทั่งห้องนอนที่เธอได้เห็น...และเคยใช้ร่วมกันพราวพิชชาหน้าแดงก่ำอยู่คนเดียว กัดริมฝีปากกลั้นยิ้มระงับความขวยเขิน หลายวันมานี้เธอกับเขาขลุกอยู่ด้วยกัน บางวันถึงขั้นลืมวันลืมคืน จะมีก็วันนี้แหละที่รัชภาคย์ต้องเข้าเหมือง บอกว่ามีธุระจำเป็น เขาอิดออดอยู่นาน พราวพิชชาก็งงในท่าที กระทั่งมาเข้าใจดีเมื่อใกล้จะถึงเวลาแล้วบอกให้เธอไปแต่งตัวใหม่เพื่อจะได้ตามเขามาที่นี่ด้วยพราวพิชชายินดีอยู่แล้ว แม้จะชอบช่วงเวลาที่มีเขาอยู่ใกล้ ขลุกอยู่ด้วยกันภายในบ้านของเขา หากเธอก็ยังอยากเปิดหูเปิดตาอยู่ แต่พอเขาจะพาออกไปรับประทานอาหารข้างนอก กลับเป็นเธอที่อึกอัก...กลายเป็นวัวสันหลังหวะที่ทำผิดไว้จนกลัวใครจับได
พราวพิชชาจับตามองว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ และหล่อนก็ไม่มีทางช่วยเขาให้ผ่านช่วงเวลายุ่งยากนี้ไปง่ายๆ แน่นอนว่าถ้ารัชภาคย์อยากผ่านก็ต้องก้าวข้ามมันมาหาเธอด้วยตัวเองหญิงสาวให้คะแนนความพยายามของเขาเต็มร้อย ส่วนผลของความโรแมนติกนั้นหรือ...ต้องรอให้ถึงเวลานั้นเสียก่อนแล้วรัชภาคย์ก็เดินมาถึงพร้อมกับลิลลี่หอบใหญ่ ทุกย่างก้าวเขารู้สึกราวว่ากำลังข้ามภูเขาลูกใหญ่ๆ นับสิบลูกซ้อน...“ดอกไม้ช่อแรกจากผมให้คุณ พร้อมความตั้งใจว่าตั้งแต่นี้ต่อไปชีวิตผมจะมีคุณอยู่เคียงข้าง และทุกสิ่งที่เกิดกับคุณ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ผมพร้อมจะแบ่งบัน แค่คุณเปิดรับผม”แม้ตั้งใจว่าจะใจแข็งอีกนิด ไม่ใช่ด้วยอยากพิสูจน์หัวใจและความจริงใจของเขา แต่พราวพิชชาต้องการเวลาสำหรับตัวเองต่างหาก หัวใจเอนเอียงหารัชภาคย์ตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่หล่อนยังมีภาระและมีสิ่งค้างคาเก่าก่อน อยากสะสางมันให้เรียบร้อยก่อนตกลงใจรับเขาเข้ามาเมื่อคิดจะร่วมทางกัน พราวพิชชาก็อยากให้ตัวเองเกื้อหนุนรัชภาคย์ได้เช่นกัน ไม่ใช่เข้ามาเพื่อจะกอบโกยจากเขาหรือหักล้างในบางสิ่งที่ยังติดค้างกันอยู่“ขอบคุณค่ะคุ
“ถามตัวเองเถอะค่ะว่าแหววควรมั่นใจคุณแค่ไหน”“จะให้ผมสาธยายให้คุณฟัง หรือยกแม่น้ำกี่ร้อยพันสายมายืนยัน มันก็ไม่เท่ากับคุณอยู่พิสูจน์เอง”“แล้วก็วกมาเรื่องชวนลูกสาวเขาหนีมาอยู่กับตัวเอง”“อยากได้อะไรเป็นหลักประกันล่ะ”“ทั้งตัวและหัวใจของคุณ...มั่นใจเมื่อไหร่ว่ายกให้แหววจริงๆ แล้วค่อยมาบอก”“วันนี้เลยไง”“ไม่ค่ะ คุณยังไม่ได้ทวนถามตัวเอง แหววเกรงว่าคุณแค่อยากเอาชนะ หรือรั้นจะตามใจตัวเอง”“ผมอายุตั้งเท่าไหร่แล้วคนสวย มองความจริงบ้างสิ ส่วนคุณแม้จะไร้เดียงสาในบางเรื่องซึ่งผมก็มั่นใจว่ามีฝีมือพอจะสอนคุณ” เขาพูดถึงเรื่องอะไร พราวพิชชารู้ทัน ยกมือขึ้นหยิกหมับเข้าให้ ไม่อยากให้เขาเถลไถลออกนอกเรื่อง “คุณเป็นคนมีความคิด เป็นผู้หญิงที่ช่างมีเหตุผล และค่อนข้างมั่นคง ผมเชื่อตัวเองว่าดูคุณไม่ผิด ดังนั้นถ้าเราจะตัดสินใจอะไรในตอนนี้ ผมเชื่อว่าทั้งคุณและผมต่างก็ทำเพราะหัวใจและความต้องการของเรา...ผมรักคุณ เชื่อในตัวคุณ แม้เวลาสั้นมาก แต่อยากให้คุณจำไว้”&ld
“เอางั้นเหรอ ความลับที่ว่าคืออะไร ถ้าเรื่องส่วนตัว...ผมไม่ห่วงว่าจะลึกซึ้งขนาดไหน ผมมั่นใจในตัวคุณ”รัชภาคย์ว่าอย่างมั่นใจ พราวพิชชาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ แม้ลึกๆ จะแอบดีใจที่เขาไว้ใจหล่อนในเรื่องนี้ เพราะหล่อนยังมีบางเรื่องที่ต้องทำต่อ...และเกี่ยวพันกับไรวินทร์โดยตรง“ทำมาเป็นพูดดี ทีตอนแรกระแวงยังกับอะไรดี ว่าแหววเสียๆ หายๆ ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่”“ผมขอโทษ ปากไม่ดี ทั้งที่เชื่อใจคุณอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบที่เอะอะก็พูดถึงแต่นายนั่น เขาสำคัญกับคุณมากหรือไง ได้ข่าวว่าย้ายมาจากเพิร์ทด้วยนี่”“ไม่ได้รู้จักกันเป็นส่วนตัวหรอกค่ะ รู้จักผ่านงาน แหววเป็นเลขาในบริษัทคู่ค้าของคุณไรวินทร์ แหววเคยสมัครงานในออฟฟิศคุณไรวินทร์ด้วย แต่เขาไม่รับเพราะคุณสมบัติไม่ถึง”“แล้วยังไปยุ่งกับเขาอีกทำไม”พอนึกว่าไรวินทร์ไม่เห็นค่าของพราวพิชชา...จะแง่ไหนก็เถอะ ฟังแล้วรัชภาคย์ก็ฉุนกึก“คุณสมบัติไม่ถึงเพราะแหววไม่ใช่คนออสซี่ เขาต้องการคนที่คล่องแคล่วมากกว่าแหวว แต่พอเขาจะย้ายมาเชียงราชก็เกิดสนใจขึ้นมา แต่ติดป
ความสุขที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่จริงกำลังโถมหาพราวพิชชาจนเธอตั้งรับแทบไม่ทัน...มันยังคงทักทายเธออยู่จนอยากจะลืมวันลืมคืนสองข้างทางที่รถแล่นผ่านดูงดงาม ขุนเขาที่เธอเห็นไกลจนคุ้นตายิ่งขยับมาใกล้สายตาเรื่อยๆ“สวยจังค่ะ เหมือนไม่ใช่ทัศนียภาพเมืองไทยเลย”“คุณไม่คุ้นเองมากกว่า ภาคเหนือของไทยก็มีที่สวยๆ แบบนี้อีกหลายแห่ง”คนขับรถที่สวมแว่นตากันแดดราคาแพงปิดบังดวงตาคมเบือนมองเธอ ขยับมุมปากได้รูปยิ้มนิดเดียว หญิงสาวมองเขากลับ จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่มีหนวดเคราสั้นๆ ประดับทั่ว จมูกโด่งเป็นสันสวยอย่างที่คนมีเชื้อสายตะวันตกผสมจะพึงมี ปลายคางของเขาบึกบึน ไล่ลงมาเป็นแผงอกหนาที่หล่อนสัมผัสและจดจำได้ดีว่าแข็งแกร่งและทรงพลังแค่ไหน เรือนกายของเขาสูงใหญ่ แถมยังดูสมาร์ตทุกท่วงท่า...ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินจนจับหัวใจตัวเอง“คุณเท่จัง”“หือ อะไรนะ”“แหววว่า...คุณดูดีมาก”เสียงหัวเราะห้าวดังก้องในรถจี๊ปสปอร์ต พราวพิชชายังทำใจกล้า มองเขายังไม่ยอมเบือนหลบ ตาสบตาที่ยังมีแว่นตากันแดดกางกั้นท