เมื่อมองไปที่ท่าทีตัดสินใจอย่างหนักแน่นก่อนจะกล้าเสนอราคานั้นของเย่เฟิง หลีหย่วนถึงกับอดไม่ได้ที่จะกระตุกหน้าเล็กน้อยคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่หลีหย่วนรู้ดียันต์สังหารที่กำลังประมูลอยู่นี่ มันเป็นของที่เย่เฟิงนำมาฝากขายเองแท้ๆ!แสบ! แสบจริงๆ!พี่เขยนี่มันเจ้าเล่ห์เหลือเกิน ไม่หลอกเย่อินเสวียนเข้า ก็ต้องหลอกทนายลวีได้!“2,100 ล้าน!”และแล้ว เมื่อเย่อินเสวียนเห็นเย่เฟิงเสนอราคา ก็ยกป้ายขึ้นเสนอราคาใหม่ทันที“2,150 ล้าน! คุณเย่ อย่าให้มันมากเกินไปนะ!”เย่เฟิงกัดฟันพูด“2,200 ล้าน!”“ไม่มีปัญญาจ่ายก็หุบปากไปเถอะ!”เย่อินเสวียนยิ้มเยาะตอบกลับ“โอเค ถือว่าคุณแน่!”เย่เฟิง ‘โมโห’ จนริมฝีปากกระตุก พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ โกรธ และข่มขื่นในขณะนั้นเอง ทนายลวีที่นั่งอยู่กลืนน้ำลายด้วยสีหน้าที่ทั้งแดงทั้งดำมองดูเย่เฟิงที่นั่งลงอีกครั้ง แล้วมองไปที่เย่อินเสวียน...เย่เฟิง ไอ้หน้าขาวนี่ไม่เสนอราคาแล้วเหรอ?ไม่เสนอราคาแล้วจริงๆ เหรอ?“2…2,250 ล้าน!”ในที่สุด ทนายลวีก็ยอมกัดฟันเสนอราคาใหม่ขึ้นด้วยความยากลำบากเงิน 2,500 ล้านที่ฉู่เทียนหลงให้เขามา เกรงว่าจะไม่พอ...ถ้าเย
ทนายลวีหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความสะใจในขณะนั้น หลีหย่วนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความได้ใจของทนายลวี ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ไอ้โง่! ขำจนฉันจะตายอยู่แล้ว!” ทนายลวีได้ยินก็หุบยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที “คุณชายหลี ช่วยรักษาความสุภาพหน่อย!” แต่หลีหย่วนกลับหัวเราะหนักกว่าเดิมไอ้นี่เอาแต่พล่ามไม่หยุด ยังกล้ามาสอนคนอื่นให้สุภาพอีก…ในจังหวะนั้นเอง เจ้าหน้าที่ของตระกูลกู่รีบวิ่งออกมาจากห้องด้านใน!“คุณเย่ รอเดี๋ยวครับ!” เจ้าหน้าที่วิ่งตามมาทัน ก่อนจะหยิบการ์ดทองคำที่มีอักษร “กู่” ขนาดใหญ่สลักอยู่ แล้วยื่นให้เย่เฟิงด้วยมือทั้งสองข้าง“คุณเย่ นี่คือบัตรสมาชิกระดับทองของงานประมูลตระกูลกู่ของเรา! การประมูลครั้งต่อไป หากคุณเข้าร่วม จะได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียม 3%!นี่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดซื้อขายรวมเกิน 2,000 ล้านเท่านั้นครับ” เจ้าหน้าที่พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ การจัดงานประมูลของตระกูลกู่ไม่ได้ให้ความสำคัญเฉพาะผู้ซื้อที่ใช้เงินมากเท่านั้นแต่ยังเห็นคุณค่าของผู้ที่นำของมาฝากขายอีกด้วย นี่เป็นการสร้างผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย “ขอบคุ
“ทนายลวีช่างมีอารมณ์ขันนะครับ แค่ประมูลยังทำให้ถึงกับกระอักเลือดได้ นับถือจริงๆ!”หลีหย่วนมองเหตุการณ์นั้นด้วยความสะใจ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เย่เฟิงหัวเราะเบาๆ แล้วเดินออกไปพร้อมหลีหย่วน ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องรับรองที่ตระกูลกู่จัดเตรียมไว้ เพื่อหาอะไรกินก่อนเข้าสู่รอบการประมูลในช่วงบ่าย แม้เย่เฟิงจะไม่ได้หยกวิญญาณสวรรค์มา แต่เขาก็ยังอยากดูว่ามีสมบัติอะไรที่เหมาะสมสำหรับเขาอีกหรือไม่ “พี่ลวี! พี่ลวีไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”สาวหน้าเน็ตไอดอลที่ยืนอยู่ข้างๆ ทนายลวีถึงกับตกใจ เมื่อเห็นเขากระอักเลือดออกมา “ไปให้พ้น!”ทนายลวีผลักเธอออกไปอย่างแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห จ้องมองเย่เฟิงกับหลีหย่วนที่เดินจากไป “ไอ้เย่เฟิง ไอ้หน้าขาว! จำไว้ ฉันจะเล่นงานแกให้ได้! แกไม่มีทางตายดีแน่!” เขาตะโกนด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปถามเจ้าหน้าที่ตระกูลกู่ด้วยน้ำเสียงกร้าว “หมอนั่นไปได้ยันต์นั่นมาจากไหน? พวกคุณรู้ไหม?” เจ้าหน้าที่ลังเลเล็กน้อย ก่อนตอบออกมาด้วยความสุภาพ เพราะอย่างไรคนคนนี้ก็สูญเงินไปเกือบ 2,500 ล้านในงานประมูล และเป็นลูกค้ารายใหญ่ของตระกูลกู่ด้วย“เขาบอกว่าได้มันมาจ
หลีหย่วนชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นแววตาเย็นเยียบของเย่เฟิง เขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายบางอย่าง ... บนเส้นทางภูเขาสายหนึ่ง เย่อินเสวียนขับรถเอสยูวีของเธอมา เธอได้ออกมาจากเขตอิทธิพลของตระกูลกู่แล้ว จู่ๆ ดวงตาคู่สวยของเธอที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ก็เหลือบมองกระจกมองหลัง พลางยิ้มอย่างมีเลศนัย เธอหักพวงมาลัยเข้าสู่เส้นทางลูกรังสายหนึ่งที่ดูเงียบสงบ ไม่นานนัก ด้านหน้าถนนก็มีร่างชายร่างสูงสง่าก้าวออกมาขวางทางรถ เย่อินเสวียนเปิดประตูรถลงมา ใบหน้าแสดงอาการประหลาดใจและสงสัย “คุณต้องการอะไร?” เย่เฟิงยืนนิ่ง สีหน้าราบเรียบ ก่อนจะเอ่ยคำสองคำ “ปล้น!” เย่อินเสวียนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะเสียงใสออกมา “ปล้น? พี่เฟิงนี่ตลกจริงๆ แล้วคุณจะปล้นอะไรดีล่ะ ทรัพย์สินหรือหัวใจของฉัน?” ผู้หญิงคนนี้เหมือนเกิดมาพร้อมกับเสน่ห์เย้ายวน เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ พร้อมกับหัวเราะอย่างมีเสน่ห์ แม้แต่เย่เฟิงที่ตั้งใจจะนิ่งเฉย ก็ยังรู้สึกเหมือนถูกเสน่ห์ของเธอกระตุ้น นี่มันศาสตร์เสน่ห์! ความคิดนั้นผุดขึ้นในใจของเย่เฟิง เขาจำได้ว่ามีศาสตร์ลึกลับที่ฝึกฝนเพื่อเสริมเสน่ห์เช่นนี้ “ผมต้อ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ เซียวคุนจะหลงเย่อินเสวียนจนแทบสิ้นสติ ถึงขนาดไม่ฟังคำพูดของพ่อแม่ตัวเอง ในตอนนี้ เย่เฟิงที่กำลังมองเย่อินเสวียน ก็ดูเหมือนจะหลงใหลในตัวเธอเช่นกัน เขาพยักหน้าแบบเหม่อลอย พูดเหมือนคนโง่ไปว่า "สวย!" เย่อินเสวียนหัวเราะอย่างสดใส ใบหน้างดงามดั่งดอกท้อ แต่ในใจเธอแอบเย้ยหยันไอ้คนไร้ค่า กล้าดียังไงมาขัดขวางแผนการของฉันหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องตกอยู่ในกำมือของฉัน!พิษปลิดวิญญาณที่ฉันใช้กับนายครั้งนี้ มันร้ายแรงกว่าพิษรักที่ใช้กับเซียวคุนเสียอีกถึงนายจะมีฝีมือแค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีรอดจากฉันได้!"คุณชอบฉันไหม?"เธอโอบรอบคอเย่เฟิง พลางเอ่ยเสียงอ่อนหวาน"ชอบสิ ชอบอยู่แล้ว" เย่เฟิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงหลงใหลจนดูไร้สติ "ในเมื่อชอบฉัน งั้นฉันจะถามคุณสักสองสามคำ คุณต้องตอบฉันตรงๆ นะ ถ้าไม่ตอบ ฉันจะไม่สนใจคุณอีกเลย!"เย่อินเสวียนยิ้มเยาะเล็กๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงคาดคั้น "ไม่นะ อย่าไม่สนใจผม! คุณถามมาเถอะ ผมจะตอบทุกอย่าง!"เย่เฟิงดูเหมือนตกใจ รีบตอบกลับทันที เย่อินเสวียนมองดูเย่เฟิงที่ทำท่าทีอ่อนแอเช่นนี้ ในใจแอบหัวเราะเยาะ (ไร้ค่าเสียจริง!)"ฉัน
เย่อินเสวียนปล่อยมือจากคอของเย่เฟิงอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็ขึ้นรถขับจากไป เย่เฟิงยืนอยู่ตรงนั้น มองตามรถของเธอที่ค่อยๆ หายลับไปจากสายตาเหมือนหลงใหลแต่ทันทีที่เขาหันหลังเดินจากไป สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที ในตอนนี้ เย่อินเสวียนคิดว่าเย่เฟิงตกอยู่ในอำนาจของเธอเรียบร้อยแล้ว แต่เธอไม่รู้เลยว่า พิษปลิดวิญญาณ ที่เธอส่งเข้าไปในตัวของเย่เฟิงนั้น ถูกพลังปราณมังกรที่อยู่ในร่างเขาปิดผนึกเอาไว้ตั้งแต่แรก เย่เฟิงลังเลเล็กน้อย แต่ไม่ได้ทำลายพิษนั้นในทันที!“แม่สาวน้อย หวังว่าเธอจะช่วยฉันตามหาพ่อแม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้น ฉันต้องขอบคุณเธออย่างสุดซึ้งแน่!” “เธอตามหาสร้อยหยกมังกร? หรือว่าเธอจะรู้ความลับของหยกเส้นนั้น...หรือบางทีอาจเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของฉันก็ได้?” “อ้างว่าเป็นญาติฉัน? เชื่อก็บ้าแล้ว” ... ในคืนนั้น เย่เฟิงออกจากบ้านพัก เดินทางไปยังยอดเขาที่ไร้ผู้คน ก่อนจะนั่งลงในท่าขัดสมาธิ หินหยกศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่เบื้องหน้าเขา แสงสีเรืองรองที่ส่องประกายอย่างนุ่มนวลทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ พลังปราณที่บริสุทธิ์ค่อยๆ ไหลออกมาจากหยกนั้น ตามจังหวะลมหายใจของเย่เ
เย่เฟิงจำเอกสารฉบับนั้นได้ดี! นี่มันคือ สัญญาแต่งงานหลอกๆ ที่หลีเอียนเคยเซ็นไว้กับเขาในตอนแรกไม่ใช่เหรอ? แล้วนี่มันอะไร...ฉีกมันทิ้งไปแบบนี้เนี่ยนะ? "นี่หมายความว่ายังไง? หรือว่าคุณไม่พอใจที่ผมดูแลคุณไม่ดีเลยคิดจะจบเรื่องทั้งหมดตรงนี้?" เย่เฟิงขมวดคิ้ว สีหน้าเริ่มไม่สู้ดีถามออกไป ไม่เข้าใจเลยว่าอยู่ดีๆ ทำไมเธอถึงฉีกสัญญาทิ้ง "คนโง่!" เมื่อได้ยินคำถามนี้ หลีเอียนก็หันมาด่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ จากนั้นก็พูดเสียงเย็นๆ ว่า "ตอนบ่ายฉันจะเคลียร์เวลาไว้ ไปเลือกชุดแต่งงานกับเครื่องประดับแต่งงานด้วยกันสิ" "เอ่อ..." เย่เฟิงได้ยินแล้วถึงกับอึ้ง แต่พอได้สติกลับมาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ "ที่แท้ คุณจะทำให้ผมกลายเป็นสามีจริงๆ นี่เอง?" ใบหน้าที่สวยงามของหลีเอียนขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอเบือนหน้าหนีเล็กน้อยก่อนพูดเสียงกระด้าง "อย่ามโนไปเอง! ใครบอกจะให้คุณเป็นสามีจริงๆ ของฉัน?ที่ทำแบบนี้ก็เพราะพ่อแม่ของฉันทั้งนั้น! ก็แค่ทำให้พวกเขาพอใจเฉยๆ!" เย่เฟิงยิ้มออกมาอีกครั้ง "ถูกต้อง เราต้องทำให้พวกเขาพอใจ" "ไอ้บ้า! หุบปากไปเลย!"เห็นเย่เฟิงยิ้มกวนประสาท หลีเอียนถึงกับเขินจนเตะหน้าเขา
จะให้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้จริงๆ เหรอ? ในตอนนั้นจิตใจของหลีเอียนก็ปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก แต่เพียงชั่วพริบตา เมื่อเธอหันไปมองเย่เฟิงที่อยู่ข้างๆ จู่ๆ ความวุ่นวายในใจเธอกลับสงบลง ภาพของเจ้าชายในฝันที่เธอเคยจินตนาการ ค่อยๆ ทับซ้อนกับภาพของผู้ชายคนนี้อย่างน่าประหลาด "ไม่มีอะไร เราเข้าไปเลือกชุดแต่งงานกันเถอะ" หลีเอียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้ม ดวงตาคลอไปด้วยหยดน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง เย่เฟิงรู้สึกหัวใจเต้นแรงในวินาทีนั้น เขารู้สึกว่า หลีเอียนในตอนนี้ช่างงดงามจนแทบลืมหายใจ แต่ในขณะเดียวกัน เสียงที่ไม่น่าฟังเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นขัดจังหวะ "โอ๊ะ! พี่? ควงไอ้หน้าขาวมาดูชุดแต่งงานเหรอ?" เมื่อได้ยินเสียงนี้ ทั้งหลีเอียนและเย่เฟิงต่างขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ "ใช่แล้ว! พ่อกับแม่ฉันบอกว่าต้องฉลองสองงานพร้อมกัน หลังจากที่ฉันได้บริษัทกลับมา เราก็จะจัดงานแต่งงานกัน พอดีเลยว่าจะเลือกชุดแต่งงานสักหน่อย ถิงถิง ไม่คิดจะเลิกนิสัยปากร้ายบ้างเหรอ? แบบนี้ใครจะอยากได้ไปเป็นเมียกัน?" หลีเอียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ทุกคำพูดกลับจี้ใจดำของหลีถิงจนหน้าบึ้งตึง เมื่อได
เย่เฟิงมีสีหน้าเคร่งขรึม มองดูนั่วนั่ววิ่งไปหาโจวชิ้ง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขวางตอนนี้การห้ามนั่วนั่วไม่ให้ติดต่อกับโจวชิ้ง จะมีแต่ทำให้เกิดผลลบ"นั่วนั่ว เด็กดี! คิดถึงแม่ไหม?"โจวชิ้งยื่นแขนออกมา ถามนั่วนั่วฟิ้ว!ในขณะนั้นเอง ก็มีกระถางต้นไม้หล่นลงมาจากฟ้า!จากความเร็วและวิถีการตก ดูเหมือนว่าจะหล่นใส่นั่วนั่วเย่เฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบจะปกป้องลูกสาวแต่ปฏิกิริยาของโจวชิ้งกลับเร็วกว่าเย่เฟิง เธอพุ่งไปหานั่วนั่วอย่างรวดเร็ว อุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนป้องกันเอาไว้ฟิ้ว!ผ่านไปครู่หนึ่ง กระถางต้นไม้ตกลงมาใกล้จะกระแทกหัวโจวชิ้งโจวชิ้งหลับตา ในใจต่อสู้กับความลังเล แต่สุดท้ายก็กัดฟันไม่ขยับเธอรู้ว่านี่เป็นเพียงกระถางเปล่า!หากโดนตกใส่ อย่างมากก็แค่หัวแตกเย็บไม่กี่เข็ม ร้ายแรงสุดกฌคงกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย แต่ไม่ถึงตายเย่เฟิงมองดูการกระทำของโจวชิ้งในตอนนี้ ดวงตาของเขาหดแคบลงเล็กน้อยปัง!ในที่สุด ก่อนที่กระถางต้นไม้จะกระแทกหัวโจวชิ้ง เย่เฟิงก็ลงมือ!เขาตบกระถางต้นไม้จนแตกเป็นผุยผง กระจายไปทั่วตัวของโจวชิ้งแต่สุดท้ายก็ไม่มีภาพเหตุการณ์ที่เธอต้อ
"ได้! ผมอยากรู้เหมือนกันว่าคุณอยากจะพูดอะไร"โจวชิ้งมองเย่เฟิงด้วยสายตาที่ซับซ้อน ก่อนจะเดินนำไปก่อนเย่เฟิงกระตุกยิ้มเย็นพร้อมกับจูงมือนั่วนั่วตามไปเขาอยากรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไร?หลังจากเดินมาได้สักพัก!โจวชิ้งหยุดอยู่ในย่านที่เต็มไปด้วยอะพาร์ตเมนต์เก่า 6 ชั้นใกล้กับโรงเรียนอนุบาลเหวินเฟิงไม่รู้ว่าเธอเดินมาไกลเพราะไม่อยากถูกมอง หรือมีเหตุผลอื่น"อยากพูดอะไรก็ว่ามา"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์เขาจูงมือนั่วนั่วไว้แน่น ยืนอยู่ใต้อะพาร์ตเมนต์เก่าพร้อมกับโจวชิ้ง"อาเฟิง…ให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม?""ช่วงที่ผ่านมาฉันเพิ่งเข้าใจว่าชีวิตฉันที่ไม่มีคุณกับลูก ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้เลย""ฉันคิดถึงพวกคุณทั้งกลางวันและกลางคืน ในฝันฉันก็ยังเห็นหน้าคุณกับนั่วนั่ว…"โจวชิ้งพูดพลางสะอื้น น้ำตาคลอเบ้าเธอย่อตัวลงไปหานั่วนั่ว พยายามจะจับมือลูก "นั่วนั่ว หนูคิดถึงแม่บ้างไหม?"ทันใดนั้น เย่เฟิงดึงนั่วนั่วมาอยู่ข้างหลังเขาทันที น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือก "อย่ามาแตะต้องลูก!"โจวชิ้งมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าทุกข์ใจ เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ครั้งที่แล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายลูกเ
บ่ายวันนั้น!ขณะที่เย่เฟิงไปรับนั่วนั่วจากโรงเรียนอนุบาล เขาพบว่าคุณครูซู ซึ่งเป็นครูประจำชั้นที่มีนิสัยประจบสอพลอ ถูกแทนที่ด้วยครูสาวคนใหม่ที่ดูอ่อนเยาว์และสดใสดูเหมือนว่าคุณครูซูจะถูกไล่ออกแล้วแต่ในขณะที่เย่เฟิงจูงมือนั่วนั่วเดินออกจากโรงเรียน เขากลับเจอคนที่เขาไม่อยากพบที่สุดในตอนนี้"เย่เฟิง…"เสียงที่เจือความรู้สึกซับซ้อนดังขึ้น"ลูกเขย หลานสาวสุดที่รัก!""หลานสาวคนดี มาให้คุณตาอุ้มหน่อยเร็ว!"โจวชิ้งพร้อมกับจ้าวเหม่ยฟ่ง และโจวเพ่ยหยิน เดินตรงเข้ามาหาด้วยท่าทีที่ดูอบอุ่นโจวเพ่ยหยินถึงกับนั่งยองๆ ตบมือเรียกนั่วนั่วเหมือนกำลังแสดงความรักอันล้นหลามแต่นั่วนั่วกลับจับมือเย่เฟิงแน่น แล้วถอยหลังไปหลบหลังเขาเล็กน้อยโดยเฉพาะตอนที่มองไปที่โจวชิ้ง เด็กน้อยดูหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดเธอไม่ลืมเหตุการณ์ครั้งก่อนที่โจวชิ้งพาเธอไปยังที่ลับตา และเกือบส่งตัวเธอให้คนแปลกหน้า"นั่วนั่ว เป็นอะไรไปลูก? นี่หนูจำแม่กับคุณตาคุณยายไม่ได้แล้วเหรอจ๊ะ?"จ้าวเหม่ยฟ่งพูดพร้อมรอยยิ้ม "ใจดี"เย่เฟิงมองคนทั้งสามด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "โจวชิ้ง เธอคิดจะทำอะไรอีก?"ผู้ห
"ติดต่อกันบ่อยๆ นะ ครั้งหน้าฉันจะพาภรรยามาแนะนำให้รู้จัก เธอสองคนต้องได้เป็นเพื่อนสนิทกันแน่ๆ!"เย่เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่คำพูดกลับแฝงไปด้วยนัยบางอย่างเจียงหว่านชะงักไปเล็กน้อย ก่อนถามด้วยความสงสัย "ภรรยาของนาย? นาย…ไม่ได้หย่าหรอกเหรอ?""แต่งงานใหม่น่ะ…"เย่เฟิงตอบพร้อมหัวเราะเจียงหว่าน "อ๋อ" ออกมาเบาๆ ดวงตาเธอฉายแววหม่นหมองหมอนี่แต่งงานใหม่แล้วสินะ…เหอะๆ นี่ฉันคิดไปเองอีกแล้ว!ก็จริง ตอนนี้เย่เฟิงประสบความสำเร็จขนาดนี้ จะขาดผู้หญิงได้ยังไง?"ได้สิ ติดต่อกันบ่อยๆ นะ!"เจียงหว่านพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูฝืนเล็กน้อยเย่เฟิงมองเจียงหว่าน ผู้หญิงที่เขาเคยแอบชอบในอดีต ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงและความอ่อนล้า"ติดต่อกันนะ! ถ้าเธอมีปัญหาอะไร สามารถมาหาฉันได้เสมอบางที…ฉันอาจจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง"เจียงหว่านพยักหน้า "อืม" ก่อนจะบอกลาและเดินจากไปแต่ไม่รู้ว่าเธอจะเก็บคำพูดของเย่เฟิงไว้ในใจจริงๆ หรือเปล่าสองชั่วโมงต่อมา…เหอปิง หลี่เวย และเจี่ยอี้ เดินออกมาจากโรงแรมโกลด์เดนรอยัล ในสภาพย่ำแย่ปากของพวกเขาบวมเป่งจนแทบมองไม่ได้ พวกเขารีบโทรเรียกรถพยาบาลทันทีที่ออกมา
ทันทีที่ทั้งสามคนคิดว่าจะหนีรอดได้ ก็ต้องชะงักเมื่อเย่เฟิงเรียกพวกเขาไว้!เหอปิง หลี่เวย และเจี่ยอี้ ตัวสั่นด้วยความกลัว ใบหน้าซีดเผือด"เย่… เย่เฟิง…คุณเย่ ฉัน…ฉันแค่พูดเล่นน่ะ ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน คุณ…คงไม่คิดจริงจังใช่ไหม?"หลี่เวยพูดตะกุกตะกักด้วยความหวาดกลัว"เย่เฟิง ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องมีอนาคตที่สดใส! และดูเหมือนฉันจะคิดถูกฉัน… ยังไงฉันก็เคยเป็นครูของนาย…"เหอปิงพยายามฝืนยิ้มและพูดอ้อนวอนด้วยเสียงต่ำคนอย่างพวกเธอที่ชอบดูถูกคนจนและประจบคนรวย ย่อมเปลี่ยนท่าทีได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ!แต่การที่เย่เฟิงเรียกพวกเธอให้หยุด กลับทำให้ทั้งสองคนกลัวแทบหัวใจวาย"พวกเธอ…ช่วยพูดอะไรแทนครูหน่อยสิ!"เหอปิงร้องขอเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ด้วยเสียงสะอื้นแต่ไม่มีใครกล้าออกหน้า ทุกคนรีบหนีออกไปจากห้องราวกับกลัวว่าจะเดือดร้อนเมื่อเห็นว่าไม่มีใครช่วย สีหน้าของเหอปิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือด เธอมองเย่เฟิงด้วยความหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง"เย่เฟิง…คุณเย่! ฉันเป็นครูของนาย นายทำแบบนี้กับฉันไม่…”"อุ๊บ…"คำพูดยังไม่ทันจบ เย่เฟิงก็คว้าเก้าไม้ออกมา หักที่พักแขนจนขาด จากนั้นใช้มือเปล่าบีบมันจ
เจี่ยอี้อึ้งจนพูดไม่ออก!เหอปิง ครูประจำชั้นเก่ามองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ!หลี่เวยอ้าปากค้างจนสามารถใส่กล้วยได้สองลูก…เย่เฟิงที่พูดว่าโรงแรมนี้เป็นของเขา เป็น…เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?ลูกพี่ลูกน้องของหวงเจี้ยน ผู้ที่ว่ากันว่าเป็นคนใหญ่คนโตในโลกใต้ดิน กลับทำงานอยู่ใต้คำสั่งของเย่เฟิง?นี่มัน…เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!ในตอนนั้น เฮียเฉวียนหันไปยิ้มแหยๆ ให้เย่เฟิง "คุณเย่ครับ สรุปแล้วเจ้าเด็กหวงเจี้ยนมันล่วงเกินคุณยังไงเหรอครับ? บอกผมเถอะ ไม่ต้องลงมือเอง ผมจะจัดการมันให้เอง!""เหอะๆ น้องชายนายเป็นมิตรเกินไปน่ะ มันอยากให้ฉันลองชิมรสชาติไวน์บนรองเท้าของมัน!"เย่เฟิงปล่อยมือจากหัวหวงเจี้ยน พร้อมหัวเราะเย็นๆ"ไวน์บนรองเท้า?"เฮียเฉวียนขมวดคิ้ว ก่อนจะเข้าใจและใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธทันทีที่คิดได้ เขาเดินอย่างรวดเร็วไปหาหวงเจี้ยน หยิบขวดไวน์บนโต๊ะแล้วฟาดเข้าที่หัวหวงเจี้ยนเต็มแรง"ไอ้เวรนี่! อยากตายรึไง?!"เพล้ง!"หวงเจี้ยน คิดว่าบ้านมีเงินหน่อย แล้วจะครอบงำทั้งหยุนเฉิงได้รึไง?"เพล้ง!"โรงงานกระจอกๆ สองสามโรงของพ่อแก จะทำให้นายลอยฟ้าได้เลยเหรอ?"เพล้ง!"ไอ้เวรตะไล! กล้าลามปามคุณเ
"ไอ้บ้า เย่เฟิงมันเสียสติไปแล้ว!""นึกว่ามีเงินนิดหน่อยจะยุ่งกับใครก็ได้เหรอ? กล้าตบหวงเจี้ยน นายจบเห่แน่!"เจี่ยอี้ยกมือกุมหน้าตัวเอง พลางกัดฟันพูดในใจคนอื่นๆ ในห้องก็คิดเหมือนกัน ว่าเย่เฟิงคงจะทำอะไรไม่คิดถึงผลที่จะตามมา และครั้งนี้เขาคงสร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเองแล้ว"ไอ้ขยะ! โมโหไร้เหตุผล! ทำอะไรก็ไม่คิดถึงผลลัพธ์!"เหอปิง ครูประจำชั้นเก่า ด่าขึ้นด้วยความโมโห"ตบซะสะใจแบบนี้ เดี๋ยวครอบครัวคุณชายหวงคงจัดการนายให้ตายแน่!"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ไม่ต้องรอถึงครอบครัว คุณชายหวงโทรหาเฮียเฉวียนแล้ว หมอนี่ต้องตายเร็วๆ นี้แน่นอน!"ผู้หญิงอีกคนพูดพลางหัวเราะเยาะถึงจะพูดแบบนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปหยุดเย่เฟิง เพราะพลังอันดุดันของเขาทำให้ทุกคนหวาดกลัวเย่เฟิงในขณะนี้ น่ากลัวมาก!มีเพียงเจียงหว่านที่พยายามดึงแขนเย่เฟิง พลางพูดด้วยความร้อนใจ "เย่เฟิง พอได้แล้ว! ถ้านายยังทำแบบนี้ต่อไป เดี๋ยวจะถึงขั้นฆ่ากันตายนะ! ครอบครัวหวงเจี้ยน นายสู้พวกเขาไม่ได้หรอก รีบไปเถอะ ก่อนจะสายเกินไป!""ไม่เป็นไร"เย่เฟิงพูดอย่างเรียบๆ จากนั้นก็ยกตัวหวงเจี้ยนขึ้นมาอีกครั้งเจียงหว่านเห็นท่าทีไม่แยแ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวงเจี้ยนชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ปาแก้วไวน์ในมือลงพื้นจนแตกละเอียด"แกล้งทำตัวใหญ่โตไปได้! ถ้านายไม่อยากไสหัวไป ก็เลียรองเท้าฉันให้สะอาดซะสิ! ฉันอาจเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นแล้วให้นายอยู่กินข้าวได้!""เอาสิ! ตอนเรียน นายก็เก่งเรื่องซักถุงเท้ากับขัดรองเท้าอยู่แล้ว นี่มันงานถนัดของนายไม่ใช่หรือ? ฮ่าๆๆ…""เลียให้สะอาด ฉันอาจพิจารณาหางานให้ทำก็ได้นะ!"เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นอีกครั้งทั่วทั้งห้องเจียงหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอพูดขึ้นอย่างโกรธจัด "หวงเจี้ยน! นายอย่าทำตัวเกินไปนักนะ!"เธอจับมือเย่เฟิงแล้วพูด "เย่เฟิง เราไปกันเถอะ งานเลี้ยงรุ่นนี่ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว"เมื่อเห็นแบบนี้ หวงเจี้ยนมองทั้งสองคนด้วยสายตาเย็นชา เต็มไปด้วยความอิจฉาดูเหมือนที่หลี่เวยบอกเขาเมื่อกี้จะเป็นความจริง เจียงหว่านยังมีใจให้เย่เฟิงอยู่!"จะไปไหน?""พวกแก ช่วยจับไอ้จนคนนี้ไว้ที! ฉันจะใช้หน้ามันเช็ดรองเท้าฉัน!"หวงเจี้ยนตั้งใจจะทำให้เย่เฟิงอับอายต่อหน้าเจียงหว่านเมื่อเขาพูดจบ เพื่อนชายบางคนที่เคยเป็นลูกน้องของหวงเจี้ยนในสมัยเรียนก็กระโดดเข้ามาทันทีพวกนี้เคยเป็นพวกเดียวกับหว
เย่เฟิงหันไปมองเจี่ยอี้ด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกทั้งหมดที่เคยคิดว่าเขาเป็น "พี่น้อง" ถูกลบล้างจนหมดสิ้นเสียงหัวเราะเยาะที่ดังรอบตัวไม่ได้กระทบจิตใจเขาแม้แต่น้อย เขายืนอยู่ตรงนั้นนิ่งเฉย ราวกับทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา"พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง? เอาความเจ็บปวดของคนอื่นมาล้อเลียน?"มีเพียงเจียงหว่านเท่านั้นที่ยืนขึ้นปกป้องเย่เฟิงเย่เฟิงดึงแขนเธอเบาๆ พร้อมส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรให้มากความสำหรับเขาในตอนนี้ สายตาและมุมมองต่อโลกของเขาต่างจากคนเหล่านี้ไปไกลแล้วมังกรที่บินอยู่บนฟ้าย่อมไม่สนใจคำดูถูกจากมดปลวกบนดิน"หัวเราะพอแล้วใช่ไหม? ถ้าพอแล้ว ก็เชิญไสหัวไปได้เลย!"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสียงของเขาไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนในห้องได้ยินชัดเจนคำพูดนี้ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง"ไสหัวไป? ฉันได้ยินถูกไหม ไอ้คนว่างงานมาบอกให้พวกเราหัวไป?"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนกระซิบอะไรบางอย่างกับหวงเจี้ยน"อาหารมื้อนี้คุณชายหวงเลี้ยง นายเป็นใครถึงกล้ามาบอกให้คนอื่นออกไป?"เหอปิง ครูประจำชั้นเก่าเอ่ยขึ้นด้วยความดูถูกหวงเจี้ยนที่ได้ยินหลี่เวยกระซิบแล้วหันไปมอ