คืนนี้ เย่เฟิงและหลีเอียนออกจากโรงงานด้วยกันเพื่อไปรับนั่วนั่วที่โรงเรียนอนุบาลแม้ว่าคนของหลีหย่วน อาเจียงและเหล่าหยูจะคอยปกป้องนั่วนั่วอยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าเย่เฟิงไม่มีธุระ เขาก็จะไปรับลูกสาวเองเสมอเดิมทีพวกเขาวางแผนจะทานข้าวด้วยกันนอกบ้านสามคนแต่เมื่อพ้นจากโรงเรียนอนุบาลได้ไม่นาน หลีเอียนก็ได้รับโทรศัพท์จากสวีเพ่ยเพ่ยบอกว่าให้หลีเอียนและเย่เฟิงไปทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยกัน มีเรื่องที่ต้องคุยด้วยเย่เฟิงจึงพานั่วนั่วกลับไปที่สวนจักรพรรดิ ให้แม่บ้านหลิวช่วยดูแลและเตรียมอาหารให้ลูกจากนั้นเขาก็ขับรถพาหลีเอียนไปที่บ้านของหลีเทียนหยางและสวีเพ่ยเพ่ยเย่เฟิงเคยคิดจะพานั่วนั่วไปด้วย แต่พอมาคิดอีกทีก็เปลี่ยนใจเพราะหลีเทียนหยางและสวีเพ่ยเพ่ยยังไม่ยอมรับเขาอย่างเต็มที่ เผื่อมีคำพูดบางอย่างเกิดขึ้นต่อหน้านั่วนั่วเย่เฟิงคงไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บปวดเมื่อทั้งคู่มาถึง หลีหย่วนก็มาถึงพร้อมกันพอดี"พี่เขย พี่!"หลีหย่วนทักทายทั้งสองด้วยความสนิทสนมหลีเอียนทำหน้านิ่วและมองน้องชายพลางพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ "นายเรียกเขาว่าพี่เขยก่อนพี่สาวคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"เธอรู้สึกว่าน้องชายดูจ
หลีเทียนกังช่วงชิงผลประโยชน์นี้ไป แล้วยังจะจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อให้ครอบครัวหลีเอียนไปร่วมงานอีก?ในโลกนี้มีแบบนี้ด้วยหรือ ที่คนจะถูกเอาเปรียบแบบนี้?“พูดอะไรแบบนั้น? คุณย่าเรียกคนตระกูลหลีทั้งหมด รวมถึงญาติข้างเคียงด้วย การที่เราจะต้องไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่” หลีเทียนหยางทำหน้าดุและตำหนิลูกชายลูกสาวของเขา“แต่คุณย่าไม่ใช่ไล่พวกเราออกจากตระกูลไปแล้วเหรอ? แล้วจะเรียกพวกเรากลับไปทำไม? งานเลี้ยงฉลองนี้มันเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย?”หลีหย่วนไม่พอใจ“นั่นแสดงว่าคุณย่ายังเห็นพวกเราเป็นครอบครัว! นี่อาจจะเป็นสัญญาณว่า ท่านอยากให้พวกเรากลับไปในตระกูล นี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะคืนดีกันก็ได้เรื่องที่ผ่านมาเป็นแค่การทะเลาะกันเท่านั้น!คุณย่ากำลังให้โอกาสเราได้คืนดีกัน เข้าใจไหม?”หลีเทียนหยางเคาะโต๊ะอธิบาย“หลีเทียนหยาง เลิกเป็นคนที่กตัญญูแบบไม่รู้จักคิดได้แล้ว! ฉันว่าคุณแม่นั่นแหละไม่หวังดี! ฉันก็คิดว่าเราไม่ควรไปเหมือนกัน ตอนนี้เอียนเอ๋อร์กับอาหย่วนก็ไม่อยากไป เรื่องนี้จบแค่นี้แหละ!มากินข้าวกันเถอะ”สวีเพ่ยเพ่ยพูดพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเธอคัดค้านเรื่องนี้ตั้งแต่ได้ยินข่าว เป็นหลีเที
คืนหนึ่งผ่านไป ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมหลีหมิงภายใต้ตระกูลหลี!งานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้จัดขึ้นที่นี่ตระกูลหลีทั้งสายตรงและสายรอง รวมถึงบรรดาคนดูแลและครอบครัวของคนรับใช้ ต่างก็พากันมาเข้าร่วมงานนี้ทั้งชั้นบนสุดของห้องโถงจัดโต๊ะไว้เกือบร้อยโต๊ะ มีผู้คนหลายพันคนทั้งชายหญิงและคนแก่เด็กอยู่เต็มห้องผู้อาวุโสหลีนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางห้องโถง หลีเทียนกังและครอบครัวของเขากฌอยู่ที่โต๊ะนั้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีลุงสาม ลุงสี่ และอาเล็กด้วยแต่ต่างจากครอบครัวของหลี่เยว่ผิงและหลีถิง เพราะครอบครัวของลุงสามและคนอื่นๆ ถูกจัดให้นั่งที่โต๊ะข้างๆแม้ว่าโต๊ะนี้ก็ยังอยู่ในพื้นที่ใจกลาง แต่ก็แสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างที่เปลี่ยนไปตำแหน่งของครอบครัวลุงรองนั้นได้ถูกยกให้มีสถานะที่เหนือกว่าคนอื่นไปแล้ว“พี่รอง บริษัทขายยาที่พี่ทำอยู่กำลังรุ่งเลยนะ! ต่อไปนี้ พี่ต้องพาครอบครัวเราไปสู่จุดสูงสุดแล้วนะ!”ลุงสามพูดกับหลีเทียนกัง“ใช่แล้วพี่รอง แม่ให้พี่ดูแลบริษัทยาถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก!”อาเล็กพูดเสริม เขาพูดเช่นนี้ก็เพื่อประจบทั้งสองคนลุงสี่และสมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลหลีก็เข้ามาชมหลีเทียนกัง พูดแต
"ไปสิ ไปนั่งที่โต๊ะด้านนอกสุด! ตรงนี้เป็นพื้นที่สำคัญ พวกเธอไม่มีสิทธิ์นั่งตรงนี้แล้ว!" คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของหลีเทียนหยางเปลี่ยนไปทันที จากความรู้สึกซาบซึ้งกลายเป็นความตกตะลึงและโกรธเคือง สวีเพ่ยเพ่ยถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธ สีหน้าของหลีเอียนและหลีหย่วนก็แย่สุดๆ อะไรนะ?จะให้พวกเขาไปนั่งด้านนอกสุด? ที่ตรงนั้นมีแต่คนรับใช้และคนดูแลของตระกูลหลีนั่งอยู่ทั้งนั้น!นี่มันการดูหมิ่นกันชัดๆ! "ฮ่าๆๆ… แม่ฉลาดมาก! พวกนายถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลีแล้ว แต่แม่ก็ยังเมตตาให้พวกเธอมาร่วมงานนี้ได้ การได้ที่นั่งด้านนอกก็ควรจะรู้สึกเป็นเกียรติแล้ว!"หลีเทียนกังหัวเราะเยาะเย้ย "ใช่ นั่งกับคนรับใช้สิ เหมาะสมกับสถานะของพวกเธอแล้วล่ะ! ฮ่าๆๆ…"หลีถิงหัวเราะจนแทบหงายหลัง สมาชิกตระกูลหลีคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าหลากหลาย พร้อมกับเสียงกระซิบกระซาบดังไปทั่ว "ไม่นึกเลยว่าครอบครัวพี่ใหญ่จะตกต่ำถึงขนาดนี้!" "เฮ้อ…พวกเขาไม่น่ามาเลย!" "ดูสิ ต้องไปนั่งกับคนรับใช้ ไม่มีสิทธิ์นั่งตรงกลางด้วยซ้ำ!" หลีเทียนหยางรู้สึกเจ็บใจเต็มที่ ถามออกไปด้วยเสียงสั่นเครือว่า "แม่ วันนี้แม่เรียกพวกเรามา ก็เพื่อจะดูหมิ่นเร
ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของเย่เฟิงและหลีเอียน ทำให้สวีเพ่ยเพ่ยที่เต็มไปด้วยความอับอาย ต้องไปนั่งที่โต๊ะรอบนอกของห้องโถง เธอสัมผัสได้ถึงสายตาล้อเลียนและความสะใจจากเหล่าญาติสายรองของตระกูลหลี แม้กระทั่งคนรับใช้ บอดี้การ์ด และยามรักษาความปลอดภัย ทุกคนต่างมองมาด้วยสายตาที่น่าหงุดหงิด แม้แต่หลีเทียนหยาง ก็ยังมีใบหน้าที่ซีดเผือดเขามองไปที่ผู้อาวุโสหลีในบริเวณใจกลางของห้องโถง เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความคับแค้น หลีเทียนหยางแอบหัวเราะเยาะตัวเองว่า (ผู้อาวุโสหลีจะให้ทางลงให้เรางั้นเหรอ? จะบอกว่ายังไงๆ เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันงั้นเหรอ?)(ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาที่ตนเองอยากให้เป็นจริงเท่านั้น!)(ภรรยาและลูกสาวพูดถูกแล้วจริงๆ…)(เฮ้อ…)“เย่เฟิง วันนี้ถ้านายไม่ช่วยฉันทวงคืนศักดิ์ศรีกลับมา ก็อย่าคิดจะแต่งงานกับเอียนเอ๋อร์เลย! หลังจากนี้...ฉันจะไม่มีวันยอมรับนายเป็นลูกเขยอีก!” เมื่อสวีเพ่ยเพ่ยนั่งลงแล้ว ก็น้ำตาคลอและกล่าวด้วยความอัดอั้นและโกรธแค้น“ไม่ต้องห่วงครับ แม่! ที่รัก คุณเองก็อย่าเสียใจไปเลย ผมสัญญาว่าอีกไม่นาน ผู้อาวุโสหลีและครอบครัวลุงรองจะต้องมาขอร้องพวกคุณเองแน่นอน ถึ
พวกเขาเล่าถึงวิธีที่ช่วยกอบกู้วิกฤตครั้งนี้ และกล่าวหาว่าเย่เฟิงกับหลีเอียน ‘เจ้าเล่ห์’ แค่ไหนที่วางแผนขัดขวางพวกเขา“หึ! ไอ้หน้าขาวแซ่เย่คนนั้น ไม่รู้ไปติดสินบนเหรินลี่ชวิ๋นยังไง คิดจะทำให้บริษัทยาหยุดส่งของให้เรา ที่ตลกคือ พวกเราทำลายแผนของพวกเขาลงได้สำเร็จ หลังจากที่ได้วัตถุดิบจากเถ้าแก่สิงแล้ว ไอ้หน้าขาวนั่นยังกล้าพูดมั่นใจว่าวัตถุดิบยามีปัญหาอีก!ช่างมีเจตนาร้ายจริงๆ!” สิ้นเสียง ทุกคนก็หันไปมองครอบครัวพี่ใหญ่ด้วยสายตาล้อเลียน เย้ยหยัน และเคียดแค้น แม้หลายคนจะไม่มีหุ้นในบริษัทยา แต่ในฐานะคนของตระกูลหลี ทุกคนจะได้รับส่วนแบ่งปันผลตอนสิ้นปีตลอด ส่วนแบ่งมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท ถ้าเป็นไปตามที่หลีเทียนกังพูด หลีเอียนและเย่เฟิงพยายามขัดขวาง นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาได้ทำลายผลประโยชน์ของทุกคนด้วย “สมควรถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว!” “ได้นั่งอยู่ตรงนั้นก็ถือว่าดีเกินไปแล้ว ควรไล่พวกมันออกไปเลยด้วยซ้ำ!”“…” เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้อาวุโสหลีก็ยิ้มเยาะด้วยความสะใจจากการได้แก้แค้น หลีเทียนกังและครอบครัวยิ่งดีใจยกใหญ่กับเรื่องตลกของครอบครัวพี่ใหญ่ หลีเทียนหยางนั
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?”หลีเทียนหยางถามด้วยความงงงวย หลีหย่วนมองไปที่พี่สาวและพี่เขยของเขาแล้วถามว่า “พี่ พี่เขย ไอ้อ้วนหวงถูกพวกพี่ซื้อไปแล้วเหรอ?” คนที่ร่วมงานกับบริษัทยาตระกูลหลีมาหลายปี กลับกล้ามาโวยวายใส่ผู้อาวุโสหลีและหลีเทียนกังงั้นเหรอ? ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ “เย่เฟิงเคยบอกแล้วว่าวัตถุดิบที่ลุงรองพวกเขาได้รับมามีปัญหา ตอนนี้ ปัญหานั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ!” หลีเอียนกล่าวเสียงเย็นชา ขณะนี้ ผู้อาวุโสหลีมองหวงสือเริ่นด้วยสีหน้ามืดมนแล้วพูดว่า “เถ้าแก่หวง ถ้าจะพูดก็ต้องมีหลักฐาน คุณมีสิทธิ์อะไรบอกว่ายาที่ตระกูลหลีผลิตเป็นยาคุณภาพต่ำ? ถ้ากล่าวหากันแบบไม่มีมูลความจริง คุณต้องรับผิดชอบตามกฎหมายนะ!” คนในตระกูลหลีทั้งห้องจ้องหวงสือเริ่นด้วยสายตาเย็นชาและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ใช่! ยาของตระกูลหลีจะมีปัญหาด้านคุณภาพได้ยังไง?” “ขายดีขนาดนี้ คิดว่าคนซื้อเป็นคนโง่กันหมดเหรอ? ยาคุณภาพต่ำแล้วจะขายดีได้ยังไง?” “เถ้าแก่หวง หรือเพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่นั่นให้ผลประโยชน์อะไรกับคุณ เลยจงใจมาป่วนงานวันนี้?” “ช่างน่ารังเกียจจริงๆ…” ผู้คนพากันกล่าวหาและโยนความผิดไปท
“ผมเคยเตือนลุงรองของหลีเอียนไปแล้วว่าวัตถุดิบที่ได้มาจากประธานสิงนั้น เป็นวัตถุดิบคุณภาพต่ำที่ผ่านการแช่ด้วยสารเคมี แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อ!ใช้วัตถุดิบแบบนั้นผลิตยา จะไม่ให้สินค้ามีคุณภาพต่ำได้ยังไง! นี่ไง ตอนนี้ตัวแทนจำหน่ายมาเคลมถึงที่เลย!” เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พอได้ยินดังนั้น สวีเพ่ยเพ่ยก็หัวเราะพร้อมกับพูดประชด “ทำไมไม่มาแต่เช้า มาเอาตอนกลางคืนแบบนี้? บอกมา ฝีมือนายใช่ไหม?”“หึๆ…” เย่เฟิงหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ สวีเพ่ยเพ่ย ซึ่งเป็นแม่ยายของเย่เฟิง ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความอับอายและโกรธนั้นกลับดูโล่งใจขึ้นมา ก่อนจะมองเย่เฟิงด้วยสายตาดุๆ พร้อมพูดด่าแบบขำๆ ว่า “ไอ้เด็กแสบ นายนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ!” หลีหย่วนยกนิ้วโป้งให้เย่เฟิงพร้อมพูดว่า “พี่เขย สุดยอดมาก! ตัวแทนจากต่างจังหวัดใหญ่ๆ อย่างหงเม่าหมิงยังเป็นพวกเดียวกับพี่อีกเหรอ? ฟังพี่หมดเลย?”เย่เฟิงยิ้มเบาๆ ก่อนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ถึงขั้นสนิทกันหรอก แต่เมื่อมีผลประโยชน์ชัดเจน พวกเขาก็ต้องรู้ว่าจะยืนข้างไหน” จากนั้นไม่นาน เหล่าตัวแทนจำหน่ายและตัวแทนที่ถูกส่งมาก็ทยอยกันเข้ามาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโก
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้