“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมื่อใดก็ตามที่ เก้าเทพสงคราม นายท่านและนายหญิงวู๊ด รวมถึงครอบครัวของพวกเขามาที่โรงแรมของเรา ค่าใช้จ่ายทุกอย่างจะฟรี!” เจ้าของโรงแรมยิ้มอย่างสุภาพและประกาศสิทธิพิเศษออกมา “ว้าว นั่นมันยอดเยี่ยมมากเลย! ที่รัก เรามาที่นี่กันบ่อย ๆ เพื่อกินฟรีกัน!” ฟีโอน่าแทบจะซ่อนความสุขของเธอเอาไว้ไม่มิด เธอตะโกนใส่หูของแอนดรูว์ สีหน้าของแอนดรูว์กลับซีดเผือด “จะมาบ่อย ๆ จริงเหรอ? มันก็โอเคอยู่นะถ้าจะมาบ้าง แต่ถ้ามาบ่อย ๆ จะไม่รู้สึกอายเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น เงินที่เก้าเทพสงครามมอบให้เซเลน่าในวันนี้ก็มีถึงเก้าพันล้านเหรียญ และมีส่วนที่คนอื่นให้เราอีก เราก็น่าจะมีเงินประมาณหนึ่งหมื่นล้านเหรียญ จริงไหม? ตอนนี้เรามีเงินมากแล้ว คุณจ่ายค่าอาหารเองไม่ได้เหรอ?” ฟีโอน่าเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้เธอและครอบครัวร่ำรวยแล้วจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษแบบนั้น อย่างไรก็ตาม เธอกลอกตาไปที่แอนดรูว์และพูดว่า “คุณรู้อะไรบ้าง? นี่แสดงถึงฐานะและภาพลักษณ์ของครอบครัวเราในเมืองนี้! แม้ว่าเจมส์ เดรค จะมาทานอาหารที่นี่ เขาก็ต้องจ่ายเงิน! ตระกูลเดรคไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาแค่ใช้ฐานะและชื่องเ
เซซิเลียยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ แต่เธอก็ทำอะไรกับมันไม่ได้ เธอทำได้เพียงกัดฟันและปลอบตัวเอง เพราะรู้ว่าอีกไม่นานเฟนด์กำลังจะตาย เขาอาจจะระเบิดตายได้ทุกเวลา เธออยากดูว่าเขาจะตายยังไง พวกเขาทานอาหารเสร็จกันแล้ว เฟนด์และคนอื่น ๆ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ทำอาหารเสร็จกันอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดูจากหน้าจอขนาดใหญ่นอกจากแก้มที่แดงเพราะการดื่มไวน์ไปเยอะแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีอาการอะไรอื่น ๆ อีกเลย “แปลก พวกเขาบอกว่าเฟนด์จะตายวันนี้ไม่ใช่เหรอ? นี่มันก็ดึกแล้ว เขาไม่แสดงอาการอะไรเลยแม้แต่น้อย อีวานทำอะไรอยู่เนี่ย? เขาโกหกฉันงั้นเหรอ?” เซซิเลียขมวดคิ้วขณะที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอคิดเกี่ยวกับมัน จากนั้นเธอก็เดินออกไปข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ และโทรหาอีวาน อีวาน เคน และคนอื่น ๆ ต่างก็รอให้เฟนด์ล้มลงบนพื้นเช่นกัน เพื่อรอดูศพของเขา แต่จนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงดื่มไวน์ไปหลายแก้วแล้ว ในวันนี้เฟนด์เป็นดาวเด่นของทั้งเมืองจริง ๆ และเรื่องนี้ทำให้พวกเขาพูดไม่ออก พวกเขารอให้เฟนด์ตายต่อหน้าทุกคนไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้เฟนด์มีเงินมากมายและได้ซื้อสร้อยคอหั
อีวานยิ้มอย่างขมขื่น “อ่า เราก็ไม่มีทางเลือก ใครจะรู้ว่าเฟนด์จะสามารถเชิญเก้าเทพสงครามมาที่งานแต่งงานของเขาได้!” เซซิเลียครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะถามว่า “นายกำลังบอกว่าเทพสงครามอีกแปดคนมางานแต่งงานของเขาเพราะพวกท่านอยากช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้เขางั้นเหรอ? พวกท่านไม่ได้มาที่นี่เพราะต้องการพบท่านลาน่าเหรอ?” อีวานพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “แน่นอน พวกท่านมาหาลาน่าเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ แต่ทำไมพวกท่านถึงเลือกมาวันนี้ล่ะ? พวกท่านมาที่นี่เพราะเฟนด์!” “แต่คนไร้ค่าอย่างอย่างเฟนด์รู้จักพวกท่านได้ยังไง? นอกจากท่านลาน่า ไม่มีทางที่เขาจะเคยช่วยชีวิตพวกท่านเอาไว้ทุกคน!” เซซิเลียโกรธจัด เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเทพสงครามถึงมาตั้งไกล เพียงมาร่วมงานแต่งงานของเฟนด์และเซเลน่าเพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของเขา “หมอนั่นไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ อีกอย่าง เธอพูดถูก ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเขา เขาจึงกลายเป็นหมอส่วนตัวของเทพสงคราม เฟนด์เคยช่วยรักษาพวกท่านตอนที่พวกท่านได้รับบาดเจ็บ นั่นคือเหตุผลที่พวกท่านมาร่วมงานแต่งงานของเขา พวกท่านรีบมาที่นี่เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงาน!” อีวานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “บ้าเ
อีวานปลอบซีน่าเมื่อเห็นว่าเธอโกรธ “ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณ แต่ทำไมหมอนั้นถึงได้ดูไม่เป็นอะไรเลย?”ซีน่าก็ขมวดคิ้วด้วย “เขามีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยมไม่ใช่เหรอ? ท่านอีธาน อายส์ ไม่ได้บอกเหรอว่าอยากจะปรึกษาบางอย่างกับเฟนด์ด้วยไม่ใช่เหรอ? เฟนด์พูดอย่างสุภาพว่ามันเป็นข้อแก้ตัว แต่ฉันไม่คิดว่าอีธาน ฮายส์ หมอปาฏิหาริย์จะโกหกเรื่องพวกนี้!” ซีน่าหยุดก่อนจะพูดต่อว่า “เป็นไปได้ไหมว่า หมอนั่นมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ดังนั้นเขาถึงได้กำจัดพิษออกจากร่างกายของเขาแล้ว?”อีวานก็แปลกใจเหมือนกันเมื่อเขาได้ยินเรื่องนั้น แล้วถ้าเฟนด์ทำได้จริง ๆ ล่ะ? เพราะยังไงซะ เขาก็ไม่ใช่หมอธรรมดาและเขามีทักษะทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งจริง ๆ ไม่งั้นเขาจะได้เป็นหมอส่วนตัวของเทพสงครามได้ยังไง?แต่ไม่นานอีวานก็ส่ายหัว “ผมไม่คิดว่ามันเป็นไปได้ ผมถามเคนและคนอื่น ๆ เกี่ยวกับยาพิษนี้แล้ว พิษจะซ่อนอยู่ในกระแสเลือดและช่วงแรกจะตรวจหาไม่เจอ นอกจากนั้น มันยังไม่มีอาการชัดเจนหลังจากผ่านไปประมาณสิบวัน เมื่อพิษเข้าสู่ไขกระดูกของเขาและกระจายไปทั่วร่างกายของเขา ตอนนั้นก็ไม่มีทางรักษาเขาได้แล้ว!”“เป็นไปได้เหรอ? แล้วยาถอนพิษจ
กลุ่มคนสี่คนประกอบด้วย เคน อีวาน ซีน่า และนีล มารวมตัวกันอีกครั้ง“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? สองวันแล้วนับตั้งแต่วันที่เขาควรจะตาย ฉันเชื่อว่าซีน่าเห็นเฟนด์กินยาพิษด้วยตาตัวเอง!” อีวานมองไปที่เคนหลังจากที่เขาพูดจบ “นายน้อยเคน นายถูกคนอื่นหลอกหรือเปล่า? ยาพิษมันไม่ออกฤทธิ์หรือมันหมดอายุหรือเปล่า ไม่งั้นเฟนด์คงไม่มีอาการเพียงแค่เวียนหัวและอ่อนแรงหรอก”เคนก็เริ่มสงสัยว่ามีอะไรผิดปกติกับยาพิษหรือเปล่าหลังจากที่อีวานพูด เขาพูดออกมาหน้าบึ้งว่า “จะเป็นไปได้เหรอ? ฉันใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อยาพิษนั่นเลยนะ!”นีลพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “มันไม่สำคัญว่าจะเป็นความรับผิดชอบของใครหรือมีอะไรผิดพลาด พวกนั้นมันไม่สำคัญอีกแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เฟนด์ ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เคนกับฉันจะได้หัวใจของเซเลน่า แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ?”เคนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา “เฮ้อ สิ่งเดียวที่ทั้งน่ายินดีคือ กลุ่มที่มีอำนาจทั้งสี่ร่วมมือกับตระกูลวิลสัน พรรคอินทรี และคนอื่น ๆ ไมเคิล วิลสันก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว เราจึงมีคู่ต่อสู้น้อยลงไปหนึ่งคน!”นีลยิ้มเยาะ “เขาเหรอ? ฮ่าๆๆ ไอ้อ้วนนั่น เขาอ้วนมาก และเขาไม่มี
แม้ว่าซีน่าจะได้ผลประโยชน์จากอีวานมามากมาย อย่างกระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องสำอาง แต่สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขมากคือคฤหาสน์ที่อีวานซื้อให้เมื่อไม่กี่วันก่อนคฤหาสน์หลังนี้อีวานจ่ายไปกว่าห้าสิบล้าน และชื่อเจ้าของก็คือเธอ นี่เป็นสิ่งที่แสดงถึงความรู้สึกที่แท้จริงที่เขามีต่อเธอและทรัพย์สินที่เป็นของเธอ เรื่องนี้ทำให้เธอมีความหวังขึ้นมาแต่ตอนนี้ อีวานกลับมาขอให้เธอขายมัน และเรื่องนี้ทำให้เธอไม่มีความสุขใบหน้าของซีน่านิ่งลงและตอบว่า “คุณเพิ่งจะซื้อคฤหาสน์หลังนี้ให้ฉันเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วตอนนี้มาบอกให้ขายในราคาถูก ๆ เนี่ยนะ? คุณพูดเองว่าจะโอนเงินจากบริษัท ไม่ใช่ขายคฤหาสน์นี่!”อีวานปลอบเธอ “ซีน่า ผมกำลังคิดถึงอนาคตของเรานี่ไง ลองคิดดูสิ เฟนด์คอยมาขวางทางเรา เซเลน่าไปอยู่ในที่ของเธอตอนนี้แล้วเพราะความช่วยเหลือจากเฟนด์ ตอนนี้ไม่ใช่แค่เธอกลับมาอยู่ในตระกูลเท่านั้นนะ แต่นายใหญ่เทย์เลอร์ยังบอกอีกว่าจะตั้งบริษัทใหม่และให้เซเลน่าเป็นคนดูแล”อีวานกำหมัดแน่นและพูดต่ออย่างโกรธเคือง “เมื่อวานตอนที่เรากำลังดื่มกันอยู่ นายใหญ่เทย์เลอร์บอกว่าจะลงทุนสามพันล้านเหรียญเพื่อเป็นทุนสำรองของบริษัท และเซเล
ซีน่าเข้าใจสถานการณ์แบบนี้ เธอคิดก่อนจะพยักหน้า "เอาล่ะที่รัก ฉันจะช่วยคุณ แต่คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะซื้อคฤหาสน์แบบนี้สองหลังหลังจากได้มรดกจากตระกูลเทย์เลอร์มาแล้ว""ได้สิ แน่นอนว่าอะไรที่เป็นของผมก็ต้องเป็นของคุณ เราคือครอบครัวเดียวกัน คฤหาสน์สองหลังก็ไม่เป็นไรถ้าซื้อให้คุณ" อีวานยิ้มขณะนี้รูปถ่ายของเฟนด์และเก้ามหาเทพแห่งสงครามได้แพร่กระจายไปทั่ว ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่ามีคนในอาณาเขตกลางที่สามารถรวบรวมเก้ามหาเทพแห่งสงครามมารับประทานอาหารด้วยกันได้ นั่นทำให้คนในเมืองปั่นป่วน นี่เป็นครั้งแรกที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแต่เฟนด์กลับรู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นสองสามวันนี้ คนมากมายเข้าหาเขาเพื่อขอรับการรักษา มีบางโรคที่พบได้บ่อย และคนก็มาขอให้เฟนด์รักษา เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรและต้องใช้เวลาเท่าไรเพื่อรักษาคนพวกนี้โชคดีที่บอดี้การ์ดของเขาหยุดคนพวกนั้นไว้ที่ทางเข้า และไม่อนุญาตให้เข้ามา ถ้าเข้ามาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นใครจะรู้ล่ะเฟนด์ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของคนที่มีสถานะทางสังคม โชคดีที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือนักรบสูงสุด ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ ประตูเขาอาจจะพังเอาก็ได้จากจำนวนคนที่มาพบเจอเขาในต
ในที่สุด นักฆ่าที่น่ากลัวทั้ง 12 คนก็มารวมตัวกันที่ว่างเปล่านอกเมือง เคน นีล อีวาน และคนอื่น ๆ ก็มา“ฮ่า ๆ พวกคุณดูถูกเราเหรอ?” ผู้เฒ่ามองนักฆ่ารอบ ๆ และหัวเราะอย่างเย็นชา “พวกคุณกำลังพยายามจะฆ่าใคร? แม้แต่ฉัน ที่เป็นที่สองในรายชื่อนักฆ่าก็ยังทำไม่ได้เนี่ยนะ ทำไมต้องมากันเยอะขนาดนี้? จ้างนักฆ่าอันดับหนึ่งมาด้วยเหรอ?”มันรู้สึกได้เลยว่าพวกคนตรงหน้านี้เหนือกว่า พวกนั้นฆ่าไปหลายคนและบางคนก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วนักฆ่าพวกนี้ทำงานคนเดียว และนี่เป็นครั้งแรกที่นักฆ่าที่สำคัญจำนวนมากขนาดนี้มารวมตัวกันชายที่ถือตำแหน่งที่สามอยู่ก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ใช่ ฉันสงสัยว่าทำไมคุณต้องอยากได้ผู้เชี่ยวชาญมากขนาดนั้น ฮ่า ๆ ด้วยจำนวนของพวกเราที่นี่ คือต้องไปฆ่าราชาแห่งสงครามเจ็ดหรือแปดดาราคงไม่ใช่ปัญหาใช่ไหม?”“ใช่ มันจำเป็นขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?” ผู้หญิงคนหนึ่งยิ้ม “เป็นไปได้ไหมว่าเราไม่ได้ฆ่าแค่คนเดียว แต่อาจจะเป็นกลุ่ม? แบบนั้นก็สมเหตุสมผล!”อีวานยิ้มขมขื่นก่อนพูด “ทุกคนได้โปรดใจเย็นกว่านี้ ครั้งนี้ เราขอให้ทุกคนฆ่าแค่คนเดียว เราจะทำยังไงกันดี? คนนี้มีทักษะในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งมา
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ