ลีโอพูดขณะยิ้มกับเฟนด์“ตกลง นายควรจะแน่ใจกับเรื่องนี้ได้แล้วนะ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปถ้าไม่มีเงินมาจ่ายในตอนท้าย!” เฟนด์ตกลงพร้อมพยักหน้า ลีโอแสยะยิ้ม “เหอะ ฉันเพิ่งจะได้รางวัลมาเมื่อไม่นานนี้ ตอนนี้มีเงินเหลืออยู่อย่างน้อย 5 พันล้าน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะเอาชนะฉันได้มากกว่าห้าครั้งในสิบเกม!”“อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากชนะมากกว่าห้าครั้งในสิบเกม ก็ต้องชนะอย่างอย่างน้อยแปดรอบและแพ้สองรอบ ถ้าชนะเจ็ดรอบแพ้สามรอบ จะได้เงินแค่สี่พันล้านเหรียญเท่านั้น!” ชายอีกคนยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่แกจะชนะ เพราะไม่เคยเล่นมาก่อน”ชารอนคิดจากนั้นเธอก็กัดฟันยืนขึ้น “เฟนด์ คุณจะตัดแขนไม่ได้นะถ้าไม่มีเงินจ่าย ถ้าคุณจ่ายไม่ได้ ฉันจะช่วยจ่ายเอง!” เฟนด์รู้สึกซึ้งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจะเสียเงินหมื่นล้านเหรียญถ้าแพ้สิบเกมติดกัน มันเป็นเงินจำนวนมากเลยทีเดียว เขาไม่คิดว่าชารอนจะเสนอจ่ายแทนเขา “คุณคิดดีแล้วเหรอ?” เฟนด์มองเธอแล้วถาม “ใช่ ไม่ต้องห่วงนะ ตระกูลจอร์จเป็นตระกูลชนชั้นหนึ่ง เราจ่ายเงินเป็นหมื่นล้านได้!” ชารอนตอบอย่างมั่นใจ “แต่นี่มันหมื่นล้าน คุณไม่กลัวว่าพ่อ
“พูดอะไรนะไอ้บ้านี่? เหอะ พอเป็นเรื่องบิลเลียดแล้วฉันจะอ่อนข้อให้ใครทำไม?” ลีโอรู้สึกกระวนกระวายใจทันทีกับสายตาที่จ้องมองมา“แกพูดบ้าอะไรวะ? ฉันบอกแกเหรอว่าเขาอ่อนข้อให้?” ทิโมธีก็พูดด้วยน้ำเสียงโกรธ ๆ “ฉันเป็นผู้เล่นที่เก่ง!”เฟนด์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไร้เยื่อใยว่า “เป็นเพราะเขาอ่อนข้อให้อย่างที่คุณบอกไม่ได้ มุมของเขาผิดไปเล็กน้อยอย่างตั้งใจตอนที่แทงลูก แล้วทำเป็นเกือบจะแทงลูกพลาด เขาเล่นแบบอ่อนข้อไปหนึ่งหรือสองครั้งในเกมเพื่อให้คุณชนะ นอกจากนี้ คุณก็พูดเองนะ คุณเป็นผู้เล่นที่เก่งมาก!” เฟนด์หยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ สบาย ๆ “นอกจากนี้แล้ว ผมว่าคุณคงคิดว่าทำไมเขาถึงยอมอ่อนข้อให้คุณ นายน้อยเดรค คุณยังจะเล่นกับเขาอยู่ไหมล่ะถ้าเขาไม่เคยอ่อนข้อให้ แล้วคุณก็แพ้ทั้งหมดสิบรอบ? แน่นอนว่าเขาต้องยอมให้คุณชนะสักสองสามรอบเพื่อให้ได้ลิ้มรสความสุขของการชนะ! แต่เห็นได้ชัดเลยว่า โดยรวมแล้วคุณแพ้มากกว่าชนะ สมมติว่าคุณเสียมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญวันนี้ เขาอาจจะยอมให้คุณชนะแค่ 20 ล้านเหรียญในวันต่อไป ฮ่า ๆ!”สีหน้าของทิโมธีนิ่งลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เป็นเพราะเขาคิดได้ว่าสิ่งที่เฟ
“งั้นดีเลย!”ลีโอแสยะยิ้ม ในวินาทีต่อมา ลูกคิวสีขาวถูกกระแทกด้วยแรงกำลังดี ทำให้ลูกบอลสีแดงกระจักกระจายไปทั่วโต๊ะบิลเลียดอย่างไรก็ตาม โชคไม่เข้าข้างเขา ไม่มีบอลลูกไหนเฉียดใกล้หลุมบิลเลียดเลยสักนิดเฟนด์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักกับการเล่นของเขา “ตอนนี้ ก็ตาผมแล้ว! ลูกคิวสีขาวนั่นอยู่ในตำแหน่งที่เข้าท่าเลย แล้วลูกบอลสีแดงหลายลูกก็อยู่ใกล้ ๆ หลุมด้วย!”“ใช่ ลูกคิวสีขาวนั่นอยู่ในตำแหน่งที่ดีจริง ๆ แต่สำหรับมือใหม่อย่างแก ฉันแทบจะไม่ต้องคิดแผนป้องกันเลยด้วย ฮ่าฮ่า! ฉันแทงให้บอลกระจายไปทั่ว เพื่อที่ฉันจะได้เอาชนะแก้ในเร็ว ๆ นี้ยังไงล่ะ!”ลีโอหัวเราะทิโมธียิ้มให้กับสถานการณ์นี้เช่นกัน เขาเยาะเย้ยอีกว่า “มันก็ไม่ได้ดูยากอะไร แต่เมื่อไหร่ที่แกแทงไม่ลง เดี๋ยวก็รู้เองว่านักเล่นบิลเลียดเก่ง ๆ เป็นยังไง”ตุบ!หลังจากที่เขาพูดจบ เฟนด์เลียนแบบท่าโพสต์ของลีโอก่อนหน้านี้ เขาวางท้องลงบนขอบโต๊ะ เขาทำท่าทางราวกับมืออาชีพ ต่อมา เขาแทงลูกคิวสีขาวด้วยไม้คิว ลูกบอลสีขาวไปกระแทกลุกบอลสีแดง“ลงหลุมแล้ว!”ชารอนตาโตราวกับเห็นผี และในไม่นาน เธอก็กระโดดโล่นเต้นด้วยความดีใจราวกับจิงโจ้ “โอ้พระเจ้า! มันล
“เขาแทงลงอีกลูกแล้วเหรอ? โอ้!”ทันย่ากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เท้าของเธอแทบจะไม่แตะพื้น ถ้าแต้มแรกที่เขาได้มาเพราะโชคช่วย แล้วแต้มนี้ล่ะ? เฟนด์ไม่เพียงแต่ได้หกแต้มเท่านั้น แต่ลูกคิวจะไปหยุดในตำแหน่งที่เหมาะเจาะเสมอ ตำแหน่งที่สามารถแทงลูกบอลสีแดงให้ลงหลุมได้อย่างสบาย ๆ “ดูเหมือนเฟนด์จะรู้ว่าควรแทงลูกคิวไปตรงไหนสินะ!”ชารอนแทบจะซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เธอหายใจแรงมาก หัวใจของเธอเต้นตุบ ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเจ้าของร้านเข้ามาหาพวกเขา เขาช่วยเฟนด์แทงบอลลูกที่จะช่วยให้เฟนด์ได้หกแต้มจากหลุม เขาปรับมันไว้อย่างดี ก่อนจะหันมายิ้มให้กับเฟนด์ “ไอ้หนุ่ม ถ้านายเพิ่งจะเคยเล่นบิลเลียดครั้งแรก แสดงว่านายเรียนรู้มาอย่างดีเลยนะเนี่ย นายจะต้องพัฒนาขึ้นมากแน่ ๆ ถ้าได้เล่นอีกสักวัน สองวัน!”เฟนด์ยิ้มอย่างไม่แยแส “ไม่ต้องห่วง ผมศึกษาการเล่นของพวกเขามาเมื่อครู่ และโดยพื้นฐานแล้วผมรู้ว่าต้องแทงบอลยังไง ให้บอลไปตรงไหน ตราบใดที่ตั้งเป้าไว้แม่นยำแล้ว และควบคุมแรงได้ดีแล้วล่ะก็ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการยิงปืนสักนิด ผมเป็นปรมาจารย์ด้านการยิงปืนเลยนะ ในตอนที่ผมเป็นทหาร!”ฝูงชนถึงกับพูดไม่ออก ไอ้สารเลวนี่เทียบบิลเ
“จริงด้วย!”หลังจากนั้นทันย่าก็นึกขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าลีโอจะแทงบอลที่เหลือบนโต๊ะจนหมด แต้มสูงสุดก็คงจะเป็นหกสิบแต้ม เพราะคะแนนสูงที่สุดก็คือ หนึ่งร้อยสี่สิบเจ็ดแต้ม และตอนนี้เฟนด์ก็ได้คะแนนไปมากกว่าครึ่งแล้ว นี่มันกลิ่นแห่งชัยชนะไม่ใช่หรือไง?“ผ…ผมชนะในตานี้เหรอ?”หน้าของเฟนด์ดูว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความสับสน เขาพูดออกมาหลังจากนั้น “ต…แต่ยังเหลือลูกบอลบนโต๊ะอีกตั้งหลายลูกไม่ใช่เหรอ?”“นาย…ฉันล่ะพูดไม่ออกเลย คะแนนที่สูงที่สุดคือ 147 แต้มเท่านั้น เพราะคะแนนทั้งหมดเต็ม 147 แต้ม นายได้ไปแล้ว 80 แต้ม เพราะฉะนั้น ต่อให้ลีโอแทงบอลทั้งหมดลง มันก็ไม่มีทางที่เขาจะได้คะแนนเยอะกว่านาย!” อีวอนน์อธิบายอย่างใจเย็น“ฮี่ฮี่! ฟังดูเข้าท่า!”หน้าของเฟนด์เต็มไปด้วยความดีใจ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ลีโอ “ตอนนี้ล่ะ นายน้อยลีโอ ถึงตาคุณแล้ว!”ในตอนนี้ ลีโอแทบจะฉี่ราด เหงื่อเย็น ๆ ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา ไอ้นักเลงนี่ได้ 80 แต้มในรวดเดียว ถึงเขาจะแทงบอลลงหลุมได้ทั้งหมด เขาก็แพ้อยู่ดี!“ก็ตาฉันน่ะสิวะ! แกชนะก็แค่รอบนี้เท่านั้นแหละ!”ความโกรธของลีโอกำลังเดือดพล่าน เขาแทบจะตะโกนใส่เจ้าของร้าน “บอส จัดเกม
“เฮ้อ!”เมื่อสมองของเขานึกขึ้นได้ว่าลูกบอลนั้นกระจัดกระจายไปอย่างกว้างขวางขวาง หัวใจของเขาทรุดลงไปทันที เขาถอนหายใจออกมา และรู้สึกถึงลางร้ายปรากฏขึ้นในใจของเขา“ขอบคุณมากนะ นายน้อยลีโอ!”เฟนด์ยิ้มอย่างไม่แยแส ขณะที่เขาเดินเข้ามาลีโอหันไปอีกทาง มองไปที่เพื่อนของเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และสั่งว่า “เอาน้ำแร่มาให้ฉัน! ในนี้โคตรจะร้อนเลย แม่*เอ๊ย!”ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลที่กำลังก่อขึ้นในใจของลีโออย่างง่ายดายเมื่อเงินพนันสูงพันล้านเหรียญต่อรอบ แม้แต่ข้อผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มีค่าถึงพันล้านเหรียญ แล้วใครจะไม่เครียดกันล่ะ?อย่างไรก็ตาม ตระกูลเทิร์นเนอร์เป็นเพียงแค่ชนชั้นสูงระดับที่สาม พวกเขาไม่ได้มีทรัพย์สมบัติและเงินทองมากมายขนาดนั้น และถ้าลีโอยังแพ้ต่อไป เงินห้าพันล้านในบัญชีของเขา คงไม่พอจ่ายแน่ ๆ ชายหนุ่มรีบหยิบขวดน้ำโยนมันให้กับลีโอ ลีโอเปิดมันแล้วรีบดื่มทันทีตุบ!ตุบ!ในระหว่างนั้น เฟนด์ได้แทงบอลลงหลุมไปอีกหลายลูก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และได้คะแนนไปกว่า 15 แต้ม“โอ้พระเจ้า! ขยับได้สวย ตำแหน่งก็ดี! เฟนด์มีหวังจะชนะตานี้อีกแล้ว!”ชารอนกระโดดด้วยความดี
เฟนด์หัวเราะออกมาเสียงดัง หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ลีโอพูด เขายิ้ม “ได้เลย นายน้อยลีโอ ถ้าคุณอยากจะถอนตัวในตอนนี้ ก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน แต่คุณต้องโอนงินมาให้ผมหมื่นล้าน ไม่ใช่สองพันล้าน ใช่ไหม?”เฟนด์หยุดไปครู่นึง ก่อนจะพูดต่อ “ก่อนจะเล่นเกม คุณเป็นคนพูดเองว่าเราจะต้องเล่นด้วยกันทั้งหมดสิบรอบ แล้วห้ามยอมแพ้กลางคัน ถ้าคุณอยากจะถอนตัวในตอนนี้ มันก็หมายความว่าคุณยอมแพ้ในอีกแปดรอบข้างหน้าโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้น คุณแพ้ทั้งหมดสิบรอบ!”มุมปากของลีโอกระตุกเล็กน้อยหลังจากที่เฟนด์เตือนความจำของเขา เขาพูดกฏเหล่านั้นจริง ๆ ก่อนจะเล่นเกม และเขาไม่เคยคิดเลยว่าเฟนด์จะแข็งแรงขนาดนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะแพ้บิลเลียดให้กับมือสมัครเล่นอย่างเฟนด์!เขาแพ้ไปแล้วสองพันล้าน ถึงแม้ว่าสมองของเขาเลือกที่จะเล่นต่อ แต่หัวใจของเขาคงล้มเหลวก่อนจะเล่นอยู่ดี “หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว ฉันไม่เล่น! แค่เอาเลขบัญชีมาแล้วฉันจะโอนเงินไปให้สองพันล้าน ใครขอให้แกโกหกว่าเล่นไม่เป็นกันล่ะ แกบอกพวกเราว่าแกไม่เคยเล่นมาก่อน เห็นได้ชัดเลยว่าแกเคยเล่น และเก่งมากด้วย!”ลีโอกัดฟันแน่น เขาปฏิเสธกฏทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ราวกับเ
“พี่ นี่พี่พล่ามอะไรออกมา? ฉันเป็นคนจ้างเฟนด์เองนะ พี่ไม่มีสิทธิ์มาไล่เฟนด์ออก พี่ไล่เขาออกโดยที่คุณพ่อยังไม่อนุญาตได้ยังไง?” ทันย่าขู่ด้วยความไม่พอใจเธอโกรธจัดทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของทิโมธี“ฮึ่ม เขาก็แค่บอดี้การ์ด ฉันเป็นนายน้อยนะ จะไล่บอดี้การ์ดออกต้องขอพ่อด้วยเหรอ? และเธอก็ยังไม่รู้ตัวตนจริง ๆ ของเขาเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่หรือไง? เขามันก็แค่หัวหน้าผู้บังคับบัญชา ให้ตายเถอะ! พวกเราต้องคุกเข่าแล้วจุ๊บก้นเขาด้วยไหมล่ะ?” ทิโมธีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทันย่ารู้สึกว่าเธอแทบจะระเบิดออกมาเพราะความโกรธ เธอแทบจะเป็นลม เธอไม่เคยคิดเลยว่าพี่ชายที่รักของเธอจะพูดแบบนั้นออกมาเธอกระทืบเท้าแล้วตะโกน “ยังไงก็ตาม พี่ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจ!”“เหอะ! อย่าลืมนะว่าฉันเป็นพี่เธอ แล้วฉันก็เป็นลูกชายคนโตของตระกูลเดรคด้วย!”ทิโมธีหัวเราะอย่างร้ายกาจ ก่อนจะพูดอีกว่า “ใครสั่งให้ไอ้หมาตัวนี้เห่าผิดคนล่ะ? ฉันเป็นเจ้านายของมันนะ และถ้าหมาเห่าใส่เจ้านาย จะเก็บมันไว้เพื่ออะไรล่ะ? เก็บไว้ให้มันกัดฉันหรือไง?”อีกด้านหนึ่ง เฟนด์ก็พูดจาเหยียดหยามอย่างเยือกเย็น เขาพูดว่า “ฮ่าฮ่า ใช่! ในเมื่อนายน้อยเดรคพูดออกม
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ