ไม่นานนัก รถหลายคันก็มาถึงห้างที่ดูหรูหรา“รออยู่ข้างล่าง พวกเราจะขึ้นไปเล่นสนุกกัน ฉะนั้นพวกนายไปหาที่ดื่มชานมกันไป ถ้าอยากน่ะนะ” ชารอนให้เงินกับบอดี้การ์ดไปหลายร้อยเหรียญและพูดต่อว่า “เฟนด์มาแล้ว เราไปขึ้นไปเล่นบิลเลียดกันเถอะ”“ครับ! ขอบคุณคุณชารอน!” บอดี้การ์ดรับเงินมาด้วยความเคารพและเดินออกไปอย่างมีความสุขขณะที่เดินอยู่ เฟนด์ก็ตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ และพูดว่า “ที่นี่ค่อนข้างหรู ราคาการเล่นบิลเลียดจะต้องแพงแน่ ๆ”“ฉันเคยมาหลายครั้งแล้ว ห้องเล่นบิลเลียดชั้นบนก็ดี มีเครื่องดื่มกับของหวานให้ฟรีทุกอย่าง ถึงค่าธรรมเนียมจะคิดขึ้นอยู่กับการเข้าแต่ละครั้ง หนึ่งร้อยเหรียญต่อหนึ่งคน เล่นกี่ชั่วโมงก็ได้” ทันย่ายิ้มและพูดต่อว่า “เรามีกันสี่คน ก็สี่ร้อยเหรียญ”เฟนด์พยักหน้า “ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ต้องเล่นให้นานกว่าปกติหน่อย ไม่งั้นเราจะเปลืองเงิน”ความคิดเห็นของเฟนด์ทำให้อีวอนน์กลอกตาใส่เขา “เราไม่ได้ให้คุณจ่ายสักหน่อย คุณมาทำงาน งั้นเราก็จะจ่ายให้ นอกจากนั้นมันก็แค่ไม่กี่ร้อยเหรียญ มันแพงยังไง? คุณเพิ่งจะได้เงินเดือนยี่สิบล้านเหรียญมาไม่ใช่เหรอ?”“แต่นี่มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น!” เฟนด์ยิ้ม แต่
ชายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามทิโมธีถามเขาว่ายังเล่นเกมด้วยกันอยู่หรือเปล่าหลังจากที่เขาได้รับเงินทิโมธีตอบกลับอย่างฉุนเฉียวว่า “แน่นอน! เล่นอีกสักสิบเกม ฉันจะไม่พอใจจนกว่าจะชนะได้มากกว่า!”ขณะนั้น ก็มีคนสังเกตเห็นทันย่าและคนอื่น ๆ เดินเข้าไปในห้องเล่นบิลเลียด “เฮ้ นางฟ้านี่หน่า!” ชายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะบิลเลียดอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ทิโมธีมองไปทางทันย่าและคนอื่น ๆ ทันที เขาบ่นกับตัวเองว่า “ทันย่า? มาทำอะไรที่นี่? มากับไอ้บอดี้การ์ดคนนี้ตลอด เหอะ! นายท่านกับคนอื่น ๆ คิดว่าอย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็เป็นราชาแห่งสงคราม ไม่ค่อยมีคนรู้ เขายอมรับว่าตัวเองเป็นแค่หัวหน้าผู้บังคับบัญชาการแต่ไม่มีเหรียญ ฉันล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพวกเขาต้องจ่ายเงินให้มันสูงขนาดนั้นทั้งที่เป็นแค่บอดี้การ์ด!”ชายที่เล่นบิลเลียดกับทิโมธีคือนายน้อยจากตระกูลชนชั้นสาม เขาคือ ลีโอ เทิร์นเนอร์ เป็นเพื่อนที่ดีกับ ไมเคิล วิลสัน เขายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้และเดินไปข้าง ๆ ทิโมธี “นายน้อยเดรค มันก็มีวิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ อยู่นะ เขาก็แค่บอดี้การ์ด เราก็แค่คิดหาวิธีที่จะเล่นงานมัน ลองไปขอเขามาเล่นด้วยกันสิ แล้วม
ขณะนั้น ทิโมธีดูสกปรกราวกับไม่ได้ดูแลตัวเองมานาน เขาดูไร้ค่าในแวบแรก ไม่มีความใกล้เคียงอะไรกับตัวตนที่เคยเป็นมาก่อนเลยทันย่ารู้สึกผิดหวังที่พี่ชายเธอเป็นเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะพี่ชายเธอไปคบค้ากับชายที่มาจากตระกูลชนชั้นสาม เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนหรือสองเดือน เขาต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ชารอนเห็นว่าสองพี่น้องกำลังถกเถียงกันอย่างหนัก เธอก็เดินเข้าไปและยิ้มแย้มทันทีว่า “ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกทันย่า ผู้ชายก็มีวิธีคลายเครียดในแบบผู้ชาย มาเล่นบิลเลียดกันเถอะ เธอเก่งไหม? มาลองเล่นกันสักรอบ!” “เอาเถอะ!” ทันย่าทำให้ตัวเองเย็นลง เธอพยายามปลอบใจตัวเอง บางทีเธออาจจะคิดมากไป บางที เขาอาจจะไม่ใช่แบบนั้น เขาอาจจะแค่หลงกับความสนุกสนาน เขาอาจจะไม่เหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป“ชิ คุณมีน้องสาวที่น่ารักอะไรขนาดนี้!” “เหรอ? ถ้าดูแลพี่ชายบ้างก็คงดี เหอะ ๆ บางทีเธออาจจะเป็นคนที่ ‘ดูแล’ ตระกูลเดรคในอนาคตก็ได้!” ลีโอเริ่มยิ้มอย่างชั่วร้าย“เฮ้ นายก็เล่นบิลเลียดด้วยเหรอ?” ลีโอวางไม้คิวแล้วถามเฟนด์ เฟนด์มองไปรอบ ๆ ก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “คุณถามผมเหรอ?” เขาถาม “แน่นอน นายคือลูกเขยที่ไร้ค
ชารอนโกรธจัด แต่อย่างไรก็ตาม เธอกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ เฟนด์ เธอต้องบังคับให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ดี เธอจึงระงับความโกรธของตัวเองและเถียงกลับไปเฟนด์ทำได้แค่ยิ้มจาง ๆ ต่อหน้าพวกตัวตลกนี่ “ชื่อลีโอเหรอ? ถามทำไมว่าเล่นบิลเลียดได้ไหม? นายน้อยลีโอ” เขาถาม “ผมไม่รู้วิธีการเล่น ยังไงซะ ผมก็เคยเป็นแค่เด็กส่งของก่อนจะที่จะเกณฑ์ทหาร!”“นี่ ฉันก็คิดอย่างนั้น สุดท้ายแล้วสำหรับเรา ทหารก็เป็นแค่คนโง่ ๆ แน่นอนว่านายคงไม่รู้จักเกมแมน ๆ แบบนั้น เพราะเรื่องที่นายรู้ก็คือวิธีต่อสู้และฆ่าคนเท่านั้น!” ลีโอหัวเราะอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ฉันคิดที่จะขอให้นายเล่นด้วยกันสักสองสามรอบด้วยซ้ำ ถ้านายรู้วิธีน่ะนะ” เขาพูด “แต่เหมือนจะต้องผิดหวังไป ฉันจะไปเล่นกับนายน้อยเดรคแทน!”“ผมเล่นไม่เป็นนั่นก็จริง แต่ดูมาหลายรอบมันก็ดูไม่น่ายาก ก็แค่เล็งไปหาลูกสีขาวและต้องแน่ใจว่ามันจะไปโดนอีกลูกด้วย ใช่ไหม?” เฟนด์พูดหลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เหอะ!” ผู้ชายบางคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินช่นนี้“พูดง่ายเกินไปแล้ว คุณผู้ชาย นี่คือเกมที่ต้องใช้ทักษะ มันจะง่ายอะไรขนาดนั้นล่ะ? มันต้องมีเทคนิคเพื่อความแข็งแก
เขาคิดว่าเฟนด์จะกลัวตายเมื่อพูดแบบนั้น สุดท้ายแล้ว เขาก็เป็นแค่บอดี้การ์ดที่ได้เงิน 20 ล้านต่อเดือน มันคงเป็นงานเดียวในอาณาเขตกลางที่จ่ายสูงขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าผู้คนจะส่งเสียงโห่ตามมาทีหลัง? เขาจะไม่ไว้หน้าไอ้นี่เลยถ้าพ่อและคนอื่น ๆ ไม่สงสัยว่าเฟนด์กำลังปิดบังตัวตนที่แท้จริงอยู่สุดท้ายแล้วเฟนด์ก็ได้เงินเดือนมากมาย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจอะไรตระกูลเขาเลย เฟนด์อยากมาเมื่อไหร่ก็มา และอยากไปตอนไหนก็ไป ที่สำคัญ พ่อและน้องสาวเขายินดีกับสิ่งนี้ นอกจากนี้ ในงานเลี้ยงวันเกิดอายุครบ 70 ปีของนายท่านเทย์เลอร์ ไอ้เฟนด์ได้อ้างว่าเขาทำเหรียญหาย ราชาแห่งสงครามจะใช้อุบายแบบนี้เพื่อซ่อนตัวตนเอาไว้หรือเปล่า? ทุกคนคิดว่าเขาเป็นจอมพล แต่ถึงตอนนั้นมันอาจจะไม่จริงก็ได้ “เฮ้ ผมไม่กลัวหรอกนะ คิดเหรอว่าผมอยากเป็นบอดี้การ์ดให้ตระกูลคุณ? ถ้าตระกูลคุณไม่ช่วยผมไว้ และถ้าคุณไม่ได้ช่วยภรรยาผมหางาน ผมคงไม่มาเป็นบอดี้การ์ดให้ตระกูลคุณหรอก!”เฟนด์หัวเราะคิกคัก “นอกจากนี้ คุณทันย่าก็เป็นคนให้งานนี้กับผมด้วย” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจ!” "แก…" ทิโมธีโกรธจนจะลุกเป็นไป ไอ้บ้านี่มันกล้าพูด
ลีโอพูดขณะยิ้มกับเฟนด์“ตกลง นายควรจะแน่ใจกับเรื่องนี้ได้แล้วนะ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปถ้าไม่มีเงินมาจ่ายในตอนท้าย!” เฟนด์ตกลงพร้อมพยักหน้า ลีโอแสยะยิ้ม “เหอะ ฉันเพิ่งจะได้รางวัลมาเมื่อไม่นานนี้ ตอนนี้มีเงินเหลืออยู่อย่างน้อย 5 พันล้าน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะเอาชนะฉันได้มากกว่าห้าครั้งในสิบเกม!”“อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากชนะมากกว่าห้าครั้งในสิบเกม ก็ต้องชนะอย่างอย่างน้อยแปดรอบและแพ้สองรอบ ถ้าชนะเจ็ดรอบแพ้สามรอบ จะได้เงินแค่สี่พันล้านเหรียญเท่านั้น!” ชายอีกคนยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่แกจะชนะ เพราะไม่เคยเล่นมาก่อน”ชารอนคิดจากนั้นเธอก็กัดฟันยืนขึ้น “เฟนด์ คุณจะตัดแขนไม่ได้นะถ้าไม่มีเงินจ่าย ถ้าคุณจ่ายไม่ได้ ฉันจะช่วยจ่ายเอง!” เฟนด์รู้สึกซึ้งใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจะเสียเงินหมื่นล้านเหรียญถ้าแพ้สิบเกมติดกัน มันเป็นเงินจำนวนมากเลยทีเดียว เขาไม่คิดว่าชารอนจะเสนอจ่ายแทนเขา “คุณคิดดีแล้วเหรอ?” เฟนด์มองเธอแล้วถาม “ใช่ ไม่ต้องห่วงนะ ตระกูลจอร์จเป็นตระกูลชนชั้นหนึ่ง เราจ่ายเงินเป็นหมื่นล้านได้!” ชารอนตอบอย่างมั่นใจ “แต่นี่มันหมื่นล้าน คุณไม่กลัวว่าพ่อ
“พูดอะไรนะไอ้บ้านี่? เหอะ พอเป็นเรื่องบิลเลียดแล้วฉันจะอ่อนข้อให้ใครทำไม?” ลีโอรู้สึกกระวนกระวายใจทันทีกับสายตาที่จ้องมองมา“แกพูดบ้าอะไรวะ? ฉันบอกแกเหรอว่าเขาอ่อนข้อให้?” ทิโมธีก็พูดด้วยน้ำเสียงโกรธ ๆ “ฉันเป็นผู้เล่นที่เก่ง!”เฟนด์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไร้เยื่อใยว่า “เป็นเพราะเขาอ่อนข้อให้อย่างที่คุณบอกไม่ได้ มุมของเขาผิดไปเล็กน้อยอย่างตั้งใจตอนที่แทงลูก แล้วทำเป็นเกือบจะแทงลูกพลาด เขาเล่นแบบอ่อนข้อไปหนึ่งหรือสองครั้งในเกมเพื่อให้คุณชนะ นอกจากนี้ คุณก็พูดเองนะ คุณเป็นผู้เล่นที่เก่งมาก!” เฟนด์หยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ สบาย ๆ “นอกจากนี้แล้ว ผมว่าคุณคงคิดว่าทำไมเขาถึงยอมอ่อนข้อให้คุณ นายน้อยเดรค คุณยังจะเล่นกับเขาอยู่ไหมล่ะถ้าเขาไม่เคยอ่อนข้อให้ แล้วคุณก็แพ้ทั้งหมดสิบรอบ? แน่นอนว่าเขาต้องยอมให้คุณชนะสักสองสามรอบเพื่อให้ได้ลิ้มรสความสุขของการชนะ! แต่เห็นได้ชัดเลยว่า โดยรวมแล้วคุณแพ้มากกว่าชนะ สมมติว่าคุณเสียมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญวันนี้ เขาอาจจะยอมให้คุณชนะแค่ 20 ล้านเหรียญในวันต่อไป ฮ่า ๆ!”สีหน้าของทิโมธีนิ่งลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เป็นเพราะเขาคิดได้ว่าสิ่งที่เฟ
“งั้นดีเลย!”ลีโอแสยะยิ้ม ในวินาทีต่อมา ลูกคิวสีขาวถูกกระแทกด้วยแรงกำลังดี ทำให้ลูกบอลสีแดงกระจักกระจายไปทั่วโต๊ะบิลเลียดอย่างไรก็ตาม โชคไม่เข้าข้างเขา ไม่มีบอลลูกไหนเฉียดใกล้หลุมบิลเลียดเลยสักนิดเฟนด์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักกับการเล่นของเขา “ตอนนี้ ก็ตาผมแล้ว! ลูกคิวสีขาวนั่นอยู่ในตำแหน่งที่เข้าท่าเลย แล้วลูกบอลสีแดงหลายลูกก็อยู่ใกล้ ๆ หลุมด้วย!”“ใช่ ลูกคิวสีขาวนั่นอยู่ในตำแหน่งที่ดีจริง ๆ แต่สำหรับมือใหม่อย่างแก ฉันแทบจะไม่ต้องคิดแผนป้องกันเลยด้วย ฮ่าฮ่า! ฉันแทงให้บอลกระจายไปทั่ว เพื่อที่ฉันจะได้เอาชนะแก้ในเร็ว ๆ นี้ยังไงล่ะ!”ลีโอหัวเราะทิโมธียิ้มให้กับสถานการณ์นี้เช่นกัน เขาเยาะเย้ยอีกว่า “มันก็ไม่ได้ดูยากอะไร แต่เมื่อไหร่ที่แกแทงไม่ลง เดี๋ยวก็รู้เองว่านักเล่นบิลเลียดเก่ง ๆ เป็นยังไง”ตุบ!หลังจากที่เขาพูดจบ เฟนด์เลียนแบบท่าโพสต์ของลีโอก่อนหน้านี้ เขาวางท้องลงบนขอบโต๊ะ เขาทำท่าทางราวกับมืออาชีพ ต่อมา เขาแทงลูกคิวสีขาวด้วยไม้คิว ลูกบอลสีขาวไปกระแทกลุกบอลสีแดง“ลงหลุมแล้ว!”ชารอนตาโตราวกับเห็นผี และในไม่นาน เธอก็กระโดดโล่นเต้นด้วยความดีใจราวกับจิงโจ้ “โอ้พระเจ้า! มันล
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ