อีวานถูกเตะอัดกับกำแพง ก่อนที่เขาจะตกลงมาแรง ๆ บนพื้น ความเจ็บปวดอัดไปทั้งภายในและภายนอก ทุก ๆ การต่อสู้ ส่งความเจ็บปวดไปถึงไหล่ หลัง และคอของเขา ทำให้เขานอนขดราวกับกุ้งอ่อก! ปัก! ตุบ! อีวานถูกเตะอย่างไร้ความปราณีอีกสองสามครั้ง ขณะที่เฟนด์เดินเข้ามาใกล้เขาเบ็นไม่ขยับเลยสักนิด เขายืนนิ่งราวกับรูปปั้น เขามองไปที่ซีน่าอย่างน่ากลัว เขาหวังอย่างสุดหัวใจ ว่าเขาจะไม่พบหลักฐานเป็นฉากที่เขาเกลียดที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาหนีความจริงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ซีน่ารีบใส่เสื้อผ้าอย่างลวก ๆ ก่อนจะหันไปหาเบ็นที่กำลังมองเธออยู่ “เบ็น เทย์เลอร์ นายจะโทษฉันอย่างเดียวไม่ได้นะ นายต้องโทษตัวเอง และความไร้ประโยชน์ของนาย นายคิดว่าฉันจะมาคบกับอีวานทำไมล่ะ ถ้านายไม่ใช่ไอ้ขยะไร้ประโยชน์น่ะ?”“แม่*เอ๊ย!”ในที่สุด เบ็นก็ระเบิดออกมา เขาไม่สามารถอดทนต่อความโกรธได้อีกต่อไป ขณะที่เขาตบเธออย่างแรก ๆ สองสามครั้ง เขาก็ด่าเธอออกมาอย่างเกรี้ยวกราดด้วย “นังหน้าด้านหน้าไม่อาย! แกล้งทำเป็นผู้ดีและบริสุทธิ์ต่อหน้าฉันในทุก ๆ วัน! เธอมันก็แค่ไอ้คนหยาบคาย สกปรก ยัยแม่มดที่ทำเรื่องสกปรกลับหลังคนอื่น!”“แก! กล้าดียังไม่มาตบตีฉัน
“เบ็น เทย์เลอร์ ไอ้สารเลว! มันคือความสัมพันธ์ที่ยินยอม! แกมีสิทธิ์อะไรไปฆ่าเธอ? แกจะโทษซีน่าไม่ได้เพราะแค่ว่าแกมันไร้ค่า!” อีวานตะโกน เขากระอักเลือดหลังจากถูกเฟนด์เตะ เขาไม่สามารถพยุงตัวเองไว้ได้อย่างไรก็ตาม ซีน่าได้ช่วยเขาไว้ พวกเขามีความสัมพันธ์ต่อกัน เขาไม่ได้อยากให้ซีน่าตาย นอกจากนี้ เขาหวังไว้ว่าจะสนุกกับฉากแนะนำตัวซีน่าว่าเป็นแฟนของเขาต่อหน้าตระกูลเทย์เลอร์ เขาอยากเห็นตอนเบ็นและเซเลน่าถูกความแค้นและความโกรธครอบงำว่ามันจะเป็นอย่างไร “อ๊า! อึก!” ซีน่าดิ้นรนภายใต้เบ็น ร่างกายเธออ่อนแอลงเรื่อย ๆ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินดูเหมือนคนกำลังจะตายอย่างไรซะ เบ็นไม่สามารถฆ่าเธอได้อยู่ดี น้ำตาแห่งความโศกเศร้าเสียใจไหลผ่านตาของเบ็น เขาปล่อยซีน่าและล้มลงไปข้าง ๆ ทั้งจิตใจและวิญญาณถูกทำร้ายจนหมดสิ้น "แค่ก! แค่ก!" ซีน่าจับคอของตัวเองไว้และหยุดไอไม่ได้ เธอหอบหายใจอย่างหนัก“เบ็น ทำอะไรน่ะ? ทำแบบนั้นไปได้...” เซเลน่าพูดไม่ออก ซีน่ากำลังจะหมดลมหายใจสุดท้ายอยู่แล้ว และเบ็นก็กำลังจะแก้แค้นให้ตัวเองได้! แต่สุดท้ายแล้ว น้องชายที่อ่อนโยนของเธอก็ยอมแพ้ไปในที่สุด “พี่!” เบ็นเงยหน้าข
ฉะนั้น เฟนด์จึงทำได้แค่ทำเป็นไม่รู้เรื่องแผนการลอบวางยาพิษใส่เขาแต่ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมาแล้วหลังจากเอาชนะอีวานได้ “หึ! ฆ่าฉันตอนนี้ซะเลยสิ! แกจะฆ่าฉันเพียงเพราะซีน่ารักฉันไม่ใช่เบ็นเนี่ยนะ? ตลกสิ้นดี! ถ้าแกฆ่าฉันก็ไปขอขมาปู่กับพ่อด้วยล่ะ!” อีวานเยาะเย้ยและส่งสายตาเคียดแค้นใส่เฟนด์ “เฟนด์ ฉันจะจำเรื่องวันนี้ไว้! แล้วไม่ต้องกังวลไปล่ะ แกจะเสียใจกับการกระทำของแกไม่ช้าก็เร็ว!” เฟนด์ไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น เขาเดินไปที่กระเป๋าของซีน่าและดึงอุปกรณ์ติดตามตัวออก จากนั้นก็จับมือเซเลน่าและออกจากที่ตรงกันรวมไปถึงเบ็นด้วย อีวานไม่เห็นเฟนด์ถอดอุปกรณ์ติดตามตัวออกจากเขา ไม่นานนักหลังจากที่เฟนด์และคนอื่น ๆ ออกไป อีวานก็ใช้แรงทั้งหมดพยุงร่างขึ้นไปนอนบนเตียง ร่างกายของเขาเจ็บปวดจนจะสลาย อีวานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาซีน่าด้วยความหวังว่าเธอจะกลับมา แต่เขาก็เห็นว่าโทรศัพท์เธออยู่บนเตียงเพราะเธอตกใจมากจนรีบออกไป “เวรเอ๊ย! ต้องโทร 911 แล้วสิ!” อีวานสถบ เขารู้สึกราวกับแขนขาจะหลุดออกจากร่าง เขาไม่รู้ว่าตัวเองบาดเจ็บมากแค่ไหน“เฟนด์ ไอ้เวรนั่น! ฉันจะรอดูว่าความเย่อหยิ่งของมันจะอยู่ได้นานแค่ไหน พนันไ
“ฉ ฉันไปด้วย?” เคนรู้สึกตื่นตระหนกเมื่อได้ยินว่าซีน่าขอให้เขาพาบอดี้การ์ดไปโรงแรมกับเธอ ใบหน้าของเขานิ่งลง เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนในตระกูลคลาร์กไม่มีใครสามารถต่อสู้เทียบเท่ากับเฟนด์ได้ แม้แต่บอดี้การ์ดมือหนึ่งของตระกูลคลาร์กอย่าง แดน เจมส์สัน และเหล่าบอดี้การ์ด ก็ไม่มีใครสามารถแตะต้องเฟนด์ได้แม้แต่ชายเสื้อ ยิ่งตอนนี้เขารู้ว่าเฟนด์กำลังโกรธจัด และยังเป็นไอ้ชั่วที่มีความสนิทชิดเชื้อกับเทพีแห่งสงคราม สรุปแล้วพวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเฟนด์ ถ้าเฟนด์อยากจะกระทืบพวกเขา พวกเขาก็ทำได้แค่ยอมรับและโทษความโชคร้ายของตัวเอง“มีอะไรหรือเปล่า? นายน้อยคลาร์ก คุณกลัวเขาเหรอ?” ซีน่าผงะและรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “กลัว? หึ ตลกสิ้นดี! มันก็แค่ลูกเขยที่ไร้ค่า ทำไมฉันจะต้องกลัวด้วย?” เคนเยาะเย้ยอย่างแห้ง ๆ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังระงับความกลัวภายในใจหลังจากคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดต่อว่า “ผมจะโทรหาเขาก่อน ถ้าเฟนด์ออกไปแล้ว เขาจะรับสาย ถ้าเขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัส” ซีน่าพยักหน้ารับกับแผนการนี้ เพราะมันก็เป็นไปได้ เคนกดหมายเลขโทรไปหาอีวานอย่างรวดเร็ว และรออย่างใจเย็น “นี่ นายน้อยคลาร์ก! ให้ตายสิ
เบ็นเงียบตลอดทางกลับบ้านราวกับความโศกเศร้าได้ขโมยเสียงพูดของเขาไปแล้ว ความเศร้าในตัวเขาเพิ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้นอย่างชัดเจน“น้องชาย ฉันเข้าใจเรื่องที่นายฆ่าเธอไม่ได้ มันเป็นเพราะอยู่ด้วยกันมานานมาก!” เซเลน่ามองเบ็นที่นั่งอยู่เบาะหลัง เธอพูดต่อ “แต่นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่นายจะเสียใจ ครั้งต่อไปที่เราเจอเธอ นายจะห้ามให้เราพยายามฆ่าเธอไม่ได้ สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดแกมโกงมากเกินไป ไม่ใช่แค่นอกใจนะ แต่ยังพยายามวางยาพิษพี่เขยนายด้วย!” เบ็นเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะพยักหน้าในที่สุด “อย่ากังวลไปเลยพี่สาว ฉันเข้าใจแล้ว เมื่อก่อนฉันไร้ประโยชน์และไร้เดียงสาเกินไป ฉันทำตัวเด็ก ไม่มีแม้แต่งานทำ! สำหรับเธอ ฉันมันก็แค่เศษขยะอันแสนสิ้นหวังแม้แต่รีไซเคิลก็ยังทำไม่ได้!”เขาหยุดพูด และพูดต่อว่า “แต่การฆ่าเธอ...ฉันทำไม่ได้จริง ๆ! ในอนาคต ฉันจะไม่เป็นอะไรแล้วตราบใดที่พี่ไม่ฆ่าเธอต่อหน้า อีกไม่นานฉันจะลุกขึ้นก้าวต่อไปได้!” “ฉันดีใจจริง ๆ ที่นายคิดแบบนี้!” เซเลน่าตอบด้วยน้ำตาคลอ จู่ ๆ เบ็นก็นึกอะไรบางอย่างออก “จริงสิ แล้วเฟนด์โอเคไหม? ร่างกายเขาเป็นยังไง?”“ไม่ต้องคิดมาก ถ้าเฟนด์ไม่มีทางแก
“แต่ฉันไม่สนใจมรดกของเทย์เลอร์เลยนะ! ฉันไม่คิดที่จะแข่งอะไรกับเขา!”เซเลน่หน้าขมวดคิ้ว “ฉันต้องการแค่ชีวิตที่สงบสุข นอกจากนี้ เงินเดือนก็เพียงพอแล้วที่จะอยู่อย่างสบาย เรามีทั้งคฤหาสน์และรถ! ฉันสนุกกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว สำหรับมรดกเทย์เลอร์ คุณปู่ได้ไว้ใจมอบให้กับอีวานตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาจะสานต่อทุกอย่างแน่นอน ส่วนที่ว่าจะมีอันไหนเป็นของฉันบ้างฉันไม่สนเลยจริง ๆ!” “ฮ่า ๆ! ภรรยาที่รักของผม คุณเรียบง่ายและบริสุทธิ์เกินไป” เฟนด์หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขขณะโอบรอบเอวเซเลน่า “ที่รัก คุณเป็นคนดีและมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ที่คุณปู่จะแบ่งมรดกยังไงคุณไม่ได้สนใจมันเลย ผมแน่ใจ แต่อีวานไม่ได้คิดอย่างนั้นน่ะสิ! มันนานแล้วที่เขารู้สึกว่าคุณปู่ปฏิบัติต่อคุณดีและเขาคิดว่าสิ่งที่เขาจะได้รับมันจะกลายเป็นของคุณแทน! เขาเลยขุ่นเคืองและรังแกแม้กระทั่งไคลี่ก็ด้วย!”เฟนด์หยุดพูดแล้วพูดต่อว่า “ในที่สุด เขาก็ได้เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท โดยปกติแล้ว เขาไม่อยากจะแบ่งปันกับใคร ถ้าคุณแต่งงานกับผู้ชายรวย ๆ คุณจะไม่ต้องไปแข่งกับเขาเรื่องมรดกอีกต่อไป เขากังวลว่าอาจจะต้องแบ่งสมบัติส่วนหนึ่งของตระกูล
“ไม่ต้องห่วง ช่วงนี้ก็อยู่ใกล้ ๆ ผมไว้ พวกเขาเต็มใจเข้ามายุ่งกับเหตุการณ์เมื่อวานนี้ เพราะงั้นเขาจะอธิบายการกระทำของตัวเองไม่ได้หากเขาฆ่าคุณ” อีวานยิ้มอย่างขมขื่น “โชคดีที่เฟนด์ไม่รู้ว่าคุณวางยาพิษเขา ถ้าเขารู้เขาคงไม่คิดเรื่องอื่น ๆ มากนัก”“อะไรนะ? เฟนด์ดื่มยา...ยาพิษเข้าไปแล้วเหรอ?” เคนเริ่มมีความสุขแผ่ออกมาเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้สุดท้ายแล้ว เขาเชื่อว่าเขาเป็นคนเดียวที่จะได้เซเลน่าหากไม่มีเฟนด์อีกต่อไปแล้ว เขารอเวลานี้มานานมากตอนแรกเขากลัวว่าซีน่าจะล้มเหลวเพราะเฟนด์ฉลาดมากและรู้ทันซีน่าทุกอย่าง เขาไม่คิดว่าซีน่าจะทำมันสำเร็จ“ใช่! เป็นไง นายน้อยคลาร์ก? ฉันไว้ใจได้ไหมล่ะ?” ซีน่าเห็นว่าเคนดูมีความหวังทันทีที่ได้ยินเรื่องความสำเร็จของเธอ “คุณดูตื่นเต้นนะ! ไม่คิดจะให้รางวัลฉันเหรอ?”เคนยิ้ม “ครั้งหน้าแล้วกัน” เขารีบปฏิเสธ “ผมจะเลี้ยงข้าวคุณวันหลังแน่นอน”“อย่าลืมสัญญาแล้วกัน!” ซีน่าเรียกร้องเขา“แน่นอน คุณทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน? บอกเรามาให้ลึกกว่านี้สิ นีลยังไม่รู้เรื่องเลย เพราะงั้นผมจะบอกเขาภายหลัง ตัวเขาคงลอยไปถึงดวงจันทร์แน่ ๆ ถ้าได้ยินเรื่องนี้!” เคนมีความสุขมากจนอยากจะเต้น
“มันง่ายมาก นายน้อยคลาร์กแค่ต้องไปเยี่ยมตระกูลเซนอสและบอกพวกเขาว่าเฟนด์ฆ่านายน้อยของพวกเขายังไง ด้วยวิธีนี้ ตระกูลเซนอสก็จะรู้ว่าใครเป็นคนฆ่า” อีวานสมทบ“เฟนด์สามารถต่อสู้ได้อย่างไม่อาจโต้แย้ง แต่ตอนนี้เขาโดนวางยาพิษแล้ว นายไปขอให้ตระกูลเซนอสเริ่มทำในสองสามวันนี้ก็ได้ โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จก็จะมากขึ้น” อีวานวางแผนด้วยรอยยิ้มนิ่ง ๆ บนใบหน้า “แน่นอนว่านายอยากจะเห็นเฟนด์ตายโดยเร็วที่สุด แต่ถ้าไม่อยาก ก็รอดูเอาว่าเขาจะตายอย่างทรมานกับยาพิษนี้ยังไง”อีวานหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ที่จริงฉันก็ไม่รีบนะ ธุรกิจของตระกูลเทย์เลอร์ทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารของฉัน และบริษัทก็ต้องการตัวฉันมากกว่าที่ผ่านมา!”“เอาล่ะ นี่มันก็ดึกมาแล้ว ให้ฉันโทรหานีลแล้วบอกเรื่องนี้กับเขาเถอะ” เคนพูด “นี่ต้องเป็นการสนทนาที่ดีแน่ ๆ!” เคนยังไม่หยุดยิ้มเลยตั้งแต่เขารู้ว่าเฟนด์โดนวางยาพิษเมื่อเขาออกจากโรงพยาบาลและขึ้นรถ เคนก็โทรหานีลและเรียกเขาออกมาดื่มด้วยกัน…“นายน้อยคลาร์ก ทำไมนายถึงชวนฉันมาดึก ๆ แบบนี้?” นีลรู้สึกโกรธตอนที่มาถึง ไม่นานมานี้เขาป่วยเพราะเฟนด์รับมือได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ