เป็นเวลาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำที่ชายคนนี้ กำจัดตระกูลเซนอสแห่งเมืองมังกรฟ้าเหล่าผู้ที่มีอิทธิพลในเมืองมังกรฟ้าต่างก็ตกใจ เมื่อพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นี่เป็นความแข็งแกร่งของราชาแห่งสงคราม ความน่าเกรงขามของราชาแห่งสงครามแปดดารา พลังของเขานั้นอยู่เหนือกว่าพวกที่มีอิทธพลทั่ว ๆ ไป เรื่องที่ว่าตระกูลเซนอสได้ทำให้ราชาแห่งสงครามโกรธ ก็ไม่มีใครตอบได้ พวกเขารู้เพียงว่า นายน้อยของตระกูลเซนอสไปสร้างปัญญาไว้ที่อาณาเขตกลาง เห็นได้ชัดว่า เขาได้ไปทำให้ศัตรูที่น่าเกรงขามโกรธเข้าให้แล้ว…“พ่อ แม่ พวกเราไม่ได้ไปปิกนิกกันนานแล้วนะคะ ทำไมพวกเราไม่พาเฟนด์ เซเลน่า และไคลี่ไปปิกนิกที่ชานเมืองในวันพรุ่งนี้ล่ะ? ดีไหมคะ?”ขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารอยู่ ซีน่าก็พูดขึ้นมาหลังจากหยุดคิด“ได้เลย พรุ่งนี้ฉันว่างพอดี มันก็นานแล้วนะที่ฉันกับไคลี่ไม่ได้ออกไปไหนด้วยกัน ไหน ๆ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ด้วย งั้นเราไปกันเถอะ!” เซเลน่าตอบด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่เธอได้ยินซีน่าพูด“ดีเลย ฮ่า ตอนนี้พวกเรารวยแล้ว เราจะขับรถไปพักผ่อนหย่อนใจที่ไหนก็ได้ แล้วก็ซื้ออุปกรณ์ไปทำบาร์บีคิวข้าง ๆ แม่น้ำด้วย!”เบ็นหัวเราะออกมา เขาอดไม่ได้ที่
“ไม่มีอะไรหรอก!”เบ็นยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนที่จะกลับมาทานอาหารต่อ“ดูดีมากเลย!”เฟนด์เองก็ยิ้มออกมา “แต่ตัวอักษรบนหน้าอกนั่น ‘บอดี้การ์ดของตระกูลเทย์เลอร์’ นั่นมันดึงดูดความสนใจมากเกินไป ดูเหมือนว่าเธออยากจะให้ทุกคนรู้จริง ๆ ว่าตระกูลเทย์เลอร์มีบอดี้การ์ดแล้ว!”“มันสำคัญตรงไหนล่ะ? ตอนนี้เรารวยแล้วนี่ มันก็ปกติที่จะจ้างบอดี้การ์ดไม่ใช่หรือไง?”ฟีโอน่ายิ้มออกมา “พวกเราจะไปปิกนิกที่ชานเมืองกันในวันพรุ่งนี้ แต่เฟนด์ก็ไปด้วย เพราะฉะนั้น พวกเธอไม่ต้องตามมาหมดทุกคนหรอก ตามฉันกับซีน่าไปช้อปปิ้งในตอนบ่ายก็พอ! แค่พวกเธอสองคนเท่านั้นนะ มันจะสะดุดตาเกินไปถ้าพวกเธอมากันหมดน่ะ!”“ค่ะ คุณผู้หญิง ถ้าอย่างนั้น พวกเราต้องขอลา และออกไปตรวจตราพื้นที่ให้เรียบร้อยค่ะ!”เอเลนเผยยิ้ม ก่อนจะพาบอดี้การ์ดของเธอออกมา “เย่! พรุ่งพวกเราออกไปเที่ยวกัน!”ไคลี่ดีใจมาก แววตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง หลังจากมื้อเย็น ไคลี่ก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องของเธอในระหว่างนั้น เฟนด์และเซเลน่า ต่างก็พากันอาบน้ำก่อนจะนอนลงบนเตียง“เราจะให้ไคลี่รู้ไม่ได้เลยนะ ว่าเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้น ลูกจะต้องกังวลแน่ ๆ !” เซเลน่าคร
“ฉันรู้ ฉันเองก็ไม่เข้าใจจริง ๆ เลย หรือมันเป็นเพราะคุณให้เงินเธอหนึ่งล้านเหรียญ หรือเธอเปลี่ยนใจแล้วจริง ๆ กันแน่นะ?”เซเลน่าเดาอยู่ครู่นึง“เปลี่ยนใจอย่างงั้นเหรอ?”เฟนด์เผยยิ้มอย่างเย็นชาออกมา “เสือดาวอย่างเธอไม่มีวันเปลี่ยนใจหรอก เธอมีแต่ความโลภมาก ไม่รู้จักพอ และอาจจะโลภมากมากกว่าแม่ของคุณด้วย อาจเป็นไปได้ ที่เธอจะมีแผนร้ายในวันพรุ่งนี้!”“ไม่มีทาง พวกเราจะออกไปเที่ยวกัน แต่เธอมีแผนน่ะเหรอ?”เซเลน่ายิ้ม ก่อนจะนอนลงบนเตียงหลังจากปิดไฟ “เรานอนกันดีกว่า!”เฟนด์กอดเธอจากด้านหลัง “ที่รัก เมื่อคืนนี้เราโดนไคลี่กวน แต่ตอนนี้ลูกหลับไปแล้ว ผมว่าเรามา…”“ถามจริง? ทำไมคุณถึงคิดแต่เรื่องลามกแบบนั้นล่ะ ไอ้โรคจิต!”เซเลน่าตกอกตกใจทันที มีความเขินอายน้อย ๆ ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเธอเฟนด์รู้สึกพอใจมาก เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความเขินอายของเธอ เขาลุยต่อทันทีเขาพลิกเซเลน่าให้หันมา ก่อนประกบปากของเขาและเธอเข้าด้วยกัน“อืมมม!”เซเลน่ารู้สึกประหม่ามาก แต่เธอก็ใช้มือเล็ก ๆ ของเธอโอบกอดเฟนด์ ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในเช้าวันถัดมา เซเลน่ากำลังบิดขี้เกียจหลังจากตื่นนอน หน้าของเธอแดงเล็กน้อย ผ
ตอนนี้เฟนด์กลับมาแล้ว และเธอก็ยังมีหวัง“ใช่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณต้องสัญญากับฉันหนึ่งอย่างนะที่รัก!” เซเลน่าเงยหน้าขึ้นไปบอกเฟนด์ “อะไรเหรอ? ผมจะสัญญาทุก ๆ อย่างกับคุณเลย!” เฟนด์ยิ้มร่า“เราต้องหาผู้ชายที่ซีน่าแอบเจออยู่ให้เจอ เธอฉลาดมาก เราต้องระวังมาก ๆ เพื่อไม่ให้เธอตื่นตัว!”เซเลน่าครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดออกมาด้วยความโมโห “ซีน่าเองก็มีน้องชายของฉันแล้ว ส่วนพ่อแม่ของฉันก็ยังโดนเธอบงการอีก พวกเขาคงไม่เชื่ออะไรก็ตามที่คุณพูดแน่ ๆ เพราะฉะนั้นเราต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา และให้น้องชายของฉันเห็นสักที ว่าจริง ๆ แล้วเธอเป็นคนยังไง เขาจะได้เลิกกับเธอสักที!”“ได้เลย ผมเข้าใจแล้ว อย่ากังวลไปเลย ผมจะรอบคอบ และจับผู้ชายคนนั้นให้ได้!” เฟนด์พยักหน้า แล้วให้สัญญาหลังจากที่พวกเขาอาบน้ำเสร็จแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ห้องของไคลี่เพื่อปลุกเธอ ก่อนที่ทั้งสามจะลงมาทานอาหารเช้าด้วยกันหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ทุก ๆ คนก็ขับรถของใครของมันไปที่แม่น้ำเล็ก ๆ ในแถบชานเมือง พวกเขานำเตาบาร์บีคิวออกมาตั้ง ก่อนจะนำวัตถุดิบต่าง ๆ ออกมา แล้วเริ่มทำอาหารทันทีมีคนมากมายที่มาปิ้งบาร์บีคิวรอบ ๆ บริเวณ
อีกด้านนึง เบ็นขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ขณะที่เขากำลังย่างเนื้อ เขาไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เลยเขาเป็นแฟนของซีน่า ไม่ใช่เฟนด์นะ ทำไมเธอถึงไม่เคยเอาอกเอาใจเขาแบบนั้นบ้างล่ะ?หัวใจของซีน่าเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นเมื่อเฟนด์มองไปที่ขวดน้ำ เธอรีบเปิดฝาน้ำอีกขวด แล้วยื่นมันให้กับเบ็นทันที “นี่ของคุณ เบ็น คุณเองก็เปียกโชกเหมือนกันนี่!”“โอเค!”เบ็นพอใจมาก เขาคว้าขวดน้ำ แล้วดื่มไปอึกใหญ่ทันที“เราหยิบเองได้น่า!”เซเลน่าฝืนยิ้มออกมา แต่เธอไม่มีความสุขเอาซะเลย เฟนด์เป็นสามีของเธอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ซีน่ามีหน้าที่ดูแลสามีของเธอน่ะ?นอกเหนือจากที่เธอเปิดฝาขวดน้ำให้เขาแล้ว เธอยังทำตัวเป็นมิตรเกินไปอีก เธอควรจะหยิบน้ำให้เบ็นก่อนสิ ทำไมเธอถึงให้เฟนด์ก่อนกันนะ?ตอนนี้ เซเลน่าอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า ที่เธอทำแบบนี้เพราะเฟนด์ช่วยเธอเอาไว้เมื่อวาน หรือเพราะเฟนด์ให้เงินเธอหนึ่งล้านเหรียญกันแน่ ถึงแม่ว่าเธอจะไม่ชอบเฟนด์ แต่ก็เป็นไปได้ว่าเธอพยายามจะยั่วเขา เพราะตอนนี้เขารวยแล้ว และเธอก็สามารถสูบเงินจากเขาได้ในตอนนี้ เฟนด์หยิบขวดน้ำนั่นมา กำลังจะดื่มมัน แต่เขาหยุดซีน่าขมวดคิ้ว หรือว่าเ
เขายื่นปีกไก่บาร์บีคิวที่เพิ่งย่างมาสด ๆ ให้กับทุกคน ผ่านไปสักพัก เขาก็ยืนขึ้นก่อนจะพูดว่า “ค่อย ๆ กินกันล่ะ เดี๋ยวผมจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย”หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เขาหยิบเข็มสีเงินออกมา แล้วทิ่มมันลงไปในจุดฝังเข็มหลายจุด“แหวะ!”ในตอนนี้ เขาสำรอกยาพิษออกมาจากท้องของเขาเฟนด์ยิ้มอย่างเย็นชา หลังจากเก็บเข็มสีเงินนั้นออกไป “วางยาพิษ เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนี่ แต่เธอคงคิดน้อยไปแล้วที่จะฆ่าฉันด้วยยานี่!”เขาเดินออกมาอย่างไม่แยแสในช่วงบ่าย ๆ ทุกคนก็ต่างพากันเก็บของ แล้วขับรถกลับบ้านซีน่าขอลาเข้าไปพักผ่อนในห้องทันที เมื่อทุกคนมาถึงบ้าน ในขณะเดียวกัน เฟนด์พาเซเลน่าออกไปเดินเล่น ในป่าเล็ก ๆ ข้าง ๆ บ้านพักของพวกเขา“เกิดบ้าอะไรขึ้นกับซีน่ากันแน่? เธอเกลียดคุณมากเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เธอปฏิบัติราวกับคุณคือพระเจ้า ไม่เป็นไรหรอกนะที่เธอจะซื้อน้ำให้คุณ แต่เปิดให้ด้วยเนี่ยนะ?”เซเลน่ายังคงโมโห เมื่อเธอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้“นี่ เซน่าไม่ได้ดีกับผมหรอกนะ เธอวางยาพิษในน้ำนั่นต่างหาก!”ถึงกระนั้น เฟนด์ก็ยิ้มให้เธออย่างเย็นชา “ถ้าผมไม่ได้สัญญากับคุณว่าผมจะรอบคอ
“ใช่ ผมรู้ว่ามันน่าโมโห แต่พวกเราต้องระงับความโกรธเอาไว้ก่อน ผมเชื่อว่าศัตรูของเรา ไม่ได้มีแผนสำรองไว้ เขาจะต้องเปิดเผยตัวในไม่ช้าแน่!”เซเลน่าใจเย็นลงในที่สุด เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ได้ยังไง ในขณะที่เฟนด์ควบคุมตัวเองได้ และดื่มยาพิษเข้าไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า น้ำนั่นถูกวางยาพิษ?สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือเก็บมันเอาไว้ในใจ โดยเห็นแก่น้องชาย และครอบครัวของเธอ ที่จะได้ตาสว่างสักที“พวกเรามีแผนรับมืออะไรหรือเปล่า? หรือเราแค่รอแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ?”เซเลน่าอดไม่ได้ที่จะถามออกมาหลังจากครุ่นคิด “ฉันคิดว่าเราควรเร่งมือ แล้วจับนังบ้านั่นในตอนที่เธออยู่กับผู้ชายคนนั้น”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่น “ผมแค่เกรงว่าผู้ชายคนนี้ จะไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับเธอ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะจับพวกเขาตอนอยู่บนเตียงด้วยกันได้ แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นแค่อยากจะหลอกใช้ซีน่าให้วางยาผมล่ะ? ถ้าเขาให้เงินซีน่าไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ? เธอก็คงมีเงินไปซื้อเสื้อผ้าพวกนั้นแล้ว และการตัดสินใจของพวกเราคงผิดพลาด!”เซเลน่าก็พยักหน้าเช่นกัน “คุณพูดถูก ถ้ามันเป็นอย่างนั้น น้องชายของฉันคงไม่เชื่อคุณเลยสักนิด!”เฟนด์คิ้วขมวด ต้องจัด
ซีน่าหยุดไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “และไม่ต้องโทรหาฉันด้วย ตกลงไหม? พวกเราเล่นเกมส์กันตลอดเวลาที่เจอนัดกัน เราจะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ถ้าโทรศัพท์ใครดังก่อนคนแรก คนนั้นต้องจ่าย ปกติแล้วพวกเราต้องจ่ายราว ๆ หมื่นเหรียญ แน่นอนว่าฉันไม่อยากจ่ายอยู่แล้ว พวกเราต้องเก็บหอมรอมริบไว้บ้าง เข้าใจไหม?”“แล้วคุณจะกลับมาตอนไหนล่ะ?”เสียงของเบ็นสั่นมาก เมื่อฟังจากเครื่องดักฟัง“ถามจริงเลยนะเบ็น? ทำไมคุณถึงจุกจิกกับฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยช่วงนี้น่ะ ฉันก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน และดื่มจนดึกดื่นตลอด ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง กลับมาตอนไหนอย่างงั้นเหรอ? แน่นอนว่าเราต้องไปนอนที่โรงแรมอยู่แล้ว ฉันจะกลับตอนเช้า!”ซีน่าเริ่มหมดความอดทน “แค่นี้นะ ฉันจะไปแล้ว เจอกันพรุ่งนี้!”หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงกระแทกประตู ดูเหมือนว่าซีน่าจะออกไปแล้วเฟนด์และเซเลน่าได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงดังมากจากด้านนอก เสียงค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ ตามระยะทาง และตามเจ้านายของมันลงบันไดไป“ที่รัก ดูเหมือนว่าซีน่าจะออกไปเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว นี่มันเป็นโอกาสทองของพวกเราเลย!” เซเลน่าพูดออกมาเฟนด์พยักหน้า “เธอต้องคิดว่าผมโดนวางยาไปแล้ว
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ