เขายื่นปีกไก่บาร์บีคิวที่เพิ่งย่างมาสด ๆ ให้กับทุกคน ผ่านไปสักพัก เขาก็ยืนขึ้นก่อนจะพูดว่า “ค่อย ๆ กินกันล่ะ เดี๋ยวผมจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย”หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เขาหยิบเข็มสีเงินออกมา แล้วทิ่มมันลงไปในจุดฝังเข็มหลายจุด“แหวะ!”ในตอนนี้ เขาสำรอกยาพิษออกมาจากท้องของเขาเฟนด์ยิ้มอย่างเย็นชา หลังจากเก็บเข็มสีเงินนั้นออกไป “วางยาพิษ เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนี่ แต่เธอคงคิดน้อยไปแล้วที่จะฆ่าฉันด้วยยานี่!”เขาเดินออกมาอย่างไม่แยแสในช่วงบ่าย ๆ ทุกคนก็ต่างพากันเก็บของ แล้วขับรถกลับบ้านซีน่าขอลาเข้าไปพักผ่อนในห้องทันที เมื่อทุกคนมาถึงบ้าน ในขณะเดียวกัน เฟนด์พาเซเลน่าออกไปเดินเล่น ในป่าเล็ก ๆ ข้าง ๆ บ้านพักของพวกเขา“เกิดบ้าอะไรขึ้นกับซีน่ากันแน่? เธอเกลียดคุณมากเมื่อก่อน แต่ตอนนี้เธอปฏิบัติราวกับคุณคือพระเจ้า ไม่เป็นไรหรอกนะที่เธอจะซื้อน้ำให้คุณ แต่เปิดให้ด้วยเนี่ยนะ?”เซเลน่ายังคงโมโห เมื่อเธอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้“นี่ เซน่าไม่ได้ดีกับผมหรอกนะ เธอวางยาพิษในน้ำนั่นต่างหาก!”ถึงกระนั้น เฟนด์ก็ยิ้มให้เธออย่างเย็นชา “ถ้าผมไม่ได้สัญญากับคุณว่าผมจะรอบคอ
“ใช่ ผมรู้ว่ามันน่าโมโห แต่พวกเราต้องระงับความโกรธเอาไว้ก่อน ผมเชื่อว่าศัตรูของเรา ไม่ได้มีแผนสำรองไว้ เขาจะต้องเปิดเผยตัวในไม่ช้าแน่!”เซเลน่าใจเย็นลงในที่สุด เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ได้ยังไง ในขณะที่เฟนด์ควบคุมตัวเองได้ และดื่มยาพิษเข้าไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า น้ำนั่นถูกวางยาพิษ?สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือเก็บมันเอาไว้ในใจ โดยเห็นแก่น้องชาย และครอบครัวของเธอ ที่จะได้ตาสว่างสักที“พวกเรามีแผนรับมืออะไรหรือเปล่า? หรือเราแค่รอแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ?”เซเลน่าอดไม่ได้ที่จะถามออกมาหลังจากครุ่นคิด “ฉันคิดว่าเราควรเร่งมือ แล้วจับนังบ้านั่นในตอนที่เธออยู่กับผู้ชายคนนั้น”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่น “ผมแค่เกรงว่าผู้ชายคนนี้ จะไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับเธอ มันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะจับพวกเขาตอนอยู่บนเตียงด้วยกันได้ แล้วถ้าผู้ชายคนนั้นแค่อยากจะหลอกใช้ซีน่าให้วางยาผมล่ะ? ถ้าเขาให้เงินซีน่าไปก่อนหน้านี้แล้วล่ะ? เธอก็คงมีเงินไปซื้อเสื้อผ้าพวกนั้นแล้ว และการตัดสินใจของพวกเราคงผิดพลาด!”เซเลน่าก็พยักหน้าเช่นกัน “คุณพูดถูก ถ้ามันเป็นอย่างนั้น น้องชายของฉันคงไม่เชื่อคุณเลยสักนิด!”เฟนด์คิ้วขมวด ต้องจัด
ซีน่าหยุดไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “และไม่ต้องโทรหาฉันด้วย ตกลงไหม? พวกเราเล่นเกมส์กันตลอดเวลาที่เจอนัดกัน เราจะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ถ้าโทรศัพท์ใครดังก่อนคนแรก คนนั้นต้องจ่าย ปกติแล้วพวกเราต้องจ่ายราว ๆ หมื่นเหรียญ แน่นอนว่าฉันไม่อยากจ่ายอยู่แล้ว พวกเราต้องเก็บหอมรอมริบไว้บ้าง เข้าใจไหม?”“แล้วคุณจะกลับมาตอนไหนล่ะ?”เสียงของเบ็นสั่นมาก เมื่อฟังจากเครื่องดักฟัง“ถามจริงเลยนะเบ็น? ทำไมคุณถึงจุกจิกกับฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยช่วงนี้น่ะ ฉันก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน และดื่มจนดึกดื่นตลอด ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง กลับมาตอนไหนอย่างงั้นเหรอ? แน่นอนว่าเราต้องไปนอนที่โรงแรมอยู่แล้ว ฉันจะกลับตอนเช้า!”ซีน่าเริ่มหมดความอดทน “แค่นี้นะ ฉันจะไปแล้ว เจอกันพรุ่งนี้!”หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงกระแทกประตู ดูเหมือนว่าซีน่าจะออกไปแล้วเฟนด์และเซเลน่าได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงดังมากจากด้านนอก เสียงค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ ตามระยะทาง และตามเจ้านายของมันลงบันไดไป“ที่รัก ดูเหมือนว่าซีน่าจะออกไปเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว นี่มันเป็นโอกาสทองของพวกเราเลย!” เซเลน่าพูดออกมาเฟนด์พยักหน้า “เธอต้องคิดว่าผมโดนวางยาไปแล้ว
“พี่ พูดเรื่องอะไรน่ะ? เธอออกไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน ๆ ไมใช่หรือไง?”เบ็นขมวดคิ้ว หน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความงง ตอนนี้พี่สาวของเขาและเฟนด์มาหาเขา แสดงว่าพวกเขาต้องมีความมั่นใจในระดับนึงแน่ ๆ เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาพูดเลย แต่เขาก็สัมผัสได้ว่า ซีน่าเปลี่ยนไปมากช่วงนี้ เธอออกไปหาเพื่อนสาวของเธอบ่อย ๆ และไม่เคยพอเขาออกไปด้วยเลยเขายังหวัง ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่เรื่องบังเอิญ และเขาเพียงแค่คิดมากการกระทำของเธอมากเกินไป เขาหวังให้เฟนด์หาหลักฐานไม่เจอ เขายังหวัง ให้ซีน่าแต่งงานกับเขา และจัดงานแต่ขึ้นในเร็ว ๆ นี้อีกด้วยแต่วันนี้ก็มาถึง มันมาถึงไวเหลือเกิน ทั้งเฟนด์และเซเลน่า ยืนอยู่ตรงหน้าประตูของเขาในตอนนี้“ทำไมน้องโง่อย่างนี้ล่ะ? พวกน้องทั้งสองคนกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เธอก็เป็นคู่หมั้นของน้อง แล้วทำไมเธอถึงไม่พาน้องไปด้วย ถ้าเธอไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนจริง ๆ น่ะ? นอกเหนือจากว่า เธอไปทำเรื่องอย่างว่า ใช่ไหมล่ะ?”เซเลน่าถึงกับพูดไม่ออกอยู่ครู่นึง ก่อนที่เธอจะพูดออกไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อย “แต่พี่ เธอบอกผมว่า เพื่อนของเธอเองก็ไม่พาคนนอกเข้าไปเหมือนกัน เพื่อที่พว
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอหันหน้าไปหาเบ็น หน้าของเขาซีดเผือก ราวกับว่าจิตรกรลืมระบายสีลงบนหน้าของเขาอย่างไรอย่างนั้นความเงียบเข้ามาครอบงำบนรถอยู่ครู่นึง ก่อนที่เบ็นจะพูดออกมาอย่างติด ๆ ขัด ๆ ว่า “มีร้านอาหารตั้งมากมายตั้งอยู่ในชั้นแรก บางที เธออาจจะนัดเพื่อน ๆ ไปดินเนอร์ก่อนก็ได้ หรือบางที พวกเธออาจจะนัดกันที่โรงแรม ก่อนจะไปร้องคาราโอเกะก็ได้นี่? ก็ปกติไม่ใช่เหรอ?”เบ็นหยุดไปสักพัก ก่อนจะทำหน้าเหมือนเขานึกอะไรออก “ดูสิ! มีบาร์สองสามบาร์อยู่ติดกับโรงแรมแกรนด์ สตาร์นี่? พวกเธออาจจะแค่ไปจอดรถในโรงแรมเฉย ๆ แล้วเดินไปที่บาร์พวกนั่นก็ได้ ใช่ไหม? มันอาจจะเป็นไปได้เหมือนกันนะ! เพราะฉะนั้น พี่อย่าเพิ่งเดาอะไรง่าย ๆ อย่างนั้นสิ ผมเชื่อซีน่านะ เธอไม่ใช่อีตัวสักหน่อย!”เซเลน่าถึงกับอึ้ง เธอไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ น้องชายสุดที่รักของเธอยังเชื่อซีน่าสุดใจ เขาเข้าข้างเธอโดยไม่ลังเลสักนิด เธอยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะหัวเราะอย่างดูถูก “ฮ่า! น้องที่รักของพี่ นี่น้องยังเชื่อเธออยู่ได้ยังไง? น้องดูไม่ออกเหรอ ว่าเธอฉลาดแกมโกงและชั่วร้ายขนาดไหน? น้องไม่รู้สึกเลยเหรอ ว่าเธอทำตัวแปลก ๆ ตอนที่
“เป็นเขาได้ยังไงกัน?”หน้าผากของเซเลน่าเป็นรอยย่นด้วยความสงสัย เธอหมดคำจะพูด ถ้าซีน่าแอบคบกับคนอื่น มันคงไม่ทำลายความรู้สึกของเขาเท่านี้ เป็นอีวานไปได้ยังไงกันนะ?แม้แต่เฟนด์เอง ก็มีสีหน้าหดหู่กับความจริงที่เกิดขึ้นเช่นกันอย่างไรก็ตาม อีวานเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซเลน่า ถ้าเป็นเคน คลาร์ก หรือคนอื่น ๆ เฟนด์คงฆ่ามันไปแล้วโดยไม่ต้องคิดเลยเคนและคนอื่น ๆ เล็งเป้ามาที่เฟนด์และครอบครัวของเขาเสมอ พวกเขาอยากจะตัดคอเฟนด์ด้วยซ้ำ ถ้ายาพิษนั่นเป็นของเคน เขาคงฆ่าเคนอย่างไม่กังวลเลยอย่างไรก็ตาม ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคืออีวาน เทย์เลอร์ สถานการณ์ก็จะยากขึ้นไปอีก อีวานอยู่ในตระกูลเทย์เลอร์ และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซเลน่าอีกด้วย หลังจากนี้ ถ้าเฟนด์ฆ่าเขา ก็คงจะมากเกินไป นอกเหนือจากนี้แล้ว อีวานไม่เคยทำอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตเฟนด์มาก่อน นอกเหนือจากการดูถูกด้วยความเกลียดชัง และการเหยียดหยามนอกจากนั้นแล้ว ถ้านายใหญ่เทย์เลอร์รู้เข้า ว่าเฟนด์เป็นคนฆ่าหลานชายของเขา อีวาน เทย์เลอร์ เขาคงกระอักเลือดตายแน่ และไม่ต้องพูดถึง ซีน่าต้องตั้งใจทำสิ่งสกปรก และเสนอตัวเธอเองให้แก่อีวานแน่ ๆ ด้วยเหตุนี
เสียงของซีน่า ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง เบ็นกัดฟันแน่น ขณะที่ความโกรธกำลังพุ่งพล่านผ่านเส้นเลือดของเขาเขาวอร์มมือ ก่อนจะกดปุ่มบนหน้าจอเพื่อปิดเครื่องดังฟัง และในวินาทีต่อมา เขาลงมาจากรถ แล้วก้าวตรงเข้าไปในโรงแรมทันที“ไปกันเถอะ!”เฟนด์และเซเลน่ามองหน้ากันครู่นึง ก่อนจะรีบลงจากรถแล้วตามเบ็นไปทั้งสามปรากฎตัวในแผนกต้อนรับทันที “ช่วยเช็คให้หน่อย ว่าอีวาน เทย์เลอร์พักอยู่ห้องไหน!” เฟนด์ออกคำสั่งด้วยท่าทีที่เย็นชา“คุณคะ ข้อมูลของลูกค้าของเราเป็นความลับค่ะ ฉันขอโทษจริง ๆ แต่ฉันบอกคุณไม่ได้…” พนักงานต้อนรับตอบกลับมาอย่างสุภาพเฟนด์ดึงธนบัตรกองหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะอย่างไม่รอช้า “เธอมีสองตัวเลือก อย่างแรก หาห้องที่มันพักอยู่ แล้วเงินนี่จะเป็นของเธอ หรืออย่างที่สอง ฉันจะฆ่าเธอให้ตายตรงนี้ซะ!”คำพูดของเฟนด์ทำให้พนักงานตอนรับกลัวโดยสมบูรณ์ เธอรู้ ว่ามีคนมากมายในโลกนี้ที่เธอไม่สามารถยั่วโมโหได้แม้แต่เจ้านายของเธอ ก็ไม่กล้าหือกับคน ๆ นั้นเหมือนกันเห็นได้ชัดว่า เฟนด์นี่แหละ คือคน ๆ นั้นพนักงานต้อนรับหญิง กำลังวุ่นอยู่กับการพิมพ์บนคีย์บอร์ด และการค้นหาในระบบ “ห้องห้าศูนย์สองค่ะ!” เธอตะโกนออกม
ซีน่าซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง เพราะเธอเชื่อว่าตอนที่เบ็นและคนอื่น ๆ บุกเข้ามา พวกเขาไม่เห็นเธอ ด้วยเหตุนั้น พวกเขาอาจจะแค่เดา เพื่อล่อให้เธอออกมาก็ได้ ตราบใดที่อีวานยังปฏิเสธอยู่ เธอก็ยังมีหวัง ที่จะไม่ถูกเปิดเผยอีวานเห็นหมัดของเบ็นตรงมาที่หน้าของเขา แต่คราวนี้เขาไหวตัวทัน เขาเอนตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย เพียงเพื่อที่จะหลบหมัดของเบ็น และเขาก็แทงเข่าไปที่ท้องของเบ็นเปรี้ยง!ท้องของเบ็นถูกแทงเข่าด้วยแรงที่ทรงพลังของอีวาน เขากระเด็นลงบนพื้น“เหอะ! น่าขันสิ้นดี! แกรู้ได้ไงว่านั่นคือซีน่า? อย่ามาเดาพล่อย ๆ นะ!”อีวานกลืนความประหม่าของเขาอย่างยากลำบาก แล้วเก็บมันเอาไว้ ทำให้มั่นใจว่าทั้งสามคนไม่พบว่าเขาดูแปลก ๆ ไป “ฉันหิ้วผู้หญิงคนนี้มาจากไนท์คลับ! คู่มงคู่หมั้นอะไรกัน? หยุดพล่ามพล่อย ๆ ออกมาได้แล้ว!” เขาโต้ตอบด้วยน้ำเสียงโอ้อวดแต่ใจเย็น“อ่า! ฉันจะฆ่าแกให้ตายเลย!”เบ็นลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วโจมตีอีวานอีกครั้งถึงอย่างไรก็ตาม เบ็นถูกเตะกลับมาอีกครั้ง เขาทรุดฮวบลงไปบนพื้นทันที เบ็นอยู่คนละระดับกับเขา“อุว่ะฮ่าฮ่า! แกมันก็แค่ขยะ ไร้ประโยชน์จริง ๆ ! แกคิดว่าฉันอ่อนแอเ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ