”เดี๋ยว!” ขณะที่เฟนด์กำลังจะปฏิเสธฟีโอน่าก็ตะโกนขึ้นมา ทุกคนเงียบและมองไปที่เธอ ฟีโอน่ามองไปที่ชารอนและพูดว่า “คุณจอร์จ นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะคะคุณพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วเหรอ? คุณอยากให้เฟนด์แต่งงานเข้ากับตระกูลของคุณจริง ๆ หรือไม่?” “ฉัน…ฉันคิดอย่างละเอียดแล้ว!” ชารอนตอบ “ให้เวลาเราหน่อย!” ฟีโอน่าตอบ เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ได้สิ ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตและฉันก็ปรากฏตัวมาอย่างกระทันหัน มันจะยุติธรรมถ้าให้คุณจะมีเวลาพูดคุยกันก่อน! ยังไงก็ตาม ฉันชอบเฟนด์มากและฉันก็จริงจังกับเฟนด์! ฉันไม่รังเกียจที่จะได้เป็นภรรยาคนที่สอง!” ชารอนกล่าว“ใช่ฉันเข้าใจแล้ว ให้เราเข้าไปพูดคุยกันก่อน เราจะให้คำตอบคุณในอีกสักครู่!” ฟีโอน่าพยักหน้าขณะที่พูด “มีอะไรจะต้องคุย? ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น!” ใบหน้าของเฟนด์นิ่งลงและพูดว่า “เซเลน่าเป็นภรรยาของผม และผมรักเธอ ยิ่งไปกว่านั้นผมมีลูกสาวที่น่ารักและผมไม่ขอเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิต ผมแค่อยากใช้ชีวิตแบบปกติ!” เฟนด์หยุดพูดก่อนจะพูดกับชารอนต่อว่า “คุณจอร์จ ผมขอบคุณสำหรับความตั้งใจ แต่ผมไม่สนใจคุณเลยจริง ๆ แม้ว่าคำพูดของผมอาจจะไปทำร้
“แม่อยากให้เฟนด์แต่งกับเธอเพราะแบบนี้น่ะเหรอ?” เซเลน่าโกรธมากและเธอเชื่อคำพูดของแม่ไม่ได้ “นี่ รอให้ฉันพูดเสร็จก่อนได้ไหม!” ฟีโอน่ายิ้มและพูดต่อ “นั่นใคร? เธอเป็นถึงลูกสาวของตระกูลจอร์จ เธอสร้างฉากใหญ่วันนี้แถมยังพาเพื่อน ๆ มาด้วย เธอคิดว่ามันจะเป็นผลดีไหมถ้าเฟนด์ปฏิเสธเธอต่อหน้าทุกคน” ฟีโอน่าหยุดพูด เธอหยิบถ้วยชาข้าง ๆ ขึ้นมาดื่มก่อนจะพูดต่อ “ ‘ใบหน้า’ มีความสำคัญต่อมนุษย์มากพอ ๆ กับเปลือกไม้ที่มีต่อต้นไม้ คงเป็นเรื่องน่าอายสำหรับคุณจอร์จถ้าเฟนด์ปฏิเสธเธอไปทันที เธอก็จะไม่พอใจเรา นอกจากนี้ผู้หญิงยังต้องใช้ความกล้ามากนะที่จะทำเรื่องนี้ได้!” เซเลน่าอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าหลังจากที่เธอได้ยินสิ่งที่แม่พูด “ก็จริง ฉันได้ยินมาว่าชารอนเป็นคนใจดีและเธอทำงานการกุศลมามากมาย ตอนนี้เธออยากอาหารมากและไม่สามารถควบคุมความอยากอาหารของเธอได้ เพราะงั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะลดน้ำหนัก! และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสารภาพ แม้แต่ฉันก็ผงะกับสิ่งที่เธอทำ” ขณะที่พูดเซเลน่าก็มองไปที่เฟนด์ซึ่งอยู่ข้างเธอ “ดูเธอจะชอบคุณมากนะ ถึงขนาดไม่ยอมกินเพื่อคุณ!” “มันไม่สำคัญว่าเธอจะชอบผมหรือไม่ ผมชอบแค่ภรรยาผม!” เฟนด์ย
ชารอนที่ยืนอยู่ข้างนอกรู้สึกประหม่ามาก เธออดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นและก้มหัวลงด้วยความตกใจเธอรู้ดีว่าเธออ้วนเกินไปอย่างไรก็ตาม เธอคุมตัวเองเรื่องอาหารไม่ได้ โดยเฉพาะของหวาน ของหวานทำให้น้ำหนักเธอเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นไปได้มากที่เฟนด์จะปฏิเสธเธอเพราะขนาดรูปร่าง“ซาซ่าไม่ต้องกังวลไป เราเชื่อมั่นในตัวคุณ! ผู้หญิงที่มีความมั่นใจสวยที่สุดในโลกอยู่แล้ว แล้วคุณจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน! คุณจะต้องสารภาพกับเขาเพื่อทดสอบว่าเขารู้สึกแบบเดียวกันไหม ใครจะรู้ล่ะ? คุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จถ้าคุณไม่สารภาพไป แต่คุณยังมีโอกาสถ้าคุณสารภาพ มันเป็นเรื่องที่ดีไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง!” ผู้หญิงเซ็กซี่ที่ใส่กระโปรงหนังขาเรียวยาวยิ้มให้ชารอน ดูเหมือนว่าพวกเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดี “ขอบคุณนะเซรีน!” ชารอนยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า เธอจำได้ว่าคนอื่นหัวเราะเยาะเธออย่างไรหลังจากที่เธออ้วนขึ้น มีแม้กระทั่งคนมาล้อเลียนเธออย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้คิดเพราะแค่มีสถานะสูงส่งกว่าคนอื่น ๆ เพราะยังไงก็ตาม เรื่องที่เธออ้วนนั้นก็เป็นความจริง เซรีน สมิธ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ ซึ่งปฏิบัติตัวดีและคอยให้กำลังใ
"ทุกคนกลับไปก่อนได้ ฮาเวิร์ดกลับไปก่อนแล้วค่อยมารับฉัน ฉันอยากคุยกับเฟนด์เป็นการส่วนตัว!” ชารอนหันกลับมาและยิ้ม แม้ว่าเธอจะอ้วน แต่รอยยิ้มของเธอก็หวานและชวนให้หลงใหล“เรา… เราจะออกไปทันที!” เซรีนรู้สึกผิดหวังที่เธอไม่เห็นชารอนโดนปฏิเสธ เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่สนใจชารอน มิฉะนั้นเขาจะต้องมีรสนิยมที่แปลกมากเมื่อเซรีนคิดว่าเฟนด์จะถูกฟีโอน่าพูดอย่างไรเมื่อเขาตั้งใจจะปฏิเสธชารอน เธอก็รู้สึกว่าเฟนด์อาจจะเชื่อฟีโอน่า ยังไงซะตระกูลจอร์จก็ร่ำรวยมาก เขาอาจตกลงกันเพราะเงินเซรีนรู้สึกถูกโกงทันทีเมื่อเธอมองไปที่บ้าน เธอจะสูญเสียโอกาสที่จะล้อเลียนชารอนถ้าเฟนด์เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้จริงๆ“ใช่พวกคุณทุกคนกลับไปได้!” ชารอนโบกมือให้เธอแล้วพูดว่า “ฉันขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่มาที่นี่เพื่อฉันในวันนี้ ฉันจะเลี้ยงอาหารทุกคนวันเว้นวันเลย!”เซรีนทำได้เพียงแค่ขับรถออกไปพร้อมกับคนอื่น ๆ หลังจากที่ทุกคนออกไปฟีโอน่ามองสถานการณ์ภายนอกจากภายในบ้านแล้วพูดว่า “ผู้ชายคนนี้เป็นคนดีจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ที่ให้ทุกคนออกไปก่อน!”อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเธอก็เห็นบางอย่างและพูดอย่างประหลาดใจว่า “นี่มันแปลกมาก ทำไมเ
ชารอนไม่เชื่อหลังจากที่เธอได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูด เธอพูดว่า “เป็น…เป็นไปได้ยังไง? คุณกำลังพูดถึงเพื่อนที่อยู่กับฉันตอนนี้เหรอ?”“ใช่ผมกำลังพูดถึงคนที่คุยกับผมเป็นคนสุดท้าย!” เฟนด์พยักหน้า เขาเชื่อว่าเขาเป็นคนตัดสินใครได้ดีเนื่องจากประสบการณ์ในกองทัพและจำนวนคนที่พบเจอมา“เซรีน สมิธ? จะเป็นไปได้ยังไง? เธอเป็นคนที่ปฏิบัติกับฉันดีที่สุดในบรรดาเพื่อน ๆ ! เธอไม่เคยรังเกียจฉันและเกรงใจฉันมาตลอด เธอเป็นคนที่เริ่มในการวางแผนสารภาพนี้!” เห็นได้ชัดว่าชารอนไม่เชื่อเขาอย่างไรก็ตาม เฟนด์ตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเธอ คุณคิดว่าเธอทำเพื่อคุณหรือเปล่าล่ะ? เธอเป็นคนที่อยากทำให้คุณเป็นตัวตลก!”“เป็นไปไม่ได้…คุณเคยพบเธอแค่ครั้งเดียวและคุณไม่รู้จักเธอ เธอเป็นคนดีจริง ๆ !” ชารอนส่ายหัว เธออยากจะเชื่อว่าเป็นคนอื่นแทนที่จะเป็นเซรีน“คุณไม่เข้าใจเธอ!” เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นและจุดบุหรี่ในมืออีกครั้ง "ผมขอถามหน่อย ในอดีตคุณหุ่นดีและสวยใช่ไหม?”"ใช่ ฉันคุมอาหารไม่ได้ ฉันจะน้ำลายไหลและอยากอาหารทุกครั้งที่เห็นมัน น้ำหนักก็ขึ้นตามมา ที่สำคัญที่สุดคือฉันชอบเนื้อสัตว์และของหวานมาก!” ชารอนพูดด้วยความลำบากใจ “ฉันพ
ชารอนครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะอ้าปากค้าง "ฉันรู้แล้ว มันไม่ใช่อาหาร เธอให้ใบชามา เธอบอกฉันว่ามันดีและมีต้นกำเนิดมาจากบ้านเกิดของเธอ ฉันคิดว่าชามันมีกลิ่นหอมก็เลยดื่มบ่อย ๆ !" ชารอนหยุดพูด และหายใจเข้าอีกครั้ง “เธอย้ำว่าชานี้แพงมากและแปลกใหม่ เพราะงั้นฉันควรเก็บไว้กับตัวเองเท่านั้น! ฉันไม่ได้สนใจมันเท่าไร แต่เธอส่งมาให้ฉันทุก ๆ เดือนและถามตลอดเวลาว่าฉันดื่มชาหรือยัง!”ชารอนกลืนน้ำลายและมองไปที่เฟนด์ด้วยความหวาดกลัวหลังจากที่เธอคิดออก “คุณกำลังจะบอกว่าใบชามีบางอย่างผิดปกติสินะ!”เฟนด์พยักหน้า “ต้องเป็นใบชาแน่ ๆ เธอดัดแปลงใบชาแน่ ๆ !”“เธอทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน? ฉันทำตัวดีกับเซรีนมาตลอด ทำไมเธอถึงทำกับฉันแบบนี้?” ชารอนรู้สึกผิดหวัง เธอเดินถอยหลังไปสองสามก้าวและไม่อยากที่จะยอมรับความจริงแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เฟนด์พูดมันสมเหตุสมผลและเธอก็รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญเป็นไปได้ไหมที่เซรีนต้องการล้อเลียนเธอ และวางแผนให้เธอมาสารภาพรักกับเฟนด์ แล้วมันจะล้มเหลว?“คนทั่วไปจะรู้จักเฉพาะยาลดน้ำหนักแต่น้อยคนนักที่จะรู้เกี่ยวกับยาเพิ่มน้ำหนัก! นอกจากนี้ยานี้ยังแปลกเพราะจะทำให้ผู้คนสูญเ
"จะลดน้ำหนักลง 50 กิโลกรัมภายในสามวันได้อย่างไร? มันจะเร็วไปไหม? จะมีผลข้างเคียงไหม? เข็มเงินของคุณใช้งานได้ไหม? นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นวิธีแบบนี้!" ชารอนตื่นเต้นมาก ถ้าเฟนด์ไม่ได้โกหกเธอ น้ำหนักของเธอก็จะลดลงถึง 50 กิโลกรัม ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอจะกลับมาผอมและมีหุ่นที่ดีมากจะว่าไปแล้ว เธอมีความสูงประมาณ 170 เซนติเมตร หากน้ำหนักของเธออยู่ที่ประมาณ 50 กิโลกรัม หุ่นของเธอก็จะสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน“ฮ่าฮ่า เข็มเงินใช้ล้างพิษในร่างกายของคุณ แม้ว่าร่างกายของคุณจะไม่ตอบสนองต่อมัน แต่ในยานั้นมันมีสารพิษ! พิษยังอยู่ในร่างกาย หลังจากที่อาเจียนออกมาก็จะดีขึ้น คุณจะไม่โหยหาใบชานั่นอีก คุณจะหลุดพ้นจากอาการเสพติดนี้ได้!"เอาใบชาทิ้งทันทีหลังจากที่กลับถึงบ้าน ส่วนการลดน้ำหนัก ผมจะให้ยาสามเม็ดในภายหลัง มันเป็นสิ่งที่ผมทําเอง และมันคุ้มค่ากับราคาที่สูงเสียดฟ้า กินวันละ 1 มื้อ ผมเชื่อว่าคุณจะลดวันละ 15 กิโลกรัม" เฟนด์หัวเราะและควักเข็มเงินออกมา เขาค่อย ๆ จิ้มเข้าไปในโพรงบนศีรษะของชารอน“คุณสามารถมองเห็นในที่มืด ๆ ได้เหรอ?" ชารอนยังเป็นกังวล ยังไงก็ตาม เฟนด์เป็นเพียงแค่ทหารผ่านศึก อดีตทหารทหารค
"ทำการรักษา?" เซเลน่ากับบอดี้การ์ดตกใจกับคําตอบ หนุ่มคนนี้สามารถทำการรักษาได้?แต่ด้วยความที่ชารอนเตือนไม่ให้มารบกวน พวกเขาจึงได้แค่อยู่เงียบ ๆ ได้แต่คอยอยู่เงียบ ๆ ข้าง ๆ เท่านั้นสักพัก บนศีรษะของชาลอนมีเข็มเงินเป็นโหลปักอยู่บนหัวของเธอเฟนด์หมุนเข็มเบา ๆ อย่างมีสมาธิและตั้งใจอย่างเต็มที่เขาดึงเข็มออกทีละเล่มเมื่อบอดี้การ์ดคนนั้นเห็นว่าชารอนไม่ได้เป็นอะไรหลังจากที่เข็มถูกถอดออก เขาก็ผ่อนคลายลงจู่ ๆ ชารอนก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ใบหน้าของเธอซีดเซียว"เกิดอะไรขึ้น? พ่อหนุ่ม เกิดอะไรขึ้นกับคุณชาลอน? ถ้ามีอะไรผิดปกติ นายได้ตายแน่!" พอบอดี้การ์ดเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ เขาจ้องมองเฟนด์ด้วยความโกรธ กําหมัดไว้แน่นและกําลังจะชกเขา"นี่คือเลือดที่เป็นพิษ ฉันเอาสารพิษออกจากร่างกายของเธอแล้ว!" เฟนด์ยิ้มแบบขอไปทีเขายื่นยาที่มีกลิ่นเหม็น 3 เม็ดให้กับชารอน "กินวันละครั้ง อย่าลืมกินหลังอาหารเช้าสักครึ่งชั่วโมง!""ตกลง ขอบคุณมาก ถ้ามันได้ผลจริง ๆ ฉันจะตอบแทนคุณ!" ชารอนยิ้มแล้วพูดว่า "แล้วคุณก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน!"เฟนด์หัวเราะและพูดว่า "คุณไม่ต้องตอบแทนผมหรอก" ผมสามารถขายยาของผมได้ใน
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ