“ถูกต้อง ๆ นายพูดถูก!”ฟีโอน่าเก็บเงินของเธออย่างรีบเร่งและปิดกระเป๋าก่อนจะพูดว่า “ในที่สุดนายก็ทำสิ่งที่มีประโยชน์สักที นายใช้เวลาเพียงแค่วันหรือสองวันก็สามารถหาเงินที่ฉันเสียไปมาคืนได้ ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปซะทั้งหมด!”“นายไม่เพียงแค่มีประโยชน์เท่านั้น ฉันคิดว่าฉันเริ่มจะชอบนายแล้ว!”แอนดรูว์หัวเราะเบา ๆ และกระโดดสองครั้งต่อด้วยทำสควอตสองสามครั้ง จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูสิฟีโอน่าตอนนี้ผมสบายดีและหายเป็นปกติแล้ว ตอนนี้ผมสามารถวิ่งด้วยขานี้ได้แล้ว!”“ตอนนี้มันดีขึ้นแล้วจริง ๆ!”ฟีโอน่ารู้สึกประหลาดใจอยู่เหมือนกันเมื่อเฟนด์อ้างว่าเขาสามารถรักษามันได้ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ เธอก็ไม่คิดว่ามันจะหายได้จริง มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแต่ไม่ช้าเธอก็คิดถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ขณะที่สีหน้าของเธอซีดลง ก่อนจะพูดว่า “มีความสุขเรื่องอะไรล่ะ? ตอนแรกขาของคุณปกติดีอยู่แล้วทั้งหมดนี้ต้องไปขอบคุณไอหนุ่มนี่ที่ทำให้ขาของคุณกลายเป็นแบบนั้น ตอนนี้คุณมีความสุขจริงเหรอ? ฮึ่ม ถ้ามันยังมีความเมตตาพอมันควรที่จะชดใช้ให้กับความสูญเสียนี้!”“แม่พูดถูก นี่เป็นความผิดของผม ผมควรชดใช้ให้ บอกผม
“แต่งงาน?”เฟนด์ตะลึงก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมยังติดค้างงานแต่งกับเซเลน่า แต่ไม่ต้องห่วงหลังจากงานวันเกิดของนายใหญ่เทย์เลอร์ ผมจะจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดในชีวิตให้เธอ!”“นาย?”ฟิโอน่ามองเฟนด์ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “นาย? นายคนเดียวเนี่ยนะที่จะจัดงานแต่งที่ดีที่สุดในชีวิตให้เซเลน่า? ใครจะเชื่อ? ฉันคิดว่ามันคงเป็นงานแต่งงานที่น่าอายมากกว่า!”“ฮ่า ๆ อย่าอวดดีไปหน่อยเลย เงินเพียงเล็กน้อยแค่นี้จะพอสำหรับจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดได้ยังไง? นายน่าประทับใจพอสมควรถ้าสามารถให้ของขวัญวันเกิดแก่นายใหญ่เทย์เลอร์ที่มีราคามากกว่า 10 ล้านเหรียญได้ แค่นั้นก็ทำให้ครอบครัวของเราภูมิใจแล้ว!”แอนดรูว์หัวเราะเบา ๆ แม้ว่างานแต่งในตอนนั้นจะจัดขึ้นอย่างไม่มีสง่าราศรี ทำเหมือนกับงานเลี้ยงอาหารค่ำสำหรับตระกูลเทย์เลอร์ซึ่งมันทำให้เซเลน่าอับอายจนลืมไม่ลงอย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นเรื่องเมื่อห้าปีก่อน ตั้งแต่ลูกของเฟนด์และเซเลน่าเติบโตมา แอนดรูว์ก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้จริงจังนักตอนนี้รายได้ต่อเดือนทั้งของเฟนด์และเซเลน่าก็ไม่ได้ต่ำและตราบใดที่พวกเขาทำงานได้ดีชีวิตของพวกเขาก็จะดีขึ้นกว่าเดิมมาก“ไม่ต้
สีหน้าของฟีโอน่าเปลี่ยนเป็นขมขื่นเมื่อเธอพูดว่า “นายน้อยไมเคิลเคยบอกว่าเงิน 50 ล้านไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาและจะจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับเซเลน่า เขารวยจริง ๆ ในทางกลับกันเฟนด์ต่างหากที่ยากจนแต่ก็ยังชอบโอ้อวด คุณไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เขาพูดได้!”“แต่ค่าจ้างของเขาเป็นเรื่องจริง คุณทันย่าสัญญาด้วยตัวเอง นั่นมันปลอมไม่ได้จริงไหม?”“ดูขาของผมสิตอนนี้ก็หายดีแล้วไม่ใช่เหรอ? ผมรู้สึกว่านี่คือปาฏิหาริย์! แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่เขากลับสามารถรักษามันได้!”แอนดรูว์ยังคงพูดถึงเฟนด์“เฮ้ ก่อนที่จะได้รับค่าจ้างเงินนั่นยังไม่ใช่ของเขา อีกอย่างเฟนด์เคยชินกับการอยู่ในสนามรบมากเกินไป เขาอาจจะดึงดูดปัญหาเข้ามา ดังนั้นเขาจึงเป็นเพียงแค่คนอำมหิตและไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถ้าเขาต้องสู้กับคนที่ไม่ควรสู้อีก เราอาจจะต้องทุกข์ทรมานเพราะเขาแทน”“สำหรับขาของคุณ เพราะว่าเฟนด์เคยอยู่ในสนามรบมานาน เขาจึงรู้วิธีรักษาบาดแผลจากการทุบตีนั่นก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? บางทีเขาอาจจะไม่รู้วิธีรักษาไข้หวัดธรรมดา ๆ ก็ได้!”ฟีโอน่ากลอกตาไปที่แอนดรูว์ คว้ากระเป๋าสองใบนั้นแล้วเดินเข้าไปข้างใน เธอพูดว่า “เราจะเส
อย่างไรก็ตามขณะนี้สาวสวยคนหนึ่งในชุดกี่เพ้าสุดเซ็กซี่ที่สวมหน้ากากก็มาถึงทางเข้าหลักของคฤหาสน์หลังจากนั้นไม่นานชายที่เฝ้าอยู่หน้าทางเข้าก็รีบวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่บวมจากการถูกตี“นายท่าน ๆ แย่แล้ว ผู้หญิงที่สวมหน้ากากบอกว่าอยากเจอเจ้านาย!”ชายคนนั้นพูดขึ้นหลังจากที่วิ่งเข้ามาในขณะที่ก้มหัวอยู่“เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของนาย?”ชายสูงวัยถามทันที นี่เป็นที่พักของเจ้านายพรรคเทพเจ้าแห่งมังกรและผู้อาวุโสบางคน ใครจะมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา?ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “รูปร่างของผู้หญิงคนนั่นช่างน่าทึ่งและเธอก็ยังเซ็กซี่มากด้วย ดังนั้นบอดี้การ์ดของเราสองสามคนจึงอยากที่จะฉีกหน้ากากของเธอออกมาดู แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีพลังมหาศาล เธอเอาชนะเราได้อย่างง่ายดาย เธอยังบอกอีกว่าถ้าเธอไม่เห็นเจ้านายในอีกสามนาทีเธอจะทำลายพรรคเทพเจ้าแห่งมังกรของเรา!”“เธอกล้าหาญมาก!”ชายสูงอายุคนนั้นตบโต๊ะเสียงดังด้วยความโมโห จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนทันทีด้วยสีหน้าที่โกรธจัดและพูดว่า “เธอกล้าทำแบบนี้กับพรรคเทพเจ้าแห่งมังกรของเราและเธอยังอ้างว่าจะทำลายมัน? เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?”“ผู้หญิงทำตัวอวดดีงั้นเหรอ?”
“นายท่าน นายท่านฮาร์วีย์ ดูให้ดี ๆ ใคร นั่นใคร?”ในที่สุดชายสูงอายุก็จำลาน่าได้ เขาตกใจมากแม้กระทั่งเสียงของเขาก็ยังสั่นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือลาน่าเป็นเพียงผู้ส่งสาร ใครกันแน่ที่สามารถสั่งให้เทพเจ้าแห่งสงครามมาส่งข้อความให้พวกเขา?“ท-เทพีแห่งสงคราม ลาน่า!”หลังจากที่นายท่านฮาร์วีย์มองผู้หญิงคนนั้นอย่างละเอียดเขาก็อ้าปากค้างเมื่อเทพีแห่งสงครามผู้ยิ่งใหญ่มาถึงอาณาเขตกลาง เธอมีอำนาจในการปกครองชีวิตและความตาย ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่มีอำนาจมากต้องการที่จะประจบเธออย่างไรก็ตามเขาไม่คิดว่าเทพีแห่งสงครามจะมาที่พรรคเทพเจ้าแห่งมังกรของพวกเขาดูจากเหตุผล การที่เทพีเจ้าแห่งสงครามมาที่พรรคเทพเจ้าแห่งมังกรของพวกเขาน่าจะเป็นเรื่องดี แต่ช่างน่าขำเธอกลับกลายเป็นคนที่นำพาฝันร้ายมาให้พวกเขาเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเพราะคำเหล่านั้นเป็นคำพูดของเทพีแห่งสงคราม นอกจากนี้เทพีแห่งสงครามคงไม่ได้มีเวลามากพอที่จะทำไปเพื่อยั่วยุพวกเขายิ่งไปกว่านั้นถ้าห้าพยัคฆ์ของพวกเขาตายจริง พวกเขาจะต้องออกจากอาณาเขตกลางให้เร็วที่สุด ไม่ต้องรอให้เทพีแห่งสงครามบอกให้พวกเขาหรอก มิฉะนั้นศัตรูของพวกเขาคงจะมาปรากฏตัวใ
“พระเจ้า มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น! พรรคเทพเจ้ามังกรออกจากอาณาเขตกลางไปแล้ว!”เหตุการณ์ที่พรรคเทพเจ้ามังกรค่อย ๆ เปิดเผยออกมาตอนเวลาสี่โมงพบศพของห้าพยัคฆ์แห่งเผ่าเทพเจ้ามังกรและลูกชายของนายท่านฮาร์วีย์ในไม่ช้า สิ่งนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ทรงอำนาจบางกลุ่มในจังหวัดกลางนั่นเป็นเพราะทุกคนทราบดีว่าจำนวนสมาชิกทั้งหมดของพรรคเทพเจ้ามังกรมีมากกว่าสองสามพันคน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแม้แต่ผู้ทรงอำนาจอย่างนั้นก็พังทลายลงได้แน่นอนว่ามีผู้คนมากมายที่มีความสุขตั้งแต่พรรคเทพเจ้ามังกรเคยก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงอย่างหยิ่งผยอง การกระทำของพวกเขาก็ทำให้ทุกคนโกรธแค้นมานานอย่างเช่นเมื่อพวกเขาเริ่มเปิดบริษัท มันจะเกี่ยวข้องกับเงินกู้นอกระบบ พวกนี้ได้ทำลายครอบครัวมานับไม่ถ้วน และทำลายบ้านของผู้คนมานับไม่ถ้วนเช่นกัน มันช่างน่าหดหู่ใจจริง ๆตอนนี้พรรคเทพเจ้ามังกรก็ไปแล้ว เป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนจะมีความสุขในทางกลับกัน พรรคที่เหลือทั้งหมดก็รู้สึกตึงเครียด นอกเหนือจากการตกใจแล้ว แล้วพวกเขายังรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากกับข่าวที่ได้รับแน่นอนว่านอกเหนือจากกองกำลังมืดแล้วยังมีตระกูลใหญ่ ๆ ที่ดำเนินการอย่างถ
ภาพของผู้กอบกู้ที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเฟนด์ปรากฏขึ้นมาในความคิดทันย่า"อ๊ะ!"ในขณะที่เธอตกอยู่ในภวังค์ จู่ ๆ ก็มีออดี้เบรกอยู่ตรงหน้าเธอทันย่าสะดุ้งหยุดรถ เธอชนท้ายออดี้คันหนึ่ง“คุณทันย่าเสียสมาธิเพราะฟังเรื่องราวของผมเหรอ?”เฟนด์หัวเราะอย่างขมขื่นขณะมองไปที่ทันย่าที่ตกใจ “ความผิดนายนั่นแหละที่เรื่องมันน่าเศร้า ฉันฟุ้งซ่านตอนที่คิดถึงเรื่องพี่ชายนาย!”ทันย่ากลอกตาใส่เฟนด์ลงจากรถเฟนด์มองป้ายทะเบียนรถคันข้างหน้า มันคือ B77777 ดูเหมือนเจ้าของรถคันนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด!เนื่องจากทันย่าพาเขาไปในฐานะบอดี้การ์ด เพื่อความปลอดภัยของทันย่า เฟนด์จึงเดินตามหลังเจ้าของรถคันข้างหน้าได้ลงจากรถมาทันที“ขับประสาอะไรวะ ผู้หญิงเหรอ? ให้ตายเหอะ ผู้หญิงขับไม่ได้ดูทางเลยรึไง?”เมื่อลงมาจากรถเขาก็โวยวายใส่เฟนด์และทันย่าทันทีคนประมาณสิบคนออกมาจากรถออดี้ ทุกคนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนส์สีดำและรองเท้าหนังที่แวววาว ทุกคนดูสดใหม่และเป็นบอดี้การ์ดทั้งหมดชายอีกคนที่สวมเสื้อคลุมสีและเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้เดินเข้ามาหาพวกเขาและพูดว่า “สวยจริง! เธอขับรถเฟอร์รารี ไม่เลวนี่ ลูกสาวเศรษฐีใช่ไหม?”“ขอโ
ทันย่าพูดไม่ออก เหตุการณ์นี้ไม่ได้จริงจังเลยแม้แต่น้อย และเงิน 100,000 เหรียญก็น่าจะพอ เธอไม่คิดว่าเขาจะตอบกลับมาแบบนั้นเธอกัดฟันอย่างระงับความโกรธก่อนพูดว่า “500,000 น่าจะพอใช่ไหม? นี่ไม่แพงไปกว่า R8 หรอก อย่าทำเหมือนฉันโง่เรื่องรถเลย”ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ “น่าสนใจจังเลยนะ รู้เรื่องรถจริง ๆ! ดีกว่าคนขับผู้หญิงคนอื่น ๆ สินะ”บอดี้การ์ดพวกนั้นหัวเราะหลังจากได้ยินเช่นนั้น“เอาล่ะ คุณคิดว่า 500,000 มันพอเหรอ?” ชายคนนั้นก้าวเข้ามาใกล้ ๆ เธอขณะที่หัวเราะอย่างน่ากลัว“ล้านนึงก็พอแล้ว เอาเลขบัญชีมาฉันจะโอนให้คุณ”แม้ว่าจะมีอารมณ์โกรธ แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะโต้เถียงกับคนพวกนี้ เธอสงสัยอย่างมากว่าคนพวกนี้คือนักต้มตุ๋นมืออาชีพหรือไม่“ล้านเหรอ?”เธอไม่คิดว่าชายคนนั้นจะหัวเราะขึ้นมาอีก “มันจะไปพอได้ยังไง?” เขาเยาะเย้ย “พวกคุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าจะเอาเงิน 1 หมื่นล้านมา!”ทันย่ากังวลใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น นี่มันต้มตุ๋นกันชัด ๆ“1 หมื่นล้าน? คุณกำลังหลอกกันอยู่ใช่ไหม?”เฟนด์ทนดูไม่ได้อีกต่อไป ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะแกล้งทันย่าด้วยจำนวนคนที่มากกว่านี่ค่อนข้างไม่มีเหตุผล“พูดอะไร?
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ