สีหน้าเทรเวอร์นิ่งลงทันที เขาอยากขุดหลุมแล้วกระโดดลงไปในนั้นจริง ๆ เขาอวดต่อหน้าทุกคนเมื่อคืนนี้ถึงรายละเอียดของชั้นเชิงในการได้งานนี้อีกด้วยนั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาบอกทุกคนว่าผู้จัดการได้งานมาด้วยวิธีที่ไม่สุจริตต่อหน้าเซเลน่า เขาพูดว่าผู้จัดการต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่างกับนายน้อยของตระกูลเดรค นั่นคือวิธีที่เธอได้งานและได้รับค่าตอบแทนอย่างดีเขาไม่เคยคิดว่าเซเลน่าจะเป็นคนนั้นที่เขาพูดถึงกันอย่างไรก็ตาม เทรเวอร์ก็ไม่หวั่นไหวไปกับคำวิจารณ์ง่าย ๆ เขาหัวเราะและพูดว่า “ฉันเมาเมื่อวานก็เลยพูดแบบนั้นไปน่ะ หวังว่าเธอจะไม่ว่าอะไรนะ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนเก่ากัน ฉันเชื่อว่าฉันจะเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดที่จะมาช่วยเธอ”ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น“เข้ามา!”เซเลน่าตะโกนเป็นซอนย่าที่เดินเข้ามา “ผู้จัดการคะ มีคนที่ชื่อโรซ่าอยู่ด้านนอก เธอยืนยันว่าคุณเรียกเธอมาที่นี่เพื่อสัมภาษณ์ เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมคะ? ผู้สอบสัมภาษณ์ของเราชื่อแอวริล เธอมาผิดแผนกรึเปล่า?”“ให้เธอเข้ามา!”เซเลน่ายิ้มหลังจากพูดหลังจากนั้น ซอนย่าก็เดินออกไปด้วยสีหน้าที่สับสนและพาโรซ่าเข
เทรเวอร์กัดฟันก่อนเงยหน้าขึ้น “เซเลน่า อย่าตื่นเต้นไปหน่อยเลย ครั้งนี้ฉันแค่โชคไม่ดีที่ตกอยู่ในกำมือของเธอ ก็แค่ตำแหน่งผู้ช่วย ฉันไม่เอาแล้ว! ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าหางานที่ดีกว่านี้ไม่ได้กับความสามารถที่มีอยู่!”“หา? ความสามารถของนาย? น่าผิดหวังจริง ๆ นายมีความรู้แค่ว่าต้องใช้เวลากับเกมยังไงตอนที่อยู่ต่างประเทศ จากนั้นก็กลับมาโม้กับทุกคนว่าจบจากต่างประเทศ นั่นเรียกว่าความสามารถเหรอ?”เซเลน่าขำอีกครั้ง“เทรเวอร์ ฉันไม่ได้อยากจะโทษนายหรอกนะ แต่เมื่อคืนนี้นายทำมากเกินไปจริง ๆ ถ้าฉันเป็นเซเลน่าก็ไม่จ้างนายหรอก!”โรซ่าถอนหายใจ คนที่ชอบเล่นตุกติกอย่างเขาสามารถแทงข้างหลังได้ทุกเวลา“ฮ่า ๆ เธอเป็นใครมาหัวเราะเยาะฉัน?”เทรเวอร์ยิ้มเย็น ๆ ดวงตาของเขาเหมือนปิศาจขณะเอ่ยว่า “ฉันคือคนที่รับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป ไม่อนุญาตให้ทำงานที่นี่เหรอ? ออกก็ได้เว้ย ฉันอาจจะหางานที่ดีกว่านี้ได้ด้วยซ้ำ!”เขาหันไปมองเซเลน่าและเย้ยหยัน “เซเลน่า หยุดทำตัวเหมือนเป็นผู้บริสุทธิ์ได้แล้ว คิดว่าฉันเชื่อเหรอว่าผู้จัดการอย่างเธอจะทำเงินได้หนึ่งล้านเหรียญต่อเดือน? ผู้จัดการคนก่อนหน้าทำได้แค่ไม่กี่แสนเหรียญเลย แล้วเธอจะถ
“ตอนที่เราเมา เซเลน่า ฉันได้ยินเทรเวอร์พูดว่าแฟนเขาเป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลเดรค เป็นไปได้ไหมว่าเป็นลุงที่พูดถึงก่อนหน้า? ถ้าเป็นเขาจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเรากำลังตกอยู่ในปัญหาเหรอ? เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอจะบอกเขาเรื่องไร้สาระอะไร!”โรซ่ากังวลมากขึ้นหลังจากซอนย่าออกไป“ครั้งนี้เธอโกรธมาก เหมือนว่าเธอกำลังไปหาตระกูลเดรคนะ ถ้าเกิดว่าเธอพูดเรื่องแย่ ๆ ของเธอต่อหน้าพวกเขาล่ะ? จะทำให้เธออยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบรึเปล่า?”สีหน้าของเซเลน่านิ่งลงหลังจากได้ยินเช่นนั้น เธอก็กังวงใจเหมือนกันยังไงซะเขาก็เป็นญาติกัน แล้วเธอก็รับประกันไม่ได้ว่าซอนย่าจะพูดเรื่องอะไรกับตระกูลเดรคยิ่งไปกว่านั้น เธอเพิ่งจะเริ่มงานได้สองสามวันเอง เขาจะเชื่อซอนย่าหรือเธอที่เป็นคนนอก?โรซ่ากังวลมากขึ้นหลังจากได้เห็นเซเลน่าขมวดคิ้ว “เราคงถึงวาระแล้วล่ะ พวกเขาจะไล่เธอออกไหมถ้าหล่อนพูดเรื่องไร้สาระจริง ๆ ถ้าเธอโดน หล่อนจะต้องมาจัดการฉันต่อแน่ ๆ!”อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เซเลน่าหัวเราะอย่างขมขื่นเล็กน้อย “ฉันเชื่อว่าถ้าเจมส์มีความสามารถที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนรวยที่สุดในอาณาเขตกลางได้ เขาจะต้องเป็นคนที่สามารถแยกสิ่งที่ถูกผิด
ทันย่ามองไปยังเหล่าผู้ชายที่หล่อเหลา เธออดไม่ได้ที่จะขำออกมาและถาม “ภรรยาของคุณเป็นราชินีแสนสวยแห่งอาณาเขตกลางที่ผู้ชายทุกคนชอบ เอาน่า บอกวิธีที่หลอกผู้หญิงคนนี้มาชอบคุณหน่อยไม่ได้เหรอ? ฉันได้ยินเรื่องราวของคุณมาไม่มากนัก ไม่ค่อยรู้จักคุณเลย!”“ไม่มีอะไรหรอกน่า!”เฟนด์ไม่อยากเสียเวลาสร้างความบันเทิงให้กับเธอ เขานั่งข้าง ๆ สูบบุหรี่ความเงียบ ๆ ทันย่าอดไม่ได้ที่จะกรอกตาใส่เฟนด์ “น่าเบื่ออะไรแบบนี้ แล้วอย่างนั้นคุณช่วยเล่าเรื่องที่สนามรบหน่อยได้ไหม? ไปอยู่ที่นั่นมาห้าปีเลยหรือเปล่า? มีแผลเป็นอะไรไหม?”“แน่นอน!”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่น “ยังไงก็ตาม มันหายไปหมดแล้วล่ะ ไม่มีแล้ว เพราะงั้น คุณก็มองไม่เห็นมันหรอกนะ! แต่นั่นไม่สำคัญ ผมอยากแค่รอดชีวิตและอยู่อย่างแข็งแกร่งในตอนนั้น แล้วก็ทำได้แล้ว!”“คุณเก่งจริง ๆ แม้แต่ฮาร์เลย์ก็ไม่เหมาะกับคุณ”ทันย่าหัวเราะก่อนเอ่ย “แย่จัง หัวหน้าเพิ่งจะกลับไปที่บ้านเกิดของเธอ ไม่อย่างงั้นเธอก็คงท้าทายคุณถ้ารู้!”“แน่ใจเหรอ?”เฟนด์ขมวดคิ้ว“ฮิ ๆ ก็แค่การแข่งขันอย่างเป็นมิตร! ผู้หญิงคนนี้ชอบแลกเปลี่ยนทักษะกับคนอื่น ๆ ถ้าเธอพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ที่นี่เธอ
เมื่อมองไปที่เฟนด์เขาดูโกรธเล็กน้อย ทันย่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะขำ ใครจะไปรู้ว่าผู้ชายคนนี้รักภรรยามาก? ยิ่งไปกว่านั้นการได้มองเขาจากข้าง ๆ ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาแล้วก็โดดเด่นเสียจริงทันย่ารู้สึกตื่นเต้นอยู่ครู่หนึ่ง“ไม่มีทาง เซเลน่า เทเลอร์ เป็นลูกคนโตของตระกูลเทเลอร์ เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยเก่งตอนที่ได้จัดการกับธุรกิจครอบครัว!”“ฉันเชื่อมั่นในเธอ เธอไม่ใช่คนเลือกที่รักมักที่ชัง เพื่อนของเธออาจจะมีความสามารถจริง ๆ ก็ได้! ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ ๆ!”เจมส์ยิ้มอย่างใจเย็นและพูดว่า "ซอนย่าคุณทำงานให้กับตระกูลเดรคมาหลายปี ผมรู้ว่าคุณอาจรู้สึกไม่พอใจกับการปรากฏตัวของผู้จัดการอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตาม เราตัดสินใจที่จะเลือกหลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว คุณต้องอยู่ร่วมกับผู้จัดการเทเลอร์ให้ได้ โอเคไหม?”“คุณลุง ไม่จริงนะ! ฉันไม่ใช่คนโกหก!”“นั่นผู้จัดการเทเลอร์ เธออยากจ้างแค่เพื่อนตัวเอง มากไปกว่านั้น เธอพูดด้วยซ้ำว่าจะไล่ฉันออก เธอทำให้ฉันโกรธจริง ๆ!”ซอนย่าพูดอีกครั้ง“ฮ่า ๆ คนอย่างเธอสมควรถูกไล่ออก!”ในขณะนั้นเองประตูก็เปิดออก เฟนด์เป็นคนแรกที่เข้าไปด้านในทันย่ารู้สึ
“นายกล้าตบฉันได้ยังไง?”หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธขณะที่เอามือปิดหน้า “ไอ้สารเลว นายเป็นแค่บอดี้การ์ด เข้าใจไหม? นั่นหมายความว่านายเป็นคนรับใช้ แล้วกล้าตบฉันได้ยังไง! แม้แต่ผู้ช่วยผู้บัญชาการก็ยังเรียกฉันอย่างสุภาพตอนที่เจอ แล้วนายคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”“ใช่ ฉันบอกว่าคุณทั้งสองคนร่วมมือกันเพื่อกล่าวหาฉัน แล้วไง?”เพี๊ยะ!เขาตบเธออีกครั้ง“แก...”ซอนย่ารู้สึกหวาดกลัว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าบอดี้การ์ดตรงหน้าเธอจะกล้าทำขนาดนี้“คุณลุงช่วยพูดอะไรหน่อยได้ไหม? เขาเป็นบอดี้การ์ดแบบไหนกัน? เป็นคนรับใช้ไม่ใช่เหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนรับใช้ได้รับอนุญาตให้ตบเจ้านาย?”เธอรู้สึกเสียใจ เธอถอยหลังไปสองสามก้าว น้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่มองเจมส์ด้วยสายตาที่เสียใจเครื่องสำอางที่หนาเตอะของเธอเปื้อนไปหมดจนดูเหมือนผี!ซอนย่าคิดว่าเฟนด์ทำให้ตระกูลเดรคอับอายเพราะตบเธอและเจมส์จะทุบตีเขายังไงแล้วพวกเราก็เป็นตระกูลเดรค และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล คราวนี้เฟนด์กำลังทำมากเกินไป เธอคิดว่าอย่างน้อยเจมส์ควรไล่เขาและไล่ออกจากบ้าน หรือทุบตีกลับอย่างไรก็ตามเธอไม่เคยคิดว่าเจมส์จะดุเธออย่างไม่แยแส
“ไม่ ไม่ ไม่จำเป็น!”ซอนย่าโบกมืออย่างลุกลี้ลุกลนหลังจากได้ยินเช่นนั้น “ฉันจะหยุดสองวันแล้วถึงจะกลับไปทำงาน”ซอนย่ารู้ดีว่าเธอมีโอกาสหาเงินและล้มเซเลน่าได้โดยอยู่ที่แผนกจัดซื้อเธอจะเสียโอกาสหากถูกย้ายไปแผนกอื่นซอนย่ารู้สึกเบื่อหน่ายระหว่างเดินไปตามถนนหลังจากที่ออกมาจากบ้านตระกูลเดรค ทันใดนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากอีวานหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ตกลงที่จะพบกันที่ร้านกาแฟ“เกิดอะไรขึ้น? วันนี้ไม่ต้องทำงานเหรอ? ดูจากหน้าตาเหมือนว่าคุณจะอารมณ์ไม่ดี!”อีวานหัวเราะและพูดกับซอนย่า“อย่าแม้แต่จะพูดถึงเลย เซเลน่าทำให้ฉันอารมณ์เสียจริง ๆ!”“ฉันอยากให้แฟนของฉันทำงานในบริษัทและมาเป็นผู้ช่วยของเซเลน่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเราก็จะได้เจอกันทุกวัน และเขาก็จะให้คำแนะนำได้ถ้ามีอะไรสำคัญ ใครจะรู้...”ซอนย่าถอนหายใจและบอกทุกอย่างกับอีวาน“แฟนคุณกำลังหางานอยู่เหรอตอนนี้? โอ้ บริษัทของเรากำลังรับสมัครอยู่ตอนนี้ มันก็พอจะมีตำแหน่งว่างอยู่บ้าง แต่เงินเดือนน้อยไปหน่อย ประมาณ 15,000 คุณคิดว่าแฟนของคุณจะสนใจรับงานไหม?”อีวานต้องการทำให้ซอนย่าพอใจเพราะเขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอท้ายที่สุดถ้าซื้อ เซาธ์
เมื่อเห็นซีน่าและเบ็นปรากฏตัว เฟนด์และเซเลน่าก็มองหน้ากันและยิ้ม“แม่ นี่ไงเงินสดสามล้าน ตระกูลเดรคให้รางวัลเฟนด์สำหรับผลงานที่ดี”เซเลน่ายิ้มและตะโกนเรียกฟีโอน่าที่อยู่ไม่ไกลดวงตาของฟีโอน่าโตขึ้นเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เซเลน่าพูด "จริงเหรอ? ดีแล้ว ตระกูลเดรคร่ำรวยมากจริง ๆ เขาตอบแทนด้วยเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้ยังไง?”"โอ้ ผมออกไปข้างนอกกับคุณผู้หญิงรองวันนี้ คนสองคนที่ไม่รู้จักคุณผู้หญิงรองพยายามกลั่นแกล้งเธอ เพราะงั้นพวกเขาจึงถูกผมตบ!""พวกเขามีความสุขกับสิ่งที่ผมทำ ก็เลยให้เงินสดสามล้านและผมก็เอาเงินกลับมาด้วย!”เฟนด์ยิ้มและพูดอีกครั้งว่า "คุณแม่ เงิน 3.8 ล้านของคุณโดนปล้นไปเมื่อวันก่อนใช่ไหม? เพื่อชดเชยสิ่งที่คุณเสียไป เงินสามล้านนี้เป็นของคุณ ไปที่ธนาคารและฝากเงินในวันพรุ่งนี้เช้าได้เลย!”"เอาล่ะเยี่ยมไปเลย!"ฟีโอน่ารู้สึกตื่นเต้นมาก "ไอ้หนุ่ม ดูเหมือนว่าเธอจะทำได้ดีนะช่วงนี้ แล้วก็นะอย่าลืมว่าเธอยังเป็นหนี้ของขวัญหมั้น 20 ล้านให้เราในวันเกิดของคุณปู่อยู่ มิฉะนั้นเราจะไม่ยอมรับว่าเธอเป็นลูกเขยนะ!”"ไม่ต้องห่วง... ผมจะให้ตามจำนวนนี้แน่นอน!"เฟนด์หัวเราะขณะที่เขาพูดหลังอาห
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ