“ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเขาทิ้งร่องรอยของทักษะอสุนีโลหิตมารไว้ก็เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่หลงทิศ แล้วทำไมเราไม่ใช้ประโยชน์จากมันบ้างล่ะ?”เกรแฮมชะงักไปชั่วคราว ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างในขณะที่เขาอุทานอย่างยินดีว่า "คุณพูดถูก! ในเมื่อเขาจัดการพวกอสูรที่อยู่ตามเส้นทางนี้ไปแล้ว เราก็ควรจะไปในทิศทางเดียวกัน! ส่วนเรื่องอื่นผ่านด่านแล้วค่อยว่ากัน!"หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เกรแฮมก็จะไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป เขาหันหลังกลับและเริ่มออกคำสั่งให้กับทุกคนที่อยู่ข้างหลังเสียงสนั่น“นี่คือเครื่องหมายพิเศษที่ชายสวมหน้ากากจากสำนักวายชนม์ทิ้งไว้ ตอนนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะปลอดภัยเราจะเดินไปตามสัญลักษณ์พวกนี้ ผมรู้ว่าพวกคุณทุกคนอยู่ในโลกสีโลหิตด้วยความหวังที่จะได้กำจัดอสูรและได้สมบัติล้ำค่าไว้ในครอบครอง แต่นี่เป็นกรณีที่ต่างออกไป“หากเราไม่ร่วมมือกัน คุณอาจถูกศิษย์ของสำนักวายชนม์สังหารเอาได้“ผมจะไม่บังคับให้พวกคุณทุกคนตามพวกเราไปข้างหน้า ถ้าคุณไม่เต็มใจและอยากจะล่าอสูรและตามล่าสมบัติ ผมก็จะไม่ห้ามคุณไว้”หลังจากที่เขาพูดจบ ศิษย์คนอื่น ๆ ที่เหลือต่างก็คิดเห็นไปในทางเดียวกัน“เราจะติดตามเกรแฮมต่อไป
ซาเมียนไม่กล้าพูดจนจบประโยค แต่ไหนแต่ไรชายสวมหน้ากากเป็นคนโมโหร้ายเสมอ หากเขาพูดจนจบ ชายสวมหน้ากากอาจจะมองว่าเขากังขาในทักษะของตัวเองได้ชายสวมหน้ากากยิ้มอย่างเย็นชา มองไปยังบริเวณที่อสรพิษแปดหางแน่นิ่งอยู่ มือของเขาสั่นเล็กน้อย “นี่คือสัตว์อสูรตัวสุดท้ายและเป็นการทดสอบครั้งสุดท้ายที่ฉันจะต้องผ่านไปให้ได้ ที่สัตว์อสูรแกร่งขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”เมื่อนึกถึงการต่อสู้อันหฤโหดที่เขาเพิ่งเผชิญมา ชายสวมหน้ากากก็ถึงกับกลืนน้ำลาย หากไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมากและได้บรรลุถึงระดับผลึกวสันต์มาก่อน เขาอาจจะไม่สามารถกำจัดอสรพิษแปดหางตัวนั้นได้ซาเมียนขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า "ธรรมชาติของโลกสีโลหิตนี้แปลกมาก มันอนุญาตให้พวกเราทุกคนเข้ามา แต่ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ กลับมีม่านพลังกั้นไม่ยอมให้เราเข้าไปช่วยคุณได้เลย"ชายสวมหน้ากากยิ้มอย่างเย็นชา เขามองซาเมียนอย่างเย้ยหยันก่อนจะพูดว่า "นายคิดว่าตาเฒ่าที่เป็นคนสร้างที่นี่จะโง่เหมือนนายหรือไง ในเมื่อเขาปล่อยให้ทุกคนเข้ามาได้ แล้วทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าพวกเราจะช่วยกันสู้?“ถ้าเรารุมโจมตีมัน อสรพิษแปดหางคงถูกกำจัดได้อย่างง่ายดาย แล้
รูฟัสพยักหน้าขณะเดียวกันเลนนอนก็ยืนอยู่ข้าง ๆ และพูดด้วยท่าทางค่อนข้างกังวลว่า "พวกเขายังมาไม่ถึงที่นี่ ด้วยแผนการที่คุณเตรียมไว้อย่างดี พวกเขาจะต้องตกหลุมพรางแน่"ชายสวมหน้ากากพยักหน้า เขาคิดว่าเฟนด์และเกรแฮมคงไม่อาจเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ เพราะเขาวางแผนเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีทางที่ทั้งสองคนจะไม่ตกหลุมพรางนอกจากนี้ แผนการที่เขาวางไว้ยังถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอีกด้วย เขาทั้งฆ่าคนนอกและจัดการเส้นทางให้กับตัวเองได้อย่างชัดเจนโดยปราศจากอุปสรรคได้ด้วยในที่สุด เขาก็นำเหล่าศิษย์ที่ยอมศิโรราบให้เดินทางมาตามเส้นทางที่ปราศจากสิ่งกีดขวาง จนมาถึงภูเขาใต้พิภพได้ แค่นึกย้อนถึงเรื่องนี้เขาก็รู้สึกพอใจในตัวเองอย่างที่สุดซาเมียนยิ้ม “พวกนั้นไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคุณไม่ได้วางแผนที่จะกำจัดเฟนด์และเกรแฮมเลยแม้แต่น้อย! ที่คุณกำจัดคนพวกนั้นไปมากมายขนาดนั้นก็เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเขา“นี่จะเป็นการถ่วงเวลาพวกเขา! นอกจากเวลาจะล่าช้าออกไปแล้ว จิตใจของพวกเขาจะไม่อาจจดจ่ออยู่กับการกำจัดอสูรและเดินหน้าต่อไปได้ กำหนดเวลาเพียงสองวัน และหากพวกเขามาถึงที่นี่ได้ไม่ทันเวลา คุณก็จะเป็นคนที่ผ่านด่านไปได้
ชายสวมหน้ากากและลูกน้องของเขาต่างคุ้นเคยกับคนที่เดินนำมาเป็นอย่างดีพวกเขาปรากฏตัวอยู่ที่นั่น เฟนด์ เกรแฮม และเบนจามินต่างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาเฟนด์ดูค่อนข้างผ่อนคลาย ในขณะที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างเมินเฉยและหนักแน่นในทางกลับกัน ดวงตาของเกรแฮมและเบนจามินเต็มไปด้วยความโกรธ และภาพนั้นทำให้ชายสวมหน้ากากต้องตะลึง ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น คนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงเช่นกันเมื่อครู่นี้เขายังเยาะเย้ยถากถาง คนพวกนี้ และมั่นใจว่าพวกเขาจะคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่รอบนอกอยู่เลย แต่ชั่วพริบตาเดียวพวกเขาก็โผล่หน้าเข้ามาดื้อ ๆ!ซาเมียนอ้าปากค้าง ขณะเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “เป็นไปได้ยังไง พวกมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! พวกมันควรจะอยู่รอบนอกของป่าไม่ใช่เหรอ?”พวกนั้นน่าจะได้รู้แล้วว่ามีผู้คนตายไปมากขนาดไหน แล้วพวกเขาก็น่าจะสาละวนอยู่กับการรวบรวมกำลังพลสิ นอกจากนี้สัตว์อสูรมากมายที่พวกเขาต้องกำจัดทิ้งก็จะทำให้พวกเขายิ่งล่าช้าเข้าไปอีก แต่น่าแปลกที่พวกเขาก็ยังมาถึงได้ทันเวลา!คนพวกนี้มาถึงช้ากว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อย ชายสวมหน้ากากเพิ่งเอาชนะอสรพิษแปดหางได้ และยังไม่ทันได้พัก เฟนด์กับพรรคพวกก็มาถึงเสียก่อ
เกรแฮมตะคอก “นายฆ่าศิษย์ร่วมสํานักของพวกเราไปมากมาย เราเองก็จะไม่ปล่อยนายไปเหมือนกัน! ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะฆ่านายไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงเราก็จะทำให้นายต้องชดใช้!”เฟนด์ไม่แยแสต่อคำด่าทอของชายสวมหน้ากากมากเท่าไหร่ แต่คำพูดของเกรแฮมทำให้เขาเลิกคิ้วเกรแฮมค่อนข้างน่าสนใจ ผู้ชายคนนี้ผูกตัวเองกับเฟนด์ไว้ด้วยกัน ราวกับว่าทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกันแต่เฟนด์ไม่คิดว่าเกรแฮมหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ เขาเข้าใจดีว่าเขาและเกรแฮมอยู่ฝั่งเดียวกันเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์อันเป็นประโยชน์ร่วมกันเพียงประเดี๋ยวประดาเท่านั้นเนื่องจากพวกเขาทั้งสองคนมาจากสำนักทางตอนเหนือ พวกเขาจะต้องร่วมมือกันต่อต้านสำนักวายชนม์ แต่ทันทีที่พวกเขาออกจากหุบเหวแห่งสุญญะไปได้ เกรแฮมก็คงจะถีบหัวส่งเขาทันทีเฟนด์ไม่คิดที่จะเชื่อว่าเกรแฮมจะไม่หันไปจับมือกับชายสวมหน้ากากเพื่อเล่นงานเขาทีหลังชายสวมหน้ากากหัวเราะเย้ยหยันกับคำพูดของเกรแฮม แม้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ และยิ่งไปกว่านั้น หัวใจของเขาก็ยังคุกรุ่นไปด้วยโทสะ สภาพร่างกายของเขายิ่งแย่ลงไปอีกและไม่อาจจะพยุงตัวให้นั่งได้ด้วยซ้ำเหล่าศิษย์ที่อยู่ใกล้เขารีบเอื้อมมือไปช่วยชาย
เกรแฮมไม่พอใจกับความคิดดังกล่าวขณะเดียวกันเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น“เฟนด์ อย่าทำอะไรเกินตัวล่ะ ขอแค่นายยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีอะไรที่นายทำไม่ได้ อย่าคิดแต่จะเอาชนะจนทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย” เนลสันเอ่ยปากขึ้นด้วยความจริงใจ ขณะมองหน้าเขาในขณะนี้เนลสันยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ เฟนด์พยักหน้า เขารู้ว่าเนลสันหมายความตามที่เขาพูด ในตำหนักสองกษัตริย์ นอกเหนือจากกริฟฟินที่ทรยศไปแล้ว พวกเขาเหลือกันเพียงสามคนเท่านั้นอิเซยาห์รีบกล่าวเสริมว่า "เนลสันพูดถูกแล้ว อสรพิษปีศาจแปดหางไม่ใช่อะไรที่จะเอาชนะได้ง่ายเลย ถ้าคุณต้องสู้กับมัน ก็ต้องคิดให้รอบคอบ!"เฟนด์เอื้อมมือไปวางบนไหล่ของเนลสัน “ไม่ต้องห่วง ตำหนักสองกษัตริย์เหลือเพียงเราสามคนแล้ว ไม่ว่ายังไงผมก็จะทำให้มั่นใจว่าผมจะได้ส่งพวกคุณสองคนออกไปอย่างปลอดภัย”แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความรู้สึกเชิงบวกต่อตำหนักสองกษัตริย์มากนัก แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าทางสำนักได้มอบเวลาและทรัพยากรในการบ่มเพาะเขามา เพื่อตอบแทนบุญคุณนี้ เขาจะดูแลพวกเขาอย่างดีเนลสันและอิเซยาห์พยักหน้า เห็นได้ชัดว่าประทับใจกับคำพูดของเฟนด์ พวกเขาต่างหวาดกลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึงเนื่องจา
เฟนด์เลิกคิ้วเล็กน้อยขณะที่เขาพูดว่า "แม้ว่าอสรพิษแปดหางจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาชนะไม่ได้ ถ้าคุณพร้อมแล้ว ก็ไปกันเลย"เมื่อได้ยินคำพูดของเฟนด์ เกรแฮมก็มีสีหน้าบูดบึ้ง เขารู้สึกว่าเฟนด์กำลังเสแสร้งอยู่ และคำพูดของเฟนด์ฟังดูดาษดื่นเกินไป เขารู้สึกราวกับว่าเฟนด์กำลังวางอำนาจ ใบหน้าของเกรแฮมเข้มขึ้นเล็กน้อย และเขานึกเพียงอยากจะตอกหน้าเฟนด์ให้หงายเขาอยากให้เฟนด์หยุดทำเหมือนเขาเก่งที่สุด แต่เขาก็รู้ดีว่าเฟนด์คงไม่ยอมฟังเฉย ๆ แน่ และอีกฝ่ายก็ต้องโต้กลับอย่างแน่นอนหากเกิดสถานการณ์น่าอึดอัดขึ้นระหว่างพวกเขา ความเป็นพันธมิตรที่พวกเขาสร้างขึ้นก็จะแหลกสลายไป เกรแฮมจึงได้แต่ระงับความโกรธเคืองของเขาเอาไว้ในขณะที่เขาเดินไปหาอสรพิษปีศาจแปดหางพร้อมกับเฟนด์ชายสวมหน้ากากและคนอื่น ๆ เห็นว่าเฟนด์เคลื่อนไหวแล้ว และทำได้แค่มองด้วยตาที่เบิกกว้างเท่านั้น ความโกรธของชายสวมหน้ากากเริ่มกดดันขึ้นอีกก่อนหน้านี้เพียงครู่เดียว เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่งที่ถูกเฟนด์และคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะ และนึกแต่อยากจะมุดดินหนีในทางกลับกันซาเมียนก็รับรู้ได้ว่าอะไรที่ทำให้ชายสวมหน้ากากอึดอัดจึงรีบเริ
ชายสวมหน้ากากโกรธจนนั่งไม่อยู่ แม้ว่าร่างกายจะไม่อำนวยให้ต่อสู้ แต่เขาก็อยากจะต่อสู้กับศิษย์จากฝั่งเหนือชนิดให้ตายกันไปข้างอนิจจา เขายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บและแทบลุกขึ้นไม่ไหวด้วยซ้ำเหล่าศิษย์ที่อยู่ข้าง ๆ รีบช่วยพยุงชายสวมหน้ากากให้ลุกขึ้น ซาเมียนพยายามปลอบเขาว่า"อย่าโกรธไปเลย นี่ก็เป็นแค่คำพูดพล่อย ๆ ของพวกกระจอกเท่านั้น ถ้าคุณไม่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้ พวกเขาไม่กล้าพูดแบบนี้หรอก ท้ายที่สุดเมื่อคุณหายดีแล้ว ค่อยแสดงให้เขาเห็นว่าใครกันแน่ที่ยิ่งใหญ่กว่ากัน!"ชายสวมหน้ากากโกรธจนสั่นไปทั้งตัว ความโกรธของเขาเดือดพล่านอยู่ในใจจนถึงกับต้องกระอักเลือดออกมาหนึ่งหนริมฝีปากของเฟนด์กระตุกเมื่อเห็นภาพนั้นแม้ว่าชายสวมหน้ากากจะแข็งแกร่งและมีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ แต่จิตใจของเขาค่อนข้างอ่อนแอ เพียงคำพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้เขากระอักเลือดด้วยความโกรธได้แล้ว ตอนนี้เขาอ่อนแอเกินไปขณะที่ความคิดของเฟนด์ลอยละล่องไป พลังงานอันหนาแน่นก็ปกคลุมร่างกายของเขาทันที เขาหันหน้าไปมองเกรแฮมที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าสีหน้าของเกรแฮมก็เปลี่ยนไปเช่นกันก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วิสัยทัศน์ของพวกเขาก็พร่า