แซมซั่นรู้สึกเหมือนทั้งสามคนกำลังพูดอะไรไร้สาระเกินไป ตลอดทางมานี้เฟนด์ไม่เคยมีส่วนร่วมด้วยและเอาแต่ทำตัวแปลกแยก เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า "วู๊ด คุณคิดยังไงล่ะ?"เฟนด์เลิกคิ้ว คิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง "ผมคิดว่าชายสวมหน้ากากจะผ่านด่านทดสอบไปได้ และเฟนด์ก็น่าจะผ่านไปได้เช่นกัน"พวกเขาเปิดเผยความคิดของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เฟนด์ไม่คิดว่าเกรแฮมจะผ่านบททดสอบนี้ไปได้ และอีกสามคนเองก็ไม่มั่นใจในตัวเกรแฮมมากเท่าไหร่เช่นกันแต่อีกสามคนไม่เคยพูดมันออกมาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เฮย์เดนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย “วู๊ด คุณดูมั่นใจในการตัดสินใจของคุณอย่างกับมันจะไม่ผิดไปจากนี้อย่างนั้นแหละ”คำพวกของเขาไม่ว่าใครฟังดูก็จะรู้ว่ามีความนัยอะไรซ่อนอยู่ เฟนด์ไม่ใช่คนโง่ เขาบอกได้เลยว่าเฮย์เดนคงไม่พอใจอยู่หน่อย ๆ แต่ทว่าเขาก็ไม่สนใจและโต้ตอบอะไรเฮย์เดนกลับไปแม้ว่าเฟนด์จะช่วยทั้งสามคนเอาไว้ แต่เฮย์เดนก็ยังรู้สึกตะหงิดใจกับเฟนด์อยู่ เขารู้สึกว่าการที่เฟนด์เก็บซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้แบบนั้นเป็นเรื่องที่ขี้ขลาดมากการที่เฟนด์ไม่ตอบยิ่งทำให้เฮย์เดนโกรธมากขึ้นไปอีก เฮย์เดนเลิกคิ้วในขณะเตรียมจะส่งคำเย้ยหยันไปให้เฟนด์ แต่
ที่เนินเขาดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมพร้อมที่จะสู้กัน พวกเขามีทั้งหมดหกคน สามคนมาจากสำนักสหัสบรรณ และอีกสามคนมาจากสำนักวายชนม์ ไบรอนเป็นผู้นำของฝ่ายสำนักสหัสบรรณ เขาจำได้ว่าไบรอนเป็นศิษย์ฝีมือดีของสำนักสหัสบรรณ อันดับของเขาในสำนักค่อนข้างสูงความประทับใจเดียวของเฟนด์ที่มีต่อซาเมียนคือการทะเลาะกันครั้งก่อน แต่ที่เขารู้ เขาเป็นเพียงคนปากร้าย ที่มักจะวนเวียนอยู่รอบ ๆ กายของชายสวมหน้ากาก คอยเลียแข้งเลียขาเขา เขาคงเป็นคนที่มีพลังพอสมควรถึงได้มีโอกาสเข้าประจบชายสวมหน้ากากได้ สาวกของสำนักวายชนม์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของชายสวมหน้ากากในเวลานั้นค่อนข้างให้ความเคารพต่อซาเมียน แม้ว่าซาเมียนจะไม่ใช่หนึ่งในศิษย์ที่ถูกเลือก แต่ตำแหน่งศิษย์ภายในของเขาก็ถือว่าสูงพอสมควร เฟนด์คิดกับตัวเองก่อนจะหันไปหาเฮย์เดน "พวกคุณรู้จักซาเมียน เนสไหม?"เมื่อได้ยินดังนั้น ชายทั้งสามก็หันมามองเขา เฮย์เดนมองเฟนด์ด้วยสายตาที่รอบรู้ "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะรู้จักซาเมียนด้วย"เฟนด์พยักหน้า “ก็อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละ สำนักวายชนม์กับผมมีความแค้นต่อกัน ผมรู้จักบางคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขา คุณคงเคยได้ยินคำ
เฮย์เดนถอนหายใจออกยาว เขาพุ่งตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ก่อนจะพุ่งไปด้านหน้า "ตามผมมา!" เขาหันกลับมาสั่งก่อนจะพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วภายในชั่วพริบตา เขาปรากฏตัวต่อหน้าไบรอน พรรคพวกของเขาตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันและถอยหนีไปสองสามก้าวเฮย์เดนมีความผูกพันกับชายอีกสองคนค่อนข้างมาก แน่นอนว่าชายทั้งสองลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดพวกเขาก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทั้งอิเซยาห์และเฮย์เดนจากไปแล้ว หากพวกเขาสองคนยังอยู่ก็คงไม่ใช่เรื่องดีนักพวกเขาถอนหายใจและพุ่งตัวตามหลังไปอย่างใกล้ชิด เมื่อเห็นเฮย์เดน ไบรอนก็อุทานราวกับว่าเขาได้พบผู้ช่วยชีวิตของเขาแล้ว "ศิษย์น้องเฮย์เดน!"เฮย์เดนพยักหน้าและเดินข้าง ๆ ไบรอนโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขายืดอกและก้าวไปยืนใกล้กับไบรอน เห็นได้ชัดว่าผู้มาเยือนตั้งใจเข้ามาเป็นกำลังเสริมซาเมียนขมวดคิ้วเมื่อเห็นการปรากฏตัวของเฮย์เดนเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และหากมีเพียงเฮย์เดนคนเดียวก็คงจะดีไม่น้อย แต่เขากลับมีชายสามคนพ่วงมาด้วย เมื่อไบรอนมีผู้ช่วยเพิ่มอีกสี่คนเขาย่อมเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างแน่นอนแม้ว่าทั้งสี่คนจะไม่แข็งแกร่งเท่าเขา แต่อีกฝ่ายก็ยังสามารถเอาชนะเขาไ
เฟนด์ขยับเข้าไปใกล้เฮย์เดนมากขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “รูฟัสคนนี้คือใคร? เขามีตำแหน่งอะไรในสำนักวายชนม์?”เฟนด์มีความรู้เกี่ยวกับสำนักวายชนม์น้อยมาก เขารู้จักคนที่มาจากสำนักวายชนม์เพียงไม่กี่คนและนั่นคือขีดจำกัดของความรู้ของเขา สำหรับความเป็นไปภายในสำนักวายชนม์นั้น เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ แล้วเขาไม่รู้อะไรเลยนอกเหนือจากคนหลายคนที่อยู่เบื้องหน้า เขาจำได้แค่ชายสวมหน้ากากและชายที่ชื่อเลนนอน ทักษะของเลนนอนเทียบอะไรไม่ได้กับชายสวมหน้ากาก ส่วนทักษะของรูฟัสก็คงพอ ๆ กันมิฉะนั้น ซาเมียนจะไม่ปฏิบัติต่อรูฟัสด้วยความเคารพยำเกรงจนดูราวกับจะกระดิกหางใส่ผู้ชายคนนั้นเช่นนั้นแน่ เฮย์เดนมองเฟนด์ราวกับหงุดหงิดกับคำถามที่มาไม่หยุดของเฟนด์แต่พวกเขาก็ถือเป็นพันธมิตรกัน และในท้ายที่สุด เขาก็สงบสติอารมณ์ลงในขณะที่ตอบว่า "รูฟัสเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกจากสำนักวายชนม์ และด้อยกว่าเลนนอนในด้านทักษะเท่านั้น"น้ำเสียงของเฮย์เดนฟังดูค่อนข้างจริงจัง เขามองรูฟัสราวกับว่าชายคนนั้นเป็นระเบิดเวลา เฟนด์เลิกคิ้ว เขาค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเฮย์เดนถ้ารูฟัสเป็นรองเพียงเลนนอนจริง ๆ รูฟัสก็ถือเป็นภัยคุกคามครั้งให
น้ำเสียงของเขาหยาบคายอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่เฟนด์ก็ยังรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ เลยมือของไบรอนสั่นด้วยความโกรธ มือขวาของเขากำแน่น และมือซ้ายของเขาก็ดึงอาวุธออกจากแหวนยุทธ บรรยากาศตึงเครียดกลับมาอีกครั้ง การปะทะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแซมซั่นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขากระซิบขึ้นอย่างเสียไม่ได้ว่า "เราไม่มีทางรับมือกับรูฟัสได้ง่าย ๆ แน่ ในสำนักวายชนม์เขาตามหลังเลนนอนในแง่ของทักษะเท่านั้น และก่อนหน้านี้เลนนอนก็อยู่ในห้าอันดับแรกเสียด้วย"เลนนอนอาจตกรอบจากด่านทดสอบที่หกไปจนถึด่านทดสอบที่เก้า แต่เขาได้พิสูจน์ทักษะของตัวเองแล้วไม่มีใครกังขาในความแข็งแกร่งของเลนนอน ดังนั้นสำหรับคนที่อยู่ตามหลังเลนนอนเพียงเล็กน้อย ย่อมต้องแข็งแกร่งเช่นกันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไบรอนก็ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว หากพวกเขาเริ่มต่อสู้กันขึ้นมา คงเป็นเรื่องยากที่ฝ่ายเขาจะได้เปรียบ และพวกเขาอาจถึงขั้นต้องเสียใครไปด้วย ทักษะของแซมซั่นน่าจะอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งเจ็ด ดังนั้นถ้ามีคนตาย เขาก็คงเป็นหนึ่งในคนแรก ๆนั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะพูดขึ้นก
สำหรับพวกเขาแล้ว การพยายามเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งเจ็ดแบบตัวต่อตัวนั้นไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับพวกเขาเลยแต่นับตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ถูกดูถูกเหยียดหยามมามากมาย พวกเขาจะกล้ำกลืนความอัปยศแล้วจากไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?ใบหน้าของไบรอนมืดมนด้วยความโกรธอย่างไม่น่าเชื่อ เพื่อที่จะฆ่าอสูรก่อนหน้านี้ เขาจึงใช้พละกำลังของเขาไปไม่น้อย ไม่มีใครทานทนต่อความอับอายและยังต้องทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ได้หรอกขณะที่ไบรอนคิดจะโต้แย้ง เขาก็ได้ยินเสียงจากชายคนที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นอย่างชัดเจน "จริง ๆ แล้วผมไม่อยากทำอะไรเลย แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ คุณชื่อรูฟัสใช่ไหม คุณที่เป็นคนที่จัดการได้ยากที่สุดจริง ๆ น่ะเหรอ?"คำพูดเหล่านั้นดึงดูดความสนใจของทุกคนได้สำเร็จ ทั้งฝั่งของสำนักวายชนม์และสำนักสหัสบรรณต่างมุ่งความสนใจไปที่เฟนด์เฟนด์ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว และสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่รูฟัส รูฟัสยิ้มอย่างเย็นชา เขามองเฟนด์ได้อย่างไม่ชัดเจนนักเพื่อปกปิดตัวตนของเขา เฟนด์ได้ใช้พลังงานที่แท้จริงของเขาระงับพลังของตัวเอง แน่นอนว่าการระงับพลังดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หากเขาต่อสู้เมื่อไหร่ ทุกคนก็จะสังเ
เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีก แซมซั่นมองเฟนด์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก "วู๊ด คุณบ้าไปแล้วหรือไง? ถ้าคุณสู้กับเขาแบบตัวต่อตัว คุณจะถูกฆ่าเอานะ!"เฟนด์ส่ายหน้าเล็กน้อย โดยไม่แยแสสิ่งที่แซมซั่นพูด ซาเมียนหัวเราะเสียงดังในขณะที่เขาชี้ไปที่เฟนด์ "นายมันบ้าไปแล้ว! นายนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย รูฟัส ไอ้สารเลวนี่กำลังท้าทายคุณอยู่ เพราะงั้นคุณไม่ต้องเมตตาอะไรเขาเลย คุณต้องทำให้เขาเห็นว่าคนที่มาหาเรื่องคุณจะต้องเจอกับอะไร!”รูฟัสดูราวกับไม่สนใจคำพูดของซาเมียน แต่คำพูดพวกนั้นทำให้รูฟัสโกรธเฟนด์ถึงขีดสุดได้สำเร็จ การถูกเด็กเหลือขออย่างเขาพูดจาท้าทายเช่นนั้น หากรูฟัสไม่ให้บทเรียนที่สาสมแก่เฟนด์ นั่นแปลว่าทักษะของเขายังไม่ดีพอด้วยเหตุนี้ เขาจึงเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ขณะที่เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยมีดาบอยู่ในมือ เขารีบวิ่งไปหาเฟนด์ และเฟนด์ก็ยิ้มเบา ๆ ขณะเอ่ยปากโดยไม่หันกลับไปมองว่า "พวกคนที่เหลือถอยไปไกล ๆ!"คนอื่น ๆ ต่างก็มีปฏิกิริยาทันทีเมื่อได้ยินเฟนด์พูดเช่นนั้น แม้ว่าทุกคนจะสงสัยในตัวเฟนด์ แต่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนจะต้องรุนแรงอย่างแน่นอน และพวกเขาไม
เฟนด์เทียบอะไรกับรูฟัสไม่ได้เลย! เฟนด์เองก็ได้ยินคำโอ้อวดของซาเมียนเช่นกัน เฟนด์ยิ้มน้อย ๆ ทักษะระดับปฐพีอย่างนั้นเหรอ?นี่อาจจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ แต่มันกลับไม่สำคัญอะไรกับเฟนด์เลย!ดาบวิญญาณสามสิบห้าเล่มหลอมรวมอยู่ภายในดาบสีดำ แสงสีดำเปล่งประกายออกมาจากคมดาบ! ขณะที่ดาบของรูฟัสเหวี่ยงลงมาอย่างรุนแรง เฟนด์ก็โจมตีกลับไปเช่นกัน!ทุกคนได้ยินเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อทักษะแช่แข็งวิญญาณและทลายห้วงสุญญะปะทะกันอย่างดุเดือด ทันใดนั้นแสงดำทมิฬก็กลืนกินแสงสีฟ้าอันเย็นเยือกจนหมดพวกเขาทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ และในเวลาเพียงครู่เดียวก็มีเสียงแตกร้าวดังขึ้นแสงสีฟ้าเย็นยะเยือกกระจายออกเป็นผลึกหิมะ พวกมันถูกลมพัดปลิวไปขณะร่วงลงกลับพื้น ทักษะทลายห้วงสุญญะของเฟนด์ไร้เทียมทาน หลังจากทำลายทักษะแช่แข็งวิญญาณ มันก็ฟาดฟันไปที่รูฟัสตั้งแต่ต้นจนจบ รูฟัสไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กสารเลวสวมหน้ากากตรงหน้าเขาเลย เขาได้แต่คิดว่าไม่มีทางที่ทักษะแช่แข็งวิญญาณของเขาจะถูกกำจัดลงเช่นนี้ป่านนี้เจ้าเด็กเหลือขอนั่นควรจะกลายเป็นน้ำแข็ง และรูฟัสจะจัดการเตะเพื่อทำลายร่างของเจ้าเด็กเหลือข