พวกเขาพูดคุยกันขณะเดิน พบกับศิษย์คนอื่น ๆ มากมายตามรายทางที่กำลังพูดคุยกันเช่นเดียวกับพวกเขาการประลองที่จุดรวมพลทำให้เฟนด์ค่อนข้างเป็นที่รู้จัก และผู้คนมากมายก็มองเขาในแง่ที่ต่างออกไปนับจากนั้นเป็นต้นมา พวกเขาส่วนใหญ่มองเขาด้วยความชื่นชม แต่บางคนก็อิจฉาเฟนด์อย่างมาก อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของเฟนด์ยังคงเรียบเฉยและนิ่งสงบ ไม่ว่าผู้คนจะคิดเห็นอย่างไรกับเขาก็ตามยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ฝั่งตะวันออกมากเท่าไร พวกศิษย์ก็ยิ่งมีจำนวนน้อยลงเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว คนที่มีหน้าที่ในฝั่งตะวันออกส่วนใหญ่ล้วนเป็นฝ่ายบริหารที่มีตำแหน่งสูงหรือไม่ก็ศิษย์ผู้อาวุโส เฟนด์และพรรคพวกของเขาไม่รู้ทางเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาเหยียบที่นี่ พวกเขาพยายามค้นหาเส้นทางและต้องขอคำแนะนำจากศิษย์หลายคนถนนสายเดียวที่ไปสู่หอหยกอาถรรพ์อยู่ห่างออกไปเพียงหัวมุมเดียว พวกเขาเงียบลงเล็กน้อยเมื่อเข้าใกล้ที่ดังกล่าวเนื่องจากสภาพแวดล้อมรอบตัวเงียบสนิท นอกจากเสียงลมที่พัดผ่านต้นไผ่แล้ว สิ่งเดียวที่ได้ยินคือเสียงของพวกเขาเอง ในขณะนี้ จู่ๆ โนเอลก็ขมวดคิ้วในขณะที่เขาลดเสียงลงและกระซิบว่า “คนข้างหน้าคือใคร? ทำไมมองเราแบบนั้น?”เฟนด์
คำพูดของกริฟฟินและการที่เขามารอเฟนด์ที่นี่ทำให้เฟนด์สับสนอย่างมาก แม้ว่ากริฟฟินจะเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกและศิษย์ทุกคนจะรู้สึกด้อยกว่าพวกเขาตามระเบียบเนื่องจากพวกเขาเป็นความหวังรุ่นต่อไปของทั้งสำนัก ศิษย์ที่ถูกเลือกเช่นเขาไม่ควรมาปฏิบัติเช่นนี้กับเฟนด์ก่อนที่เฟนด์จะได้เข้าใจในเบื้องลึกเบื้องหลังคำพูดและน้ำเสียงของกริฟฟิน กริฟฟินก็ยิ่งเหยียดหยามเขาขึ้นไปอีก เฟนด์ไม่สามารถทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวได้และไม่อยากเป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่น หัวเราะเบา ๆ และพูดด้วยท่าทีเย็นชาเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าคุณหมายถึงอะไร ศิษย์พี่กริฟฟิน ผมไม่รู้ว่าตำแหน่งที่คุณพูดถึงเมื่อครู่มันหมายความว่าอะไร”กริฟฟินเลิกคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เฟนด์พูด กริฟฟินเย้ยหยันอย่างขุ่นเคืองและมองไปที่เฟนด์ราวกับว่าเขาคิดจะใช้ไม้แข็งในการจัดการอีกฝ่าย “นายคิดว่าฉันไม่กล้าลงมือกับนายเหรอ? ถึงแม้ว่านายจะเป็นศิษย์คนสุดท้ายของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดแล้วก็ตาม แต่นายก็เป็นแค่ศิษย์ของผู้อาวุโส ไม่ใช่ศิษย์ที่ถูกเลือกแบบพวกเรา โอลิเวอร์ เซเยอร์เป็นศิษย์อันดับต้น ๆ ในหมู่ศิษย์ภายใน แต่ในสายตาของฉันเขาก็เป็นแค่มือใหม่ สิ่งที
สีหน้าของกริฟฟินสั่นคลอนและมืดมน รู้สึกอับอายอย่างที่สุดที่ไม่สามารถเอาชนะเฟนด์ได้ อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าหากเขายังเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อ เฟนด์อาจพูดอะไรที่แย่ยิ่งกว่านี้ออกมาอีก เขารู้ว่านี่เป็นทางเดียวที่สามารถไปยังหอหยกอาถรรพ์ได้ และหากมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ สมาชิกของหอหยกอาถรรพ์จะต้องเข้าข้างเฟนด์อย่างแน่นอน แล้วเขาอาจจะมีปัญหาเพราะเรื่องนี้กริฟฟินระงับความโกรธของตัวเองไว้หลังจากพิจารณาสถานการณ์ “วันนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมีเรื่องกับนาย แต่ฉันหวังว่านายจะฉลาดพอที่จะไม่ไปยุ่งย่ามกับแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม นายเพิ่งอยู่ในขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด และถ้านายไปที่นั่นนายจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ นายควรอยู่ในสำนักและจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะของตัวเองจะดีกว่า ในอนาคตหากมีโอกาสอีกหนก็ยังไม่สายเกินไปที่จะไปเยี่ยมชม”แม้จะดูราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังแนะนำเฟนด์ก็ตามที แต่เฟนด์ไม่ใช่คนโง่และรู้ว่ากริฟฟินไม่ได้เห็นใจเขา เหตุผลที่กริฟฟินมาหาเขาก็เพราะแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม แต่ถึงอย่างนั้นเฟนด์ก็ไม่เคยได้ยินว่าตัวเขาเองจะได้ไปยังแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามแม้แต่ครั้งเดียวร่างของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์แวบเข้
โนเอลค่อย ๆ หันกลับมามองกริฟฟินอย่างระมัดระวังในขณะที่เดินไปข้างหน้า และเมื่อเขาเห็นกริฟฟินเลี้ยวไปตรงหัวมุมและจากไป เขาจึงร้องเรียกเฟนด์ว่า “รอฉันด้วย!”เฟนด์หยุดเดินและหันไปมองโนเอลซึ่งดูซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัดแถมยังมีอาการนิ้วสั่น เฟนด์ได้แต่หัวเราะเบา ๆ และรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่โนเอลได้เผชิญหน้ากับศิษย์ที่ถูกเลือก ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อถูกบีบด้วยรังสีของศิษย์ที่ถูกเลือกโนเอลสูดหายใจเข้าลึก “นายมันกล้าหาญจริง ๆ ฉันต้องขอเอ่ยปากชมเลย ฉันไม่คิดว่าถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะกล้าพอที่จะต่อปากต่อคำกับเขา!”เฟนด์พยักหน้าโดยไม่พูดอะไรบรู๊คเชิดคางขึ้นและพูดอย่างมั่นใจว่า “ศิษย์พี่เฟนด์ไม่เหมือนคุณไงล่ะ เขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสและได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด การที่ผู้ชายคนนั้นเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกแล้วมันสำคัญตรงไหน? แล้วอีกอย่างนะ เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจหาเรื่อง ต่อให้เราไม่รู้ว่าตรงไหนที่จะพาเราเข้าสู่แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม แต่มันก็คงมีประโยชน์มากแน่เพราะแม้แต่กริฟฟินยังคิดที่จะต่อสู้เพื่อมัน เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เราจะไม่มีทางมอบสิ่งนี้ให้คนอื่น!”
ห้องของเฟนด์อยู่ที่ห้องโถงด้านทิศตะวันตก ที่นี่เคยเป็นที่เก็บของเบ็ดเตล็ด แต่ทุกอย่างถูกทำความสะอาดและพื้นที่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดีหลังจากที่ศิษย์นอกสำนักไป เฟนด์ก็รินน้ำชาให้โนเอลและบรู๊คซึ่งบอกลาเขาหลังจากใช้เวลาคุยกับพวกเขาอยู่ครึ่งค่อนวันหลังจากส่งบรู๊คและโนเอลออกไป เฟนด์จึงเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในห้องโถงฝั่งตะวันตก เฟนด์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เขายืนห้องโถงด้านข้างเพียงลำพัง เขาคิดว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะเรียกพบเขาหลังจากที่เขามามาถึงที่นี่ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะถูกเมินเฉยเช่นนี้หลังจากนั่งในห้องโถงด้านข้างเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อาจปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกไปได้ จากนั้นเขาก็เปิดประตูห้องโถงด้านข้างและเดินออกจากห้องโถงด้านทิศตะวันตกไป เฟนด์เพิ่งก้าวเดินไปตามบนเส้นทางหินสีเขียวขณะที่เขาได้เห็นกับชายคนหนึ่งในชุดผู้อาวุโสภายในนั่งอยู่ในศาลา ชายคนนั้นหันหลังให้เฟนด์และดูคล้ายกำลังเพลิดเพลินไปกับชาของเขาความตึงเครียดของเฟนด์ลดลงเมื่อได้เห็นแผ่นหลังของบุคคลดังกล่าว เขาเดินตรงไปยังศาลาที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ นั้นเขียวชะอุ่มอย่า
นั่นเท่ากับว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดจะไม่สูญเสียอะไรเลย ในขณะที่เฟนด์เป็นคนเดียวที่ต้องทนทุกข์ทรมานเฟนด์ถลึงตาใส่ผู้อาวุโสแม้จะไม่ดุดันมากนัก แต่เขาก็ยังเอ่ยปากตอบเสียงห้วน “คุณนี่เก่งในเรื่องการคำนวณเรื่องพวกนี้มากจริง ๆ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ เมื่อเทียบกับคุณแล้ว ความเจ้าแผนการของผมเทียบอะไรไม่ได้เลย”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เข้าใจคำพูดเหน็บแนมที่แฝงอยู่ของเฟนด์ได้ในทันที เขาวางถ้วยชาในมือลงและเงยหน้าขึ้นมองเฟนด์ “เธอไม่จำเป็นต้องโกรธขนาดนี้หรอก ชะตาของเราสองคนถูกลิขิตเอาไว้ด้วยกัน และฉันต้องขอขอบคุณเธอที่ช่วยฉันออกมาจากป่าดงอสูร ฉันเป็นหนี้เธอสำหรับความเมตตาในครั้งนั้น และฉันจะไม่เพิกเฉยต่อเธอเมื่อเธอต้องประสบกับปัญหา จริงอยู่ที่ฉันประกาศออกไปแบบนั้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ต่อให้เธอเอาชนะศิษย์ทั้งสามคนไม่ได้ ฉันก็ไม่ทอดทิ้งเธอหรอก”คำพูดของผู้อาวุโสอาจฟังดูน่ายินดี แต่เฟนด์ไม่ใช่เด็กอายุสามขวบ เขาหัวเราะเบา ๆ และเปรยออกไปอย่างแผ่วเบาว่า “คุณต้องเข้าใจถึงอันตรายที่ผมจะต้องเผชิญจากความล้มเหลวที่ผมจะได้รับในเวทีการต่อสู้สิ ก่อนหน้านี้คุณประกาศให้ผมเป็นศิษย์คนสุดท้ายของคุณ พวกนั้นก็ต้องพุ่งเป
ถึงกระนั้นเฟนด์ก็ไม่คิดว่าคนที่มุ่งร้ายต่อผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะเป็นผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและลำดับที่สอง โดยปกติแล้วพวกเขาสองคนไม่ลงรอยกัน เฟนด์จึงค่อนข้างประหลาดใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาจะยอมจับมือกันชั่วคราวเพียงเพื่อจะล่อลวงผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หายใจออกพรืดยาว “ฉันหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองไว้แล้ว แล้วก็หาไว้เผื่อเธอด้วย มีบางสิ่งที่แม้อยากจะหลีกเลี่ยงก็ไม่อาจทำได้ ในเมื่อไม่ว่ายังไงก็เปลี่ยนผลลัพธ์ไม่ได้ เพราะงั้นก็ใช้ชีวิตให้มีความสุขจะดีกว่า”เฟนด์พยักหน้าอย่างลึกซึ้งในขณะที่เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พูด ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หัวเราะเบา ๆ เขาส่ายหน้า และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เลิกพูดถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้เถอะ ตอนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอ”“จุดที่จะเข้าถึงแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามใช่หรือเปล่า?” เฟนด์โพล่งออกมาโดยไม่รอให้ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เป็นฝ่ายเฉลยผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เลิกคิ้วและมองไปที่เฟนด์ด้วยความประหลาดใจ “เธอไปรู้เรื่องนี้มาได้ยังไง? ฉันเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานมานี้เองนะ แล้วตามหลักการแล้ว พวกนั้นน่าจะขอให้ลูกน้องของพวกเขาเก็บเรื่องนี้ไว้
“ทำไมสำนักสหัสบรรณถึงทำเช่นนั้น? พวกเขากำลังเผชิญกับความยากลำบากอะไรที่ต้องการยืมมือของสำนักวายชนม์? พวกเขาหวังว่าสำนักวายชนม์จะเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ได้เหรอ? ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ศิษย์ของสำนักวายชนม์ไม่ใช่คนโง่ และหากพวกเขาตรวจสอบเรื่องนี้ พวกเขาก็จะพบกับความผิดปกติได้ แล้วเมื่อพวกเขาค้นพบเรื่องนั้นแล้ว สำนักวายชนม์คงไม่ยอมให้สำนักสหัสบรรณยืมมือแต่โดยดีหรอก” เฟนด์พูดอย่างค่อนข้างตื่นเต้นผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พยักหน้า “เธอน่ะจับประเด็นสำคัญที่สุดได้แล้ว อันที่จริง ฉันก็ยังไม่อาจหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ได้เลย ฉันรู้แค่ว่าข่าวลือเหล่านี้ถูกแพร่กระจายไปโดยสำนักสหัสบรรณเอง แต่ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนั้น”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ชะงักไปก่อนจะพูดต่อ “ดูสิ แม้แต่เธอก็ยังมีคำถาม ฉันเชื่อว่าสหายเก่าพวกนั้นก็คงคิดเช่นนี้ได้ด้วยเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ฉันแน่ใจว่าพวกเขามีเหตุผลของตัวเองที่จะยืนยันที่จะทำเช่นนี้แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามไม่ใช่สถานที่ที่เราจะเข้าไปได้ตามต้องการ ทุกสำนักมีบรรทัดฐานที่สอดคล้องกัน และนั่นคือเหตุผลที่กริฟฟินคิดจะแย่งตำแหน่งของเธอไปให้กับน้องชายของเขา”เฟนด์คิดเกี