มุมปากของบรู๊คสั่นสะท้าน “คุณคิดว่าศิษย์พี่เฟนด์กำลังคิดจะทำอะไร? เขาคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าโอลิเวอร์จริง ๆ เหรอ?”โนเอลส่ายหน้า ไม่รู้ว่าจะตอบคนที่ถามอย่างไร เขาจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเฟนด์และหายใจเข้าลึก ๆ “ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขามั่นใจในทุกอย่างเสมอ แต่คราวนี้ฉันกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังอวดตัวเอง โอลิเวอร์อยู่อันดับที่แปดในบรรดาศิษย์ภายในซึ่งอยู่ในระหว่างการแข่งขันเพื่อคัดเลือกให้ได้เป็นศิษย์ที่ถูกเลือกเรารับมือกับคนอย่างเขาไม่ได้หรอก ฉันเองก็ไม่ได้สงสัยในพรสวรรค์ของเฟนด์ แต่เขาเพิ่งจะได้ฝึกเมื่อไม่นานมานี้เองและเขาก็เป็นแค่…”ทันใดนั้นเขาก็หยุดชั่วคราว จากนั้นความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเขา “เขาทะลวงระดับพลังยุทธไปได้แล้ว!” เขาตะโกนเสียงแหบ เขากำลังจะจบประโยคก่อนหน้านี้ด้วยคำว่า 'ขั้นแรกของระดับแรกกำเนิด' แต่ก็พบว่าเฟนด์ได้ทะลวงไปสู่ขั้นกลางของระดับแรกกำเนิดแล้วหลังจากอ่านระดับการบ่มเพาะของเขาบรู๊คมองไปที่เฟนด์อย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “พี่เฟนด์ทะลวงระดับพลังยุทธไปได้แล้วจริง ๆ! แต่เป็นไปได้ยังไง? เมื่อสิบวันก่อนเขายังอยู่ในขั้นแรกของระดับแรกกำเนิดอยู่เลย!”โนเอล
คำพูดของเขายิ่งทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นไปอีก“นายลืมพกสมองมาด้วยหรือเปล่า? ระวังหน่อยสิ นายคงไม่อยากให้ศิษย์พี่โอลิเวอร์ทำให้พิการในการประลองหรอกใช่ไหม! ฮ่า ฮ่า!”“สวัสดี ตื่นได้แล้วนะเฟนด์! ได้เวลาตื่นแล้ว นายไม่รู้เหรอ? ว่าคนที่ยืนถัดจากนายไปคือศิษย์พี่โอลิเวอร์ ซึ่งอยู่อันดับที่แปดในบรรดาศิษย์ภายในทั้งหมดเชียวนะ แม้แต่พวกเราก็ยังไม่คู่ควรกับเขา แล้วอะไรทำให้นายคิดว่านายจะเอาชนะเขาได้? ฉันสงสัยจริง ๆ ว่านายไปเอาความกล้าพวกนี้มาจากไหน?!”ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่บนเวทีกลมเงียบ ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ณ เบื้องล่าง สายตาที่ผู้อาวุโสลำดับที่สองมองที่เฟนด์ได้เปลี่ยนไป ตอนนี้เขามั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์คิดผิดที่เลือกเฟนด์“การคัดเลือกศิษย์คนสุดท้ายของคุณน่าสนใจมาก ผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด ดูเหมือนว่าเขาจะยืนกรานว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าโอลิเวอร์ ผมล่ะสงสัยเหลือเกินว่าเขาไปเอาความกล้าจากไหนมาท้าทายกับศิษย์ที่อยู่อันดับแปดในบรรดาศิษย์รุ่นราวคราวเดียวกัน” ผู้อาวุโสลำดับที่สองกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ไม่แยแสอีกฝ่ายและยังคงสังเกตเฟนด์ต่อไป สิ่งที่เฟนด์พูดนั้น
ไม่มีใครเชื่อเขาเลย ไม่มีทางที่พวกเขาจะเป็นแค่คนรู้จักกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องลึกซึ้งกว่านั้น ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถเอ่ยออกไปได้อย่างแน่ชัดว่าพวกเขารู้จักกันได้อย่างไร“การเลือกศิษย์คนสุดท้ายของคุณดูไม่เหมือนใครดีนะ ผมเดาว่านั่นจะอธิบายได้ว่าทำไมผู้สมัครที่คุณเลือกจึงดู...ไม่เหมือนใครเช่นกัน แต่ไม่ว่ายังไง คุณอาจคิดว่าคุณเลือกถูกแล้ว แต่คุณไม่คิดบ้างเหรอ? ว่าเขาจะมั่นใจเกินไป?”ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เพียงกะพริบตาอย่างไร้เดียงสามาที่เขาและไม่พูดอะไร ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งหัวเราะอย่างเย็นชา ถ้าไม่ใช่เพราะมีผู้ชมอยู่เบื้องหน้า เขาคงไม่จำเป็นต้องเลือกใช้คำพูดที่อ้อมไปสามโลกแบบนั้นเขาหันกลับมาและพูดกับเฟนด์ว่า “เธอบอกว่าเธอแข็งแกร่งกว่าโอลิเวอร์ใช่ไหม? แล้วทำไมเธอไม่พิสูจน์ตัวเองล่ะ ตรงหน้าเธอนี้ก็มีเวทีการประลองอยู่แล้ว! แค่ประลองเพียงครั้งเดียวแล้วเราก็จะได้รู้กันว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน!”แววตามุ่งร้ายฉายผ่านดวงตาของโอลิเวอร์ “ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดถูก! นายกับฉันประลองกันบนเวทีเดียวนี้!”รอยยิ้มของโอลิเวอร์ดูน่าเกรงขามมากขึ้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่เฟนด์ราวกับจะบอกว่าชายหนุ่
เวสลีย์หัวเราะลั่น จากนั้นเขาก็ยืดอกและพูดว่า "ฉันจะสอนให้เขาได้เรียนรู้ว่าอย่ามาอวดเก่งกับพี่ชายของฉัน! เขาไม่เพียงแต่ดูถูกพวกเราแต่ยังรวมไปถึงศิษย์ภายในทุกคนด้วย!”บรู๊คดึงแขนเสื้อของโนเอลและกระซิบข้างหูของเขาว่า “ทำไมศิษย์พี่เฟนด์ถึงยอมเข้าร่วมการปะลองล่ะ? ผมว่านะ…"โนเอลไม่รอให้เขาพูดจบ “นายไม่ได้ยินที่เฟนด์พูดเมื่อกี้เหรอ? เขาเป็นคนเสนอความคิดนี้ขึ้นมาเอง ถ้าเขาไม่มั่นใจเขาไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาเหรอ?” โนเอลพูดอย่างหมดความอดทนบรู๊คพูดไม่ออก เขาเงยหน้าขึ้นมองโนเอล “ผมนึกว่าเขาแค่พยายามจะยั่วโมโหโอลิเวอร์ บางทีเขาอาจไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสที่สองจะเปิดทางให้เขาแบบนี้”โนเอลถอนหายใจด้วยความผิดหวังและพึมพำกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่านายจะไม่ค่อยได้รู้จักเฟนด์ดีสักเท่าไหร่เลยนะ ฉันจะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรออกมาอีกแล้ว เพราะฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเฟนด์กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ สิ่งเดียวที่เราทำได้ในตอนนี้ก็แค่รอดูผลลัพธ์ก็เท่านั้น”โชคดีที่เวทีวงที่สองเป็นเวทีการประลองที่กำหนดไว้สำหรับศิษย์ ธงที่วางไว้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้การโจมตีที่หลงทางออกจากพื้นที่ เวทีการต่อ
ใบหน้าของโอลิเวอร์เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจัดราวกับลูกบีทรูท มือของเขาเริ่มสั่นราวกับต้องการบีบคอเฟนด์เวสลีย์โกรธมากจนเกือบจะน้ำลายฟูมปาก “ไอ้สารเลว! นายก็แค่พูดเรื่องของเดิมพันเพราะต้องการจะถ่วงเวลาทุกคน! ทำอย่างกับว่าจะเอาชนะพี่ชายของฉันได้ยังไงยังงั้นแหละ!”เฟนด์ขมวดคิ้ว เวสลีย์น่ารำคาญชะมัดยาด เฟนด์อดทนกับความไร้สาระของเขามานานพอแล้ว! เขาหันมาเผชิญหน้ากับเวสลีย์และพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของนาย เพราะงั้นช่วยหุบปากทีได้ไหม? เสียงของนายมันทำให้ฉันรู้สึกหนวกหูมากจริง ๆ!”หลังจากพูดแบบนี้ออกไป เฟนด์ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ เขาชี้ไปที่ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ด้วยสายตาของเขา ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เลิกคิ้ว เขาเข้าใจโดยธรรมชาติว่าเฟนด์หมายถึงอะไร ความรำคาญที่ปรากฏในดวงตาของเขาชัดเจนอย่างที่สุด ดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่พูดออกมาให้เร็วพอ เฟนด์จะหมดความอดทน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมแพ้เขาก้าวไปข้างหน้าและพูดกับเวสลีย์ว่า “เฟนด์พูดถูกแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย เธอควรอยู่ในที่ของตัวเองและไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องนี้ ฉันเริ่มสงสัยแล้วสิว่าพ่อแม่ของเธอลืมสอนมารยาทเธอมาหรือ
คะแนนสะสมจำนวนเจ็ดร้อยคะแนน?! หลายคนตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ว่าคำถามนี้กำลังจะพาไปถึงจุดไหนริมฝีปากของโอลิเวอร์กระตุก แน่นอนเขามีคะแนนสนับสนุนจำนวนเจ็ดร้อยคะแนน เขาเป็นศิษย์ภายในบวกกับความจริงที่ว่าเขาแข็งแกร่ง การเก็บเกี่ยวคะแนนสะสมจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา เขากักตุนคะแนนสะสมไว้ค่อนข้างมากค่อนข้างมากตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่นี่โอลิเวอร์พยักหน้าอย่างเย็นชา "แน่นอนว่าฉันมี นายคิดจะขอให้ฉันเดิมพันด้วยคะแนนสะสมจำนวนเจ็ดร้อยคะแนนงั้นเหรอ? นายมีคะแนนสะสมมากขนาดนั้นเลยหรือไง? เท่าที่ฉันรู้ นายพึ่งเข้าร่วมในสำนักเมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะงั้นนายต้องไม่สามารถมีคะแนนสะสมมากถึงขนาดนั้นได้”เขาจงใจใช้เสียงที่ดังขึ้นเมื่อเขาพูดทั้งหมดนั้น ทุกคนได้ยินเสียงเขาดังและชัดเจน และบางคนก็พยักหน้าเห็นด้วย โดยทั่วไปแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะต้องวางเงินเดิมพันที่มีมูลค่าเท่ากัน และไม่มีทางที่เฟนด์จะสามารถหาคะแนสะสมได้มากขนาดนี้ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจในตอนที่เขาเอ่ยปากออกไปว่า “ผมไม่เคยพูดเลยสักครั้งว่าผมจะใช้คะแนนสะสมของตัวเองเป็นเดิมพัน”โอลิเวอร์เย้ยหยันและถามว่า “แล้วนอกจากคะแนนสะสมแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้ชมก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เหล่าผู้ชมล้วนไม่มีใครคิดว่าเฟนด์จะเป็นฝ่ายชนะ แต่จำนวนคะแนนสะสมก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกคุ้มค่าที่จะได้รับชมการประลองคะแนนสะสมจำนวนหนึ่งพันคะแนนนั้นถูกสนับสนุนโดยผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดคือการที่เฟนด์ยอมสละตำแหน่งศิษย์คนสุดท้ายของเขา ด้วยวิธีนี้ ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลือกศิษย์คนสุดท้ายคนใหม่ เนื่องจากเฟนด์เป็นฝ่ายยอมสละตำแหน่งด้วยตัวเอง เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ก็ทำให้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสที่สองรู้สึกดีขึ้นในทันทีพวกเขาจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์อย่างมีความหมายราวกับจะเตือนให้เขาระลึกได้ว่าเฟนด์เป็นคนที่รนหาที่เอง การแสดงออกของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ดูน่ากลัว แต่เขายังคงนิ่งเงียบในขณะที่จ้องมองไปที่เฟนด์อย่างเคร่งขรึมหัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก เขาไม่เคยเห็นเฟนด์ประลองกับใครมาก่อน แต่เมื่อพิจารณาจากวิธีที่ศิษย์ภายนอกของสำนักสหัสบรรณปฏิบัติต่อเขาที่ป่าดงอสูรและจากบทสนทนาที่พวกเขามีต่อกันแล้ว เขาสามารถเดาได้ว่าเฟนด์คงเป็นคนที่ช่วยทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากปัญหา ดังนั้นจึงไม
“ทำไมคุณถึงคิดว่าการที่เกรสแฮมต่อต้านการเข้าร่วมของโอลิเวอร์? ก็ล้วนเป็นเพราะเขาคิดว่าโอลิเวอร์แข็งแกร่งกว่าเขายังไงล่ะ”"นายพูดถูก แม้แต่คนแบบเขาก็ยังไม่อยากต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับโอลิเวอร์เลย แล้วเฟนด์เอาอะไรมาคิดว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้?”“ฉันก็คงบอกได้เพียงคำเดียวว่าการไม่รู้คำตอบคงจะดีซะกว่า”การสนทนาโดยรอบมีต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดยิ่งบทสนทนาดังขึ้นเท่าไหร่ ใบหน้าของโนเอลและบรู๊คก็ยิ่งเข้มขึ้นเท่านั้น ทั้งสองคนเป็นห่วงเฟนด์จริง ๆ แต่ในเวลาแบบนี้เขาไม่กล้าพูดอะไรเลยเฟนด์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งสองคน และทุกคนต่างก็รู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน หากพวกเขาสองคนพูดอะไรบางอย่างในเวลานี้ พวกเขาจะกลายเป็นเป้าหมายของการโจมตีของทุกคนทันทีศิษย์ภายนอกนั้นเงียบกว่าศิษย์ภายในมาก เพราะชื่อเสียงของเฟนด์นั้นโด่งดังในหมู่เพื่อนของเขาเอง และพวกเขาต่างก็รู้ว่าเฟนด์นั้นมีความสามารถมากเพียงใดยิ่งไปกว่านั้นเฟนด์ยังสามารถเอาชนะเวสลีย์ในฐานะศิษย์ภายนอกที่ได้รับคัดเลือกใหม่ได้อีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่คิดว่าเฟนด์จะเอาชนะโอลิเวอร์ได้ แต่ก็ไม่ได้อยากที่จะจ