น้ำเสียงของเฟนด์สงบมากเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ ฟังดูเหมือนเขาแค่บอกบรู๊คว่าอยากจะกินหรือดื่มอะไรก็เท่านั้น แต่ในทุกคำที่เขาพูดได้แสดงถึงนิสัยใจคอของเขาออกมา บรู๊คจึงอดไม่ได้ที่จะมองเฟนด์ด้วยสายตามีความหมาย เขาไม่รู้จะโต้ตอบออกไปอย่างไรเฟนด์ไม่มีอารมณ์ที่จะมาใส่ใจความคิดเห็นของคนทั้งคู่ที่มีต่อเขาในขณะนี้ เขามุ่งความสนใจไปที่เวทีทรงวงกลมด้านหลังแทนผู้อาวุโสทั้งสิบเอ็ดคนนั่งลงแล้ว และเฟนด์ก็สังเกตกองกำลังหลักของตำหนักสองกษัตริย์อย่างเงียบ ๆ ไม่ว่าจะมีศิษย์ในสำนักกี่คน แต่คนที่เป็นกำลังสนับสนุนหลักของตำหนักสองกษัตริย์อย่างแท้จริงก็ยังคงเป็นกลุ่มคนเหล่านี้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาชิกทั้งหมดคนที่นั่งตำแหน่งแรกคือผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง เขามองไปที่เหล่าศิษย์ด้านล่างเวทีด้วยสายตาที่อ่อนโยนและมีรอยยิ้มบนใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ของเขา ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งต่างจากผู้อาวุโสลำดับที่สองผู้ซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมในขณะที่มีสายตาที่ครุ่นคิด เขามองไปที่ศิษย์ที่อยู่ใต้แท่นอย่างเฉยเมยผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ทุกคนต่างมีความพิเศษของตัวเอง แต่พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะมีนิสัยเอาแต่ใจ ในท้ายที่สุดเฟนด์เพ่งสายตาไปที่ผ
ผู้อาวุโสพูดเสียงดัง “เมื่อหลายวันก่อน ผู้อาวุโสของสำนักสหัสบรรณมาเยี่ยมเราและได้กล่าวถึงสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งแก่เราด้วย ฉันแน่ใจว่าทุกคนรู้ว่ารัฐเวสต์ เซอร์ซีของเรามีสำนักระดับสี่เพียงสองแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ทางเหนือ ในขณะที่อีกแห่งอยู่ทางใต้ และเราไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักสหัสบรรณได้รับข่าวว่าสำนักวายชนม์ที่อยู่ทางใต้ได้แอบส่งศิษย์จำนวนมากขึ้นมาทางเหนือ เราแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ข่าวดี ดังนั้นช่วงนี้ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม”ข่าวดังกล่าวเหมือนก้อนหินที่ทำให้ผืนน้ำกระเพื่อมเป็นพัน ๆ รอบ นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเรื่องนี้และเบิกตากว้าง ในตอนแรกไม่มีใครกล้าที่จะส่งเสียงออกมาในขณะที่ผู้อาวุโสอยู่ที่นั่น แต่ไม่มีใครสามารถระงับปากของตัวเองได้เมื่อทราบข่าวนี้ ทำให้เกิดเสียงเซ็งแซ่ปะทุขึ้นท่ามกลางฝูงชน"อะไร? สำนักวายชนม์กำลังมุ่งหน้ามาทางเหนือเพื่อสร้างปัญหาให้พวกเรานั้นเหรอ? เราอยู่ในสภาวะที่สงบตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาต้องการทำอะไรที่นี่”“พวกเขาคงจะบ้าไปแล้ว แม้ว่าสำนักวายชนม์จะเป็นสำนักระดับสี่เช่นกัน แต่สำนักสหัสบรรณที่อยู่ทางทิศเหนือของเราก็เป็
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งขยับร่างกายของเขาไปด้านข้างเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดเช่นนี้ และมองไปที่ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์แน่นอนว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์สัมผัสได้ถึงสายตาของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งที่ดูใจดี ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่งและเดินไปที่ส่วนกลาง สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย เขาไม่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง ขณะที่เขามาถึงด้านหลังผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง แต่เขากลับหยุดห่างจากผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งประมาณสามก้าวจากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณให้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดเรื่องนี้ต่อไป ทุกคนรู้ว่าวาระหลักกำลังเริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดก้าวไปข้างหน้า แม้ว่าข่าวร้ายก่อนหน้านี้จะทำให้ทุกคนไม่สบายใจ แต่ก็ไม่มีใครลืมเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขามารวมตัวกันที่จุดนี้ไปได้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันแน่ใจว่าทุกคนรู้ว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดต้องการรับศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายของเขา และวันนี้คือวันที่เขาจะประกาศการแต่งตั้งของเขา อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดคุยกับผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดมาแล้ว และผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยว
ศิษย์ภายนอกที่อยู่โดยรอบเฟนด์มีสีหน้าที่ดูไม่ดีนักเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาคงต้องคิดว่าผู้อาวุโสภายในเหล่านี้เจ้าเล่ห์ถึงขนาดไหน เฟนด์ไม่แปลกใจกับเรื่องนี้เลย เพราะไม่ว่าจะมองสามคนนี้ในมุมไหน พวกเขาต่างก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งมองไปที่ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ใต้เวทีด้วยสายตาที่อ่อนโยนมากราวกับว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นหลานชายแท้ ๆ ของตัวเองผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เธอทั้งสามคนมีความสามารถสูงมากและเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้เป็นศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด เนื่องจากพวกเธอไม่มีใครเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสคนอื่น ๆ แต่ไม่สำคัญว่าเธอทั้งสามคนจะเหมาะสมกันแค่ไหน เนื่องจากมีเพียงที่ว่างเพียงหนึ่งเดียว นี่คือเหตุผลที่เธอทั้งสามคนต้องแสดงความสามารถและความแข็งแกร่งของเธอออกมาอย่างเต็มที่ในวันนี้ เพื่อที่จะได้ดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด”สิ่งที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดทำให้เหล่าศิษย์มารวมตัวกันใต้เวทีเริ่มซุบซิบกันอย่างเผ็ดร้อนอีกครั้งโนเอลพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็ต้องต่อสู้กันในท้ายที่สุด และผลลัพธ์ที่ได้ก
สิ่งที่โนเอลพูดดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างได้ในทันที เฟนด์มองไปที่โนเอลด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็น ใบหน้าของโนเอลเริ่มแดงเมื่อเขารู้สึกถึงการจ้องมองของผู้อื่น เขากระแอมไอเบา ๆ และพยายามสงบสติอารมณ์ “นี่พวกนายมองฉันทำไม? นายไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเหรอ?”ความสับสนปรากฏขึ้นในสายตาของคนจำนวนมากเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ล่วงรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคนเหล่านี้เลย และพวกเขาก็เพิ่งได้ยินเพียงการจัดอันดับของศิษย์ภายในเหล่านี้จากชายหน้ายาวมาเท่านั้น สิ่งที่โนเอลพูดเป็นการบอกใบ้อย่างชัดเจนว่าศิษย์ที่ถูกเลือกไว้แต่ละคนมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับผู้อาวุโสเฟนด์ชำเลืองมองที่โนเอล “ทำไมคุณไม่เลิกอ้อมค้อมและเข้าประเด็นเสียที ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าเกรสแฮมไปเอาความกล้าหาญมาจากไหนถึงได้กล้าต่อกรกับผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง” เฟนด์คาดเดาคำตอบในใจไปแล้วเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ และเขาแค่รอให้โนเอลยืนยันสมมติฐานของเขากับปากตัวเองเท่านั้นโนเอลพยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “อันที่จริงเกรสแฮมกำลังต่อสู้กับคนสองคนด้วยตัวคนเดียวต่างหาก”ผู้คนรอบตัวเขายิ่งประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่โน
โนเอลมองบรู๊คอย่างพอใจก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่บรู๊คเพื่อสนับสนุนว่าบรู๊คตอบถูก สิ่งที่บรู๊คพูดได้ทำลายความสงสัยในใจของผู้คนรอบข้างจนหมดสิ้นความคิดพิเศษแวบผ่านสายตาของเกือบทุกคน การต่อสู้เพื่อตำแหน่งศิษย์คนสุดท้ายนี้ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดที่จะได้ศิษย์คนสุดท้ายเพียงคนเดียวของเขา อย่างไรก็ตาม แท้จริงแล้วมันเกี่ยวพันกับการต่อสู้ระหว่างผู้อาวุโสสองคน และตำแหน่งเจ้าตำหนักก็กำลังตกอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสทุกคนถูกระดมพลและศิษย์ทุกคนก็ตื่นเต้นถึงขนาดนี้ในขณะนี้ ในที่สุดเฟนด์ก็เข้าใจความหมายของโนเอลที่บอกว่าเขาจะพูดแบบเดียวกันถ้าเขาเป็นเกรสแฮม เกรสแฮมทำสิ่งนี้ด้วยความหวังที่จะกำจัดโอลิเวอร์ เนื่องจากโอกาสที่เขาจะได้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวจะลดลงถึงสามส่วนหากโอลิเวอร์ยังอยู่ที่นี่ยิ่งไปกว่านั้น โอลิเวอร์ยังแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อยด้วย และเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับโอลิเวอร์ โอลิเวอร์อาจฆ่าเกรสแฮมหลังจากที่พวกเขาขึ้นไปบนเวทีประลอง แต่เขาจะหยุดทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับคาลเวิร์ต เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาสองคนก็อยู่ทีมเดียวกัน ไม่ว่าใครจะกลายเป็นศิษย์คน
การตำหนิของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสลำดับที่สองตื่นตระหนก“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณกำลังตีความหมายในคำพูดของผมอย่างผิด ๆ ในพวกเรามีใครบ้างที่ยังทะลวงไม่ถึงขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด ถ้าผมหมายความอย่างที่คุณพูด นั่นไม่เท่ากับว่าผมกำลังต่อว่าตัวเองด้วยงั้นหรือ?” ผู้อาวุโสลำดับที่สองกล่าวอย่างชอบธรรมเช่นกัน “หากผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดต้องรับศิษย์เพียงคนเดียว เขาจะต้องยอดเยี่ยมในทุกด้าน มูลค่าในการบ่มเพาะก็ถือเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณา ความสามารถการบ่มเพาะในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดไม่สูงเท่ากับขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด คุณก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีนี่”ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าไร โอกาสที่สามารถได้รับการฝึกฝนก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งโบกแขนของเขาและพูดอย่างไม่ใยดีว่า "โอลิเวอร์อยู่ในระดับแรกกำเนิดและพรสวรรค์ของเขาก็สูงมาก อีกไม่นานเขาจะลงสมัครรับตำแหน่งศิษย์ที่ถูกเลือกได้ ด้วยข้อเท็จจริงเหล่านี้ คุณยังคิดว่ามูลค่าในการบ่มเพาะของเขายังต่ำอยู่อีกหรือ?”พวกเขาไม่ได้เห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้และพวกเขาจะทะเลาะกันไม่รู้จบเพราะป
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสที่สองเงียบปากลงในทันที ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พูดถูก พวกเขาอาจต้องทะเลาะกันจนปากเปียกปากแฉะและยังไม่อาจฟันธงได้ว่าใครจะได้เป็นศิษย์ลำดับสุดท้ายนี้ดวงตาของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ยังคงจับจ้องไปที่ผู้ฟัง “คนที่จะได้เป็นสิทธิ์เพียงคนเดียวของฉัน คือใครบางคนที่อยู่ในใจของฉันอยู่แล้ว ฉันเคยบอกแล้วว่าศิษย์เพียงคนเดียวของฉันต้องเก่งในทุกด้านที่ฉันเห็นว่าสำคัญ”เฟนด์ขมวดคิ้ว โนเอลเคยวิเคราะห์และอธิบายประโยคนี้ให้เขาฟังมาก่อน เขาคิดว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์คงกำลังหมายความถึงศิษย์ที่ใกล้ชิดของเขาจะต้องเป็นเลิศในทุกด้าน เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ สายตาของเขาจึงจับจ้องไปที่โอลิเวอร์และอีกสองคน ซึ่งทั้งหล่อเหลา มีความสามารถ และมีภูมิหลังที่โดดเด่น ดูแล้วไร้ที่ติในทุกด้านในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เสียงของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ก็ดังขึ้นในหูของทุกคน “พวกเขาสามคนไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันเลยแม้แต่น้อย ฉันมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว”ร่างกายของทุกคนแข็งทื่อ พวกเขาหันมาจ้องมองผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ทีละคน คนที่กังวลมากที่สุดคือผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสลำดับที่สอง เพราะทั้งสองต่างรู้ดีอยู่แก่ใ