สิ่งที่โนเอลพูดดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างได้ในทันที เฟนด์มองไปที่โนเอลด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็น ใบหน้าของโนเอลเริ่มแดงเมื่อเขารู้สึกถึงการจ้องมองของผู้อื่น เขากระแอมไอเบา ๆ และพยายามสงบสติอารมณ์ “นี่พวกนายมองฉันทำไม? นายไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเหรอ?”ความสับสนปรากฏขึ้นในสายตาของคนจำนวนมากเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้ล่วงรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคนเหล่านี้เลย และพวกเขาก็เพิ่งได้ยินเพียงการจัดอันดับของศิษย์ภายในเหล่านี้จากชายหน้ายาวมาเท่านั้น สิ่งที่โนเอลพูดเป็นการบอกใบ้อย่างชัดเจนว่าศิษย์ที่ถูกเลือกไว้แต่ละคนมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับผู้อาวุโสเฟนด์ชำเลืองมองที่โนเอล “ทำไมคุณไม่เลิกอ้อมค้อมและเข้าประเด็นเสียที ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าเกรสแฮมไปเอาความกล้าหาญมาจากไหนถึงได้กล้าต่อกรกับผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง” เฟนด์คาดเดาคำตอบในใจไปแล้วเมื่อเขาพูดสิ่งนี้ และเขาแค่รอให้โนเอลยืนยันสมมติฐานของเขากับปากตัวเองเท่านั้นโนเอลพยักหน้าและพูดอย่างจริงจังว่า “อันที่จริงเกรสแฮมกำลังต่อสู้กับคนสองคนด้วยตัวคนเดียวต่างหาก”ผู้คนรอบตัวเขายิ่งประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่โน
โนเอลมองบรู๊คอย่างพอใจก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่บรู๊คเพื่อสนับสนุนว่าบรู๊คตอบถูก สิ่งที่บรู๊คพูดได้ทำลายความสงสัยในใจของผู้คนรอบข้างจนหมดสิ้นความคิดพิเศษแวบผ่านสายตาของเกือบทุกคน การต่อสู้เพื่อตำแหน่งศิษย์คนสุดท้ายนี้ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดที่จะได้ศิษย์คนสุดท้ายเพียงคนเดียวของเขา อย่างไรก็ตาม แท้จริงแล้วมันเกี่ยวพันกับการต่อสู้ระหว่างผู้อาวุโสสองคน และตำแหน่งเจ้าตำหนักก็กำลังตกอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสทุกคนถูกระดมพลและศิษย์ทุกคนก็ตื่นเต้นถึงขนาดนี้ในขณะนี้ ในที่สุดเฟนด์ก็เข้าใจความหมายของโนเอลที่บอกว่าเขาจะพูดแบบเดียวกันถ้าเขาเป็นเกรสแฮม เกรสแฮมทำสิ่งนี้ด้วยความหวังที่จะกำจัดโอลิเวอร์ เนื่องจากโอกาสที่เขาจะได้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวจะลดลงถึงสามส่วนหากโอลิเวอร์ยังอยู่ที่นี่ยิ่งไปกว่านั้น โอลิเวอร์ยังแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อยด้วย และเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับโอลิเวอร์ โอลิเวอร์อาจฆ่าเกรสแฮมหลังจากที่พวกเขาขึ้นไปบนเวทีประลอง แต่เขาจะหยุดทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับคาลเวิร์ต เพราะไม่ว่าอย่างไรพวกเขาสองคนก็อยู่ทีมเดียวกัน ไม่ว่าใครจะกลายเป็นศิษย์คน
การตำหนิของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสลำดับที่สองตื่นตระหนก“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น คุณกำลังตีความหมายในคำพูดของผมอย่างผิด ๆ ในพวกเรามีใครบ้างที่ยังทะลวงไม่ถึงขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิด ถ้าผมหมายความอย่างที่คุณพูด นั่นไม่เท่ากับว่าผมกำลังต่อว่าตัวเองด้วยงั้นหรือ?” ผู้อาวุโสลำดับที่สองกล่าวอย่างชอบธรรมเช่นกัน “หากผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดต้องรับศิษย์เพียงคนเดียว เขาจะต้องยอดเยี่ยมในทุกด้าน มูลค่าในการบ่มเพาะก็ถือเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณา ความสามารถการบ่มเพาะในขั้นสูงสุดของระดับแรกกำเนิดไม่สูงเท่ากับขั้นกลางของระดับแรกกำเนิด คุณก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีนี่”ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าไร โอกาสที่สามารถได้รับการฝึกฝนก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งโบกแขนของเขาและพูดอย่างไม่ใยดีว่า "โอลิเวอร์อยู่ในระดับแรกกำเนิดและพรสวรรค์ของเขาก็สูงมาก อีกไม่นานเขาจะลงสมัครรับตำแหน่งศิษย์ที่ถูกเลือกได้ ด้วยข้อเท็จจริงเหล่านี้ คุณยังคิดว่ามูลค่าในการบ่มเพาะของเขายังต่ำอยู่อีกหรือ?”พวกเขาไม่ได้เห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้และพวกเขาจะทะเลาะกันไม่รู้จบเพราะป
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสที่สองเงียบปากลงในทันที ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พูดถูก พวกเขาอาจต้องทะเลาะกันจนปากเปียกปากแฉะและยังไม่อาจฟันธงได้ว่าใครจะได้เป็นศิษย์ลำดับสุดท้ายนี้ดวงตาของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ยังคงจับจ้องไปที่ผู้ฟัง “คนที่จะได้เป็นสิทธิ์เพียงคนเดียวของฉัน คือใครบางคนที่อยู่ในใจของฉันอยู่แล้ว ฉันเคยบอกแล้วว่าศิษย์เพียงคนเดียวของฉันต้องเก่งในทุกด้านที่ฉันเห็นว่าสำคัญ”เฟนด์ขมวดคิ้ว โนเอลเคยวิเคราะห์และอธิบายประโยคนี้ให้เขาฟังมาก่อน เขาคิดว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์คงกำลังหมายความถึงศิษย์ที่ใกล้ชิดของเขาจะต้องเป็นเลิศในทุกด้าน เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ สายตาของเขาจึงจับจ้องไปที่โอลิเวอร์และอีกสองคน ซึ่งทั้งหล่อเหลา มีความสามารถ และมีภูมิหลังที่โดดเด่น ดูแล้วไร้ที่ติในทุกด้านในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เสียงของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ก็ดังขึ้นในหูของทุกคน “พวกเขาสามคนไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันเลยแม้แต่น้อย ฉันมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว”ร่างกายของทุกคนแข็งทื่อ พวกเขาหันมาจ้องมองผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ทีละคน คนที่กังวลมากที่สุดคือผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสลำดับที่สอง เพราะทั้งสองต่างรู้ดีอยู่แก่ใ
เขายังสงสัยว่าในหมู่ศิษย์ภายในมีคนชื่อเฟนด์ด้วยหรือเปล่า แต่เขาก็หักล้างความคิดนั้นในทันทีที่มันผุดขึ้นมาในสมองของเขา เขารู้ความลับของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ ถึงกระนั้น เขาก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้รับความสนใจทั้งที่เขามาที่นี่ในฐานะผู้ชมโนเอลและบรู๊คถึงกับอึ้งไป ทั้งสองยืนอยู่ตรงจุดนั้นด้วยความงุนงงและมีความไม่เชื่อเขียนอยู่ทั่วใบหน้าราวกับเพิ่งรู้ว่าตัวเองถูกรางวัลที่หนึ่งโนเอล หันหน้าไปและเห็นว่าเฟนด์เองก็มีสีหน้าไม่ต่างจากเขา “ผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดเพิ่งเลือกให้นายเป็นศิษย์เพียงคนเดียว…”เสียงของโนเอลแหบลงเล็กน้อย ในขณะที่บรู๊คตกใจจนพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว เวสลีย์เริ่มสะท้าน เขาคิดว่าการที่ผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดประกาศชื่อของเฟนด์ในครั้งแรกเป็นความผิดพลาด แต่เมื่อได้ยินเขาพูดซ้ำเป็นครั้งที่สองโดยเน้นที่ชื่อของเฟนด์อย่างชัดเจน จิตใจของเวสลีย์ก็เริ่มสัมผัสกับคลื่นแห่งอารมณ์“ไม่ มันไม่ใช่เขา! เขามีสิทธิ์อะไรได้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด? เขาไม่ได้เข้ามาในตำหนักได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์คนสุดท้ายของผู้อาวุโสลำ
เวสลีย์สูดลมหายใจเข้าปอด มุมปากของเขากระตุกไม่หยุด“นี่ต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน! ทำไมผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ถึงเลือกเขาได้ล่ะ?” เขาพูดเสียงแหบ เขาหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง และตบชายที่มีดวงตารูปสามเหลี่ยมอย่างรุนแรงโดยปราศจากการเตือนล่วงหน้าเสียงที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมผงะใบหน้าไปด้วยความตกใจ แต่เขาไม่กล้าปริปากแสดงความโกรธออกมาเลยแม้แต่น้อย เขารู้ว่าเขาถูกลงโทษเนื่องจากสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่ในขณะนี้เฟนด์ไม่มีอารมณ์จะมาใส่ใจอะไรในตัวเวสลีย์ เขาเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะมาพร้อมกับการเป็นศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายของเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมศิษย์มากมายถึงเดินมาถึงจุดนี้ แต่ผลประโยชน์เหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขาสนใจเสียเท่าไหร่เขาได้เรียนรู้ถึงความสามารถอันยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ผู้อาวุโสคนใดมาสอนอะไรเขาเพิ่มอีก ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตของเขาก็มีแต่ความลับเต็มไปหมด และการติดต่อกับผู้อาวุโสก็อดฟรีย์อย่างใกล้ชิดก็จะทำให้เขาเสี่ยงถูกเผยความลับอีกด้วย หากเกิดสิ่งนั้นขึ้นจริงแทนที่จะได้รับประโยชน์เขากลับรู้สึกว่าตัวเองจะต้อง
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งถึงกับแน่นหน้าอกและนิ้วของเขาสั่นสะท้าน เขาตะคอกด้วยความไร้ความเมตตาและพูดว่า "ผมต้องการเลือกศิษย์ภายในที่ดีที่สุดต่างหาก!"เขาเน้นคำว่า 'ศิษย์ภายใน' เพื่อเตือนผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ว่าในประวัติศาสตร์ของตำหนักสองกษัตริย์ ศิษย์ทั้งหมดได้รับเลือกล้วนมาจากศิษย์ภายใน“ผมจะเลือกใครก็ตามที่ผมพบว่าถูกใจผมที่สุดให้มาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของผม” ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงที่ปนไปด้วยรอยยิ้มในเวลานี้แม้แต่ผู้อาวุโสลำดับที่สองก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาชำเลืองมองผู้อาวุโสก็อดฟรีย์และพูดว่า "เอาล่ะ ฮ่า ๆ ตลกมากเลย เราเข้าใจแล้ว ทีนี้ก็เลิกล้อเล่นและเอาจริงสักทีเถอะ"เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสลำดับที่สองไม่เห็นด้วยกับการเลือกของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เช่นกัน จากวิธีที่เขาพูดเรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นได้แค่เรื่องตลก ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์หัวเราะเยาะอยู่ในใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ปกติเขาจะไม่ตอบโต้อะไรกลับไปเพราะเขาแน่ใจว่าผู้อาวุโสลำดับที่สองรู้ดีอยู่แล้วว่าตลอดเวลาที่เขาเสวนาด้วยเขาไม่เคยล้อเล่นกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียวอันที่จริง เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้อาวุโสลำดับที่สองถึงต้องการให
ด้วยเหตุนี้ ศิษย์จำนวนมากจึงไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าโล่มนุษย์เป็น 'สิทธิ์ร่วมสำนัก' ไม่ใช่เรื่องยากที่จะจินตนาการถึงความโกรธของพวกเขา เมื่อพวกเขาพบว่าเฟนด์ไม่ได้เป็นแค่ศิษย์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นศิษย์ภายนอกที่มาจากฝูงโล่มนุษย์อีกด้วย!การวิพากษ์วิจารณ์ต่อกันเกี่ยวกับพฤติกรรมที่หุนหันพลันแล่นของผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดนั้นมีกระฉ่อนไปทั่ว เขาล้อเล่นหรือเปล่า? เขาจะเลือกขยะอย่างเฟนด์ให้ขึ้นมาเป็นศิษย์คนสุดท้ายได้อย่างไร? แล้วกับพวกเขาที่เข้ามาก่อนล่ะ?หลายคนไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้และเริ่มซุบซิบกันอย่างดุเดือด“ผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดคิดอะไรอยู่? ทำไมเขาถึงเลือกเดนมนุษย์แบบนั้นในเมื่อเขาสามารถเลือกศิษย์ภายในที่ยอดเยี่ยมที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้”“ฉันพนันได้เลยว่าเขาไม่เคยต้องการศิษย์คนสุดท้ายเลยแม้แต่น้อย เพราะงั้นเขาถึงได้เลือกหมอนี่เพื่อหนีจากการรับศิษย์!”“การเลือกศิษย์คนสุดท้ายไม่ใช่เรื่องเล็กเสียหน่อย แม้ว่าผู้อาวุโสที่สิบเอ็ดจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเรามากนัก ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาล้อเล่นเรื่องแบบนี้ได้ บางทีเขาอาจมีเหตุผลของเขา แต่ต่อให้หาคำตอบไปทั้งชีวิตก็คงไม่รู้คำต