เมื่อคิดถึงสิ่งนี้เฟนด์จึงตั้งข้อสังเกตว่า “ถ้าผมสามารถรถดูดซับโลหิตสวรรค์ได้ ผมจะสามารถบ่มเพาะ ทักษะวิถีแห่งสุญญะได้!”ทักษะศิลปยุทธที่เฟนด์ฝึกฝนคือทักษะวิถีแห่งสุญญะ และทั้งหมดนี้เกี่ยวกับการควบคุมกฎแห่งสุญญะ หยาดเลือดจากมังกรจันทรคราสโบราณนี้มีพรสวรรค์และทักษะในการควบคุมกฎแห่งสุญญะอยู่ ถ้าเขาสามารถดูดซับหยาดเลือดนี้ได้ การควบคุมกฎแห่งสุญญะของเขาก็จะดีขึ้น!ท่ามกลางความตื่นเต้นของเฟนด์จู่ ๆ แนชก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “ลูกไม่คิดว่ามันค่อนข้างแปลกเหรอ?”เฟนด์เลิกคิ้วและมองไปที่แนชอย่างสับสน แนชถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะอธิบาย “ทีแรกก็ผลึกวิญญาณสลาย แถมตอนนี้ยังมีหยาดเลือดมังกรจันทรคราสโบราณที่มีทักษะกฎแห่งสุญญะอีก ทำไมพ่อรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งสองอย่างนี้ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับลูกโดยเฉพาะเลยล่ะ แถมลูกก็บังเอิญต้องการมันพอดีด้วย ลูกไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญมากไปหน่อยเหรอ?”แววตาที่มองผ่านดวงตาของเฟนด์และเขาพยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่แนชพูดถึง เขาชี้ไปที่ข้อความบนผลึก “ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างที่พ่อคิดหรอก เพราะว่าข้อความที่สลักบนผลึกนี้เป็นภาษาท
โนเอลอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ “ถ้าเป็นเรื่องสำคัญขนาดนั้น คิดว่าฉันจะยังมีอารมณ์มานั่งจิบชาและคุยกับนายที่นี่ได้อยู่เหรอ?”ในที่สุดเฟนด์ก็ถึงกับร้องอ๋อ ที่โนเอลพูดก็มีเหตุผล แต่นอกเหนือจากเรื่องนั้นแล้วจะมีอะไรอีกที่จะทำให้ยุ่งเหยิงได้อีก?โนเอลไม่รอให้เฟนด์ถาม เขาพูดต่อทันที “ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดกำลังรับศิษย์คนแรกและคนสุดท้ายของเขาอยู่? ศิษย์ภายในกำลังต่อสู้กันเองเพราะเหตุนี้ โอลิเวอร์เข้าร่วมเวทีการต่อสู้เดิมพันกับศิษย์ภายในคนอื่น ๆ เพราะเหตุนี้ สนามประลองเดิมพันนั้นมีแน่นขนัดจนไม่มีที่ยืน ทำให้เห็นว่ามันแน่นขนาดไหน นายอยากไปดูไหม”เฟนด์ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง เขาไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องสำคัญอะไร มันเป็นเพียงเรื่องของการรับศิษย์คนสุดท้าย แล้วมันพิเศษขนาดไหนกัน? แม้ว่าศิษย์คนสุดท้ายนี้จะส่งผลต่อผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ในอนาคต แต่สำหรับปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่สำนักกำลังเผชิญอยู่เท่านั้น นั่นไม่ใช่ปัญหาที่สำนักวายชนม์ก่อขึ้นหรอกหรือ?เฟนด์ส่ายหน้าโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง “บอกตามตรง ผมไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะต้องไปดูการประลอง แม้ว่าพวกเขาจะสู้กันจนตายไปข้างก็เถอะ ทั้งหม
เฟนด์ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านี้ โนเอลเม้มปากและพูดว่า “ผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสภายใน และนี่คือศิษย์เพียงคนเดียวของเขา นี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตำหนักสองกษัตริย์ของเรา ศิษย์ของเราต่างก็เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่ผู้อาวุโสภายใน จึงเป็นเหตุผลที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสภายในคนอื่น ๆ ต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างสูงเช่นกัน สิบวันนับจากนี้ ผู้อาวุโสภายในที่มาจากสำนักฝ่ายในก็จะมารวมตัวกัน ณ จุดรวมพลนี้ด้วยเช่นกัน”ริมฝีปากของเฟนด์กระตุกเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เนื่องจากผู้อาวุโสภายในทั้งหมดจะอยู่ที่นั่น เขาไม่สามารถทำตัวเหมือนอยู่เหนือกฎและปลีกตัวออกจากงานได้ เขาเลิกคิ้ว ใบหน้าสง่างามของผู้อาวุโสก็อดฟรีย์ฉายผ่านความคิดของเขา เขาสงสัยเหลือเกินว่าผู้อาวุโสก็อดฟรีย์จะเลือกใครเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของเขาแม้ว่าสิ่งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ผู้อาวุโสก็อดฟรีย์เลือกโอลิเวอร์เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของเขา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น โอลิเวอร์ก็เป็นศัตรูของเขา และแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดี
เลือดของสัตว์อสูรในตำนานที่พุ่งไปทางซ้ายและขวาดูคล้ายกับสัตว์อสูรที่หลุดออกจากกรงมันดูทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ดูเหมือนว่ามันต้องการที่จะรีบพุ่งออกมาและหลบหนีไปในอากาศ เฟนด์จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เขาหยิบกริชสีดำออกมาจากมัสตาร์ด ซี๊ดและเฉือนลงบนฝ่ามือขวาของตัวเองมีเลือดไหลออกจากบาดแผลในทันที และในขณะที่หยดเลือดของสัตว์อสูรในตำนานกำลังจะหลีกหนีไปได้ เขาก็ยกมือที่มีบาดแผลขึ้นเพื่อดูดซับหยาดเลือดและกักขังมันไว้ในฝ่ามือของตัวเอง จากนั้นเฟนด์ก็กดหยดเลือดตรงตำแหน่งที่เปิดแผลของเขาอย่างรวดเร็ว เลือดของสัตว์ในตำนานถูกเจือจางทันทีหลังจากที่สัมผัสกับเลือดของเฟนด์ฉ่า!เสียงที่ฟังดูเหมือนหัวแร้งร้อนจัดถูกใส่ในน้ำเย็นดังขึ้น แนชขมวดคิ้ว และความกังวลในดวงตาของเขาก็ปรากฏลึกลงไปแต่เฟนด์ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขากดบาดแผลที่เพิ่งสร้างในทันทีหลังจากที่เลือดของเขาผสานกับเลือดของสัตว์อสูรในตำนาน แล้วเลือดของสัตว์อสูรในตำนานก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเฟนด์ ด้วยวิธีดังกล่าวเฟนด์จึงได้ยินเพียงเสียงหัวใจของเขาเต้นแรงราวกับกำลังจะระเบิดผิวของเฟนด์เปลี่ยนเป็นสีแดงและร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่รอช้า
เฟนด์รู้สึกได้ถึงการระเบิดของพลังงานทำลายล้างที่พุ่งเข้าหาเขาในขณะที่บุคคลลึกลับขว้างหมัดของเขาออกไป พลังนั้นทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวโดยรอบสั่นสะเทือน มันเป็นคลื่นพลังอันแข็งแกร่งที่เฟนด์ไม่เคยพบเห็นมาก่อนด้วยเสียงโครมคราม เฟนด์จึงหงายหลังและร่วงลงบนพื้นอย่างเสียการทรงตัวในทันทีเมื่อเฟนด์ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว และเห็นว่าพ่อของเขากำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างเป็นห่วง แนชยื่นมือออกไปและตบแก้มเฟนด์เบา ๆ "ลูกบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? ลูกเห็นอะไร ทำไมเหงื่อถึงออกเยอะแบบนี้”ลมหายใจของเฟนด์ถี่ขึ้นและหัวใจของเขาก็เต้นแรง เขารู้สึกราวกับเหมือนหัวใจของเขาเต้นแรงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบครั้งต่อนาที เขารู้ว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพียงภาพลวงตา แต่หมัดนั้นช่างน่ากลัวจริง ๆ หากเขายืนอยู่ต่อหน้าชายชุดดำจริง ๆ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ชายคนนั้นจะต้องต่อยเขาเลยด้วย เพราะเฟนด์คงกลายเป็นเถ้าถ่านและหายไปจากโลกนี้ไปด้วยลมหายใจของชายคนนั้นเฟนด์โบกมืออย่างอ่อนแรงและยอมให้แนชช่วยพยุงให้เขานั่งตัวตรง “ผมไม่เป็นอะไร มันเป็นแค่ภาพลวงตา แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ”ทันทีที่เฟนด์พูด แนชก็โพล่งอ
เฟนด์มั่นใจว่าภาพลวงตาที่เห็นคือความทรงจำของสัตว์อสูรในตำนานผู้เป็นเจ้าของเลือด และมันเป็นก็เป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจอย่างลึกซึ้งสำหรับสัตว์อสูรตัวนี้ แนชขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจในขณะที่แนชกำลังจะถามคำถามเฟนด์ ก็มีคนมาเคาะประตู เฟนด์ขมวดคิ้วและถามโดยไม่รู้ตัวว่า “เวลาแบบนี้ใครกันที่มาขัดจังหวะผม”แนชมองที่เฟนด์ด้วยความประหลาดใจตามสัญชาตญาณและพูดว่า “ต้องเป็นโนเอลกับบรู๊คแน่ ๆ โนเอลบอกลูกไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าจะพาลูกไปที่จุดรวมพลเพื่อรอการขานชื่อในอีกสิบวัน”เฟนด์ตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้ชัดว่าดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของแนช มุมปากของเขาสั่นเล็กน้อย “พ่อกำลังบอกว่าผมฝึกตัวเองมาเป็นเวลาสิบวันแล้วงั้นเหรอ?”แนชเห็นการแสดงออกของเฟนด์และเข้าใจทันทีว่าทำไมเขาถึงประหลาดใจได้ถึงขนาดนี้ แนชพยักหน้าและพูดว่า “วันเวลาผ่านไปสิบวันแล้วจริง ๆ”เฟนด์ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกขณะที่ร่องรอยของความไม่เชื่อฉายผ่านดวงตาของเขา เขาเพิ่งตกอยู่ในภาพลวงตา และรู้สึกเหมือนเพิ่งเข้าฌานได้ไม่ถึงชั่วโมง เขาเห็นเพียงมังกรจันทรคราสโบราณที่บินอยู่บนท้องฟ้าและชายในชุดดำ ใครจะคาดคิดว่าช่วงเวลาสั้
โนเอลหายใจออกลึก ๆ และมีความอิจฉาเล็กน้อยในน้ำเสียงของเขาขณะที่เขาพูดว่า “ก็อย่างที่คิดไว้นั่นแหละ เขาชนะ และชนะทั้งที่ยังไม่ได้แข่งด้วยซ้ำ ชายที่ท้าทายโอลิเวอร์ทนการโจมตีจากโอลิเวอร์ได้เพียงสามกระบวนท่าก่อนที่โอลิเวอร์จะแทงเข้าที่หน้าอกของเขา และเลือดก็กระเซ็นไปทั่วพื้น โชคดีที่ โอลิเวอร์รู้ขอบเขตและหยุดตัวเองเอาไว้ในที่สุด คนผู้นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่บาดแผลของเขาก็หนักหนาพอที่จะทำให้เขาล้มหมอนนอนเสื่อเป็นเวลาหนึ่งหรือสองเดือนได้เลยทีเดียว”บรู๊คที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าอย่างรุนแรง สายตาที่ดูราวกับนึกอะไรออกแวบผ่านดวงตาของเขา เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น “วันนั้น เราสองคนหาที่นั่ง แม้ว่าจะไม่ได้ยากลำบากอะไร แต่ก็เห็นได้เลยว่าสถานที่แออัดไปด้วยผู้คนในเวลานั้น แถมผู้สังเกตการณ์ก็โห่ร้องเสียงดังมากในตอนที่โอลิเวอร์แทงหน้าอกของชายคนนั้น และพวกเขาต่างก็โห่ร้องก้องตะโกนกันว่าโอลิเวอร์ไร้เทียมทานขนาดไหน”โนเอลมองไปที่บรู๊คอย่างสิ้นหวัง “ถ้าตอนนั้นนายไม่ห้ามฉันเอาไว้ ฉันก็คงตะโกนแบบเดียวกับพวกเขาไปแล้ว” แม้ว่าบรู๊คจะค่อนข้างไม่เกรงใจใคร แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความบาดหมางระหว่างเฟน
พื้นที่ทางทางใต้ที่ไกลออกไปเป็นที่ที่พวกศิษย์ยืนอยู่ สถานที่นี้ดูคล้ายกับจัตุรัสขนาดใหญ่ แม้ว่าจะมีขนาดเท่ากับของสนามฟุตบอลสองหรือสามสนามและจุคนได้หลายพันคน แต่เหล่าศิษย์ต่างก็ยืนห่าง ๆ กันศิษย์ในระดับเดียวกันยืนรวมอยู่ในบริเวณเดียวกัน และดูคล้ายว่าจะแออัดเล็กน้อยเนื่องจากศิษย์นอกสำนักซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดรวมตัวกันที่บริเวณทิศใต้แม้ว่าจะเป็นพื้นที่กว้างขวางก็ตามเฟนด์สามารถได้ยินได้อย่างชัดเจนว่าทุกคนรอบตัวเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่บ้าง ตอนนั้นเองที่ชายมีหนวดยืนอยู่ข้างหน้าเขาชี้ไปที่เวทีการต่อสู้ขณะที่เขาอุทานว่า “ฉันคิดว่ามาเตโอ เบลี่ย์ควรได้รับเลือกจากผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ด อย่างไรเสียเขาก็อยู่ในอันดับที่ห้าในหมู่ศิษย์ภายใน และไม่มีตระกูลใดสนับสนุนเขาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นคนสันโดษและเจ้าอารมณ์มาก ซึ่งคล้ายกับผู้อาวุโสลำดับที่สิบเอ็ดมากทีเดียว ต้องเป็นเขาแน่!”ชายหน้ายาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ชายมีหนวดตะคอกขึ้นมาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ถ้ามีปัญญาคิดแค่นี้ก็ช่วยเลิกเดาสิ่งที่ผู้อาวุโสภายในกำลังคิดอยู่ได้หรือเปล่า? นายไม่รู้เหรอว่าการจะเลือกศิษย์สักคนจะต้องถูก