ศิษย์นอกสำนักรีบย้ายเวสลีย์ใส่เปลหาม ทุกลานประลองศิษย์นอกสำนักราวห้าหรือหกคน และภารกิจหลักของพวกเขาคือนำศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บหลังจากการต่อสู้ไปทำการรักษาในกรณีฉุกเฉินเฟนด์เลิกคิ้วเมื่อเวสลีย์กำลังจะถูกศิษย์นอกสำนักพาลงมาจากลานประลองและพูดว่า "อย่าลืมเรื่องเดิมพันของเราล่ะ ตามกฎของสนามประลองเดิมพัน นายต้องส่งของเดิมพันที่นายต้องจ่ายภายในสามวัน หากภายในสามวันนายไม่จ่าย จะไม่ใช่แค่ถูกจับขัง แต่นายอาจถูกเนรเทศออกจากตำหนักด้วย”เวสลีย์โกรธเสียจนกระอักเลือดเมื่อได้ยินคำพูดของเฟนด์ เสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดหมดแล้ว มือของเขาสั่นในขณะที่เขาอยากจะโต้กลับเฟนด์ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัว แต่อนิจจา เขาพ่ายแพ้ไปแล้ว และคนที่แพ้จะพูดมากขนาดไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาเปล่า ๆหลังจากที่เวสลีย์ถูกนำตัวออกไปรักษา เฟนด์ก็เดินลงมาจากลานประลองอย่างช้า ๆ ในขณะนี้ ทุกคนมองที่เฟนด์ด้วยสายตาที่ต่างออกไปขณะที่เฟนด์ได้แสดงในความแข็งแกร่งของตัวเองออกมา มุมมองของพวกเขาก็เปลี่ยนจากการดูถูกกลายเป็นความชื่นชม ตั้งใจมองอย่างจริงจังและอิจฉามากขึ้น บางคนได้แต่เริ่มพูดคุ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แอมโบรสก็เริ่มเฝ้ารอที่จะได้เห็นสีหน้าประหลาดใจของเซฟในตอนที่เขาพ้นโทษในขณะเดียวกัน เฟนด์ก็ไม่สนใจเสียงบ่นและการซุบซิบจากคนรอบข้างที่พูดถึงเขา และกลับไปนั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชม เขาตัดสินใจว่าเขาจะนั่งดูการต่อสู้ของคนอื่น ๆ ต่อ เพราะวันนี้เขาไม่มีอะไรสำคัญต้องทำ แถมตอนนี้ก็ยังไม่มีคะแนนสะสมติดตัวอีกด้วยเมื่อเขาได้ยินว่าศิษย์ภายในจะมีการต่อสู้ในสนามประลองเดิมพันหลังจากนั้น บรู๊คก็มองไปที่เฟนด์ด้วยความชื่นชมในขณะที่เข้ามานั่งข้าง ๆ ดวงตาของเขาเกือบจะจับจ้องไปที่เฟนด์อย่างไม่วางตามุมปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ "นี่คุณกำลังมองหาอะไร?"บรู๊คกระแอมเบา ๆ ด้วยสีหน้าตื่นเต้น “คุณแข็งแกร่งมาก ศิษย์พี่เฟนด์! ผมพลาดไปจริง ๆ ที่คิดว่าคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเวสลีย์ ใครจะคาดคิดว่าคุณจะเล่นงานเขาจนอ่วมแบบนั้น!”เฟนด์เลิกคิ้วอย่างช่วยไม่ได้และพูดอย่างใจเย็น “ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะไม่รับคำท้าถ้าผมไม่มั่นใจว่าจะชนะ?”บรู๊คยังคงตื่นเต้นอย่างมาก “ก็ผมคิดว่าคุณโม้”เฟนด์พูดไม่ออกจนมุมปากกระตุก บรู๊คเป็นคนที่พูดตรงเสียเหลือเกิน แม้แต่โนเอลก็หัวเราะเยาะบรู๊คจนดวงตาของเขาห
ในความเป็นจริงเฟนด์เล่าเรื่องเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แต่การโจมตีที่เลวร้ายที่สุดไม่ได้ทำให้ซี่โครงของเวสลีย์หัก ในทางกลับกัน พลังที่เหลือจากทักษะทลายห้วงสุญญะกลับโจมตีร่างกายของเขาและทำให้เกิดบาดแผลทางจิตวิญญาณของเขาด้วย คนอื่นไม่รู้ว่าเฟนด์กำลังฝึกฝนคุณลักษณะใด แต่โนเอลรู้ดีโนเอลลดเสียงลงและแสดงความคิดเห็นว่า “เวสลีย์ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณมากขนาดไหนกัน? หากสาหัสก็ดูเหมือนจะไม่ดีนัก…”เฟนด์เลิกคิ้วและมองโนเอลอย่างมีความหมายหลังจากที่เขาได้ยินสิ่งนี้ เขาเห็นสีหน้าจริงจังของโนเอลและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่แพ้กัน “ผมไม่คิดว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าทักษะยุทธที่ผมแสดงจะแข็งแกร่งไม่น้อย แต่ทักษะชุมนุมเจ็ดดาวตกก็ไม่ใช่ทักษะกระจอก ๆ มันทำลายการโจมตีส่วนใหญ่ลง และเหลือเพียงการโจมตีเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเวสลีย์”โนเอลรู้สึกว่าเฟนด์ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ เขาอดไม่ได้ที่จะยืดอกและเอนตัวไปทางเฟนด์ “บาดแผลทางวิญญาณนั้นแตกต่างจากบาดแผลบนร่างกาย หากวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้รับความเสียหายถาวรก็ยากที่จะตัดสินได้ แต่ต่อให้ไ
คำพูดของโนเอลดึงดูดความสนใจของเฟนด์และเฟนด์หันกลับมามองเขาด้วยความประหลาดใจ ไม่คาดคิดเลยว่าโนเอลจะรู้จักศิษย์ภายนอกที่เพิ่งได้รับคัดเลือกใหม่ถึงสองคนนี้ โนเอลรู้สาเหตุที่ทำให้เฟนด์ประหลาดใจเมื่อเขาสังเกตเห็นแววตาของอีกฝ่าย “ฉันมาจากตระกูลชนชั้นสูงเหมือนกันนะ แม้ว่าจะไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่โตอะไรแต่ก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอที่ฉันจะรู้จักศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นสองคนนี้?”เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฟนด์ก็หัวเราะเบา ๆ และพยักหน้าเล็กน้อยโดยพูดว่า "คุณแน่ใจเหรอว่าสองคนนี้ถือว่าโดดเด่น?" เฟนด์ไม่ได้พูดสิ่งนี้จากความไร้เดียงสาของตัวเองและทักษะที่มี และเขาก็ไม่ได้ดูแคลนอีกฝ่ายด้วย เขาแค่พูดความจริงออกมาเท่านั้น เฟนด์กำลังพูดจากรูปลักษณ์โดยรวมต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ทำให้ไฟสว่างขึ้นเพียงสี่ดวงในระหว่างการประเมินเท่านั้นเองผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ได้โดดเด่นมากนักสำหรับบรรดาศิษย์ภายนอก แต่ดูเหมือนโนเอลจะมีความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาสองคน โนเอลเลิกคิ้วตอบ แม้จะมีความตะหงิดใจเล็กน้อย “พวกเขาค่อนข้างโดดเด่น ฉันรู้เกี่ยวกับผลการประเมินของนาย แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถได้คะแนนเต็ม แต่พวกเขาก็ยังได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
เจอรัลด์ตอบอย่างใจเย็นว่า “ไม่ว่าเราจะขยับตัวทำอะไร เราต้องการคะแนนสะสมของตำหนัก ถ้าเราสองคนมัวแต่อยู่ในตำหนัก เราจะเก็บคะแนนสะสมได้สักกี่คะแนน แม้ว่าเราจะพยายามหนักแค่ไหน? แต่เราจะได้รับคะแนนสะสมมากขึ้นจากการออกไปนอกสถานที่เช่น ป่าดงอสูร”คะแนนสะสมของตำหนักเป็นสิ่งที่ศิษย์ทุกคนต้องการ ในตำหนักแห่งนี้ไม่ว่าพวกเขาจะขยับตัวไปไหน ต่างก็ต้องใช้คะแนนสะสมของตำหนักจำนวนมาก แม้ว่าเฟนด์เพิ่งจะได้รับคะแนนสะสมของตำหนักมาเป็นจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนนจากการประลองกับเวสลีย์ แต่คะแนนนั้นก็เป็นเหมือนน้ำหยดเดียวในมหาสมุทรและไม่เพียงพอสำหรับเฟนด์การรับคะแนนสะสมของตำหนักมีหลายวิธี โดยปกติแล้ว ศิษย์ภายนอกที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่จะอยู่ในตำหนักเพื่อทำงานง่าย ๆ และอาจได้รับคะแนนสะสม เช่นงานบ้านต่าง ๆ ให้กับศิษย์อาวุโส ช่วยช่างหลอมในการผลิตสรรพาวุธ หรือช่วยนักเล่นแร่แปรธาตุในการปรุงยา ศิษย์จะได้รับคะแนนจากงานเหล่านี้แต่คะแนนสะสมดังกล่าวไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป มันน้อยเกินไปสำหรับเจอรัลด์และมอร์ตันกลับกันการออกจากตำหนักและไปล่าสัตว์อสูรในป่าดงอสูรเพื่อเอาแก่นวิญญาณของพวกมันมาแลกคะแนนจะดีกว่ามาก พวกเขาสาม
นี่คือเหตุผลที่สุดท้ายแล้วโนเอลตัดสินใจที่จะไม่ถามอะไรออกมา อันที่จริง มอร์ตันกับเจอรัลด์ควรจะจากไปได้แล้ว เพราะบทสนทนาของพวกเขาจบลงแล้ว และพวกเขาก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันนักทันใดนั้น มอร์ตันก็ทำราวกับว่าเขาสนิทสนมกับโนเอลและต่อบทสนทนาอีกครั้ง “ป่าดงอสูรเป็นภูเขาที่กว้างใหญ่ที่สุดในเกาะเวสต์ เซอร์ซีอย่างแท้จริง แม้ว่าเราจะสามารถเข้าไปในเขตรอบนอกของชายป่าก็เถอะ แต่เราก็ยังพบกับอันตรายมากมาย โชคดีที่เราแข็งแกร่งพอและเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ ไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหนก็ตาม”โนเอลพยักหน้าและชมเชยเขา พูดตามตรง เขาอยากจะพูดกับมอร์ตันไปตรง ๆ เขาอยากจะบอกอีกฝ่ายว่าไม่สนใจฟังเรื่องไร้สาระของอีกฝ่ายเลย มอร์ตันและเจอรัลด์ไม่ต้องบอกเขาหรอกว่าป่าดงอสูรนั้นอันตรายแค่ไหน เพราะโนเอลเคยไปที่นั่นมาหลายครั้งแล้วเฟนด์ฟังด้วยความสนใจสูงในขณะที่เขาเตรียมการสำหรับหนทางต่อไปของตัวเอง แต่ขณะที่เฟนด์กำลังฟังการสนทนาของพวกเขา จู่ ๆ มอร์ตันก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ศิษย์น้องเฟนด์ นายมาทำอะไรที่นี่นี่”เฟนด์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วที่มอร์ตันลดระดับความอาวุโสลงโดยเรียกเขาว่า 'ศิษย์น้อง' เฟนด์ไม่รู้ว่ากฎของตำหนักอ
ผู้ชมบางคนเริ่มซุบซิบกันเองเบา ๆ“หมอนี้เป็นใครกัน? เขามาจากที่ไหน? เขาบ้าไปแล้วเหรอ?”"ใครจะไปรู้ล่ะ? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีปัญหากับเฟนด์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ในขั้นแรกระดับแรกกำเนิดด้วย เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ”มอร์ตันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าคนโดยรอบจ้องมองมาที่เขา เขาพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ? ทำไมทุกคนถึงมองราวกับเขาเป็นตัวตลก?เขาเขาพยายามคิดเกี่ยวกับคำพูดของตัวเองอย่างรอบคอบ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป เช่นนั้นแล้วทำไมผู้คนถึงมองเขาแบบนั้น?เจอรัลด์ตกตะลึงพอ ๆ กัน และเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาแปลก ๆ ที่คนเหล่านี้มองมาที่พวกเขาไม่ต่างจากสหายโนเอลมองไปที่มอร์ตันอย่างพูดไม่ออก อันที่จริงเขาต้องการบอกมอร์ตันว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ต่างจากการตบหน้าตัวเองอย่างแรง แต่เมื่อฟังจากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็ชัดเจนแล้วว่าอีกฝ่ายได้ยินเรื่องการประลองเดิมพันของเฟนด์มาแล้วเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะเป็นการดีที่สุดที่เขาจะปิดปากเงียบเฟนด์หัวเราะเบา ๆ และมองไปที่มอร์ตันอย่างเย็นชา แม้ว่าเขาจะไม่อยากเสียเวลาเปลืองน้ำลายไปกับใครก็ตาม แต่เขาก็รังเกียจที่มอร์ตันสร้างปัญหา
คำพูดง่าย ๆ เช่นนี้ทำให้ทั้งมอร์ตันและเจอรัลด์ตกตะลึง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และปากของพวกเขาก็อ้าค้างมอร์ตันหัวเราะแห้ง ๆ รำพึงกับตัวเองว่าบรู๊คอาจเสียสติไปแล้ว ทำไมบรู๊คถึงพูดอะไรไร้สาระเช่นนี้ออกมา? เฟนด์และเวสลีย์ประลองเดิมพันกันไปแล้ว และเฟนด์… เอาชนะเวสลีย์ได้งั้นเหรอ? ช่างไร้สาระอะไรเช่นนี้!ทว่าสายตาแปลก ๆ ที่พวกเขาได้รับทำให้มอร์ตันชะงักไปโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่เขากำลังจะปฏิเสธเจอรัลด์โพล่งขึ้น “นี่นายว่ายังไงนะ? เฟนด์จะเอาชนะเวสลีย์ได้ยังไง?” สีหน้าของเขามืดลงเมื่อเขาได้เบาะแสบางอย่าง เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวศิษย์ภายนอกทุกคนรอบตัวพวกเขาได้ยินอย่างชัดเจน และทุกคนก็ได้ยินสิ่งที่บรู๊คพูด แต่ไม่มีใครปฏิเสธสิ่งที่เขาพูด และไม่มีสายตาแปลก ๆ มองมาที่เขาด้วย นั่นหมายความว่าบรู๊คไม่ได้ปั้นน้ำเป็นตัว เขากำลังพูดความจริงแม้แต่คนที่โง่ที่สุดก็ยังรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติมอร์ตันและเจอรัลด์กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัวขณะที่พวกเขามองไปที่เฟนด์ด้วยสายตาที่ต่างออกไป ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนรอบข้างถึงมองพวกเขาราวกับตัวตลก ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ถึงจุดผิดปกติในคำพ