แม้เขาจะบอกไม่ได้ว่าความมั่นใจของเฟนด์มีต้นสายปลายเหตุมาจากการที่เขามีแผนดี ๆ ไว้ในใจหรือเป็นเพราะเขากำลังเล่นละครอยู่กันแน่ แต่คนส่วนใหญ่ที่นั่นคิดว่าเฟนด์กำลังเล่นละครอยู่และรู้สึกเกลียดชังเขาเวสลีย์จ้องมองมาที่เขาตั้งแต่ที่ก้าวลงมาจากลานประลอง เขาเดาว่าแม้อีกฝ่ายจะทำเฉยแต่เฟนด์คงจะกลัวจนสติแตกและไม่สบอารมณ์อย่างหนัก “เขาต้องแสร้งทำเป็นไม่กลัวแน่ ๆ! ไม่มีทางที่เขาจะไม่กลัว เขาต้องเล่นละครได้ดีกว่าต่อสู้แน่นอน”เวสลีย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังไปทั่วและทำให้คนอื่น ๆ ที่ได้ยินมันมองไปที่เฟนด์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น กิริยาที่สงบเกินไปของเฟนด์ทำให้พวกเขาฟันธงเลยว่าเขาต้องกำลังแสร้งทำเป็นไม่กลัวอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่แยแสว่าเฟนด์จะคิดยังไงกับพวกเขา ก่อนที่จะเริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้ทีละน้อย“ฮึ การที่ต้องเห็นเขาสงบนิ่งขนาดนี้ทำให้ฉันทนไม่ได้! ถ้าเขาจะสงบแบบนี้โดยที่ยังไม่ได้เห็นสิ่งที่ศิษย์พี่เวสลีย์ฉันก็คงพอเข้าใจได้อยู่หรอกนะ แต่ในเมื่อทุกคนก็รู้กันหมดว่าพลังของศิษย์พี่เวสลีย์สามารถจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกในหมู่ศิษย์ภายนอกแบบพวกเราได้เลยแท้ ๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงแสร้งทำเป็นไม่รู้สึ
สามพยางค์นี้ทำให้โนเอลถึงกับพูดไม่ออก เขาและบรู๊คถลึงตาใส่เฟนด์อย่างพูดไม่ออก ตัดสินจากคำตอบของเฟนด์ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลัวจริง ๆ แต่ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่! พวกเขายืนกรานว่าเขาแสร้งทำเป็นสงบไปอย่างนั้นมุมริมฝีปากของบรู๊คก็เริ่มกระตุกเช่นกัน สำหรับศิษย์ภายนอก เวสลีย์มีพละกำลังล้นหลาม เกิดใหม่อีกสิบชาติก็ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ และเขาเป็นห่วงเฟนด์จริง ๆผู้ชมหลายคนเริ่มจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการประลองระหว่างเวสลีย์และเฟนด์ เฟนด์จะถูกส่งให้กระเด็นออกไปด้วยการฟาดดาบเพียงครั้งเดียวหรือไม่? บางทีเวสลีย์อาจพยายามทำให้เขาขายหน้าอย่างเต็มที่ด้วยการด้วยการสลักลูกกากบาทไว้สองสามรูปบนใบหน้าของเฟนด์ ไม่เพียงแต่จะทำให้เฟนด์เสียหน้าเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นเครื่องยืนยันความจริงที่ว่าเขาจะไม่มีสู้หน้าใครได้อีกตลอดชีวิตตามบุคลิกของเวสลีย์ที่พวกเขารู้จัก พวกเขารู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เวสลีย์ยังได้รับการสนับสนุนจากบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากมาย และบทลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดที่เขาจะได้รับจากการทำให้คนอื่นอับอายก็คงแค่ถูกตักเตือนเบาๆเท่านั้น แล้วเหตุใดเขาจำต
“นายกล้าดียังไงมาทำให้ฉันขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้ง ๆ ที่ฉันเมตตานายขนาดนี้?!” เวสลีย์ตะโกนเฟนด์จ้องมองชายที่มีดวงตารูปสามเหลี่ยมและเวสลีย์ “นายต่างหากที่ทำให้ฉันขายหน้า! และมีสิ่งหนึ่งที่นายควรพูดให้ถูก ฉันไม่ได้อยากจะทำให้นายขายขี้หน้า แต่นายมาแส่หาเรื่องเอง! เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ถ้าวันนั้นนายไม่บังคับให้ฉันยกห้องที่ฉันได้มาจากชัยชนะของตัวเองให้นาย!”เฟนด์เป็นฝ่ายโต้กลับ เขากำลังพูดความจริง แต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริงที่น่าเจ็บปวด คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เริ่มแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง“เฟนด์นี่บ้าไปแล้วหรือเปล่า? หรือเขาคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรจะเสียเพราะเขาเคยทำให้เวสลีย์ขุ่นเคืองใจมามากมาย?”“ใช่ ฉันคิดว่าอย่างนั้น เขาอาจพยายามทำให้เวสลีย์ขายหน้ามากกว่าเดิมเพราะเขารู้ว่าตัวเองกำลังจะผู้แพ้ในการประลอง”บางคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและส่ายหน้า “ใช่ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ สิ่งที่เขาพูดมีแต่จะยิ่งกระตุ้นเวสลีย์ ไมั่นใจได้เลยว่าเวสลีย์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทรมานเฟนด์ในศึกการประลองที่กำลังจะมาถึง เขาอาจฝ่าฝืนกฎและทำให้เฟนด์พิการเลยก็เป็นได้!”โนเอลยิ่งรู้สึกรับไม่ได้เข้าไปใหญ่หลังจ
ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมก้าวไปหาเฟนด์อย่างรวดเร็วและหรี่ตาของเขาราวกับว่าเฟนด์เป็นเหยื่อและเขาเป็นผู้ล่า “ฉันรู้นะว่านายคิดจะทำอะไร!”'ฉันคิดจะทำอะไร?' เฟนด์คิดอย่างสับสนชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมเย้ยหยันและชี้ไปที่เฟนด์ด้วยความอ้าปากค้าง “นายกำลังจะเอาตัวเองออกจากการประลองเดิมพันกับเวสลีย์!”ริมฝีปากของเฟนด์ค้างแข็งในทันที เขากำลังมองชายผู้เป็นเจ้าของดวงตารูปสามเหลี่ยมราวกับว่าเขามีอาการทางจิต “ช่วยบอกฉันทีว่าฉันพูดอะไรไปถึงได้ทำให้นายคิดแบบนั้น? ถ้าฉันไม่อยากสู้กับเขาแล้วฉันจะถามเขาเรื่องของที่เขาจะเอามาเดิมพันทำไม?”ชายผู้มีตารูปสามเหลี่ยมยักไหล่อย่างเย้ยหยัน และโบกมือ พูดเสียงดังว่า “ก็นายบอกเองนี่ว่านายจะไม่ประลองกับศิษย์พี่เวสลีย์ถ้าเขาไม่เสนอเดิมพัน นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ว่านายไม่ต้องการประลองกับเขาเพราะนายรู้ว่าศิษย์พี่เวสลีย์เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีและถ้าเขาเสนอเดิมพัน นั่นหมายความว่านายมีโอกาสชนะ แต่เขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ เพราะเขาเกลียดนายเกินไป!”'นี่มันตรรกะบ้าอะไรกันเนี่ย?' เฟนด์คิด เขาพบว่าทุกอย่างไร้สาระจนเขาแทบจะหลุดหัวเราะออกมา แต่เขาบอกได้เลยว่าชายผู้มีดวงตารูปสา
ไม่มีทางที่เด็กเอาแต่ใจอย่างเวสลีย์จะปล่อยเฟนด์ไปง่าย ๆ ต่อให้ทุบอีกฝ่ายจนน่วมเขาก็คงไม่หายโมโห แต่ผู้ดูแลแอมโบรสและเฟนด์ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันนัก ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ออกตัวแทนเฟนด์และคอยสังเกตการณ์จากข้างสนามต่อไปความคิดเห็นของฝูงชนหลั่งไหลเข้ามาในหูของเขาอย่างต่อเนื่องและการคาดเดาที่ไม่มีมูลของพวกเขาทำให้เฟนด์หมดคำจะพูด ไม่ว่าเขาเกลียดการแก้ต่างให้ตัวเองแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดเพื่อหยุดคำครหานินทาที่มีต่อตัวเอง “ช่วยหุบปากสักทีจะได้ไหม? นายกำลังตีโพยตีพายไปใหญ่แล้ว” เขาพูดกับชายที่มีดวงตาเป็นรูปสามเหลี่ยม จากนั้นก็หันไปมองที่เวสลีย์ซึ่งกำลังมองมาที่เขาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นและรอยยิ้มยียวนเฟนด์ไม่สนใจว่าเวสลีย์กำลังคิดอะไรอยู่ “ฉันจะถามนายอีกครั้ง นายจะเอาอะไรมาเดิมพัน?”เวสลีย์หรี่ตาลง เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมกล่าว การเสนอเดิมพันก็หมายความว่าเขาคิดว่าเฟนด์มีโอกาสชนะเขาได้ เขารังเกียจศิษย์ขยะที่เข้ามาในตำหนักสองกษัตริย์ได้ด้วยวิธีการกระจอก ๆ หากไม่ใช่เพราะภาวะสงคราม เฟนด์จะไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เข้ามาเหยียบที่ตำหนักสองกษัตริย์ ดังน
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นอกจากผลการต่อสู้ สิ่งของเดิมพันของเวสลีย์ที่เฟนด์ร้องขอก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หลายคนตกใจไม่ว่าใครจะทำการประลองเดิมพัน พวกเขาก็ไม่สามารถเดิมพันได้มากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนนได้ และนั่นหมายความว่าเฟนด์ได้ขอให้เวสลีย์เดิมพันด้วยคะแนนสะสมสูงสุด เมื่อรวมกับโอสถทะลวงวิญญาณสองเม็ด การเดิมพันก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากโอสถทะลวงวิญญาณเป็นหนึ่งในโอสถที่มีค่ามากกว่าโอสถระดับห้าชนิดอื่น ๆในความเป็นจริง การบ่มเพาะโอสถทะลวงวิญญาณต้องใช้ส่วนผสมล้ำค่าหลายอย่าง เมื่อวัดจากคุณค่าของส่วนผสมเหล่านี้ มูลค่าของโอสถทะลวงวิญญาณจึงเทียบได้กับโอสถระดับหกเลยทีเดียวในตำหนักสองกษัตริย์มูลค่าของโอสถทะลวงวิญญาณแต่ละเม็ดคือหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนนสะสมของตำหนัก และโอสถทะลวงวิญญาณสองเม็ดจะเท่ากับสามร้อยคะแนน เมื่อรวมกับคะแนนสะสมจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนน พวกเขาจะมีคะแนนสะสมของตำหนักทั้งหมดสี่ร้อยห้าสิบคะแนน!มูลค่าของสิ่งของเดิมพันนี้สูงกว่าราคาห้องที่เฟนด์เป็นเจ้าของในตอนนี้มาก ศิษย์ภายนอกทั่วไปไม่มีทางมีคะแนนสะสมของตำหนักไว้ในครอบครองมากมายขนาดนี้ แม้ว่าพวกเขาจะสะสมคะ
เฟนด์หัวเราะเบา ๆ หลังจากได้ยินสิ่งนี้และพูดว่า "ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงสิ้นเดือนหรอก เพราะเราสู้กันตอนนี้เลยก็ได้ เนื่องจากนายตอบรับข้อเสนอของฉันแล้ว จะรอต่อไปทำไม?”คำพูดของเฟนด์เหมือนกับการทิ้งก้อนหินหนักสามพันกิโลกรัมลงในทะเลสาบที่เงียบสงบ มีหลายคนเริ่มสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า เฟนด์พูดอะไรออกมา เขาอยากตายมากเลยหรือถึงได้บอกว่าอยากจะเข้าร่วมการประลองกับเวสลีย์เสียเดี๋ยวนี้? หรือเขาหมดหนทางและเสียสติไปแล้ว?แม้แต่โนเอลและบรู๊คก็ยังมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูด พวกเขาอ้าปากค้างอยู่เป็นเวลานานและนอกจากความประหลาดใจที่ผุดขึ้นมาในหัวพวกเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีกขณะที่พวกเขามองไปที่แผ่นหลังของเฟนด์เฟนด์เพิกเฉยต่อสิ่งที่ผู้ชมคิดเกี่ยวกับเขาหรือความคิดเห็นที่มีต่อเขา เขาเดินไปเรื่อย ๆ และมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าของแอมโบรส แอมโบรสก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกันเมื่อเขามองไปที่เฟนด์ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เฟนด์ต้องการจะทำ เขารู้สึกว่าเฟนด์ไม่ใช่คนบ้าที่ทำอะไรไม่คิดผ่านไปแค่สิบกว่าวันเขาก็อยากจะตายจนทนไม่ไหวแล้วเหรอ? ถ้าเขามีเวลาจนถึงสิ้นเดือนเขาก็อาจจะเพิ่มระดับค
ในความเป็นจริง การที่มีชายตารูปสามเหลี่ยมมารบกวนทำให้เฟนด์ควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคนเฟนด์หันกลับไปจ้องมองชายคนนั้นด้วยดวงตารูปสามเหลี่ยมอย่างเย็นชาในทันที เขาเอ่ยอย่างเย้ยหยันว่า “ฉันเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นนะ นายควรจะจำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดี”หลังจากที่เขาพูดจบ เฟนด์ก็หันหลังกลับและเดินไปที่ลานประลองตรงกลาง ในขณะนี้ เวสลีย์ยืนอยู่ทางทิศตะวันออกของพื้นที่ต่อสู้แล้ว และเฟนด์ยืนอยู่ตรงข้ามเขา ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งไม่แสดงออก ในขณะที่อีกคนดูเย้ยหยัน เวสลีย์มองว่าเฟนด์ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนงี่เง่าไม่ก็พวกสมองกลวง แต่สีหน้าของเฟนด์ส่วนใหญ่ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ดูเหมือนไม่ว่าเวสลีย์จะแสดงสีหน้าอย่างไร ก็ไม่มีผลอะไรกับเฟนด์ เสียงที่ผู้คนพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใต้เวทีนั้นดังพอที่จะเสียดแทงหูของใครต่อใคร แต่ไม่มีใครคาดหวังว่าสิ่งต่าง ๆ จะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ พวกตัวยุ่งเริ่มส่งข่าวไปบอกสหายของพวกเขาที่ไม่ได้อยู่ที่นั่นให้มาดูการต่อสู้ เพื่อไม่ให้พลาดการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งบรู๊คและโนเอลจ้องมองคนทั้งคู่บนเวทีที่กำลังจ้องมองกันและกันด้วยใบหน้าบึ้งตึงจากระยะไกล พ