ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นอกจากผลการต่อสู้ สิ่งของเดิมพันของเวสลีย์ที่เฟนด์ร้องขอก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หลายคนตกใจไม่ว่าใครจะทำการประลองเดิมพัน พวกเขาก็ไม่สามารถเดิมพันได้มากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนนได้ และนั่นหมายความว่าเฟนด์ได้ขอให้เวสลีย์เดิมพันด้วยคะแนนสะสมสูงสุด เมื่อรวมกับโอสถทะลวงวิญญาณสองเม็ด การเดิมพันก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากโอสถทะลวงวิญญาณเป็นหนึ่งในโอสถที่มีค่ามากกว่าโอสถระดับห้าชนิดอื่น ๆในความเป็นจริง การบ่มเพาะโอสถทะลวงวิญญาณต้องใช้ส่วนผสมล้ำค่าหลายอย่าง เมื่อวัดจากคุณค่าของส่วนผสมเหล่านี้ มูลค่าของโอสถทะลวงวิญญาณจึงเทียบได้กับโอสถระดับหกเลยทีเดียวในตำหนักสองกษัตริย์มูลค่าของโอสถทะลวงวิญญาณแต่ละเม็ดคือหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนนสะสมของตำหนัก และโอสถทะลวงวิญญาณสองเม็ดจะเท่ากับสามร้อยคะแนน เมื่อรวมกับคะแนนสะสมจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนน พวกเขาจะมีคะแนนสะสมของตำหนักทั้งหมดสี่ร้อยห้าสิบคะแนน!มูลค่าของสิ่งของเดิมพันนี้สูงกว่าราคาห้องที่เฟนด์เป็นเจ้าของในตอนนี้มาก ศิษย์ภายนอกทั่วไปไม่มีทางมีคะแนนสะสมของตำหนักไว้ในครอบครองมากมายขนาดนี้ แม้ว่าพวกเขาจะสะสมคะ
เฟนด์หัวเราะเบา ๆ หลังจากได้ยินสิ่งนี้และพูดว่า "ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงสิ้นเดือนหรอก เพราะเราสู้กันตอนนี้เลยก็ได้ เนื่องจากนายตอบรับข้อเสนอของฉันแล้ว จะรอต่อไปทำไม?”คำพูดของเฟนด์เหมือนกับการทิ้งก้อนหินหนักสามพันกิโลกรัมลงในทะเลสาบที่เงียบสงบ มีหลายคนเริ่มสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า เฟนด์พูดอะไรออกมา เขาอยากตายมากเลยหรือถึงได้บอกว่าอยากจะเข้าร่วมการประลองกับเวสลีย์เสียเดี๋ยวนี้? หรือเขาหมดหนทางและเสียสติไปแล้ว?แม้แต่โนเอลและบรู๊คก็ยังมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูด พวกเขาอ้าปากค้างอยู่เป็นเวลานานและนอกจากความประหลาดใจที่ผุดขึ้นมาในหัวพวกเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาอีกขณะที่พวกเขามองไปที่แผ่นหลังของเฟนด์เฟนด์เพิกเฉยต่อสิ่งที่ผู้ชมคิดเกี่ยวกับเขาหรือความคิดเห็นที่มีต่อเขา เขาเดินไปเรื่อย ๆ และมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าของแอมโบรส แอมโบรสก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกันเมื่อเขามองไปที่เฟนด์ เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เฟนด์ต้องการจะทำ เขารู้สึกว่าเฟนด์ไม่ใช่คนบ้าที่ทำอะไรไม่คิดผ่านไปแค่สิบกว่าวันเขาก็อยากจะตายจนทนไม่ไหวแล้วเหรอ? ถ้าเขามีเวลาจนถึงสิ้นเดือนเขาก็อาจจะเพิ่มระดับค
ในความเป็นจริง การที่มีชายตารูปสามเหลี่ยมมารบกวนทำให้เฟนด์ควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคนเฟนด์หันกลับไปจ้องมองชายคนนั้นด้วยดวงตารูปสามเหลี่ยมอย่างเย็นชาในทันที เขาเอ่ยอย่างเย้ยหยันว่า “ฉันเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นนะ นายควรจะจำคำพูดของฉันเอาไว้ให้ดี”หลังจากที่เขาพูดจบ เฟนด์ก็หันหลังกลับและเดินไปที่ลานประลองตรงกลาง ในขณะนี้ เวสลีย์ยืนอยู่ทางทิศตะวันออกของพื้นที่ต่อสู้แล้ว และเฟนด์ยืนอยู่ตรงข้ามเขา ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งไม่แสดงออก ในขณะที่อีกคนดูเย้ยหยัน เวสลีย์มองว่าเฟนด์ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนงี่เง่าไม่ก็พวกสมองกลวง แต่สีหน้าของเฟนด์ส่วนใหญ่ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ดูเหมือนไม่ว่าเวสลีย์จะแสดงสีหน้าอย่างไร ก็ไม่มีผลอะไรกับเฟนด์ เสียงที่ผู้คนพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใต้เวทีนั้นดังพอที่จะเสียดแทงหูของใครต่อใคร แต่ไม่มีใครคาดหวังว่าสิ่งต่าง ๆ จะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ พวกตัวยุ่งเริ่มส่งข่าวไปบอกสหายของพวกเขาที่ไม่ได้อยู่ที่นั่นให้มาดูการต่อสู้ เพื่อไม่ให้พลาดการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ทั้งบรู๊คและโนเอลจ้องมองคนทั้งคู่บนเวทีที่กำลังจ้องมองกันและกันด้วยใบหน้าบึ้งตึงจากระยะไกล พ
สิ้นคำปรามาส เวสลีย์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกในขณะที่เขาดึงดาบยาวสามฟุตออกจากแหวนยุทธ โดยจับด้ามดาบเอาไว้แน่น เขายกมือขวาขึ้น และดาบก็ส่องประกายไปด้วยแสงสีเงินอีกครั้ง ทุกคนเฝ้ามองแสงที่รวมตัวกันเป็นดวงดาวขนาดเล็กแต่สว่างไสวภายในดาบที่เปล่งแสงสีเงินเวสลีย์ไม่ต้องใช้พละกำลังในการต่อสู้กับเฟนด์มากนัก เขาสร้างดาวสีเงินสองดวงขณะที่ตัวเองต่อสู้กับเดล แต่ดาวเพียงดวงเดียวก็มากพอที่จะทำให้เฟนด์พ่ายแพ้หมดรูปได้แล้วเฟนด์เลิกคิ้วขึ้น ในตอนที่เขาอยู่ที่อัฒจันทร์ก่อนหน้านี้ เขาสังเกตเห็นว่าเวสลีย์ใช้ทักษะชุมนุมเจ็ดดาวตกเหมือนกัน แต่การได้ยืนอยู่ตรงข้ามเวสลีย์ทำให้เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ท่วมท้นของชุมนุมเจ็ดดาวตกอย่างชัดเจน ถ้าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธทั่วไปที่อยู่ในขั้นแรกระดับแรกกำเนิด ก็คงจะไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้อย่างสง่างามภายใต้แรงกดดันที่ทรงพลังขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าบางคนที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่อ่อนแอจะไม่อาจยืนต้านทานได้ไหวชุมนุมเจ็ดดาวตก เป็นทักษะยุทธขั้นกลางระดับโลหิตอย่างแท้จริง เฟนด์เลิกคิ้วขณะที่เขาค่อย ๆ หยิบกริชสีดำออกมาจากมัสตาร์ด ซี๊ด กริชสีดำเล่มนี้ไม่มีอะไรพิเศษ มันมีความยาวเท่านิ้วมือของเขา
ทักษะยุทธอันทรงพลังจะมาพร้อมกับพลังอันดุร้ายเมื่อมันถูกปล่อยออกมาเสมอ แต่ไม่มีใครในกลุ่มผู้ชมที่นั่งอยู่ที่จะสามารถรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของพลังจากแสงทมิฬที่เฟนด์เปิดผนึกใช้งานเลยแม้แต่น้อยปฏิกิริยาของผู้ชมคล้ายกับผู้ที่ได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเฟนด์และวอร์เรนเมื่อตอนก่อนหน้านี้ ทุกคนได้ยินเสียงสรรพวุธกระทบกันอย่างชัดเจน กริชสีดำและดาบสีเงินในมือของเวสลีย์ปะทะกันอยู่อย่างนั้นดาบสีเงินส่องประกายแวววาว และรอยยิ้มมั่นใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเวสลีย์ สำหรับเขา กริชสีดำของเฟนด์ไม่ต่างอะไรจากเศษขยะที่เขาสามารถทำให้กระเด็นออกไปได้ง่าย ๆ …เพราะว่าหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เหือดแห้งลง เมื่อเขารู้สึกว่ามีแรงต้านทานที่เข้ามาทางมือขวาซึ่งเป็นมือที่ถือดาบแรงต้านทานที่แปลกประหลาดนี้ทำให้เวสลีย์ตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถอยหลังไปหนึ่งก้าววินาทีต่อมา ดวงตาของเวสลีย์แทบจะถลนออกมานอกเบ้า ในขณะที่เขาพบว่าทักษะชุมนุมเจ็ดดาวตก ของเขานั้นมีพลานุภาพพอ ๆ กับทักษะยุทธที่เฟนด์ใช้เฟนด์ถอยหลังหนึ่งก้าวเหมือนกับที่อีกฝ่ายทำ!แสงสีเงินจากดวงดาวและแสงสีดำหายไปหลังจากการปะทะกั
ลิ่วล้อของเวสลีย์อ้าปากค้างจนขากรรไกรล่างเกือบหลุด โดยเฉพาะชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมซึ่งในขณะนั้นกำลังตกตะลึง ปากของเขาเปิดกว้างเมื่อความไม่เชื่อเล่นหลายอยู่บนใบหน้าของเขาเขาไม่คาดคิดเลยว่าเฟนด์จะแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ มุมปากของเขากระตุกเล็กน้อยขณะที่เขาตวาดเหวออกมา “เป็นไปไม่ได้! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง! หมอนี่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?!”คนที่ต้องตกใจมากที่สุดในหมู่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็คือเวสลีย์ซึ่งยืนประจันหน้าเฟนด์อยู่ เวสลีย์กำดาบแน่นด้วยมือขวา ถ้าพวกเขาสังเกตดี ๆ พวกเขาจะสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงินที่มือขวาของเขาได้ มันเกิดขึ้นเพราะเขาใช้กำลังมากเกินไปแม้ว่าเวสลีย์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความประหลาดใจและความไม่เชื่อในสายตาของเขา แต่เขาก็ทำเช่นนั้นไม่สำเร็จ เขาเขาถอนหายใจแรงดูเหมือนว่าเขาสูญเสียตัวเองไปกับความบ้าคลั่งที่เด่นชัดอยู่ในแววตาของเขา“ฉันไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้นายถึงทำตัวบ้าบิ่นขนาดนั้น ก็เพราะว่านายมีของดีอยู่กับตัวนี่เอง ถึงกระนั้นก็อย่าได้คิดว่าจะมาทำตัวอวดเบ่งใส่ฉันได้!” แม้ว่าเขาจะประหลาดใจที่เฟนด์แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ แต่เวสลีย์ก็ยังไม่คิดว
เฟนด์ชำเลืองมองดาวดวงเล็ก ๆ ที่หมุนไปมาอย่างดุเดือดบนดาบยาวขนาดสามฟุตของเวสลีย์ เฟนด์ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านแม้ว่าดวงดาวจะหมุนอย่างรวดเร็วและก่อตัวขึ้นราวกับน้ำวน เมื่อดวงดาวระเบิดและปลดปล่อยพลังออกมา คนธรรมดาจะไม่สามารถต้านทานพลังที่ท่วมท้นเช่นนั้นได้เขาอัญเชิญผนึกเวทย์อีกครั้งและสร้างดาบวิญญาณเล่มที่สองขึ้น ซึ่งสีของมันมืดมนกว่าดาบวิญญาณเล่มแรกมาก ในขณะนั้นเฟนด์สามารถควบคุมดาบวิญญาณได้อย่างมั่นคง ซึ่งเขาสามารถควบคุมดาบวิญญาณทั้งสองให้โจมตีได้อย่างอิสระหรือสามารถควบรวมมันเป็นหนึ่งเดียวได้เฟนด์หรี่ตาในขณะที่เขานำดาบวิญญาณใส่เข้าไปในกริชสีดำอีกครั้ง กริชสีดำปล่อยแสงสีเข้มออกมาอีก เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ กริชสีดำที่ลอยอยู่กลางอากาศยังปล่อยคลื่นหมอกสีดำอมเทาออกมาด้วย มันดูเย้ายวนใจอย่างประหลาดและดูเหมือนจะสามารถทำให้ใครก็ตามหลงเสน่ห์ได้แน่นอนว่าเวสลีย์เองก็สังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขานิ่งเงียบขณะคิ้วขมวดมุ่น เขาก้าวไปข้างหน้าในพร้อมกับโบกดาบออกไปอีกครั้ง คราวนี้ทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาบรรลุถึงขีดสุดด้วยความเร็วขนาดนั้น คนธรรมดาคงมองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ในชั่วพริบตา ดาบก็พ
ทุกคนมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเฟนด์ร่ายเวทย์อีกครั้ง และกริชสีดำก็เปล่งประกายขึ้น เขาดันกริชไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี และกริชสีดำก็ทะลุผ่านแสงสีเงินไปในทันที มันเล็งตรงไปที่เวสลีย์ดวงตาของเวสลีย์เบิกกว้าง และแม้ว่าเขาจะลังเล แต่เขาก็ยังก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ กริชสีดำอยู่ห่างจากร่างของเวสลีย์เพียงสามฟุตในขณะที่เขายกดาบขึ้นอย่างเร่งรีบเพื่อสกัดกั้นการโจมตีเสียงกระทบกันระหว่างโลหะที่แหลมคมและดังก้องไปทั่วกริชสีดำปะทะกับดาบยาวสามฟุตอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้แสงสีดำไม่ได้ทำลายแสงดาบสีเงินลง แต่แสงสีดำกลับห่อหุ้มดาบยาวไว้ราวกับกำลังกลืนกินดาบเล่มนั้น!การแสดงออกของเวสลีย์บิดเบี้ยวอย่างอัปลักษณ์เมื่อได้เห็นภาพดังกล่าว และเขาใช้พละกำลังที่แท้จริงของเขาเพื่อสลายแสงสีดำที่หมุนวนขึ้นไปบนดาบราวกับเถาวัลย์ทันที แต่เขาโชคร้าย เวสลีย์ยังคงประเมินการโจมตีของเฟนด์ต่ำไปแม้ว่าเขาจะใช้พละกำลังที่แท้จริงของเขาในการทำลายแสงสีดำส่วนใหญ่ลงได้ แต่เสี้ยวหนึ่งของแสงสีเข้มก็พิชิตดาบของเขาและคืบคลานไปที่แขนของเขาเวสลีย์รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่มือของตัวเอง และรู้สึกราวกับมีมดกว่าหมื่นตัวมากัดแทะที่จิ