ดาบเล่มดังกล่าวมีแสงระยิบระยับราวกับดวงดาวในทางช้างเผือก และจากรูปลักษณ์ของมัน ดูคล้ายว่ามันจะมีน้ำหนักไม่น้อย เดลเองก็หยิบสรรพาวุธของเขาออกมาจากแหวนยุทธเช่นกัน และสรรพาวุธที่เขาเลือกก็คือกริชคู่หนึ่งที่มีลวดลายสีแดงลึกลับเมื่อมองไปที่สรรพาวุธของคนทั้งสอง เฟนด์ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นับตั้งแต่มาถึงโลกนี้ เขาเคยสงสัยว่าเขาควรจะเลือกใช้สรรพาวุธที่เหมาะกับเขามากกว่านี้หรือไม่ เพราะท้ายที่สุดแล้ว สรรพาวุธสามารถเพิ่มพลังยุทธได้เป็นอย่างมาก แต่ทักษะทลายห้วงสุญญะที่เขาฝึกฝนอยู่ตอนนี้คือทักษะธาตุวิญญาณ และสรรพาวุธธาตุวิญญาณก็เป็นหนึ่งในสรรพาวุธที่พบเจอได้ยากที่สุดเดลกำกริชในมือทั้งสองข้างแน่น และด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาดเขาก็ข้ามลานประลองไปได้อย่างรวดเร็วจนมองไม่ทัน สิ่งที่พวกเขาเห็นคือแสงสีแดงลึกลับจากกริชของเขาเท่านั้นเวสลีย์เย้ยหยัน นี่เป็นเหมือนของเด็กเล่นสำหรับเขา เขาเหวี่ยงดาบเอาไปในตอนที่เดลอยู่ห่างจากเขาไม่กี่ฟุต และดาบก็ฟาดลงมาที่เดลราวกับประกายดาวตก พลังของการโจมตีเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วจะทำให้ผู้ชมสัมผัสได้ถึงพลังอันพิเศษได้แล้ว เดลป้องกันการโจมตีจากดาบของเวสลีย์ด้วยกริชขอ
“เขาคงอยู่ขั้นต้นสินะ” เฟนด์ตอบในขณะที่คนทั้งสองบนลานประลองกำลังเข้าสู่การต่อสู้ที่ดุเดือดคำตอบของเฟนด์ทำให้โนเอลซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับลานประลองหันขวับกลับมามองเขาด้วยสีหน้าสิ้นสงสัยเลยว่าเขาบ้าไปแล้ว“ขั้นต้นที่นายพูดถึงมันหมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ว่าเราไม่ได้แบ่งระดับของทักษะยุทธเป็นระดับต้นกลางสูง?”มุมปากของเฟนด์กระตุก ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่รู้ว่าโลกใบนี้มีการจัดระเบียบทักษะอย่างไร เพราะถึงอย่างไรชิ้นส่วนวิญญาณที่เขาได้รับไม่ใช่ของคนจากทวีปเฮสเทียเมื่อได้เห็นสีหน้าท่าทางของเฟนด์ โนเอลก็ได้คำตอบแล้ว “ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าที่ผ่านมานายอยู่แต่ในถ้ำหรือเปล่า? นี่นายไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?” โนเอลกล่าวด้วยท่าทางหน่ายใจเฟนด์กระแอมเบา ๆ ในขณะที่พยายามคิดว่าจะตอบโนเอลอย่างไร "คุณพูดถูกแล้วล่ะ ที่ผ่านมาผมอาศัยอยู่แต่ในถ้ำ แล้วผมก็หวังว่าคุณจะยินดีให้ผมถามเรื่องพวกนี้ ว่ากันว่าใคร ๆ ก็สามารถเป็นอาจารย์คนได้ เพราะงั้นตอนนี้คุณก็เป็นอาจารย์ของผมแล้ว”เห็นได้ชัดว่าคำพูดของเฟนด์ทำให้โนเอลต้องตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้ ขณะที่เขาเริ่มอธิบายถึงระบบการจัดอันดับที่มีในทวีปเฮสเทียด้ว
วิหคเพลิงบินไปทั่วบริเวณและทิ้งร่องรอยของเปลวไฟไว้ในทุกที่ที่มันบินผ่าน นกแต่ละตัวถือกำเนิดขึ้นจากเปลวไฟ แม้แต่ขนนกก็ยังขดเป็นลวดลายของไฟ“นี่เป็นทักษะที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เดลเคยใช้ ถ้าฉันจำไม่ผิด วิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ในขั้นกลางระดับโลหิตเช่นกัน แต่มันยากที่จะบอกได้ในทันทีว่าระดับการบ่มเพาะทักษะยุทธ์ของเขาอยู่ในขั้นใด เขาอาจอยู่ในขั้นเดียวกับเวสลีย์ก็เป็นได้”ประกายสีแดงเพลิงกระจายอยู่ทั่วลานประลองซึ่งสะท้อนอยู่ในสายตาของผู้ชมทุกคน เดลร่ายทักษะแสนรุนแรงนี้ออกมาเนื่องจากมันเป็นทักษะธาตุไฟที่เขาถนัดที่สุด เมื่อเขาตระหนักว่าเขาเทียบกับเวสลีย์ไม่ได้ เขารู้ดีว่ายิ่งยืดเยื้อเขาก็จะยิ่งเสียเปรียบเขาเหวี่ยงกริชสีแดงเพลิงทั้งสองเล่มขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาสามารถควบคุมกริชได้ด้วยความคิดของเขา ทันใดนั้นกริชก็ผสานเข้ากับวิหคเพลิง และทุกคนรู้ว่านี่จะเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขา“เสร็จฉันแน่ ไอ้ขี้แพ้!” เดลตะโกนด้วยความโกรธ ทันใดนั้น วิหคเพลิงทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่เวสลีย์อย่างบ้าคลั่ง ทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเขากลายเป็นสีแดง กลับกันใบหน้าที่สงบและซีดเซียวของเขาดูเหมือนจะถมึงทึงในขณะที่ดาบใ
วิหคเพลิงเกิดจากการรวบรวมพลังยุทธของเดลและเปลี่ยนกลับไปเป็นแสงสีแดงดังเดิมเมื่อสัมผัสกับดาบของของเวสลีย์ ความเร็วในการร่ายเวทโจมตีของเวสลีย์นั้นเร็วปานสายฟ้าฟาด และแม้ว่าเดลจะยังคอยหล่อเลี้ยงพลังที่แท้จริงให้กับวิหคเพลิงอย่างต่อเนื่อง แต่ในฝูงวิหคเพลิงก็ยังมีช่องโหว่ขนาดใหญ่อยู่เวสลีย์พุ่งทะยานทะลุช่องโหว่ดังกล่าวไปเมื่อมันใหญ่พอที่เขาจะผ่านไปได้ ก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเดลทันที มุมริมฝีปากของเดลเกร็งขึ้น เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเวสลีย์จะสามารถฝ่าฝูงวิหคเพลิงมาได้วิหคเพลิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับเวสลีย์เลย เวสลีย์เย้ยหยัน ดาบยาวสามฟุตในมือของเขาเปล่งประกายแสงสีเงินพร่างพราวออกมา ดาวขนาดเล็กจิ๋วสองดวงโคจรรอบดาบของเขา ก่อนจะระเบิดออกและแสงของพวกมันก็สะท้อนเข้าไปในดาบ ทำให้มันสว่างราวกับทางช้างเผือกเมื่อเห็นภาพนี้ เดลก็เสียวสันหลังวาบ เขาเขารีบร่ายเวทอย่างบ้าคลั่งเพื่อเรียกวิหคเพลิงที่กระจัดกระจายมาเป็นเกราะกำบังให้ตัวเองแต่นั่นไม่ได้ทำให้เวสลีย์หวาดหวั่น เขายกดาบขึ้นอีกครั้งและกล่าวว่า “ดูให้ดีล่ะ ชุมนุมเจ็ดดาวตกของฉัน!”แสงของทางช้างเผือกที่พร่างพรายกลายเป็นหนึ่งเดียวกับด
หลังจากผู้ดูแลแอมโบรสทำลายเกราะกำบัง ศิษย์นอกสำนักคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้าไปแบบเดลในลานประลองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเดลซีดเพราะความเจ็บปวด และเขากำลังมองประหลาดไปยังเวสลีย์ซึ่งยืนทำหน้าตาไม่สนโลกอยู่ตรงข้าม หลังจากที่ผู้ดูแลแอมโบรสประกาศผล เวสลีย์ออกจากลานประลองทันทีโดยไม่หันกลับมามองเดลเลยแม้แต่ครั้งเดียว ความโกลาหลที่คล้ายกับเป็ดห้าร้อยตัวร้องพร้อมกันดังขึ้นหลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลง“ศิษย์พี่เดลเทียบกับศิษย์พี่เวสลีย์ไม่ได้เลยสักนิด เห็นได้ชัดตั้งแต่เริ่มการประลองแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ศิษย์พี่เวสลีย์จะกลายเป็นผู้ชนะแบบนี้”“ที่จริง ฉันคิดว่าศิษย์พี่เวสลีย์น่าจะอยู่ในอันดับที่สูงกว่าอันดับเดิมของเขาตั้งแต่แรกแล้ว เหตุผลเดียวที่ศิษย์พี่เดลสามารถอยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยสี่สิบสามได้ ก็เพราะเขาเข้ามาอยู่ในตำหนักก่อนก็เท่านั้น ผู้มีพรสวรรค์อย่างศิษย์พี่เวสลีย์ย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว ฉันมั่นใจเลยว่าหากศิษย์พี่เวสลีย์มีเวลาบ่มเพาะตัวเองมากกว่านี้เขาจะต้องจะเหนือกว่าศิษย์ในระดับที่สูงกว่านี้อีก!”แม้ว่าเดลจะอยู่ในอันดับที่สูงกว่าเวสลีย์ แต่หลายคนก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่ได้มีพรสวรรค์สูงส่งอะไร
แม้เขาจะบอกไม่ได้ว่าความมั่นใจของเฟนด์มีต้นสายปลายเหตุมาจากการที่เขามีแผนดี ๆ ไว้ในใจหรือเป็นเพราะเขากำลังเล่นละครอยู่กันแน่ แต่คนส่วนใหญ่ที่นั่นคิดว่าเฟนด์กำลังเล่นละครอยู่และรู้สึกเกลียดชังเขาเวสลีย์จ้องมองมาที่เขาตั้งแต่ที่ก้าวลงมาจากลานประลอง เขาเดาว่าแม้อีกฝ่ายจะทำเฉยแต่เฟนด์คงจะกลัวจนสติแตกและไม่สบอารมณ์อย่างหนัก “เขาต้องแสร้งทำเป็นไม่กลัวแน่ ๆ! ไม่มีทางที่เขาจะไม่กลัว เขาต้องเล่นละครได้ดีกว่าต่อสู้แน่นอน”เวสลีย์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดังไปทั่วและทำให้คนอื่น ๆ ที่ได้ยินมันมองไปที่เฟนด์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น กิริยาที่สงบเกินไปของเฟนด์ทำให้พวกเขาฟันธงเลยว่าเขาต้องกำลังแสร้งทำเป็นไม่กลัวอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่แยแสว่าเฟนด์จะคิดยังไงกับพวกเขา ก่อนที่จะเริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้ทีละน้อย“ฮึ การที่ต้องเห็นเขาสงบนิ่งขนาดนี้ทำให้ฉันทนไม่ได้! ถ้าเขาจะสงบแบบนี้โดยที่ยังไม่ได้เห็นสิ่งที่ศิษย์พี่เวสลีย์ฉันก็คงพอเข้าใจได้อยู่หรอกนะ แต่ในเมื่อทุกคนก็รู้กันหมดว่าพลังของศิษย์พี่เวสลีย์สามารถจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกในหมู่ศิษย์ภายนอกแบบพวกเราได้เลยแท้ ๆ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงแสร้งทำเป็นไม่รู้สึ
สามพยางค์นี้ทำให้โนเอลถึงกับพูดไม่ออก เขาและบรู๊คถลึงตาใส่เฟนด์อย่างพูดไม่ออก ตัดสินจากคำตอบของเฟนด์ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่กลัวจริง ๆ แต่ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่! พวกเขายืนกรานว่าเขาแสร้งทำเป็นสงบไปอย่างนั้นมุมริมฝีปากของบรู๊คก็เริ่มกระตุกเช่นกัน สำหรับศิษย์ภายนอก เวสลีย์มีพละกำลังล้นหลาม เกิดใหม่อีกสิบชาติก็ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ และเขาเป็นห่วงเฟนด์จริง ๆผู้ชมหลายคนเริ่มจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างการประลองระหว่างเวสลีย์และเฟนด์ เฟนด์จะถูกส่งให้กระเด็นออกไปด้วยการฟาดดาบเพียงครั้งเดียวหรือไม่? บางทีเวสลีย์อาจพยายามทำให้เขาขายหน้าอย่างเต็มที่ด้วยการด้วยการสลักลูกกากบาทไว้สองสามรูปบนใบหน้าของเฟนด์ ไม่เพียงแต่จะทำให้เฟนด์เสียหน้าเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นเครื่องยืนยันความจริงที่ว่าเขาจะไม่มีสู้หน้าใครได้อีกตลอดชีวิตตามบุคลิกของเวสลีย์ที่พวกเขารู้จัก พวกเขารู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เวสลีย์ยังได้รับการสนับสนุนจากบุคคลผู้ทรงอิทธิพลมากมาย และบทลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดที่เขาจะได้รับจากการทำให้คนอื่นอับอายก็คงแค่ถูกตักเตือนเบาๆเท่านั้น แล้วเหตุใดเขาจำต
“นายกล้าดียังไงมาทำให้ฉันขายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้ง ๆ ที่ฉันเมตตานายขนาดนี้?!” เวสลีย์ตะโกนเฟนด์จ้องมองชายที่มีดวงตารูปสามเหลี่ยมและเวสลีย์ “นายต่างหากที่ทำให้ฉันขายหน้า! และมีสิ่งหนึ่งที่นายควรพูดให้ถูก ฉันไม่ได้อยากจะทำให้นายขายขี้หน้า แต่นายมาแส่หาเรื่องเอง! เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ถ้าวันนั้นนายไม่บังคับให้ฉันยกห้องที่ฉันได้มาจากชัยชนะของตัวเองให้นาย!”เฟนด์เป็นฝ่ายโต้กลับ เขากำลังพูดความจริง แต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริงที่น่าเจ็บปวด คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ เริ่มแสดงความคิดเห็นอีกครั้ง“เฟนด์นี่บ้าไปแล้วหรือเปล่า? หรือเขาคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรจะเสียเพราะเขาเคยทำให้เวสลีย์ขุ่นเคืองใจมามากมาย?”“ใช่ ฉันคิดว่าอย่างนั้น เขาอาจพยายามทำให้เวสลีย์ขายหน้ามากกว่าเดิมเพราะเขารู้ว่าตัวเองกำลังจะผู้แพ้ในการประลอง”บางคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและส่ายหน้า “ใช่ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ สิ่งที่เขาพูดมีแต่จะยิ่งกระตุ้นเวสลีย์ ไมั่นใจได้เลยว่าเวสลีย์จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทรมานเฟนด์ในศึกการประลองที่กำลังจะมาถึง เขาอาจฝ่าฝืนกฎและทำให้เฟนด์พิการเลยก็เป็นได้!”โนเอลยิ่งรู้สึกรับไม่ได้เข้าไปใหญ่หลังจ