ผลของการเคลื่อนไหวทางวิญญาณในระดับนี้ไม่ได้มีผลกับเฟนด์มากนัก เขาค่อย ๆ ย่างกรายขึ้นจากพื้นและเดินไปยังทิศทางที่เขาเข้ามา หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองถูกล้อมเอาไว้เขายื่นมือออกไปผลัก และรู้สึกว่าพื้นที่โดยรอบเริ่มหนาแน่นขึ้นอีกครั้ง ร่างของเฟนด์ถูกห่อหุ้มเอาไว้ในทันที หลังจากนั้นเฟนด์ก็ได้กลับมาที่หอเจตสิกภายในไม่กี่อึดใจ เขาเห็นโนเอลซึ่งยืนอยู่หน้าประตูเรียงเนตรกำลังจมไปในความคิดของตัวเอง โนเอลตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฟนด์และถอยหลังไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ เวลาผ่านพ้นไปราวหนึ่งวันครึ่ง ความประหลาดใจในตอนแรกของโนเอลก็ค่อย ๆ หายไป เขายังคงยืนอยู่หน้าประตูเรียงเนตรเพื่อสังเกตว่าเฟนด์จะออกมาเมื่อไหร่ในตอนแรกเขาคิดว่าเฟนด์จะอยู่ในสภาพที่กระวนกระวายและเหนื่อยล้าหลังจากที่เขาออกมาจากประตูเรียงเนตร แต่เฟนด์กลับดูกระฉับกระเฉงมาก ราวกับว่าเขาได้นอนเต็มอิ่ม มุมปากของโนเอลกระตุกในขณะที่เขาแอบถ่ายถอนใจให้กับความบ้าบิ่นของชายหนุ่มตรงหน้า สีหน้าดูถูกดูแคลนที่เขาเคยมีบนใบหน้าของเขามันมลายหายไปพร้อมกับริมฝีปากที่กระตุก"ในที่สุดนายก็ออกมาสักที! ฉันนึกว่าจะมีอะไรผิดปก
โนเอลเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาดไปเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูด เพราะเอ่ยถามอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวว่า 'นายว่าไงนะ? นายอยากจะปรับไปถึงระดับไหนนะ?' เฟนด์เกาจมูกโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของโนเอล เขาเคยคิดว่าโนเอลจะยอมรับได้หรือไม่หากออกมาจากค่ายกลได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน ถ้าเขาไม่ได้มีเรื่องกับเวสลีย์เสียก่อน เขาอาจจะไม่สนใจเรื่องผลที่จะตามมาก็เป็นได้ เห็นได้ชัดว่าเฟนด์ไม่มีอารมณ์ที่จะมาคิดเรื่องนี้เขาหายใจออกเบา ๆ ก่อนที่จะพูดซ้ำ “ผมบอกว่าผมต้องการปรับความยากขึ้นเป็นระดับสี่ ได้โปรดปรับระดับให้ผมที”ครั้งนี้ โนเอลได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจนที่สุด ในขณะเดียวกัน สีหน้าของเขาก็แข็งทื่อในขณะที่เขาอ้าปากกว้าง ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมาจากมุมปากของเขาสั่นเล็กน้อย “นายบ้าไปแล้วหรอ? นี่นายบ้าหรือฉันบ้ากันแน่? นายต้องการความยากระดับสี่เนี่ยนะ? นายเข้าใจความยากของระดับสี่หรือเปล่า? แม้แต่ผู้ดูแลของตำหนักก็ไม่กล้าท้าทายความยากในระดับนี้เลยด้วยซ้ำ หากนายเข้าไปในนั้นคลื่นกระแทกวิญญาณอาจจะทำให้นายกลายเป็นแค่ก้อนเนื้อก็ได้”เฟนด์เลิกคิ้วและพยักหน้าเล็กน้อย “ผมรู้และผมมีแผนของตัวเอง คุณแค่ต้องช่วย
เขาหันหลังกลับและเดินไปที่ประตูเรียงเนตรหลังจากที่เขาพูดจบ ก้าวย่างที่มั่นคงและสีหน้าเฉยเมยของเขาทำให้โนเอลตกตะลึงอีกครั้ง ภาพลักษณ์ของเฟนด์ในสายตาของโนเอลเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาดูราวกับศิลาที่ต้านทานได้ทั้งลมและฝน บางทีคนผู้นี้อาจสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้ แต่เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าเมื่อนึกถึงความบ้าคลั่งของคลื่นกระแทกวิญญาณในความยากระดับสี่มันเป็นพื้นที่ที่อัดแน่นและอึดอัดเสียยิ่งกว่าพื้นที่ในความยากระดับสองหลายเท่า ครั้งนี้พื้นที่ยังปิดกั้นเฟนด์ไม่ให้ ก้าวไปข้างหน้าอีกด้วย เขารู้สึกว่าพื้นที่รอบ ๆ ตัวเขาไม่ต่างอะไรกับการถูกกาวสองถังเติมจนเต็ม และมันติดอยู่ที่ทุกสัดส่วนของร่างกายของเขา นั่นทำให้เขาไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้แต่แรงต่อต้านนั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก หลังจากที่เขาออกแรงเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้เป็นสองเท่า เขาก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าได้สามก้าว นี่คือจุดที่เขายืนอยู่ล่าสุด ในขณะนั้น เสียงเอี๊ยดอ๊าดที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของวิญญาณที่แข็งแกร่งพัดเข้ามาพร้อมกับเสียงที่ดังกระหึ่มและมันรุนแรงจนทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคลื่นกระแทกวิญญาณนี้แข็งแกร
เฟนด์กัดฟันไม่ยอมแพ้ ในเวลาเดียวกัน เวสลีย์ได้เข้าไปในหอสัตตะฤกษ์และกำลังทักทายศิษย์คนอื่น ๆ เขาเป็นคนดังของที่นั่น แม้ว่าเขาเพิ่งจะยั่วยุศิษย์ภายนอกหน้าใหม่มาไม่ควรที่จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่เวสลีย์กลับไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเองเลย เพราะเขามาทำสิ่งนั้นภายใต้ข้ออ้างที่เรียกว่าความเที่ยงธรรม เขาเอาแต่พร่ำพูดไปทั่วว่าคนไร้ความสามารถอย่างเฟนด์ไม่สมควรที่จะมีห้องส่วนตัว และเขาทำเช่นนั้นเพื่อต้องการทวงความยุติธรรม“ศิษย์พี่แชซ คุณมาที่นี่เพื่อรับงานด้วยเหมือนกันหรอ? คุณเจองานใหม่และน่าสนใจบ้างหรือเปล่า? ผมเพิ่งใช้คะแนนสะสมสามร้อยคะแนนสุดท้ายไป ผมคิดที่จะไปยังหอทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธเพื่อแลกทักษะยุทธขั้นต้นระดับโลหิตหากผมมีคะแนนพอ” เวสลีย์กล่าวแชซหันกลับมา ชำเลืองมองที่เวสลีย์แล้วพูดว่า “เปล่า ฉันไม่ได้มารับงาน ฉันไม่คิดว่าตอนนี้จะมีงานอะไรที่น่าสนใจหรอก เนื่องจากสมาคมต่าง ๆ กำลังเตรียมพร้อมเรื่องศึกสงครามกับเผ่าปฐมหายนะ เขาต้องรอให้สงครามนั้นผ่านไปก่อนถึงจะมีอะไรดี ๆ เข้ามา”เวสลีย์ถอนหายใจเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงหมดหนทาง “ผมจำเป็นต้องหางานดี ๆ ทำจริง ๆ นะ เพราะตอนนี้ผมสิ้นเนื้อป
ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมยิ้มและพูดว่า “ศิษย์พี่เวสลีย์ ผมตามหาคุณไปทั่วเลย! เด็กรับใช้บอกว่าคุณไปยังหอทักษะศิลปยุทธและหอทักษะยุทธ ผมเสียเวลาไปถามคนนู้นคนนี้ไปทั่ว กว่าจะเจอคนที่รู้ว่าคุณมายังหอสัตตะฤกษ์แล้ว”เวสลีย์เลิกคิ้วและไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาด้วยซ้ำ "ไม่มีปัญหาอะไร? ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ตอนนี้ฉันยุ่งมาก อย่าเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาโยนใส่หัวฉัน!” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเวสลีย์ ราวกับว่าน้ำเสียงของเขาไม่ได้ลดความปรารถนาที่เขาจะทำให้อีกฝ่ายพอใจเลยแม้แต่น้อย “คนขอให้ผมจับตาดูเฟนด์วู๊ด และตอนนี้ผมก็มาเพื่อที่จะรายงานว่าเขาไปที่หอเจตสิกแล้ว!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวสลีย์ขยับคอขึ้นลงแก้เมื่อย “นี่นายพูดว่าเฟนด์ไปที่หอเจตสิกงั้นเหรอ? เขาไม่ได้ไปที่หอทักษะศิลปยุทธและหอทักษะยุทธเพื่อแลกทักษะยุทธหรือทักษะศิลปยุทธด้วยคะแนนห้าสิบแต้มอย่างนั้นหรือ? เขาไปทำอะไรในหอเจตสิกล่ะ? เขาวางแผนที่จะบ่มเพาะจิตวิญญาณของตัวเองงั้นเหรอ?”เวสลีย์พบว่านี่เป็นเรื่องน่าขำ และชายผู้มีตาสามเหลี่ยมก็พยักหน้ารับ “เขาไปที่หอเจตสิกไม่ผิดแน่ และจากสิ่งที่ผมได้ยินมา
แต่เฟนด์กลับมุ่งไปยังสถานที่ที่จะทำให้เขาสามารถเพิ่มระดับทักษะของตัวเองได้เร็วขึ้น! มีเพียงศิษย์ที่อยู่ในตำหนักสองกษัตริย์นานพอเท่านั้นถึงจะทำเช่นนั้นได้ เวสลีย์เย้ยหยันและพูดว่า “อืม เพราะอาจจะกำลังแสดงละครอยู่ก็ได้ เขาควรได้รับเกียรติที่เขาจะได้ยืนอยู่ในสนามประลองเดียวกับฉัน…”ในขณะเดียวกัน เฟนด์ก็ใกล้จะถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด การรวบรวมดาบวิญญาณสามเล่มไม่ง่ายเหมือนกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะเลยสักนิด ในแง่หนึ่ง เขาต้องอดทนต่อคลื่นพลังวิญญาณ อีกแง่ เขายังต้องร่ายเคล็ดวิชาผ่าห้วงสุญญะเพื่อรวบรวมดาบวิญญาณทั้งสามเข้าด้วยกัน ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งหนึ่งว่าเหตุใดหอเจตสิกจึงสามารถเร่งการปรับระดับทักษะธาตุวิญญาณได้ ซึ่งเปรียบได้กับการเพิ่มระดับอาวุธหรือทักษะยุทธต่าง ๆ กับการแกะสลักหยกในช่วงเริ่มต้นของการบ่มเพาะ ก็เปรียบเสมือนกับชิ้นหยกดิบที่ยังไม่ได้เจียระไน และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องนั้นเทียบเท่ากับเจียระไนและแกะสลักหยกดิบอย่างต่อเนื่อง คลื่นกระแทกวิญญาณนั้นก็เปรียบเสมือนสิ่วที่ช่วยให้ผู้บ่มเพาะแกะสลักหยกดิบได้เร็วขึ้น แต่กระบวนการนี้อาจค่อนข้างโหดร้าย และอาจทำให้ถึงตายได้ง่าย ๆ หากเกิดข้
อย่างไรก็ตามโนเอลเรียกเขาก่อนที่เขาจะเดินออกจากประตูไป “ฉันได้ยินมาว่านายจะแข่งกับเวสลีย์ในสนามประลองเดิมพันเร็ว ๆ นี้?”เฟนด์เลิกคิ้วและหันกลับไปมองที่โนเอล เขาแน่ใจว่าโนเอลเอ่ยขึ้นเพราะอยากจะถาม เพราะศิษย์เกือบทั้งหมดของที่นี่รู้เรื่องนี้ดี เขารู้ด้วยว่าศิษย์คนอื่น ๆ ถือว่าข่าวนี้เป็นเป็นหัวข้อสนทนาและเรื่องน่าหัวเราะหลังอาหารเย็น ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบ แต่รอให้อีกฝ่ายพูดต่อไปโนเอลเม้มริมฝีปากของเขาและพูดว่า “ตอนนี้นายคงขาดคะแนนสะสมอยู่ และดูเหมือนว่านายตั้งใจที่จะมาที่หอเจตสิกอีกครั้ง”เฟนด์พยักหน้า เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว หากเงื่อนไขอนุญาต เขายินดีที่จะอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ คลื่นกระแทกวิญญาณนั่น! เขารู้สึกได้ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย และแม้ว่าเขาจะไม่เห็นเวสลีย์เป็นคู่แข่ง แต่เขาก็ต้องระมัดระวังเพราะเขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเขาได้โนเอลกระแอมไอเบา ๆ และดูเหมือนจะเขินอายกับสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไป แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยืดตัวขึ้นและพูดว่า “นายรู้ไหมว่าศิษย์ภายนอกที่เข้ามาใหม่จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?”ไม่ เฟนด์ไม่รู้ เขาเก็บ
เมื่อเฟนด์กลับมาที่ห้อง เขาก็ส่งบรู๊คไปแลกคะแนนที่หอสัตตะฤกษ์ทันที หน้าที่ของศิษย์นอกสำนักคือการทำธุระให้ศิษย์ทั้งภายนอกและภายใน และบรู๊คก็ถือเป็นผู้ช่ำชองในเรื่องเหล่านี้ เขารีบไปที่หอสัตตะฤกษ์พร้อมกับป้ายหยกประจำตัวของเฟนด์และผลึกวิญญาณ เฟนด์ทำได้เพียงแค่รอจนกว่าเขาจะกลับมาเฟนด์สามารถไปแลกเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ แต่เขาไม่ชอบที่ที่มีคนพลุกพล่าน นอกจากนี้ เขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์ภายนอกด้วยกัน และเป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกับเวสลีย์ เขารู้ว่าเวสลีย์จะไม่มีวันละทิ้งโอกาสที่จะได้พูดจาเหน็บแนมเขา และเขาก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับคนแบบนี้ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาบรู๊คก็กลับมา และคืนป้ายหยกประจำตัวให้เฟนด์ซึ่งมีคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นมาห้าสิบแต้ม เขามองไปที่เฟนด์ด้วยสีหน้าเป็นนัยว่าเขามีเรื่องจะบอกเขา แต่ไม่รู้ว่าควรจะบอกดีไหมเฟนด์เลิกคิ้วขึ้น เขาเชิญบรู๊คเข้าไปในห้องและรินชาให้เขา “มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ คุณประสบปัญหาบางอย่างระหว่างทำธุระให้ผมงั้นเหรอ? หรือมีใครรังแกคุณหรือเปล่า?”บรู๊คส่ายหน้าและรับชาจากเฟนด์ “ผมไม่ได้ถูกใครรังแก ผมอยู่ในตำหนักมาหลายปีแล้ว และแม้ว่าศิษย์ภายในแ