"เป็นไปไม่ได้ แม่คุณดูไม่เหมือนคนที่จะฆ่าตัวตายได้เพราะโกรธ!"เฟนด์ทำหน้าบอกบุญไม่รับ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักฟีโอน่า แต่ไม่กี่วันมานี้ เขารู้จักเธอเป็นอย่างดี ฟีโอน่าชอบเงิน เธอชอบมันมากคนแบบนั้นจะมาฆ่าตัวตายเพราะบันดาลโทสะได้อย่างไรเซเลน่าก็ตกใจเหมือนกัน "ที่รัก เราจะทํายังไงดี เงิน 3.8 ล้านเหรียญ! พ่อแม่ฉันเก็บมันไว้ในถุงใบใหญ่ พร้อมที่จะเอาไปฝากไว้ที่ธนาคาร คาดไม่ถึง พออยู่หน้าประตูธนาคาร ก็ถูกโจรขี่จักรยานยนต์สองคนดักปล้นไป!ได้ยินแบบนี้ เฟนด์ถึงกับหายใจเข้าลึก ๆ 3.8 ล้าน เป็นเงินก้อนใหญ่แต่กลับมาโดนเอาไปแบบนี้ถ้ามันเป็นเรื่องอื่น ฟีโอน่าคงไม่ฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม เงินจํานวนดังกล่าวมีความเป็นไปได้สูงสําหรับคนที่รักเงินอย่างฟีโอน่า"มันเป็นเรื่องยากที่เราจะได้มีเงินแบบนั้น แม่ฉันยังคิดที่จะหาเวลาหาบ้านด้วยซ้ำ ใครจะไปรู้ หน้าธนาคาร พวกเขาจะ...อารมณ์ของเซเลน่าก็เดือดพล่านทันที เงินจํานวนมากนั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ภายในใจของเธอก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ โดยเฉพาะตอนนี้เธอต้องการเงินอย่างมาก"เซเลน่า ไม่ต้องห่วงหรอก แม้จะไม่ใช่เงินมาก แต่เงินของผม ก็จะไม่ถูกคนเอาไปง่าย ๆ แบบนี้
เฟนด์ควักบุหรี่ออกจากกระเป๋า และเริ่มสูบบุหรี่ ยังคงเป็นบุหรี่ทรายขาวราคาถูกที่สุด และรสชาติที่คุ้นเคยพอ ๆ กันหลังจากสูดลมหายใจลึก ๆ เฟนด์ก็ตอบในที่สุดว่า "ดังนั้นมันจึงหมายความว่า ซีน่าเก่งเรื่องการหลอกลวง เธอแค่แต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูไร้เดียงสาต่อหน้าน้องชายของคุณ แต่เธอก็แอบไปมีผู้ชายคนอื่น? นอกจากนี้ น้องชายคุณก็ยังรักเธอมาก คุณไม่ยอมบอกน้องขายของคุณเพราะรู้ว่า ต่อให้บอกเขา เขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก”เซเลน่าพยักหน้า "เรื่องมันเป็นแบบนี้ ตามนิสัยของน้องชายฉัน ถ้าบอกเขาไปแล้ว เขาจะอาละวาดด้วยซ้ำไป ฉันพยายามบอกใบ้เขาหลายครั้ง บอกเขาว่าซีน่าไม่ใช่คนที่ควรแต่งงาน แลขอให้เขาคิดใหม่! สุดท้ายเขาก็ไม่ได้กลับบ้านเลย ไปคลุกอยู่กับซีน่าที่ร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ ทั้งวันทั้งคืน!”คราวนั้น เซเลน่าก็หันไปมองเฟนด์อีกครั้ง "นอกจากนี้ น้องชายฉันต้องการเงินจ่ายค่าเน็ต เขาจะมาถามฉันหรือแม่ของคุณตลอด ถ้าเราไม่มีเงินให้เขา เขาก็จะตะโกนใส่เราว่า ต้อง”โทษคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ เขาอาจจะยังเป็นนายน้อยเทย์เลอร์อยู่ และยังมีเงินค่าขนมอีกเดือนละหลายหมื่นเหรียญ”พอได้ยินแบบนี้ เฟนดฟืก็รู้สึกโกรธพอสมควร หลายปีที่ผ่า
”เธอพูดเอง เธอพูดแล้ว ฉันไม่สนใจหรอก ถ้าเธอไม่สามารถเรียกเอาเงินคืนมาให้ฉันได้ เธอต้องให้จ่ายให้ฉัน 3.8 ล้าน!” ได้ยินคำตอบของเฟนด์ ฟีโอน่ารีบลุกขึ้นจับคอเสื้อของเฟนด์ แล้เรียกร้องอย่างไม่มีเหตุผล"แม่คะ ไม่ใช่เฟนด์ที่เอาเงินของแม่ไป แม่ทำแบบนี้ได้ยังไง? เขาสามารถช่วยแม่ได้มากที่สุด เพื่อดูว่าเขาจะหาได้หรือเปล่า ต่อให้เขาหาเงินมาไม่ได้ แม่ก็ไม่สามารถขอเงินจากเขาได้ใช่ไหม?”เซเลน่าพูดไม่ออก แม่ของเธอเองช่างไร้เหตุผลเกินกว่าจะพูดได้ แม่เธอหวังจะพึ่งเฟนด์ให้รับผิดชอบเรื่องนี้"ฉันไม่สนใจ เขาคือคนที่อ้างว่าจะต้องเอาเงินนั้นมาคืน!”ฟีโอน่าไม่ปล่อยเฟนด์ไป"แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าผมหามันไม่เจอ แม่ก็มาเอาไปจากผมได้เลย!"เฟนด์พูดอะไรไม่ออกในขณะที่ขยับมือหล่อน "แม่ไม่ต้องห่วง คุณเป็นแม่ของเซเลน่า ดังนั้นก็เหมือนแม่ของผม ผมจะไม่ปล่อยให้เงินหายไปแบบนี้!"“แน่นอน!”ในที่สุดฟีโอน่าก็หยุดร้องไห้ และยิ้มออกมา จากนั้นเธอก็ถามเฟนด์ว่า "ทําหน้าที่ให้ดีที่สุด กำหนดเส้นตายมาให้ฉัน ฉันคงไม่ต้องรอไปตลอดใช่ไหม? เธอเอากลับมาได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ใช่ไหม?”"แม่คะ มันจะง่ายดายแบบนั้นได้ยังไง? แม่คิดว่าเรากําลังเ
”เย่ เย่ เยี่ยมมาก! หนูไม่เคยไปสวนสนุกเลย!"ไคลีตื่นเต้นมาก"ไคลี ถ้าหนูหอมแก้มพ่อ พ่อจะพาลูกไปเที่ยวสวนสัตว์ปิดท้าย หลังจากที่เราไปสวนสนุกกันด้วย ดีไหม?”เฟนด์ลูบศีรษะน้อย ๆ ของไคลี“ดีเลย! เยี่ยมมาก! เราก็ไปสวนสัตว์ได้เหมือนกัน หนูก็ไม่เคยไปสวนสัตว์!"ไคลีรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเธอตั้งใจหอมเบา ๆ ไปที่แก้มของเฟนด์เฟนด์รู้สึกว่าหัวใจเขาสั่นอยู่พักหนึ่ง นั่นเป็นครั้งแรกที่ลูกสาวเขาหอมเขาแบบนั้น มันเป็นความรู้สึกที่มีเพียงพ่อเท่านั้นที่จะได้สัมผัสผ่านมาห้าปีแล้ว ตั้งแต่ไคลีเกิด เธอขาดความรักจากพ่อ เขาทําได้แค่ชดเชยให้กับสองแม่ลูกเท่านั้น"เราจะไปจริง ๆ เหรอ?"ภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทําให้หัวใจของเซเลน่า เธอสั่นไหวไปด้วย เธอตกอยู่ในภวังค์ขึ้นมาทันที เฟนด์อาจจะชอบอวดดี แต่เขาเป็นพ่อที่ดี และเป็นสามีที่ดีจริง ๆจริง ๆ แล้ว ให้เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา แม้เขาจะสร้างปัญหาอยู่ตลอดเวลา แต่ความรู้สึกนี้ก็ยังแข็งแกร่ง"แน่นอน! ผมสัญญากับลูกไว้แล้ว เธอหอมผมแล้วด้วย ในฐานะพ่อ ผมจะผิดสัญญาได้อย่างไร?"เฟนด์อารมณ์ดี"แต่คุณสัญญากับแม่ว่าจะตามหาเงิน 3.8 ล้านเหรียญ ถึงขนาดบอกว่าให้จ
ในพื้นที่สังเกตเสือ มีเสือไซบีเรียดุร้ายสองตัว อยู่บริเวณกลางสะพานหินมีนักท่องเที่ยวจํานวนมากยืนอยู่บนสะพานหิน เห็นเสือในระยะกระชั้นชิด ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปข้างกันมีป้ายประกาศเตือนไม่ให้เล่น หรือปีนข้ามไปเกิดเหตุเด็กชายอายุประมาณเจ็ดถึงแปดขวบ พลัดตกลงไปข้างใน ขณะที่กำลังกระโดดขึ้นไปบนราวกั้น“อ๊ายย! ใครก็ได้ช่วยลูกชายฉันที!"หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ร้องไห้ให้คนช่วยด้วยความตกใจ“ฮืออ! ฮือออ! แม่ครับบ"ผิวหนังที่น่องของเด็กชายฉีกขาดและมีเลือดออกอย่างไรก็ตาม บาดแผลไม่รุนแรงมากนักน่าเสียดายที่เสือไซบีเรียทั้งสองตัวนั้น เป็นสัตว์กินเนื้อที่ดุร้าย เมื่อได้กลิ่นคาวเลือด เสือที่นอนอยู่บนพื้น ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นและค่อย ๆ เข้าไปใกล้เด็กน้อย"เร็ว ๆ ไปเรียกพนักงานของสวนสัตว์มา!""โธ่… เราจะทําอะไรได้ เสือสองตัวมาแล้ว พระเจ้า เด็กนั่นกําลังตกอยู่ในอันตราย!”"แม่ของเธอกําลังทําอะไรอยู่ ลูกชายของเธอนั้นซนจนได้เรื่อง ไปเล่นอยู่บนราวกั้น แต่เธอกลับไม่ทันสังเกต ประมาทเลินเล่อ…”ผู้คนบนสะพานหินเริ่มพูดคุยกัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าควรทําอย่างไร"จะทําอย่างไร ทํายังไงดี? และใครจะช่วยลูกชายของฉ
“โอ้ พระเจ้า มีคนกระโดดลงมาจริง ๆ เหรอ?""นี่เขาไม่กลัวตายเลยเหรอ? มีเสือโคร่งซีบีเรียสองตัวอยู่ตรงหน้าเขา!""เขากระโดดจากที่สูงขนาดนี้ ทําไมถึงไม่เป็นอะไรเลย เด็กนั่นจะเป็นจอมยุทธ์หรือเปล่า?""10 ล้านเหรียญ มีคนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเงิน 10 ล้าน!! อย่างไรก็ตาม เสือโคร่งไซบีเรียนที่โตเต็มวัยสองตัว เด็กนั่นฆ่าตัวตายแท้ ๆ!”มีนักท่องเที่ยวสุมหัวกันสนทนาเรื่องนี้เป็นอย่างมากเซเลน่าอุ้มไคลีวิ่งขึ้นสะพานไปด้วย ไคลีเห็นเฟนด์กระโดดลงไป เหมือนเธอรู้สึกได้ว่ามันอันตราย เธอตะโกนออกมาอย่างรีบร้อนว่า “แม่คะ นั่นพ่อนี่ พ่อกระโดดลงไป!”เซเลน่าก็กังวลเหมือนกัน นั่นคือเสือ ไม่ใช่มนุษย์ มันมีตั้งสองตัว ดูจากหน้าตาแล้วเสือดูหิวโหยกันหมด นัยน์ตาของพวกมันเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า"ไม่ต้องห่วงนะไคลี พ่อจะไม่เป็นไร พ่อเป็นฮีโร่ เขาไปช่วยคน!"แม้เซเลน่าจะเป็นห่วงมาก แต่เธอก็พยายามปลอบใจไคลีที่อยู่ในอ้อมแขน"ขอบคุณ ขอบคุณมาก ถ้าคุณช่วยชีวิตลูกชายฉัน ฉันยินดีจะจ่ายให้คุณ 10 ล้าน ฉันมีเงินจริง ๆ ไม่สิ ฉันจะจ่ายให้คุณ 50 ล้าน!"หญิงวัยกลางคนนั้น เธอร้องไห้ไม่หยุดบนสะพานตอนนี้มีคนลงไปช่วยลูกเธอแล้ว อารมณ์ของเธ
“อร๊ายยย!”ประชาชนวิตกกังวลเป็นอย่างมาก มีคนจํานวนไม่น้อยที่ตกใจจนร้องโหยหวนพวกเขาต่างคิดว่าเฟนด์ต้องตายอย่างแน่นอน ถ้าเป็นเสือที่กระโจนใส่เขา เฟนด์อาจจะดิ้นรนได้อยู่พักหนึ่ง แม้การต่อสู้จะไร้ประโยชน์ แต่การเผชิญหน้ากับพวกมันแบบตัวต่อตัวก็ยังดีกว่าอย่างไรก็ตาม มีเสือสองตัว ที่ปะทะมาจากทั้งสองทาง ไม่ใครก็ใครจะต้องเผชิญกับความตายอย่างแน่นอนปัง!เกิดเรื่องไม่คาดคิด สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจได้ในพริบตา นัยน์ตาของพวกเขาแทบจะพุ่งออกมาจากเบ้าตาแทบทั้งสิ้นเสือไซบีเรียทั้งสองตัวที่พุ่งเข้าใส่เขา ถูกมือของเขาจับลงบนศีรษะแล้วกดจนล้มลงกับพื้น“โฮกกกก!”เสือร้องคำราม และดิ้นทุรนทุราย แต่ก็เปล่าประโยชน์ แรงของเฟนด์กดทับหัวของมันจนล้มลง จนหนีไม่รอด“โฮกกกก!”เสือร้ายยังคงดิ้นรนต่อไป ขาหลังของพวกมันเตะกันอย่างแรง จนเกิดเป็นหลุมขึ้นมาสองหลุม แต่ก็ช่วยอะไรมันไม่ได้ขณะนั้นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ทั้งสองคน เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุในที่สุดและเมื่อพวกเขาเปิดประตูโลหะออกมา สิ่งที่พวกเขาเห็นก็สร้างความตกใจแก่พวกเขา"เห้ย… คุณพระ แกเห็นหรือเปล่า?"“เออ คน ๆ นี้แข็งแรงขนาดนั้นเลยเหรอ"พนักงานทั้
เสือทั้งสองตัวยังคงที่จะสู้ต่อไป พวกมันพยายามเงยหน้าขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า โชคไม่ดีที่พวกมันยังถูกเฟนด์ควบคุมไว้อยู่กับพื้นจู่ ๆ เฟนด์ก็ปล่อยเสือโคร่งซีบีเรียทั้งสองตัว และถอยออกมาอย่างรวดเร็ว“โฮกกก!”ในที่สุดเสือก็ลุกขึ้นยืน และจ้องมองเฟนด์อย่างใจจดใจหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็วิ่งเข้าหาเฟนด์อีกครั้งปั๊ก! ปั๊ก!คราวนี้เฟนด์เตะเสือทั้งสองตัว ทําให้เสือทั้งสองตัวกระเด็นออกมาไกลหลายเมตร"โอ้ว พระเจ้า!"นักท่องเที่ยวบนสะพานต่างเป็นห่วงเฟนด์ คิดว่าเขาจะเดือดร้อน พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าเฟนด์จะแก้ไขอันตรายนี้อีกครั้งหลังจากจัดการให้เสือทั้งสองตัวกระเด็นออกไป เฟนด์ก็หันมาวิ่งตรงเข้าไปถึงขอบหน้าผา แล้วเขาก็วิ่งพุ่งขึ้นไป ขาเขาเดินไม่กี่ก้าว ขยับแค่ไม่กี่ท่าก็พุ่งไปไกลแล้ว เขาระโดดขึ้นมายืนอยู่ที่สะพานหิน และยืนอยู่ด้านหน้าของทุกคนแล้วเสือทั้งสองตัวนี้กระโจนตัวไปข้างหน้า จับเพียงอากาศเท่านั้น และรับรู้ได้ว่าเฟนด์ยืนอยู่บนสะพานหิน หลังจากเงยหน้าขึ้น“โฮกกกก!”เสือโคร่งไซบีเรียนที่โตเต็มวัยสองตัว ส่งเสียงคํารามใส่เฟนด์ที่อยู่บนสะพานหินอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งในที่สุดพวกมันก็ก้มหัวลง
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ