แชร์

บทที่ 1907

ผู้เขียน: โมเนโต้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เลือดสด ๆ พุ่งออกจากปากของนายท่านโลเดอร์ ขณะที่เขาลอยเคว้งขึ้นไปบนท้องฟ้า ภาพนี้จะถูกฉายซ้ำในใจของทุกคนไปตลอดกาลเพราะพวกเขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าคนที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับเขาจะพ่ายแพ้ต่อเฟนด์ วู๊ดอย่างง่ายดาย ความเป็นจริงที่ปรากฏเบื้องหน้าพวกเขาคือภาพที่นายท่านโลเดอร์ซึ่งร่างกายบอบช้ำร่วงลงสู่พื้น และสร้างหลุมลึกขนาดใหญ่ตามแรงกระแทกของร่างเขา

ตอนนี้นายท่านโลเดอร์ได้สูญเสียออร่าที่ดูหน้าหวาดหวั่นของเขาไปแล้ว เขาดูเหมือนสุนัขกำลังจมน้ำ ซึ่งพยายามดิ้นรนเพื่อเอาตัวเองออกจากปากปล่องลึก เฟนด์ วู๊ดโจมตีเขาด้วยทุกสิ่งที่เขามี และหมัดนั้นก็ทำให้ซี่โครงของนายท่านโลเดอร์หัก ปลายแหลมคมและเศษเล็กเศษน้อยของกระดูกทิ่มแทงเข้าไปในอวัยวะของเขา และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เขาคงต้องเผชิญกับความตายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเวลาหลายปีแล้วที่นายท่านโลเดอร์ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้ เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มง่ายดายเช่นนี้ ใช่ แค่เด็กหนุ่มเท่านั้น นั่นคือสิ่งนายท่านโลเดอร์มองเฟนด์ วู๊ดเสมอมา

นายท่านแมคเคนซี่และคนอื่น ๆ มีใบหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นสภาพของนายท่านโลเดอร์ ใน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1908

    นายท่านแฮ็คฟอร์ดรู้สึกราวกับว่าใบหน้าด้านขวาของเขากระแทกเข้ากับภูเขาเหล็ก พลังมหาศาลได้ทำลายโล่พลังฉีหรือที่ผู้คนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เรียกกันว่า 'เกราะวิญญาณ' ลง เมื่อเกราะวิญญาณนี้ถูกทำลายไป หมัดของเฟนด์ก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขาเต็มเปา ฟันของนายท่านแฮ็คฟอร์ดหลุดออกจนหมดแถมกรามของเขาก็หลุดตามไปด้วย นั่นทำให้เขาไม่อาจกรีดร้องออกมาได้ เขาถูกส่งตัวให้ปลิวไปในอากาศ ก่อนตกลงบนพื้นด้วยเสียงอันดังกึกก้องในท้ายที่สุดนับเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาร่วงหล่นลงในจุดที่ไม่ไกลจากที่ที่ร่างของนายท่านโลเดอร์อยู่ สมาชิกของกองกำลังภาคีที่เหลือเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาอ้าปากค้าง พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะโต้ตอบ เนื่องด้วยความเร็วของเฟนด์ ตระหนักได้แล้วว่าประเมินเฟนด์ต่ำเกินไป และในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดชายหนุ่มถึงดูมั่นอกมั่นใจนักสำหรับนายท่านแมคเคนซี่ดูเหมือนว่าเฟนด์ไม่คิดที่จะให้เวลาพวกเขาได้รวบรวมพลังด้วย ถึงจุดนี้ใบหน้าของเขามืดมน นายท่านแฮ็คฟอร์ดถือเป็นเสาหลักของกองกำลังภาคีแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังถูกเฟนด์เล่นงานได้อย่างง่ายดาย แม้ว่านายท่านแมคเคนซี่จะไม่เข้าใจถึงความเจ็บปวดที่นาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1909

    เฟนด์ วู๊ดได้กำจัดคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้ว เขามั่นใจว่าเผ่าเก้าเทพที่เพิ่งพัฒนาระดับพลังหยุดขึ้นจะสามารถจัดการกับสมุนที่เหลือของกองกำลังภาคีได้ นี่ยังไม่รวมว่าพวกเขามีทั้งนายท่านเซลเลอร์และนายท่านยาร์โบรห์อยู่ที่นั่นด้วยเขาเย้ยหยันอย่างเย็นชา ก่อนกระตุ้นพลังฉีของตัวเอง และพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับลูกธนู เขากำลังมุ่งหน้าไปตามนายท่านแมคเคนซี่ไป และจะสามารถตามเขาทันได้ในเวลาอันสั้นด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ สำหรับคนอื่น ๆ ที่เห็นภาพนั้น ก็เขารู้สึกราวกับว่าเฟนด์หายตัวไปในพริบตานายท่านแมคเคนซี่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่พุ่งตรงมาจากด้านหลังเขา ‘อะไรวะเนี่ย! ปล่อยฉันไปไม่ได้หรือไง?” เขาสาปแช่งออกมา ร่างของเขากำลังสั่นเทา เขาไม่อยากตายอยู่ที่นี่ เขายังมีเวลาเหลืออีกหลายปี และหากเขาใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เขาก็จะสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกหลายต่อหลายปีความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ครอบงำจิตใจของเขา “เฟนด์ วู๊ด เราไม่ได้บาดหมางกันเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันสัญญาว่าฉันจะทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา!” เขาตะโกนไปทางเฟนด์ขณะที่รักษาความเร็วในการหลบห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1910

    ความเร็วของนายท่านแมคเคนซี่เทียบกับเฟนด์ไม่ได้เลย ทันใดนั้นเขาก็เห็นประกายแสงสีทองพร้อม ๆ กับที่เฟนด์กระแทกกำปั้นลงบนไหล่ของเขา หมัดนั้นทำให้ข้อต่อของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ เขาส่งเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะที่ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั้งร่าง หมัดนั้นทำให้ไหล่ของเขาใช้การไม่ได้อีกต่อไปเฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชาในขณะที่เขาโชว์กำปั้นซ้ายขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่ให้เวลานายท่านแมคเคนซี่ได้ป้องกันตัวเองเลย แสงสีทองส่องประกายบนกำปั้นของเขาในขณะที่เขากระแทกมันเข้ากับหน้าอกด้านขวาของนายท่านแมคเคนซี่ด้วยแรงที่มากพอจะปลิดชีวิตใครก็ได้ เสียงกระดูกหักดังขึ้นอีกครั้ง หมัดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้กระดูกของนายท่านแมคเคนซี่แตกละเอียดเท่านั้น แต่ยังทำให้เขาไม่สามารถกระตุ้นพลังฉีของเขาออกมาได้อีกด้วย ดังนั้นเขาจึงตกลงไปที่พื้นราวกับใบไม้ร่วงหล่นเฟนด์ยังไม่จบกับเขา ชายหนุ่มตามเขาลงมาและคว้าคอเสื้อของนายท่านแมคเคนซี่เอาไว้ หมัดต่อไปจะกระทบเข้าที่เส้นลมปราณของนายท่านแมคเคนซี่ เขาวางแผนที่จะทำลายพลังยุทธของอีกฝ่ายให้สิ้นซากเพื่อให้แน่ใจว่าศัตรูจะไม่มีโอกาสกลับมาล้างแค้นเขาได้ดวงตาอันน่าเกร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1911

    เขาจะสามารถบ่มเพาะโอสถราชันย์ได้ เมื่อเขากลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสี่ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขาในปัจจุบันคือการถอนคำสาปให้กับเซเลน่า เขาจะไม่หยุดพักจนกว่าเรื่องที่เหมือนภูเขาในอกจะถูกยกออกไป ปัญหาอื่น ๆ จะได้รับการแก้ไขตามลำดับ กองกำลังภาคีไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ เนื่องจากพวกเขาถูกทำลายไปแล้ว เฟนด์ วู๊ดยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลกและไม่มีใครโง่พอที่จะท้าทายเขาเว้นแต่พวกเขาปรารถนาที่จะตายเมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดเขาก็บ่มเพาะโอสถขั้นกลางระดับสี่ได้สำเร็จ ซึ่งหมายความว่าเขาได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสี่ได้แล้ว หลังจากเลื่อนระดับขึ้นมาได้เขาก็รีบทำการบ่มเพาะโอสถราชันย์ เขาได้รับน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าผลึกเมฆากลับมาหลังจากกำจัดกองกำลังภาคีลงได้ยิ่งกว่านั้น หลังกองกำลังภาคีล่มสลาย เผ่าเก้าเทพก็ได้รับของล้ำค่ามากมายหลังจากสำรวจฐานที่มั่นที่ถูกทิ้งร้างอย่างละเอียด มีของล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่เรียกกันว่าคทาตรึงวิญญาณ แม้ว่ามันจะไม่มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลังยุทธ แต่ก็สามารถใช้เพื่อกำจัดการถูกครอบงำในร่างกายแบบถอนรากถอนโคน หากมีคทาตรึงวิญญาณ เฟอร์นั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1912

    เพื่อที่จะเข้าสู่สกาย เกท เฟนด์จะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ระดับการบ่มเพาะในระดับนฤพานจะช่วยให้เขาสามารถปกป้องตัวเองได้ในทุกสถานการณ์พี่จะต้องเผชิญ หลังจากยืนอยู่ใต้สกาย เกทเป็นเวลาสี่ชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ก้าวเท้าไปสองสามก้าวและเข้าไปข้างในทันทีที่เขาก้าวเข้าไปข้างใน เขาก็รู้สึกได้ว่าพื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยวและทิวทัศน์รอบตัวก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หลังจากมองดูอย่างละเอียด แม้จะมีประสบการณ์มาหลายปีแล้วเขาก็ยังอดที่จะตกใจไม่ได้ ปรากฎว่าอีกด้านหนึ่งของสกาย เกทมีโลกอีกใบซ่อนอยู่มันเป็นสถานที่ที่ดูคล้ายกับดินแดนรกร้าง เมื่อมองขึ้นไปยังดวงดาวที่หนาแน่น ดินแดนที่ว่างเปล่าก็แน่นขนัดไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่และน่าเกรงขาม บนพื้นดินไม่มีหญ้าแม้แต่ต้นเดียว แต่กลับเต็มไปด้วยเศษอาวุธ เมื่อมองดูใกล้ ๆ จะเห็นเลือดแห้งกรังติดอยู่บนอาวุธพวกนั้นด้วย ราวกับว่าโลกใบนี้ต้องประสบกับสงครามครั้งใหญ่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมาเหยียบที่นี่เป็นเวลาหลายหมื่นปีแล้ว ตรงหน้าเฟนด์มีบางอย่างกำลังเปล่งแสงสีขาวสว่างจ้าออกมา แต่เขามองไม่ออกว่ามันคืออะไร เขากลั้นใจและสาวเท้าเข้าไปหามัน เมื่อเขาก้าวไปข้างหน้า เขาก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1913

    แม้หลังจากศึกษาเรือวิญญาณมาเป็นเวลานาน เขาก็ยังไม่เข้าใจความหมายของผนึกรูนเหล่านั้น สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงขุมพลังอันยิ่งใหญ่ของเรือวิญญาณลำนี้! หลังจากสำรวจจนทั่วแล้ว เขาก็กลับไปยังสถานที่ที่เขาพบผลึกหกเหลี่ยม ภายในเรือวิญญาณนั้นว่างเปล่า มีเพียงผลึกหกเหลี่ยมที่ดูเหมือนจะถูกโยนทิ้งไปอย่างไม่ระวังผลึกหกเหลี่ยมนี้มีขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ และมันก็เปล่งแสงสีแดงจาง ๆ ออกมาด้วย เฟนด์พิจารณามันอีกครั้งด้วยญาณทิพย์ของเขา และไม่พบสิ่งที่เป็นอันตรายเกี่ยวกับมัน ดังนั้นเขาจึงก้มลงหยิบมันขึ้นมา เขานำผลึกเข้ามาดูใกล้ ๆ และตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เขาค้นพบว่ามีผลึกต่างสีและขนาดลอยอยู่ภายใน ผลึกเล็ก ๆ เหล่านี้ก็มีหกเหลี่ยมเช่นกันผลึกทั้งหกเหลี่ยมมีรูปร่างเหมือนกัน รัศมีของมันก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่อีกด้วย ผลึกหกเหลี่ยมเล็ก ๆ ที่อยู่ภายในยังดูคล้ายจะมีออร่าลึกลับไม่น้อย ขณะที่เขามองเข้าไปใกล้ ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่นิ้วที่ถือผลึกหกเหลี่ยมลูกดังกล่าว โดยไม่ทันได้ระวังนิ้วของเขาก็ถูกบาดและมีเลือดไหลออกมาหลังจากที่เปื้อนเลือดของเขา ผลึกหกเหลี่ยมก็ส่องแสงแวววาว ทันใดนั้นเฟนด์ก็รู้สึกว่าร่างกายขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1914

    ชิ้นส่วนวิญญาณเหล่านี้ไม่อาจนับได้ว่าเป็นชิ้นส่วนวิญญาณทั่วไป แต่เจ้าของดั้งเดิมกลับยอมละทิ้งสัมปชัญญะในเรื่องนี้โดยสมัครใจ พวกเขาทิ้งไว้เพียงชิ้นส่วนวิญญาณที่มีความทรงจำเกี่ยวกับต้นกำเนิดของตัวเองเฟนด์จ้องมองไปยังผลึกหกเหลี่ยมซึ่งมากมายเกินจะนับที่ลอยอยู่รอบตัวเขาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความตระหนก ความทรงจำที่ส่งถึงเขาเมื่อครู่ได้อธิบายถึงการทำงานของชิ้นส่วนวิญญาณและกระบวนการสร้างชิ้นส่วนวิญญาณเหล่านี้ด้วย ยังไม่รวมถึงเรื่องการใช้งาน แต่กระบวนการสร้างชิ้นส่วนวิญญาณเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำได้โดยคนธรรมดาทั่วไป เมื่อหลายหมื่นปีที่แล้วเผ่าเทพสาบสูญได้เผชิญกับการต่อสู้ฆ่าล้างบางคนทั้งเผ่า เพื่อต่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเผ่าเทพสาบสูญ หัวหน้าเผ่าจึงได้รวมสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาและฝึกฝนทักษะวิญญาณลับอย่างเงียบ ๆทักษะวิญญาณลับไม่ได้มีไว้เพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้ของพวกเขาและใช้งานได้เพียงครั้งเดียว หลังจากฝึกฝนทักษะวิญญาณลับดังกล่าวได้สำเร็จ วิญญาณของผู้ฝึกจะคงอยู่แม้ว่าร่างกายจะสูญสลายไป แต่วิญญาณของพวกเขาจะไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้อีกแล้ว ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเขาเก็บเพียงความท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1915

    ตอนนี้เขายังอยู่ในเรือมัสตาร์ด ซี๊ดและเข้าใจว่ามันนั้นแข็งแกร่งเพียงใด หลังจากรู้ว่าแคทธีเซียเป็นเพียงโลกชั้นที่ห้า เฟนด์ก็วางแผนที่จะออกจากที่นั่นเขาต้องการเห็นอารยธรรมศิลปยุทธที่เฟื่องฟูอย่างแท้จริงและไต่ระดับขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกแห่งศิลปยุทธต่อไป โลกนี้ขาดพลังฉีและทรัพยากรที่เหลืออยู่ก็เช่นกัน นอกจากเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะได้จากการอยู่ที่นี่ต่อไปตอนนี้ ส่วนสำคัญของการเดินทางของเขาคือเรือมัสตาร์ด ซี๊ดที่เผ่าเทพสาบสูญทิ้งไว้ให้เขา เรือมัสตาร์ด ซี๊ดลำนี้ไม่เพียงแต่สามารถบรรจุคนจำนวนมากและขนส่งทางไกลได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถเดินทางผ่านม่านกาลอวกาศเพื่อเข้าสู่โลกในระดับอื่น ๆ ได้อีกด้วยพื้นที่ภายในของเรือมัสตาร์ด ซี๊ดนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้และนอกเหนือจากการขนส่งแล้ว สามารถใช้เป็นที่เก็บของได้ เรียกได้ว่าเป็นที่เก็บของขนาดใหญ่เลยทีเดียว!เฟนด์พอใจกับเรือลำนี้มาก หลังจากออกจากแคทธีเซีย เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะได้กลับมาที่นี่อีก เขาทนไม่ได้ที่จะต้องทิ้งสมาชิกของครอบครัวทั้งหมดไว้ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะพาพวกพ้องและครอบครัวไปด้วยหากเขากำลังจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

DMCA.com Protection Status