แชร์

บทที่ 1914

ผู้เขียน: โมเนโต้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ชิ้นส่วนวิญญาณเหล่านี้ไม่อาจนับได้ว่าเป็นชิ้นส่วนวิญญาณทั่วไป แต่เจ้าของดั้งเดิมกลับยอมละทิ้งสัมปชัญญะในเรื่องนี้โดยสมัครใจ พวกเขาทิ้งไว้เพียงชิ้นส่วนวิญญาณที่มีความทรงจำเกี่ยวกับต้นกำเนิดของตัวเอง

เฟนด์จ้องมองไปยังผลึกหกเหลี่ยมซึ่งมากมายเกินจะนับที่ลอยอยู่รอบตัวเขาและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความตระหนก ความทรงจำที่ส่งถึงเขาเมื่อครู่ได้อธิบายถึงการทำงานของชิ้นส่วนวิญญาณและกระบวนการสร้างชิ้นส่วนวิญญาณเหล่านี้ด้วย

ยังไม่รวมถึงเรื่องการใช้งาน แต่กระบวนการสร้างชิ้นส่วนวิญญาณเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำได้โดยคนธรรมดาทั่วไป เมื่อหลายหมื่นปีที่แล้วเผ่าเทพสาบสูญได้เผชิญกับการต่อสู้ฆ่าล้างบางคนทั้งเผ่า เพื่อต่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเผ่าเทพสาบสูญ หัวหน้าเผ่าจึงได้รวมสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาและฝึกฝนทักษะวิญญาณลับอย่างเงียบ ๆ

ทักษะวิญญาณลับไม่ได้มีไว้เพื่อเพิ่มพลังในการต่อสู้ของพวกเขาและใช้งานได้เพียงครั้งเดียว หลังจากฝึกฝนทักษะวิญญาณลับดังกล่าวได้สำเร็จ วิญญาณของผู้ฝึกจะคงอยู่แม้ว่าร่างกายจะสูญสลายไป แต่วิญญาณของพวกเขาจะไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้อีกแล้ว ต่อให้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

เขาเก็บเพียงความท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1915

    ตอนนี้เขายังอยู่ในเรือมัสตาร์ด ซี๊ดและเข้าใจว่ามันนั้นแข็งแกร่งเพียงใด หลังจากรู้ว่าแคทธีเซียเป็นเพียงโลกชั้นที่ห้า เฟนด์ก็วางแผนที่จะออกจากที่นั่นเขาต้องการเห็นอารยธรรมศิลปยุทธที่เฟื่องฟูอย่างแท้จริงและไต่ระดับขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกแห่งศิลปยุทธต่อไป โลกนี้ขาดพลังฉีและทรัพยากรที่เหลืออยู่ก็เช่นกัน นอกจากเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ไม่มีอะไรที่เขาจะได้จากการอยู่ที่นี่ต่อไปตอนนี้ ส่วนสำคัญของการเดินทางของเขาคือเรือมัสตาร์ด ซี๊ดที่เผ่าเทพสาบสูญทิ้งไว้ให้เขา เรือมัสตาร์ด ซี๊ดลำนี้ไม่เพียงแต่สามารถบรรจุคนจำนวนมากและขนส่งทางไกลได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถเดินทางผ่านม่านกาลอวกาศเพื่อเข้าสู่โลกในระดับอื่น ๆ ได้อีกด้วยพื้นที่ภายในของเรือมัสตาร์ด ซี๊ดนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้และนอกเหนือจากการขนส่งแล้ว สามารถใช้เป็นที่เก็บของได้ เรียกได้ว่าเป็นที่เก็บของขนาดใหญ่เลยทีเดียว!เฟนด์พอใจกับเรือลำนี้มาก หลังจากออกจากแคทธีเซีย เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะได้กลับมาที่นี่อีก เขาทนไม่ได้ที่จะต้องทิ้งสมาชิกของครอบครัวทั้งหมดไว้ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะพาพวกพ้องและครอบครัวไปด้วยหากเขากำลังจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1916

    เฟนด์ยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของเซเลน่าซึ่งกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง “เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”มุมปากของเซเลน่าโค้งขึ้น และรอยยิ้มที่สวยงามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากข้างหลังของคนทั้งคู่ เสียงนั้นฟังดูคุ้นเคยมากจนทำให้หัวใจที่สงบเป็นปกติของเฟนด์สั่นคลอน "อาจารย์! ผมกลับมาแล้ว!" เฟอร์นันโดพุ่งไปหาเฟนด์ด้วยความดีใจอย่างเห็นได้ชัดเฟอร์นันโดหายเป็นปกติแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เฟนด์หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน เขาจึงทำได้เพียงขอให้คีแรนและคนอื่น ๆ กลับไปพร้อมกับคทาตรึงวิญญาณและโอสถคืนชีพเพื่อช่วยเหลือเฟอร์นันโด แม้ว่าเขาจะไม่ได้ไปที่นั่นด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังแอบกังวลเฟนด์รู้สึกโล่งใจอย่างมากเมื่อได้เห็นว่าเฟอร์นันโดฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ “ดีมากที่นายฟื้นแล้ว!”ในตอนแรกเฟอร์นันโดคิดว่าเขาอาจจะกลับมาได้แบบไม่เต็มร้อย แม้ว่าเขาจะกลับมาเคลื่อนไหวได้แล้วก็ตาม แต่ไม่คาดคิดเลยว่าคทาตรึงวิญญาณและโอสถคืนชีพจะส่งพลังถึงขนาดนั้น แถมยังไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นกับเขาเลย แม้ว่าเขาจะถูกแช่แข็งมาเป็นระยะเวลานานก็ตามหลังจากที่เฟนด์ตัดสินใจว่าเขาจะเดินทางออกจากที่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1917

    เวลาผ่านไปอีกครั้งหนึ่ง สองเดือนต่อมาเฟนด์พาครอบครัวและพรรคพวกของเขาไปยังสกาย เกทหัวหน้าเผ่าเทพสาบสูญเคยกล่าวไว้ว่าม่านกาลอวกาศภายในสกาย เกทนั้นอ่อนแอที่สุด หากพวกเขาต้องการออกจากสถานที่นี้โดยเร็ว พวกเขาต้องนำเรือมัสตาร์ด ซี๊ดไปจากที่นี่และเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ทุกคนเข้าไปในมัสตาร์ด ซี๊ดด้วยความตื่นเต้นและดีใจ เฟนด์วางศิลาวิญญาณทั้งหมดลงในส่วนที่มัสตาร์ด ซี๊ดใช้ในการดูดซับพลังงาน หลังจากการระเบิดที่ดังสนั่น มัสตาร์ด ซี๊ดก็ถูกขับเคลื่อนโดยศิลาวิญญาณและเริ่มเปล่งแสงสีขาวสว่างไสวไปทั่วทั้งเรือในขณะที่พวกเขาเริ่มพุ่งไปข้างหน้า เฟนด์ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ในห้องควบคุมขณะที่เขาเฝ้าดูพื้นที่โดยรอบที่ค่อย ๆ บิดเบี้ยวภายใต้การเคลื่อนไหวของเรือมัสตาร์ด ซี๊ด...สามเดือนต่อมา ในโรงแรมอันห่างไกลที่ตั้งอยู่ในเมืองเซนิธ ซัน ซิตี้ ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐเวสต์ เซอร์ซีในทวีปเฮสเทีย พนักงานของโรงแรมขมวดคิ้วและมองศิลาวิญญาณชั้นยอดสิบก้อนในมือด้วยความขยะแขยงศิลาวิญญาณชั้นยอดร้อยก้อนถือเป็นสกุลเงินทั่วไปที่มีค่าที่สุดในโลกของแคทธีเซียแต่พวกเขากลับถูกพนักงานของโรงแรมในทวีปเฮสเทียดูถูก“นี่อย่าบอกนะว่าของพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1918

    นับตั้งแต่อดีต โรงแรมขนาดย่อมและร้านอาหารถือเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการรับข้อมูลข่าวสาร นี่คือเหตุผลที่เฟนด์ต้องมีห้องพักในโรงแรม แม้จะมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างโลกนี้กับโลกของแคทธีเซียอยู่เรื่องที่คล้ายคลึงกันก็คือการพัฒนาอารยธรรมศิลปยุทธ แต่นอกจากนั้นแล้วส่วนอื่น ๆ ของโลกใบนี้ที่ไม่อาจเทียบได้กับโลกของแคทธีเซีย สิ่งที่แตกต่างก็คือวัฒนธรรมศิลปยุทธของพวกเขาได้รับการพัฒนาไปได้ไกลกว่าเมื่อเทียบกับโลกของแคทธีเซีย แม้แต่ระดับทักษะยุทธและทักษะศิลปยุทธของพวกเขาก็ยังแตกต่างจากโลกของแคทธีเซียตั้งแต่เรื่องขั้นพื้นฐานสำหรับโรงแรมนี้ ทั้งจากรูปลักษณ์ภายนอกและตกแต่งภายในแล้ว ที่นี่ถือว่าเป็นเพียงโรงแรมธรรมดา ๆ เท่านั้นแน่นอนว่าเฟนด์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเวลาสนุกกับชีวิตเสียหน่อย ทวีปเฮสเทียเต็มไปด้วยกองกำลังต่าง ๆ มากมาย และการต่อสู้ระหว่างผู้มีอำนาจเหล่านั้นก็ไม่เคยหยุดลง เมื่อเทียบกับโลกของแคทธีเซียแล้วที่นี่นับว่าอันตรายกว่ามากความคิดนี้ทำให้เฟนด์เกิดความลังเลใจ เฟนด์คิดว่าการเดินทางของเขาจะต้องพบกับอุปสรรค เขาต้องพัฒน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1919

    แม้หลังจากที่ชายมีหนวดเคราจากไป ฟาร์ลีย์ก็ยังเย้ยหยันไม่เลิก "ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้โง่หรือบ้ากันแน่ ตำหนักสองกษัตริย์เป็นตำหนักที่โดดเด่นในบรรดาตำหนักระดับสาม ทุกครั้งที่พวกเขาเปิดรับสมัครสาวก คนที่ได้รับเลือกอย่างน้อยก็จะต้องอยู่ในขั้นแรกของระดับแรกกำเนิด คนที่อยู่ในขั้นสูงระดับติดตัวกล้าประกาศออกมาว่าจะไปเป็นศิษย์ของตำหนักสองกษัตริย์ได้ยังไง ฉันล่ะขำจนฟันแทบร่วง”ในตอนแรก ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เฝ้าดูความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นไม่ปริปากเลยสักคำ เพราะเขาเลือกที่จะยืนอยู่ให้ห่างเล็กน้อยและกระซิบกระซาบกันเองเท่านั้น แต่คำพูดของฟาร์ลีย์ก็ทำให้คนมีหัวใจบางคนไม่อาจนิ่งดูดายได้ชายคนหนึ่งซึ่งหน้าตาหล่อเหลาและอายุประมาณยี่สิบปีกล่าวว่า “คุณคิดผิดแล้ว นายน้อยฟาร์ลีย์ ชายร่างกำยำคนนั้นไม่ได้ก่อปัญหาอะไรเสียหน่อย คุณลืมไปหรือเปล่าว่าตำหนักสองกษัตริย์กำลังมีปัญหากับเผ่าปฐมหายนะอยู่ในขณะนี้? กองกำลังทั้งสองมาถึงจุดที่เข้ากันไม่ได้ราวไฟกับน้ำ พวกเขาอาจเข้าสู่สงครามได้ทุกเมื่อ เพื่อความปลอดภัย ตำหนักสองกษัตริย์ได้เริ่มรับสมัครสมาชิกจำนวนไม่น้อยแล้ว พวกเขาลดเงื่อนไขโดยให้คนที่อยู่ในขั้นสูงระดับติดตัวสามารถเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1920

    เขารู้ว่าเมืองเซนิธ ซัน ซิตี้อยู่ใต้ความคุ้มครองของตำหนักสองกษัตริย์และทุกกองกำลังล้วนมีเขตอำนาจของตนเอง หากเฟนด์ต้องการเข้าไปบ่มเพาะตัวเองในตำหนักสักตำหนักหนึ่ง ตำหนักสองกษัตริย์ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสิ่งเดียวที่เขาไม่แน่ใจคือหลังจากเข้าสู่ตำหนักสองกษัตริย์เขาจะต้องเผชิญกับปัญหาแบบใดบ้าง เรื่องน่าขันนี้จบลงหลังจากการจากไปของชายผู้มีหนวดเคราเฟนด์หันหลังเดินกลับห้องเมื่อสังเกตเห็นว่าความสนุกจบลงแล้ว สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือในขณะที่เขาหันกลับมา จู่ ๆ ฟาร์ลีย์ก็หันกลับมามองทางเขาอยู่นานสองนานราวกับว่าเขาค้นพบอะไรบางอย่างหลังจากที่เฟนด์กลับมาที่ห้อง เขาก็เข้าไปในเรือมัสตาร์ด ซี๊ดทันที ญาติและเพื่อนของเขาในมัสตาร์ด ซี๊ดกำลังบ่มเพาะตัวเองอย่างแข็งขันเพราะไม่มีใครอยากเป็นตัวถ่วงของเฟนด์ พวกเขาหวังว่าจะช่วยเหลือชายหนุ่มในการให้เฟนด์ตั้งหลักในโลกใบนี้ได้ ในขณะนี้แนชทะลวงเข้าสู่ระดับทะลวงวิญญาณได้แล้ว หากเทียบตามมาตรฐานของพลังยุทธของทวีปเฮสเทีย ก็เท่ากับว่าเขาอยู่ในขั้นสูงระดับติดตัวแล้ว เขาเห็นความสงสัยเขียนอยู่บนใบหน้าของเฟนด์ในตอนที่เขาเดินเข้ามา แนชจึงหยุดการฝึกในทันที เขาดึงเฟนด์ไปที่ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1921

    แม้แต่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปเฮสเทียก็ยังเทียบไม่ได้กับผู้อาวุโสคนนี้ ทักษะยุทธและทักษะศิลปยุทธที่ผู้อาวุโสคนนี้ฝึกฝนนั้นเหนือกว่าระดับที่พบได้ในโลกนี้ไปไกลแต่ในระดับพลังยุทธปัจจุบันของเฟนด์ เขาไม่สามารถฝึกฝนทักษะศิลปยุทธได้มากมายอะไรนัก เขาค้นหาความทรงจำชนิดเลือกแล้วเลือกอีก เขาใช้เวลาในการเลือกทักษะยุทธและทักษะศิลปยุทธที่เขาสามารถฝึกฝนได้ไปพอสมควร!แนชก็รู้เรื่องเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เขามองไปที่เฟนด์และพูดว่า "ลูกคิดว่าทักษะศิลปยุทธ วิถีแห่งสุญญะ และทักษะศิลปยุทธ ทลายห้วงสุญญะ อยู่ในระดับใดในทวีปเฮสเทีย"หลายวิธีในการตั้งชื่อและกำหนดระดับสำหรับทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธในทวีปเฮสเทีย ทั้งทักษะศิลปยุทธและทักษะยุทธต่างถูกแบ่งออกเป็นแปดระดับพวกเขาตั้งชื่อจากสิ่งทั้งแปด ได้แก่ ‘จักรวาล’ ‘โลกา’ ‘สุญตา’ ‘อันธการ’ ‘นภา’ ‘ปฐพี’ ‘โลหิต’และ‘อำพัน’ตามการจัดลำดับของพวกเขาระดับ'จักรวาล'นั้นแข็งแกร่งที่สุดในขณะที่ 'อำพัน' อ่อนแอที่สุด แต่ละระดับยังแบ่งออกเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูงอีกด้วยตัวอย่างเช่น ชายมีหนวดเคราที่เฟนด์เพิ่งเห็นในโรงแรมสมีระดับความเชี่ยวชาญในระดับอำพันเท่านั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1922

    เพื่อให้เขาปกป้องตัวเองได้ ในไม่ช้าเฟนด์ก็อุทิศตนให้กับการฝึกฝนอีกครั้ง ครั้งนี้ เขามุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนทักษะยุทธทลายห้วงสุญญะ แต่การฝึกทักษะยุทธในระดับนี้ถือเป็นเรื่องยากทักษะยุทธบางอย่างก็ไม่อาจฝึกได้ พวกเขาต้องการพลังยุทธที่เทียบเคียงกันเพื่อฝึกฝนทักษะยุทธในระดับที่สูงที่สุด เช่น ผู้ที่อยู่ในระดับแรกกำเนิดสามารถฝึกในทักษะยุทธได้แค่ระดับ 'อำพัน' และ 'โลหิต' เท่านั้นทักษะยุทธที่มีระดับสูงกว่าอย่างระดับ ‘ปฐพี’ ไม่ใช่สิ่งที่คนในระดับแรกกำเนิดจะฝึกฝนได้ แต่กับเฟนด์แล้ว เขาสามารถเพิกเฉยต่อกฎนี้ได้เขาหลอมรวมชิ้นส่วนวิญญาณของบรรพบุรุษของเขาอย่างปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ เนื่องจากปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ประสบความสำเร็จในการฝึกทักษะยุทธนี้เฟนด์จึงจำเป็นต้องหลวมรวมความทรงจำเข้าด้วยกัน เขาจะได้เรียนรู้ทักษะยุทธนี้ได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้ระดับของทลายห้วงสุญญะ และเฟนด์ก็ได้แต่สันนิษฐานเอาเองเท่านั้น อย่างน้อยทักษะยุทธดังกล่าวก็น่าจะอยู่ในระดับ 'นภา' แถมทักษะนี้ยังมีอีกสี่ขั้นด้วย ในขณะนี้เฟนด์พยายามฝึกอยู่ในขั้นแรกขณะที่สร้างดาบวิญญาณและติดมันไว้บนมือของเขาสัญญา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

DMCA.com Protection Status