ปัง! ปัง! ปัง! ในตอนนี้ เสียงต่อสู้ภายในป่ายังคงดังก้องไปทั่วอาณาบริเวณ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเสียงของมันไม่ดังเหมือนเมื่อก่อน และสนามรบแต่ละแห่งก็กระจัดกระจายกันไปรอบ ๆ และอยู่ห่างกันพอสมควร “นายน้อยเฟนด์ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีระดับพลังยุทธที่สูงใช้ได้เลยนะ! ฮิฮิ! ครั้งนี้เราคงได้สู้กันให้หนำใจไปเลย!” บนเนินเขาเล็ก ๆ ขณะที่อเล็กซานเดอร์มองดูฝูงชนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ด้านล่าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ที่นั่นกลุ่มศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดกำลังไล่ตามสมาชิกจากตำหนักอินทรีทะยานบางคนและยังมีผู้คนกลุ่มเล็ก ๆ จากตระกูลที่พวกเขาไม่คุ้นเคยอยู่ด้วย ศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดมีกันจำนวนหลายร้อยคน และในหมู่พวกเขา มีนักสู้สองคนที่อยู่ในขั้นที่เจ็ดของระดับเทพสูงสุด! “ปล่อยไอ้สารเลวที่อยู่ในขั้นที่เจ็ดสองคนนั้นไว้กับผม ส่วนพวกคุณไปจัดการคนอื่น ๆ ได้เลย!” ปากของเฟนด์โค้งเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปในสนามรบพร้อมกับพรรคพวกด้วยความเร็วดุจแสง “บ้าเอ้ย! เราตายแน่! เราตายแน่!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกรีดร้องและตะโกนออกมาในขณะที่พยายามปัดป้องคู่ต่อสู้ตรงหน้า ดวงตาของเขาเต็
หมัดอันทรงพลังของทั้งคู่ปะทะกัน ก่อให้เกิดการระเบิดดังสนั่น ในวินาทีถัดมา ชายชรากระเด็นออกไปไกลหลายเมตรและร่วงหล่นลงไปกับพื้นอย่างแรง เขากระอักเลือดสด ๆ ออกมา ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเฮือกสุดท้าย "นั่นมันบ้าอะไรกัน? ไม่มีทาง! แค่หมัดเดียวผู้ที่อยู่ในขั้นที่เจ็ดของระดับเทพสูงสุดก็ตายได้แล้วงั้นหรือ? ตายไปง่าย ๆ แบบนั้นเลยเนี่ยนะ?" ผู้อาวุโสจากตำหนักอินทรีทะยานตกตะลึง เสียงของเขาสั่นเครืออย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาของเขาปฏิเสธที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น “ไม่มีทางหรอก! มันจะเป็นไปได้ยังไง?” ศิษย์หญิงอีกคนที่มีพลังในขั้นที่เจ็ดของระดับเทพสูงสุดหวาดกลัวเสียจนใบหน้าของเธอไร้สี เธอรู้ว่าภายในป่าลึกนี้ มีชายฉกรรจ์สองสามคนที่กำลังฆ่าคนของพวกเขา เพราะพวกเขาได้พบซากศพของศิษย์เผ่ากระหายเลือดที่อยู่ในขั้นที่สามในระดับเทพสูงสุดมาก่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก พวกเขาอยู่ไหนขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุด แล้วทำไมพวกเขาถึงต้องกลัวด้วยล่ะ? พวกเขาถูกนับว่าเป็นหนึ่งในนักสู้อันดับต้น ๆ ในหมู่ศิษย์จากเผ่ากระหายเลือดเชียวนะ แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ กลุ่มคนแปลกหน้าที่เข้ามานี้มีนักสู้สองสามคน
“เฟนด์แย่แล้ว! ตาเฒ่าหน้าเหี่ยวคนนี้อยู่ในขั้นที่เก้าของระดับเทพสูงสุดเชียวนะ!” แนชมองชายชราที่อยู่ตรงข้ามเขาอย่างระมัดระวัง และความกังวลพุ่งทะลุเส้นเลือดในทันทีเมื่อเขาสังเกตเห็นระดับพลังยุทธของชายชรา ดูเหมือนว่าในที่สุด พวกเขาก็ได้พบกับบุคคลสำคัญที่แท้จริงของเผ่ากระหายเลือดเข้าแล้ว “นายท่านวู๊ด ไม่เป็นไรหรอก แม้ว่าระดับพลังยุทธของเฟนด์จะไม่สูงเท่ากับตาเฒ่านี่ แต่เราทุกคนรู้ว่าพลังยุทธของเขานั้นอยู่คนละระดับ ไม่ต้องห่วงไปหรอก ครับ ตาเฒ่าหน้าเหี่ยวคนนี้อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำไป!” ในทางกลับกัน อเล็กซานเดอร์หัวเราะอย่างไม่แยแส “เพราะเฟนด์ได้ทะลวงในระดับเทพสูงสุดได้ทีละหลายขั้น!” เขาเสริม จากนั้นแนชก็นึกถึงความสามารถของเฟนด์ที่สามารถฆ่าคนที่อยู่ในขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุดได้ด้วยตัวคนเดียวทั้ง ๆ ที่เขายังเป็นเพียงนักสู้ในขั้นที่สี่ของระดับเทพสูงสุด เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก "ที่คุณว่ามามันก็ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับคนที่มีระดับการต่อสู้สูงขนาดนี้ ผมก็เลยหวาดหวั่นเล็กน้อยน่ะ” “พ่อไม่ต้องห่วงผมหรอก ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของผมเอง พ่อไปบอกให
ผู้อาวุโสลำดับที่สี่ส่ายหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ดวงตาของเขาตกตะลึงและไม่เชื่ออย่างที่สุด การที่คนในขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุดสามารถจัดการนักสู้ในขั้นที่เก้าได้ด้วยหมัดเดียวนั้นมันเกินกว่าที่เขาจะจินตานาการได้ เด็กสารเลวคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาอยู่ต่ำกว่าเขาถึงสองขั้น! ระดับการบ่มเพาะต่ำกว่ากันถึงสองขั้นเชียวนะ! ไอ้สารเลวนั่นจะผลักดันเขาออกไปได้ง่าย ๆ แบบนั้นได้ยังไง? "ไม่เลวเลย!" เฟนด์มองไปที่กำปั้นของเขาอย่างเฉยเมย ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างพอใจกับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ในตอนที่เขาอยู่ในขั้นที่สี่ในระดับเทพสูงสุด เขาสามารถฆ่านักสู้ในขั้นที่เจ็ดได้ และในเวลานั้น ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็เทียบได้กับนักสู้ในขั้นที่แปดระดับเทพสูงสุด! ตอนนี้เขาระดับพลังยุทธของเขาเพิ่มขึ้นถึงสามขั้นในคราวเดียว และเขาก็สามารถเอาชนะนักสู้ระดับเก้าได้ สิ่งนี้ทำให้เฟนด์รู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะสามารถต่อสู้กับนักสู้ในขั้นที่หนึ่งของระดับทะลวงวิญญาณได้เช่นกัน “ไอ้สารเลวนี่! แกคิดว่าจะชนะฉันได้แค่เพราะแกมีพละกำลังมากกว่างั้นรึ? อย่าลืมสิ ระดับพลังยุทธของฉันสูงกว่าและดีกว่าของแก! พลังฉีของฉันก็หนาแน่นและสมบูรณ์ก
“หมัดมังกรคู่! แกมีทักษะนี้? เป็นไปได้ยังไง?" ในขณะที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและหัวหน้าเผ่ากระหายเลือดกำลังสับสนเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ ผู้อาวุโสลำดับที่สี่ก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กสารเลวตรงหน้าจะรู้และได้รับทักษะยุทธของเผ่ากระหายเลือดไปไว้ในครอบครอง! ยิ่งกว่านั้น หมัดมังกรคู่ที่บ้าคลั่งนี้จัดเป็นหนึ่งในทักษะที่ยากที่สุดที่พวกเขาส่วนใหญ่อยากจะมีไว้ในครอบครอง! “โถ่! ก็ไม่ยากอะไรนี่ ผมฆ่าคนของคุณและดึงตำรายุทธมาจากแหวนยุทธของเขา และแน่นอนว่าผมก็สามารถเรียนรู้และได้รับทักษะยุทธนี้มาได้ไงล่ะ!” เฟนด์หัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ไยดี น้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่สะทกสะท้านของเขาทำให้ผู้อาวุโสลำดับที่สี่ตกตะลึงถึงขีดสุด ว่ากันตามที่เฟนด์พูด นั่นก็หมายความว่าเขาเพิ่งเรียนรู้และฝึกฝนทักษะนี้มาได้ไม่นานมานี้ไม่ใช่หรือ? เด็กสารเลวคนนี้เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะอย่างแน่นอน! “สารเลว แกเป็นใครกันแน่? ไม่มีทางที่จะมีอัจฉริยะเช่นนี้ในกองทัพทั้งเก้าแน่!” ผู้อาวุโสลำดับที่สี่กัดฟันและจ้องมองเฟนด์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทและความเกลียดชัง ถ้าไอ้สารเลวนี่มีชีวิตอยู่ต่อไป ในอนาคตคงไม่ม
“นายน้อยเฟนด์ คุณฆ่าตาเฒ่าที่อยู่ในขั้นที่เก้าระดับเทพสูงสุดจริง ๆ เหรอ?” เมโลดี้มองไปที่เฟนด์ด้วยความคาดหวังที่เขียนไว้ทั่วใบหน้าของเธอแนชและคนอื่น ๆ ก็มองไปที่เฟนด์เช่นกัน เพราะพวกเขาอยากรู้ตอนจบของเรื่องนี้จริง ๆยิ่งไปกว่านั้น นั่นเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของเผ่ากระหายเลือดและอาจถือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพลังสูงสุดของเผ่ากระหายเลือดเฟนด์พยักหน้า “ใช่ ผมฆ่าเขาไปแล้ว ตอนนี้ต่อให้ผมจะต้องสู้กับหัวหน้าเผ่ากระหายเลือด ผมก็ไม่กลัวเพราะผมอาจจะฆ่าเขาได้ก็ได้ แต่หากคนของพวกเขามากันมากเกินไปก็คงไม่ไหว ผมคงไม่สามารถปกป้องพวกคุณได้ เอาล่ะ เราต้องไปเดี๋ยวนี้!”เฟนด์รีบพาคนเหล่านั้นออกไปจากสถานที่ทันทีที่เขาพูดจบประมาณสิบนาทีหลังจากที่พวกเขาออกไป มีคนประมาณสิบกว่าคนปรากฏตัวขึ้นที่นั่น คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้อาวุโสของผู้พิทักษ์ของเผ่ากระหายเลือด พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ศพบนพื้นด้วยใบหน้าที่เศร้าและขุ่นเคือง"ลำดับที่สี่!" ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งบินลงมาและคุกเข่าต่อหน้าผู้อาวุโสลำดับที่สี่โดยตรง "ลำดับที่สี่! ทำไม… ทำไมคุณถึงตายได้น่าสยดสยองเช่นนี้! ลำดับที่สี่ ใครเป็นคนฆ่าคุณ ผมจะล้างแค้นแทนคุณให้ได้!
เมื่อผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพูดเช่นนี้ เอ็ดเวิร์ดก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เขายอมรับว่ากองทัพทั้งเก้านั้นเป็นหนามยอกอกของพวกเขา และพวกเขาต้องการที่จะถอนรากถอนโคนกองทัพทั้งเก้ามานานแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาวางแผนที่จะฆ่าผู้คนที่เข้ามาจากดินแดนรกร้างแบบซึ่ง ๆ หน้า และกองทัพทั้งเก้าจะต้องเข้าร่วมการต่อสู้อย่างแน่นอน เนื่องจากพวกเขาเป็นสมาชิกของกองกำลังปฏิภาคี พวกเขาจะออกมาสู้แน่ แม้ว่าจะเป็นแค่การแสดงก็ตามทีพวกเขาแอบแจ้งกองกำลังอื่น ๆ ที่เป็นสมาชิกของกองกำลังภาคีให้มาช่วยพวกเขาแล้ว นี่จะทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่าจะสามารถกำจัดกองทัพทั้งเก้าได้อย่างไม่ยากเย็นดูจากเวลาแล้ว เขาประเมินว่าศิษย์จากเผ่าดาบราชันย์น่าจะกำลังมาถึงในไม่ช้า และเขาก็ต้องการรอนั้นก่อน ทว่าผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งและสมาชิกคนอื่น ๆ โกรธเพราะการตายของผู้อาวุโสลำดับที่สี่ ดูเหมือนว่านอกจากโจมตีกองทัพทั้งเก้าแล้ว เขาจะไม่มีทางเลือกอื่นอีก“อย่างนั้นก็ได้ แต่อย่างน้อยเราก็ต้องหาเหตุผลถูกไหม? มันคงไม่ดีเท่าไหร่แน่ ๆ หากเราไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น!” เอ็ดเวิร์ดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวด “เพราะอย่างไรเสีย เราก็เ
"ถูกต้อง! เราไม่เคยเห็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เช่นนี้มาก่อน!” หลายคนเริ่มหัวเราะ“แน่นอนสิ นี่คือพี่ใหญ่ของผม!” แรนดัลล์ยังมีสีหน้าภาคภูมิใจในขณะที่เขาพูดอย่างมีความสุข “ในที่สุดผมก็ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งในระดับเทพสูงสุดได้ น่าเสียดาย การจะไล่ตามพี่ชายของผมได้นั้นมันยากเกินไป ผมคิดว่าในช่วงชีวิตนี้คงเป็นไปไม่ได้!”"ถูกต้อง! ถ้านายน้อยเฟนด์ไม่มอบทักษะศิลปยุทธให้แก่เรา เราจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุดได้อย่างไร?!” ผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลแลงคาสเตอร์กล่าวอย่างมีความสุข อายุขัยของเขาหลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งในระดับเทพสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็นสองร้อยปีแล้ว อายุขัยที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่งสำหรับชายชราเช่นเขาซึ่งอยู่ในวัยเจ็ดสิบปีแล้วอีกทั้งหลังจากที่เขาทะลวงผ่านไปได้ เขาก็ดูอ่อนกว่าวัยขึ้นมาก“หากพวกคุณอยากตอบแทนน้ำใจ ในการต่อสู้ต่อไปก็ต้องสู้กันแบบสุดชีวิต เฟนด์กับคนอื่น ๆ กำลังซื้อเวลาให้เรา เพื่อให้เราได้ทะลวงได้เร็วขึ้นด้วยทรัพยากรเสริมพลังยุทธที่เราได้รับ เมื่อถึงเวลา ผมมั่นใจว่าเราไม่อาจหลบหนีจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ได้ และเราไม่รู้ว่าสมาชิกของ