"ไม่ต้องห่วงหรอก เขาจะสอนคุณอย่างแน่นอนเพราะคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา” เฮเลน่ายิ้มและพูดต่อ “แต่ตอนนี้เรื่องราวมันผสมปนเปกันไปหมด เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนของเผ่ากระหายเลือดจะมาโจมตีที่นี่ และเขาอาจจะไม่มีเวลามาสอนคุณในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาวางแผนที่จะหาเวลาเพื่อบ่มเพาะโอสถขั้นกลางระดับสามที่เขากำลังฝึกฝนอยู่ เขาอาจจะสามารถพัฒนาพลังยุทธของเขาได้อีกสองถึงสามขั้นด้วยการทำเช่นนั้น!”"ตายจริง! ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นที่สี่ระดับเทพสูงสุดแล้ว แถมยังสามารถฆ่าผู้ที่อยู่ในขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุดได้ ถ้าเขาทะลวงไปอีกสองถึงสามระดับ เขาจะสามารถฆ่าผู้ที่อยู่ในระดับเทพสูงสุดระดับเก้าได้ถูกไหม? แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะผู้ที่อยู่ในขั้นที่ระดับทะลวงวิญญาณได้ แต่เขาอยู่ไม่ไกลแล้ว!” เควินอุทานออกมาอีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งที่เฮเลน่าพูด“เฮ้อ… ความหวังทั้งหมดของเราอยู่ที่เฟนด์หากเขาสามารถทะลวงระดับพลังยุทธในขั้นต่อไปได้ เราจะปลอดภัยกว่านี้มาก” เซเลน่าถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวเสริมว่า “ไม่ว่ายังไง เราก็มีสมาชิกในระดับเทพสูงสุดน้อยเกินไปจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะมีผู้ที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริ
สีหน้าของเฟนด์แข็งกร้าวขึ้นเมื่อคิดเช่นนั้น“เป็นไปได้ยังไง? คนพวกนั้นมากันเร็วมาก! เราควรทำยังไงดีล่ะทีนี้?” ทุกคนมองไปที่เฟนด์อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรเฟนด์คิดใคร่ครวญก่อนที่จะมองไปด้านหลังและชี้ไปที่ยอดเขาลูกหนึ่งขณะที่พูดว่า "เอาอย่างนี้ ภูเขาที่อยู่ตรงนั้นค่อนข้างไกลจากที่นี่ พวกคุณจะไปที่นั่นด้วยกัน หากคุณพบสมาชิกคนอื่น ๆ ระหว่างทาง ให้อธิบายทุกอย่างและให้พวกเขาเร่งฝึกตัวเอง เวลาเป็นสิ่งสำคัญเพราะเราไม่รู้ว่าผู้คนจากกองทัพทั้งเก้าจะรีบมาหรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เรามีพวกอื่น ๆ คอยกันอยู่แถมพื้นที่ภายนอก เราจำเป็นต้องซื้อเวลาให้มากขึ้นและทำให้ผู้ที่พร้อมจะทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดได้รีบทะลวงให้ได้โดยเร็วที่สุด!”เควินคิดตามและหยิบโอสถหลายเม็ดออกมาก่อนจะส่งต่อให้สมาชิกที่ในอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงหลายต่อหลายคน “ฉันมีโอสถชั้นเลิศระดับสองอยู่สองสามเม็ด น่าจะพอช่วยให้ทุกคนก้าวไปสู่ขั้นที่หนึ่งในระดับเทพสูงสุดได้ รับมันไปแบ่งกัน!”เฟนด์เองก็พลิกมือหยิบโอสถออกมาหลายเม็ดเช่นกัน “มียาชั้นเลิศระดับสองหลายเม็ดทีเดียว และยังมีระดับสามอีกสามเม็ดด้วย พ่อเอามันไปแบ่งปันกับคนอื่
เฮเลน่าและคนอื่น ๆ อิจฉาที่เฟนด์และเซเลน่ารักใคร่กันในฐานะสามีภรรยาเฮเลน่าถึงกับเม้มปากด้วยความอิจฉาอย่างสุดซึ้งดาเนียลล่าเดินไปหาเฟนด์และเตือนเขาว่า “ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ คุณก็ต้องระวังตัวตลอดเวลา อย่าหุนหันพลันแล่นและอย่าได้ฝืนตัวเองหากคู่ต่อสู้ของคุณมีพลังยุทธสูง เข้าใจไหม?”"ไม่ต้องห่วง ผมจะจำไว้” เฟนด์ยิ้มอย่างเฉยเมยก่อนที่เขาจะหันไปกอดดาเนียลล่า ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอหน้าแดงและค่อนข้างอาย เห็นได้ชัดว่าเธอลนลานเพียงใด“ฮ่าฮ่า…วิเศษ!” เควินและคนอื่น ๆ หัวเราะเบา ๆ เมื่อได้เห็นภาพนั้นในทางกลับกัน อเล็กซานเดอร์หันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง เฟนด์สวมกอดดาเนียลล่าต่อหน้าทุกคน ก็เท่ากับประกาศว่าความสัมพันธ์ของเขานั้นแสนพิเศษนอกจากนี้เขายังรู้ว่าเฮเลน่าและเฟนด์แค่แสร้งทำเป็นคู่รักกัน ในความเป็นจริงเฟนด์มีความสัมพันธ์กับลูกสาวคนสุดท้องของเขาต่างหากเขาค่อนข้างพอใจในตัวเฟนด์ในทางกลับกัน เฮเลน่าค่อนข้างอาย หลังจากที่ทุกคนรู้เรื่องที่เธอแกล้งทำเป็นแฟนสาวของเฟนด์ แถมตอนนั้นหญิงสาวจากตระกูลคาเบลโลหลายคนก็นึกอิจฉาเธอด้วย"เอาล่ะ ดูแลตัวเองด้วย เราจะรอคุณอยู่ที่ยอดเขาลูกนั้น” ดาเนียลล
“เอาล่ะ ตกลงตามนั้น เราจะทำสงครามกองโจร ทีนี้ มาดูกันว่าคู่ต่อสู้ของเราอยู่ในขั้นไหน หากพวกเขามีพลังยุทธสูงมาก เราจะลอบจัดการพวกเขาแทนที่จะต่อสู้แบบซึ่ง ๆ หน้า แต่ถ้าพวกเขามีพลังยุทธต่ำ เราจะจัดการกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว” เคนเนธรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขามีความสุขมากเมื่อคิดว่าเฟนด์ให้โอสถขั้นกลางระดับสามแก่เขา และมีความหวังว่าเขาจะเพิ่มระดับพลังยุทธได้สักสามระดับท้ายที่สุด นี่คือโอสถขั้นกลางระดับสาม และมีคนไม่มากนักที่ได้รับมันมา การรั้งอยู่ข้างหลังนั้นเป็นการเคลื่อนไหวที่อันตรายมากสำหรับพวกเขา แต่มันก็เป็นโอกาสเช่นกัน“ฮ่าฮ่า… ผมเชื่อว่าสมาชิกของพวกเขาจะมีพลังยุทธไม่สูงนัก ท้ายที่สุดแล้ว ศิษย์ทั่วไปและศิษย์ภายนอกของพวกเขาก็มีแต่พวกพลังยุทธไม่สูง อีกอย่างเฟนด์เองก็สามารถฆ่าศิษย์ภายในของพวกเขาได้หากพวกนั้นไม่ได้มีพลังยุทธที่สูงมากและมีกันไม่กี่คน” เวสตันหัวเราะเบา ๆ แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวขณะที่เขาพูด “ถึงกระนั้น เราก็ต้องเปิดศึกในสงครามที่เรามั่นใจว่าจะชนะเท่านั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าเราไม่อาจปล่อยให้สมาชิกคนใดหนีไปได้ ถ้าคนของพวกเขาหนีไปได้แล้วไปแจ้งผู้อาวุโสหรือหัวหน้าเ
“แ-่งเอ๊ย! คนพวกนี้เป็นใครกัน? ทำไมถึงมีปรมาจารย์ในขั้นที่สามระดับเทพสูงสุดหลายคนอยู่ด้วย” สมาชิกที่เหลืออยู่ของเผ่ากระหายเลือดรู้สึกตกใจที่ทุกอย่างกลับตาลปัตร หนึ่งวินาทีที่แล้ว พวกเขาไม่ได้สังเกตพวกที่บุกเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มากนัก แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีปรมาจารย์ระดับเทพสูงสุดมากมายพุ่งพรวดออกไปในวินาทีถัดจากนั้น มีปรมาจารย์ในขั้นที่สามระดับเทพสูงสุดถึงห้าคน และหนึ่งในนั้นอยู่ในขั้นที่สี่ระดับเทพสูงสุดอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตะลึงงัน“พวกเขาเป็นสมาชิกของกองทัพทั้งเก้าหรือเปล่า? บ้าไปแล้ว! ต้องใช่แน่ ๆ! กองทัพทั้งเก้าส่งคนของพวกเขามาที่นี่ตั้งแต่ตอนไหน?” ชายที่อยู่ในขั้นที่สองของระดับเทพสูงสุดคนหนึ่งตกใจกลัวจนหันหลังหนีแต่โชคไม่ดีที่อเล็กซานเดอร์พุ่งตัวไปดักทางเขาและชกเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง นั่นทำให้เขาเสียชีวิตในทันที "ตายซะ!"ปัง! ปัง! ปัง!การมาถึงของเฟนด์และคนอื่น ๆ ทำให้การต่อสู้กลับตาลปัตรในทันที และไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา การต่อสู้ก็จบลงคนที่ยังคงรอดอยู่รู้สึกเหมือนได้รอดพ้นจากหายนะผู้อาวุโสจากตระกูลลึกลับชั้นสองคนหนึ่งนำกลุ่มคนคุกเข่าต่อหน้าเฟนด์และคนอื่น ๆ “นายน้อย
ไม่นานนัก เฟนด์และพรรคพวกก็ไปถึงจุดที่จะได้ยินเสียงผู้คนต่อสู้กัน เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นสมาชิกหลายคนของตระกูลวู๊ดและตำหนักเทพยดาที่กำลังต่อสู้กับสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดอยู่แต่ในคราวนี้สมาชิกของเผ่ากระหายเลือดประมาณ 100 คนกลับไม่มีพลังยุทธสูงนัก พวกเขามีเพียงสมาชิกในระดับกึ่งเทพ ระดับเทพแท้จริง และมีผู้อาวุโสเพียงคนเดียวที่อยู่ในขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุดเท่านั้นถึงกระนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าสมาชิกของตระกูลวู๊ดและตำหนักเทพยดาไม่อาจต่อกรกับพวกเขาได้เนื่องจากคู่ต่อสู้ของพวกเขากำลังบดขยี้พวกเขาอยู่"“วิเศษมาก! มีสมาชิกในตระกูลวู๊ดของเราด้วย!” เฟนด์ดีใจที่ได้เห็นอย่างนั้น เขารีบพาพรรคพวกออกไป“ตายจริง นั่นนายน้อยและหัวหน้าตระกูลของเรานี่!” สมาชิกของตระกูลวู๊ดรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าใครมาช่วยพวกเขา พวกเขารู้ว่าเฟนด์เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ พวกเขาอยู่ที่นี่มากว่า 20 วันแล้ว และเฟนด์จะต้องทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดไปแล้วแน่ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!สมาชิกของเผ่ากระหายเลือดสู้กับเฟนด์และคนอื่น ๆ ไม่ได้เลย เมื่อเฟนด์และคนอื่น ๆ มาถึง อีกฝ่ายก็ถูกสังหารภายในไม่กี่กระบวนท่าชายหนุ่มคนหนึ่งจาก
สมาชิกหญิงคนหนึ่งพึมพำอย่างออกมา “เฮ้อ… ฉันได้แต่สงสัยว่าทุกอย่างจะดีกว่านี้ไหมถ้าเราไปกับ นายน้อยเฟนด์เพราะเราก็เห็นว่าเขามีความสามารถขนาดไหน ถ้าเขาทะลวงเข้าสู่ขั้นที่สองของระดับเทพสูงสุดด้วย เขาก็จะสามารถฆ่าสมาชิกในขั้นที่สามระดับเทพสูงสุดได้ด้วยพลังการต่อสู้ของเขาได้อย่างแน่นอน!”สีหน้าของเมโลดี้มืดหม่นลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น ภาพของชายคนนั้นปรากฏขึ้นในหัวของเธอ และเธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอสงสัยว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรและเขาทะลวงผ่านไปได้หรือยัง จากความสามารถของเขาแล้ว เมื่อเขาทะลวงเข้าสู่ขั้นที่สองของระดับเทพสูงสุด เขาคงไม่ตายง่าย ๆ“เธอกำลังพูดอะไร? เราคือตำหนักเทพยดาและนายน้อยของตระกูลวู๊ดอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว นอกเหนือจากนั้นเราได้รับทักษะยุทธมาพัฒนาพลังยุทธหลังจากที่เราแยกจากพวกเขามาไม่นาน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเราติดตามตระกูลวู๊ดไป!” เธอตะคอกสมาชิกหญิงอีกคนในขณะที่กำลังขับไล่ศัตรู“เมโลดี้ นำสมาชิกที่มีความสามารถหนีไป ฉันจะถ่วงเวลาให้เธอและสมาชิกคนอื่น ๆ ดูว่าเราจะหาทางหนีได้หรือไม่ เราทั้งคู่จะตายที่นี่ด้วยกันไม่ได้ คุณมีความสามารถมากและเป็นผู้สืบทอดของเรา
ปัง!อนิจจา แม้ออเรียลจะใช้พลังฉี แต่เธอสู้กับชายคนนี้ไม่ได้เลย กำปั้นของเขาส่งเธอลอยออกไป“เจ้าตำหนัก!” เมโลดี้หน้าซีดด้วยความตกใจ เธอบินไปอย่างรวดเร็วและแทบจะตามออเรียลที่กำลังบินถลาไปไม่ทัน“ทำไม… ทำไมเธอถึงไม่หนี” ออเรียลโกรธนิด ๆ ที่เมโลดี้ไม่ได้ใช้โอกาสนี้หนีไป มันมีช่องโหว่มากพอที่พวกเขาจะสามารถหนีออกไปได้ เป็นโอกาสที่หามาได้ยากยิ่ง แต่เมโลดี้กลับทำให้มันเสียเปล่าอั่ก!เธอกระอักเลือดออกมาเมื่อพูดจบ“ฮ่าฮ่า… เธอคิดว่าเธอจะหลบหนีได้ทั้งที่ฉันเห็นเธออยู่อย่างนี้น่ะเหรอ? อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่เธอจะไม่มีโอกาสหนีไปจากฉัน โดยอาศัยแค่ความเร็วในการบินของเธอเพียงอย่างเดียวได้หรอกน่า!” ชายวัยกลางคนหัวเราะและค่อย ๆ บินมาชายคนหนึ่งพุ่งออกไปและฆ่าเหล่าสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดที่อยู่ด้านนอกด้วยหมัดที่ต่อเนื่องกันหลายครั้งก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้าเมโลดี้และคนอื่น ๆ “ฟ...เฟนด์?” เมโลดี้รู้สึกงุนงงเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนี้ เธอไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับเฟนด์ที่นี่ได้หวือ! หวือ! หวือ!ทันทีที่เฟนด์หยุดโจมตี แนชและคนอื่น ๆ ก็พุ่งเข้ามาโจมตีสมาชิกของเผ่ากระหายเลือดที่เหลืออย่างด
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ