เมื่อโจเอลพูดจบประโยค น้ำเสียงของเขาก็ดูเย่อหยิ่งและเจ้าเล่ห์ ไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น คนส่วนใหญ่ของตำหนักนภายังคิดว่าเจ้าตำหนักของพวกเขาประมาทเลินเล่อ เพราะประเมินเฟนด์ต่ำเกินไป แถมไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่ นั่นเป็นสาเหตุที่เฟนด์มีโอกาสทำร้ายเขาได้ ผู้คนของตำหนักนภามีความไว้วางใจและมั่นใจในทักษะการต่อสู้ของเจ้าตำหนักคอลลินส์ ฝูงชนที่ประกอบด้วยผู้คนจากตระกูลลึกลับนั้นไม่ได้โง่ บุคคลที่สูงส่งและทรงพลังอย่างเจ้าตำหนักคอลลินส์แห่งตำหนักนภาได้รับบาดเจ็บจากเฟนด์ ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่คิดจะสู้ต่อ! เห็นได้ชัดว่าโจเอลกลัวความแข็งแกร่งของเฟนด์ในระดับหนึ่ง จากพฤติกรรมเหล่านี้ของโจเอล ฝูงชนเข้าใจว่าความแข็งแกร่งและความสามารถในการต่อสู้ของเฟนด์นั้นแข็งแกร่งอย่างที่สุด “นายท่านฮันท์ สถานการณ์ยิ่งเฉลยให้เรารู้เกี่ยวกับการตายของนายน้อยมากขึ้น นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่านายน้อยของเราถูกเจ้าหมอนี่ฆ่าจริง ๆ!” ผู้อาวุโสจากตระกูลฮันท์โน้มตัวไปหาเควนติน และกระซิบข้างหูเขาเบา ๆ "ใช่ พลังการต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดไว้มาก แถมยังแข็งแกร่งกว่าระดับพลังยุทธในปัจจุบ
“ตำหนักเทพยดาจะมาแน่ แต่ผมไม่แน่ใจว่าวิหารแห่งทวยเทพและราชาจะมาด้วยไหม?” เชลบี้เย้ยหยันด้วยรอยยิ้มห่างเหิน “วิหารแห่งทวยเทพและราชาได้ส่งนักสู้ชั้นยอดเข้าไปในเจ็ดจุดอันตรายแล้ว ฉันเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อสองสามวันก่อน!” เจ้าตำหนักอินทรีทะยานแทบสำลักกับข่าวที่ได้รับ มุมปากของเขากระตุกหลายครั้งอย่างอดไม่ได้ "ฮึ! วิหารแห่งทวยเทพและราชา พวกทรยศ! ลิลลี่แจ้งให้เราเรื่องวันเวลาและสถานที่ของการประชุม โดยบอกว่าทุกตระกูลจะมารวมตัวกันที่คฤหาสน์คาเบลโลก่อนที่จะเข้าสู่เจ็ดจุดอันตราย พวกเขาทำอะไรตามอำเภอใจได้อย่างไร?” เจ้าตำหนักอินทรีทะยานเคยลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็ล้มเลิกความคิดที่คล้ายกันนี้เพราะกลัวว่าจะทำให้สาธารณชนโกรธ ถ้าเขารู้ว่าวิหารแห่งทวยเทพและราชาได้ลงมือไปแล้ว เขาคงไม่ลังเลที่จะส่งคนของเขาออกไปสำรวจเจ็ดจุดอันตรายทันที! หลังจากผ่านไปหลายนาที เจ้าตำหนักเทพยดาก็มาถึงพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ “ดูเหมือนว่าเราจะไม่ใช่กลุ่มสุดท้าย! วิหารแห่งทวยเทพและราชายังไม่มา!” “อ๋อ พวกเขาคงไม่มาหรอก พวกเขาได้ส่งคนเข้าไปยังเจ็ดจุดอันตรายแล้ว และฉันก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ล่าสุดที่นั่นเป็นอย่างไร” เจ
“อย่างนั้นเหรอ? ขอแสดงความยินดีกับคุณที่มีความก้าวหน้าสู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพที่แท้จริงในช่วงเวลานี้ถึงสองครั้งด้วย!” ออเรียล ฮอฟฟ์แมนจากตำหนักเทพยดาแสดงความยินดี ขณะที่เธอยิ้มเล็ก ๆ “เฮ้อ… ก่อนหน้านี้ตระกูลของเรามีคนในขั้นสูงสุดของระดับเทพที่แท้จริงสิบสี่คนเช่นเดียวกับเผ่าของคุณ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เรามีคนที่ก้าวเข้าสู่ชั้นสูงสุดเพิ่มอีกหนึ่งคน ดังนั้นตอนนี้เรามีกันสิบห้าคนแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าออเรียลโอ้อวดความจริงราวกับว่าเธอกำลังบอกอีกฝ่ายว่า ตำหนักเทพยดาของพวกเธอแข็งแกร่งขึ้นในขณะที่ตำหนักนภาได้กลับถดถอยลง ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องตกลำดับลงเล็กน้อยในอนาคตกริฟเฟนด์ แลงลีย์ไม่อยากถูกเหน็บแนม จึงประกาศความแข็งแกร่งของเผ่าของตน “ฮ่าฮ่า… บังเอิญจริง ชนเผ่าของเราก็มีคนที่บรรลุถึงขั้นสูงสุดของระดับเทแท้จริงอีกสองคนเช่นนั้น และด้วยสิ่งนั้น เราจึงมีคนเพิ่มจากสิบสี่เป็นสิบหกคนแล้ว ดูเหมือนว่าเผ่าของเรามีผู้อาวุโสในขั้นสูงสุดของระดับเทพที่แท้จริงมากขึ้น!”สีหน้าของโจเอลมืดมน ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยแสดงความคิดเห็นว่า “การมีนักสู้ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงจะมีประโยชน์อะไร? ผมคิดว่
แนชพยักหน้าทันที “มันเป็นไปได้ พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าเรารู้แล้วว่าพวกเขาส่งสมาชิกไปที่นั่น”ครู่ต่อมา สมาชิกของวิหารแห่งทวยเทพและราชาก็บินมาและลงจอดต่อหน้าพวกเขาออเรียลขมวดคิ้วและเป็นคนแรกที่ถาม “เจ้าวิหารแฮรี่ พวกคุณ...?”แฮร์รี่กวาดสายตามองฝูงชนก่อนที่เขาจะพูดด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้ว “พูดตามตรง คนของเราได้แยกออกเป็นสามกลุ่มแล้ว และมุ่งหน้าไปยังพื้นที่อันตรายสามแห่งเพื่อตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ และพวกเขาก็กลับมาแล้ว”“ฮ่า ฮ่า…! เราคิดว่าคุณจะไม่ยอมรับเรื่องนั้นเสียอีก อาจารย์แฮรี่ แต่นี่คุณยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลย ลิลลี่บอกผมว่าเธอแจ้งให้ชนเผ่าคุณทราบว่าจะมารวมตัวกันที่นี่เมื่อใด และเราจะเข้าสู่เจ็ดจุดอันตราย ด้วยกัน ใครจะรู้ว่าคุณจะลงมืออย่างรวดเร็ว คุณยังสารภาพออกมาเสียอีก!” โจเอลพูดพลางหัวเราะเบา ๆ แม้ว่าความไม่พอใจจะแผดเผาอยู่ในอกของเขาก็ตามแฮร์รี่ยิ้มอย่างขมขื่นอีกครั้ง “คนของเรากลับมาจากพื้นที่อันตรายสามแห่งแล้ว แต่เราต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก เนื่องจากคนในระดับเทพแท้จริงและระดับกึ่งเทพเสียชีวิตไปแล้วเป็นจำนวนมาก คนที่อยู่ในขั้นกลางและขั้นสูงของระดับเทพแท้จริงได้ตายไปหลายคนแล้ว เช่
โจเอลตกตะลึงชั่วครู่ ก่อนหันไปหาแฮร์รี่ขณะที่เขาพูดอย่างยิ้มแย้ม “เจ้าตำหนักแฮร์รี่ ขอผมดูมันใกล้ ๆ ได้ไหม? นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นสิ่งนี้!”ทว่าแฮร์รี่กลับยิ้มอย่างเย็นชา “ที่ผมมาที่นี่และถ่ายทอดข้อมูลบางอย่างก็มากพอแล้ว แต่คุณยังอยากให้ผมเอาให้คุณดูอีกหรือ ฮ่าฮ่า… ผมเสียสละคนของผมไปมากมายเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา หลังจากตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ถ้าคุณไม่ส่งคืนให้แล้วผมจะทำอย่างไร? ตอนนี้ผู้อาวุโสของชนเผ่าเราตายไปมากแล้ว คุณต้องให้ผมสู้กับคุณไหม? ถ้าคุณไม่คืนมัน”“เอ่อ… คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เผ่าของเราโชคร้ายเพราะเราพบกับสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัว ทำให้นักสู้ในขั้นสูงสุดของระดับเทพที่แท้จริงเสียชีวิตไปหกคน” แฮร์รี่ทำให้โจเอลดูลนลาน เขาไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้เพราะชนเผ่าอื่นก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน“คนของคุณเสียชีวิตไปหกคนเหรอ?” แฮร์รี่มองดูผู้คนจากด้านข้างของตำหนักนภาอย่างระมัดระวัง และดูเหมือนว่าผู้อาวุโสที่มีอำนาจหลายคนจะหายไปอย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธคำขออย่างยิ้มแย้ม “นั่นไม่ได้ผลกับเราหรอก เราได้สิ่งนี้มาด้วยความยากลำบากแสนสาหัส และแม้ว่าจะศึกษามันตลอดทั้งคืนเมื
ผู้อาวุโสลำดับแรกของวิหารแห่งทวยเทพและราชาออกมาในขณะนั้นและกล่าวว่า “ผมแน่ใจว่าทุกคนที่นี่คงไม่เชื่อเรา ดังนั้นพวกคุณทุกคนจะลองดูด้วยตัวเองก็ย่อมได้ เราใจดีพอที่จะแจ้งให้คุณทราบ แต่หากคุณไม่เชื่อ และต้องการให้มีคนตายมากกว่านี้ เราก็จะไม่ห้ามคุณ”“ผมเชื่อในตัวคุณ ท่านผู้อาวุโส!” เฟนด์ทำความเคารพเขาอีกครั้งและยังคงโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนถามว่า "ผมหวังว่าเจ้าวิหารแฮร์รี่ และท่านผู้ทรงเกียรติจะบอกเราได้ว่าจุดอันตรายทั้งสามแห่งที่คุณไปคือที่ใดบ้าง?"“ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่มีมารยาทดีจริง ๆ” ผู้อาวุโสลำดับแรกของวิหารแห่งทวยเทพและราชาพยักหน้า “เราไปยังจุดอันตรายสามแห่งซึ่งอยู่ใกล้วิหารแห่งทวยเทพและราชาที่สุด อีกสี่แห่งที่เรายังไม่เคยไป ได้แก่ ผืนป่ารัตติกาล เขาทมิฬเศียรมังกร เขาเหมันต์กระจ่าง และเกาะวายุมืด จัดการเอาเองได้เลย”“เอาล่ะ เราพูดทุกอย่างที่จำเป็นต้องพูดแล้ว ผมหวังว่าทุกคนจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเราหลังจากได้รับลูกบอลแปลก ๆ เช่นนี้ แล้วเกิดสังเกตเห็นอะไรเข้า เราจะลากันเดี๋ยวนี้” เจ้าวิหารแฮร์รี่แห่งวิหารแห่งทวยเทพและราชาเก็บลูกบอลหินในมือไว้ก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้ติดตามหลังจากที่ผู้ค
ในขณะนั้นเอง หญิงชราอีกคนจากตำหนักอินทรีทะยานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน “ตระกูลลึกลับของพวกคุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะต่อรองกับเรา ขอเพียงแค่เห็นด้วย พวกคุณก็ยังพอมีโอกาส แม้จะค่อนข้างเล็กน้อยก็ตาม เพราะเรามอบโอกาสให้พวกคุณทุกคน ปล่อยวางเสียเถอะ ตระกูลไหนในหมู่พวกคุณที่กล้าจะแข่งกับเราในเรื่องจำนวนของผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพที่แท้จริงได้?”เฟนด์ยิ้มอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขาเดินไปข้างหน้าและพูดกับหญิงชราว่า “ผู้อาวุโสที่เคารพ สิ่งที่คุณพูดฟังดูไม่ถูกต้องเลย หากเราเปรียบเทียบเป็นรายบุคคล จำนวนปรมาจารย์ของเราที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงย่อมไม่สามารถเทียบได้กับเผ่าโบราณของพวกคุณ แต่ถ้าเราเปรียบเทียบจำนวนทั้งหมดล่ะ? มีตระกูลมากมายอยู่ที่นี่ และตระกูลชั้นสองบางตระกูลของเราก็มีผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงด้วย ถ้าเรารวมทั้งหมดเข้าด้วยกันคุณว่าจะเป็นอย่างไร? เรายังน้อยไปอีกหรือ?”เฟนด์หยุดชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “นอกเหนือจากนั้น การที่คุณจะให้จุดอันตรายเพียงแห่งเดียวแก่เราในขณะที่เรามีหลายตระกูลนั้นมันไม่เหมาะสมมิใช่หรือ? หากคุณยืนกรานตาม
หมัดของเฟนด์ทำให้ผู้อาวุโสลำดับที่สามกระเด็นถอยหลังไปไกลเธอกระเด็นไปไกลประมาณ 100 เมตรก่อนที่เธอจะตั้งหลักได้อีกครั้ง"โอ๊ย!" ผู้อาวุโสลำดับที่สามจับแขนขวาของเธอด้วยแขนข้างซ้าย แขนขวาของเธอหักเนื่องจากแรงกระแทกทำให้กระดูกแตกออกเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อย“เป็นไปได้อย่างไร? ผู้อาวุโสลำดับที่สามบาดเจ็บ!”“ดูเหมือนว่าแขนของคุณจะหักใช่ไหม? จุ๊ จุ๊ จุ๊! แม้ว่าคุณจะกินยาเพื่อรักษาบาดแผล แต่กว่าคุณจะรักษาหายก็คงใช้เวลาราวแปดถึงสิบวันนั่นแหละ!”“โอ้… พลังการต่อสู้ของชายหนุ่มผู้นั้นมันยังไงกัน? ผู้อาวุโสลำดับที่สามเป็นผู้ฝึกยุทธที่มีพลังการต่อสู้สูงในชนเผ่าโบราณของเรา แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับเอาชนะเธอได้อย่างง่ายดาย? พลังการต่อสู้ของเธอเป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธสูงสุดในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง!”เหล่าผู้ติดตามจากตำหนักอินทรีทะยานตกตะลึงจนตาแทบถลนออกมาจากเบ้า สิ่งที่เกิดขึ้นได้เปลี่ยนการรับรู้ของพวกเขาโดยสิ้นเชิงในความเห็นของพวกเขา เป็นไปไม่ได้ที่เหล่าอัจฉริยะรุ่นใหม่จะสู้กับปรมาจารย์มือฉมังได้ ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด ทว่าไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงเท่านั้น แต่พวก