ทั้งชายวัยกลางคนและชายชราล้มลงกับพื้นเมื่อการโจมตีของเฟนด์ปะทะกับฝ่ามือฉีขนาดใหญ่ของชายชราปัง!โดยไม่คาดคิด การโจมตีของเฟนด์ก็ทำลายฝ่ามือฉีขนาดใหญ่จนแหวกออกเหมือนใบมีดที่แหลมคม ทิ้งรูขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง และแม้ว่าการโจมตีของเฟนด์จะลดลงและช้าลงก็ตาม แต่พลังที่หลงเหลืออยู่จากการโจมตีก็ยังคงพุ่งเข้าใส่ชายชราฝ่ามือฉีขนาดใหญ่พุ่งไปข้างหน้าหลายเมตร แม้ว่าจะมีรูโหว่เหลืออยู่จากการโจมตีของเฟนด์ ก่อนที่ฝ่ามือจะสลายตัวไปในที่สุดเป็น-เป็นไปไม่ได้! สีหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่ลังเลที่จะเปิดฉากโจมตีแม้ว่ามันจะเป็นเพียงทักษะการต่อสู้ชั้นยอดระดับหนึ่ง แต่มันก็เป็นทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง แล้วเขาก็ยังใช้ทักษะการต่อสู้นี้ด้วยศักยภาพสูงสุดชายชราตกใจสุดขีดเมื่อเห็นการโจมตีของเฟนด์พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาสร้างโล่ฉีขนาดใหญ่รอบตัวอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันตัวเอง มันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นและสบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อสร้างโล่ขึ้น เพราะเขาเชื่อคงว่าไม่มีการโจมตีใด ๆ ที่สามารถทำลายโล่ของเขาได้แต่...ปัง!ขณะที่โล่ฉีของเขาก่อตัวขึ้น การโจมตีของเฟนด์ก็กระแทกใส่มันและโล่ฉีก็สั่นสะเทื
“นายน้อยเฟนด์ สู้ต่อไป! เราทนต่อไม่ไหวแล้ว ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับจุดยืนของคุณจริง ๆ ว่าคุณจะสามารถสร้างโอกาสรอดไปได้หรือไม่ แม้ว่าพวกเราจะหนีออกไปไม่ได้ แต่คุณทำได้!” ในตอนนั้นเองเคนเนธก็หันไปตะโกนบอกเฟนด์ ร่างของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เฟนด์กำลังต่อสู้กับนักสู้ชั้นยอดสองคนตามลำพัง เขาเพิ่งผ่านเข้าสู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงได้ไม่นาน ขณะที่คู่ต่อสู้อีกสองคนของเขาเป็นนักสู้เก่าของตำหนักนภาอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงมานานแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่เฟนด์จะยืนหยัดได้นานขนาดนั้น “เฟนด์ อย่าสนใจพวกเราเลย! หากลูกสามารถสร้างโอกาสหลบหนีไปได้ จงทำมันซะ! แล้วใช้ดาบบินนั้นเพื่อหลบหนีไป! พ่อดีใจที่มีลูกเป็นลูกชาย ในอนาคตถ้าลูกมีโอกาสก็แก้แค้นให้เราด้วย!” แนชถูกศัตรูล้อมไว้ ก่อนการต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น อีกฝ่ายโจมตีเพียงเพื่อทดสอบพลังยุทธของเขาและเขาก็แทบจะรับมือไม่ไหว แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้ฝีมือจริง ๆ ของฝ่ายพวกเขาแล้ว ดังนั้นอีกฝ่ายจึงเริ่มใช้ทักษะและเทคนิคการต่อสู้ที่น่ากลัวมากขึ้นเพื่อแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริง! สีหน้าของเฟนด์มืดลงทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของแนชกับเคนเนธ ห
พยัคฆ์มหึมาสองตัวนี้ทั้งทรงพลังและน่ากลัว พวกมันสูงมากกว่าสิบฟุตและมีออร่าที่แข็งแกร่ง พลังฉีหนาแน่นกระโจนใส่พวกเขา กรร! พยัคฆ์ที่ดุร้ายส่งเสียงคำรามออกมาและพุ่งตรงไปยังเฟนด์ "จัดการ!" พลังฉีจำนวนมากของเฟนด์ถูกปล่อยเข้าไปในการโจมตีของเขา เพื่อให้เขาสามารถควบคุมดาบบินได้ ดังนั้นพลังโจมตีจึงพิเศษกว่าครั้งก่อน ปัง! ปัง! ปัง! คลื่นดาบบินพุ่งข้างหน้าและไม่นานก็แยกออกเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็ซัดเข้าใส่พยัคฆ์มหึมาตามลำดับ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทะลุอากาศ พื้นดินถึงกับสั่นสะเทือนไม่หยุด เมื่อคลื่นดาบปะทะกับพยัคฆ์ คลื่นพลังฉีก็กระจัดกระจายและแผ่ออกไปทุกทิศทาง พยัคฆ์ตัวใหญ่ทั้งสองต่อต้านและทำลายใบมีดอย่างไม่หยุดยั้ง ดาบบินของเฟนด์ถูกทำลายอย่างอย่างไม่หยุดหย่อน อย่างไรก็ตาม ดาบบินของเฟนด์ก็มีมากเกินไป ไม่นานพยัคฆ์มหึมาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป ดาบบินภายใต้การควบคุมของเฟนด์ก็ยังเล็งไปที่เสือและโจมตีจุดเดิม พยายามสร้างโอกาสที่จะทำลายพวกมันให้สิ้นซาก “ไอ้เด็กนอกคอกนี่ค่อนข้างมีประสบการณ์ในการต่อสู้!” หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว ชายวัยกลางคนและชายชราซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามก็มีหยดเหงื่อข
“เฟนด์ ไป! หนีไป!"แนชกับเคนเนธยังไม่ตาย แต่ทั้งสองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่มีพลังต่อสู้เหลืออยู่แล้วอย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็ตะโกนบอกเฟนด์ ขอร้องให้เขาหนีไป เฟนด์ฆ่าคู่ต่อสู้สองคนด้วยตัวเองได้แล้ว และตอนนี้ทางเขามีโอกาสแล้ว มันเป็นโอกาสทองที่จะหลบหนี และมันจะดีกว่าถ้าเขาหนีไปด้วยดาบบิน“พ่อ ไม่มีทางที่ผมจะทิ้งพ่อกับผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งไว้ข้างหลังแน่!”แต่เฟนด์ก็ปฏิเสธข้อเสนอนั้นไป สีหน้าของเขาเคร่งขรึม เขาหันกลับไปและในพริบตาก็ปรากฏตัวต่อหน้าแนชและเคนเนธ หยุดไม่ให้อีกสี่คนฆ่าแนชกับเคนเนธ“ไอ้เด็กนอกคอกนี่ทรงพลังมาก เขาฆ่าทั้งผู้อาวุโสชอว์และผู้อาวุโสเลคได้!”เมื่อชายทั้งสี่ชำเลืองมองศพทั้งสองที่อยู่บนพื้น มุมปากของพวกเขาก็กระตุกอย่างไม่ได้ตั้งใจ จุดจบแบบนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงเลย“ไอ้นอกคอกนี่เพิ่งอยู่ในขั้นสูงของระดับเทพแท้จริงเท่านั้น ถ้าเขาทะลวงเข้าสู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงได้ มันคงเป็นปัญหาแน่! เมื่อถึงตอนนั้น ฉันเกรงว่าแม้แต่เจ้าตำหนักของเราก็อาจจะสู้เขาไม่ได้!”หนึ่งในสี่พูดขณะที่พวกเขาเหาะไปยังอีกด้านหนึ่งของเฟนด์ ทั้งสี่คนล้อมรอบเฟนด์ไว้ ทำให้ตอนนี้เฟนด์อ
อีกด้านหนึ่ง ชายชราอีกคนก็หัวเราะเยาะกับสถานการณ์นี้ “ฮ่าฮ่าฮ่า! การกระทำของเขาไม่ต่างจากฆ่าตัวตายเลย จริงไหม? ตอนแรกเขามีโอกาสที่จะหนี แต่ตอนนี้ไม่มีโอกาสอีกแล้ว! ร่วมมือฆ่าเขากันเถอะ! พอเขาตาย แนชกับเคนเนธก็จะหนีไม่รอดเหมือนกัน!” จากระยะไกล แนชกับเคนเนะซึ่งยืนอยู่บนดาบบิน ต่างก็กินโอสถเพื่อรักษาแผล จากนั้นพวกเขาก็นั่งลงบนดาบและพักผ่อน สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึมขณะมองไปยังทางที่เฟนด์และอีกสี่คนอยู่“นายท่านแนช ทำไมนายน้อยเฟนด์ถึงทำแบบนี้? นี่ไม่เท่ากับว่าหาเรื่องตายเหรอ? สถานกาณ์อย่างนั้น มันไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย!” เคนเนธถอนหายใจอีกครั้ง สีหน้าของเขาหมองลง “นายน้อยเฟนด์ ครั้งนี้เขาประมาทเกินไป!” แนชก็มีสีหน้าเศร้าหมองลงเช่นกัน หลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้แล้วเขาก็วิเคราะห์ออกมาว่า "แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมเฟนด์ถึงอยากให้เราปลอดภัยก่อน แต่ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา บางทีเขาอาจจะมีแผนการบางอย่างที่….”ขณะที่แนชแสดงความเห็นออกมา เสียงของเขาก็เบาลงเรื่อย ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่ค่อยมั่นใจในคำพูดของตัวเองเหมือนกัน แม้แต่เขาก็คิดว่า เฟนด์คงไม่มีโอกาสชนะ เพราะนอกจากดาบบิน เฟนด์จะมีอะไรอีก?
“กรร!” เฟนด์ซึ่งตอนนี้แปลงร่างเป็นมังกรเขียว เริ่มแสดงการเคลื่อนไหวของเทคนิคนี้เป็นครั้งแรกหลังจากแปลงร่าง เขารู้สึกได้ถึงพลังและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นภายในร่างกายของเขา ทั้งความหนาแน่นและความสมบูรณ์ของพละกำลังโดยรวมของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเขายังแข็งแรงและทรงพลังกว่าเดิมมาก เขาเชื่อว่าความสามารถในการป้องกันการโจมตีของเขาก็ต้องดีขึ้นมากด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่เขากังวลอยู่ตอนนี้ก็คือ ร่างกายของเขาใหญ่และแข็งแรงขึ้นก็จริง แต่ความเร็วและความว่องไวของเขาจะลดลง เขาคงจะไม่รวดเร็วเท่าเมื่อก่อน“ฆ่ามัน!” หญิงชราตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียว เธอถ่ายเทฉีเข้าไปในดาบแล้วเหวี่ยงแขนของเธอ ส่งการโจมตีด้วยดาบสองครั้งติดกันตรงไปยังเฟนด์กรร! หลังจากเห็นการโจมตีของหญิงชรา มังกรเขียวก็ส่งเสียงคำรามดังลั่นอีกครั้งและพุ่งเข้าโจมตีใส่หญิงชราโดยตรง “ฆ่ามันซะ!”อีกสามคนตวัดดาบทันทีเพื่อร่วมต่อสู้ ปล่อยออร่าดาบหลายอันพุ่งเข้าใส่เฟนด์ที่อยู่ในร่างมังกรเขียวขนาดยักษ์เฟนด์ไม่สนใจออร่าดาบพวกนั้นเลย เขายังคงพุ่งเข้าใส่หญิงชราคนนั้นต่อปัง! ปัง! ออร่าของดาบทั้
เสียงตุ้บดังขึ้นสองครั้ง ชายสองคนถูกกระแทกลอยไปไกลหลายเมตร แต่ละคนกระอักเลือดออกมาเต็มปากและได้รับบาดเจ็บ กรร! อย่างไรก็ตาม มังกรเขียวก็ไม่หยุดการโจมตีแม้แต่วินาทีเดียว เฟนด์สะบัดร่างของเขาและบินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมที่จะโฉบลงมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็พุ่งลงไปทางของชายอีกคนหนึ่งที่ยังคงปล่อยฉีโจมตีใส่เขา หลังจากที่รู้ว่าอีกสามคนได้รับบาดเจ็บ ชายคนนี้ก็สุ่มโจมตีอีกสองสามครั้ง แต่ผลกระทบและความเสียหายบนร่างของเฟนด์ก็มีไม่มากนัก มังกรเขียวพุ่งตรงเข้าใส่เขาด้วยความเร็วและพละกำลังเต็มที่ ใบหน้าของเขาขาวซีด เขารีบวิ่งไปทางหญิงชราและชายอีกสองคน “ทุกคน เร็วเข้า! โจมตีมัน! เร็วเข้า…” เขาพูดขณะที่วิ่ง กรร! อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค กรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าและคว้าจับตัวเขาไว้ด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว บดขยี้เขาจนเป็นเหมือนเนื้อบด นักสู้ชั้นยอดที่มีพลังยุทธอยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงก็ตายไปแบบนั้น เฮือก! อีกสามคนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาอ้าปากค้าง ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าพวกเขาถูกกรงเล็บมังกรจับตัวไป พวกเขาคงจะต้องจบลงเหมือนชายคนนั้นที่อยู่ตรงห
“นายน้อยเฟนด์ เป็นอะไรหรือเปล่า? อาการบาดเจ็บของคุณเป็นยังไงบ้าง? มันร้ายแรงไหม?” เมื่อเห็นเฟนด์ในสภาพเช่นนี้ เคนเนธรู้สึกกังวลเล็กน้อยในใจ เพราะกลัวว่าเฟนด์จะได้รับบาดเจ็บสาหัส “ผมไม่เป็นไร ทักษะการแปลงร่างมนุษย์เป็นมังกรจะทำได้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ะดับเทพแท้จริงแล้วเท่านั้น และผมก็ใช้มันได้แค่ครู่เดียว ข้อดีของทักษะนี้คือ พลังการต่อสู้และความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นมาก แต่ข้อเสียคือ มันใช้พลังฉีมากเกินไป!”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นนิด ๆ ก่อนที่จะอธิบายว่า “ตอนนี้ผมต้องเติมพลังฉีก่อน ขอพักสักหนึ่งหรือสองชั่วโมงนะ!”“ดีจริง ๆ ที่คุณไม่เป็นไร ฉันดีใจมาก!" แนชกับเคนเนธถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีเมื่อได้ยินว่าเฟนด์ไม่เป็นไร ในที่สุดก้อนหินที่หนักอึ้งในใจของพวกเขาก็ถูกยกออกไป หลังจากพักไประยะหนึ่ง อาการบาดเจ็บของทุกคนก็ดีขึ้น และพลังฉีของเฟนด์ก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นเขาจึงกลับไปยังสถานที่ต่อสู้เมื่อกี้แล้วรวบรวมแหวนและอาวุธของผู้เสียชีวิตหกคนอย่างไรเสีย ทั้งหกคนนี้ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง และเนื่องจากพวกเขาเป็นผู้อาวุโสของตำหนักนภา ดังนั้นแหวนจอ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ