ซอนย่าหยุดเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า "นายน้อยเทย์เลอร์ ฉันจะบอกอะไรกับคุณบางอย่าง ที่ผ่านมาคนที่รับผิดชอบจากบริษัทวัสดุก่อสร้าง จะไม่หารือเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงกับผู้จัดการ พวกเขาจะหาฉันแทน ซึ่งเป็นหัวหน้างาน และพูดคุยกับฉันก่อน!""กับคุณเหรอ? คุณสามารถตัดสินใจในฐานะหัวหน้างานและสามารถเซ็นสัญญาให้เราได้?"ดวงตาของอีวานประกายขึ้นมาทันที และพูดอย่างตื่นเต้น "คุณนีล ผมจะตอบแทนคุณในอนาคตอย่างแน่นอน ถ้าคุณสามารถทำให้ผมได้เซ็นสัญญา! ผมสามารถให้คุณได้อย่างน้อย ยี่สิบถึงสามสิบล้าน!”ห๊ะ!ซอนย่าอ้าปากค้างทันทีที่เธอได้ยินสิ่งนี้ เธอแน่ใจว่าเธอต้องได้รับเงิน แต่หัวหน้างานไม่เคยมีอํานาจในการตัดสินใจเช่นนี้ คําตัดสินสุดท้ายคือผู้จัดการเสมอ ดังนั้นเธอจึงได้รับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ใบชามาตลอดหลายปีที่ผ่านมาในฐานะหัวหน้างาน ตําแหน่งของเธอขัดขวางไม่ให้เธอมีสิทธิ์ที่จะได้รับของขวัญราคาแพงนี่คือเหตุผลที่ซอนย่าอยากที่จะเป็นผู้จัดการเธอคิดว่าเธอสามารถเป็นผู้จัดการได้ จนเมื่อเซเลน่าปรากฏตัว เธอโกรธมากจนแทบกระอักเลือด"มันมากไปเหรอ?!"เธอพยายามอย่างหนักเพื่อสงบสติอารมณ์ มันจะดีถ้าเธอเป็นผ
ซอนย่าขมวดคิ้วตอบว่า "แบบนี้ไง ฉันจะจัดการซัพพลายเออร์ที่แข่งขันมากกว่าบริษัทของคุณ ฉันจะหลอกพวกเขา ให้เอาข้อเสนอนั้นมา แต่สุดท้ายฉันก็จะยื่นข้อเสนอให้กับตระกูลเทย์เลอร์ และคู่แข่งตัวน้อย ๆ คนอื่น ๆ เท่านั้น ในกรณีนี้เธอจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเลือกคุณถูกไหม?"อีวานตาสว่างเป็นประกาย เขาลุกขึ้นและพูดอย่างตื่นเต้นว่า "แน่นอน ความคิดของคุณช่างดีจริง ๆ! วิธีนี้ เซเลน่า จะได้ไม่กลัวว่าคนอื่นจะนินทาลับหลังเธอ และด้วยความช่วยเหลือจากเธอ เซเลน่าจะไม่ถูกกดดันจากภาระหนักใด ๆ!""ใช่ เป็นไงยังไงบ้าง? ฉันบอกแล้วว่าฉันช่วยได้" ซอนย่ายิ้มนิด ๆ แล้วพูด"เอ้านี่ เงินสดสองแสน!"อีวาน ยิ้มแก้มปริ แล้วมอบเงินจํานวน 200,00 ที่เขาเตรียมไว้ให้เซลีน่า เขาวางไว้บนโต๊ะ "เงินเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของการแสดงความมีน้ำใจ ถึงพวกคุณจะไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจสุดท้าย และไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ แต่ถ้าเราประสบความสําเร็จในเรื่องนี้แล้ว ผมก็ยังจะจ่ายเงินสิบล้านให้กับคุณเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ!""สิบล้าน" ซอนย่าดีใจสุด ๆเธอลุกขึ้น "ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ นายน้อยเทย์เลอร์" ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันจะพยายามอย่างสุดควา
"ไม่มีผู้แข่งขันคนไหนอยากได้โครงการนี้เลยหรือ?" นายใหญ่เริ่มรู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัดอีวานตอบว่า "คุณปู่ อย่ากังวลเลย ซัพพลายเออร์รายอื่น ๆ จะเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ เราจะได้ทำสัญญากันแน่นอน!"…ในขณะที่เจมส์และครอบครัวกําลังคุยกันในห้องนั่งเล่นของตึกของครอบครัวเดรคตอนที่พวกเขากำลังนั่งคุยกัน พ่อบ้านของเดรคก็เดินเข้ามา "นายใหญ่เกิดเรื่องใหญ่เมื่อคืนนี้ครับ!""มีเรื่องอะไรใหญ่โต? เกิดอะไรขึ้น? อาณาเขตกลางมีผู้มีอิทธิพลมากมาย ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องปกติ!" เจมส์ยิ้มอย่างเฉยชาและคิดว่าเป็นเรื่องปกติ"คนสองร้อยคนของพรรคมังกรตายในตึกร้างเมื่อคืนนี้!” พ่อบ้านพูดแล้วก็เดินไปพร้อมกัน"อะไรกัน? มีคนตายเยอะขนาดนี้เลยเหรอ" ทันย่า เดรค ลูกสาวคนที่สองของครอบครัวเดรค ตกใจสุดขีด เป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะตายเพราะอํานาจที่พวกเขาไม่ควรทําผิดแต่ถึงอย่างนั้นปกติจะมีผู้เสียชีวิตเพียงสิบกว่าคน หากมีผู้เสียชีวิตเป็น 100 คน นั่นถือว่าเป็นข่าวใหญ่ครั้งนี้มีคนตายจำนวนมาก และยังเป็นคนของพรรคมังกรจะว่าไปแล้ว ตระกูลนี้แข็งแกร่ง ผู้คนไม่กล้าที่จะล่วงเกินพวกเขา“แถลงการณ์อย่างเป็นทางการคื
“เขาต้องเก่งแน่!" ทิโมธียิ้มแล้วมองเฟนด์ก่อนจะพูดว่า "ฉันอยากรู้ว่าใครจะชนะ ถ้าเราได้บอดี้การ์ดมูลค่า 20 ล้านสู้กับพระเอกคนนี้"เห็นได้ชัดเลยว่าทิโมธี ยังไม่ยอมรับเฟนด์ และคิดว่าพ่อของเขาประเมินความสามารถของเฟนด์สูงไปเขามีความคาดหวังกับเฟนด์ คิดว่าเขาต้องพิเศษกว่านี้ แต่หลังจากที่ได้เจอเขา เขาคิดว่าเฟนด์เป็นแค่คนธรรมดา เขามักจะคิดเสมอว่า ทําไมจึงไม่ใช้สมบัติของตระกูลมาเอาใจเทพเจ้าแห่งสงคราม แทนที่จะเป็นเฟนด์ พ่อของเขาเดินผิดทางอย่างเห็นได้ชัด"ใช่ คิดว่าจะชนะได้หรือไม่? ฉันอยากรู้เพราะคุณชนะฮาร์วีย์ได้!” ทันย่าสนใจขึ้นมาทันที เธอมองเฟนด์อย่างข้องใจก่อนที่จะถามเฟนด์รู้สึกขบขัน เมื่อพวกเขาขอให้เขาต่อสู้กับตัวเอง "ผมจําเป็นต้องพบเขาเพื่อตอบคุณ เจอกันผมจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขาแน่นอน!" เฟนด์คิดแล้วก็ตอบอย่างจริงจัง"ฮ่า คุณพูดอย่างนั้น ถ้าเจอชายคนนี้ อย่าปฏิเสธนะ ยังไงผมก็อยากจะรู้ความสามารถที่แท้จริงของคุณจากการต่อสู้ของคุณกับเขา!" ทิโมธีพูดด้วยรอยยิ้มโทรศัพท์ของเฟนด์ก็ดังขึ้นเขาขมวดคิ้วทันทีที่เห็น "ศิษย์หญิง" ขึ้นมาเป็นสายเรียกเข้าเฟนด์พูดไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าทําไมล
“ถูกต้อง!"เมื่อสังเกตเห็นเจมส์เข้าข้างเธอ ทันย่าก็หันมามองพี่ชายของเธอว่า "เขาแค่รับโทรศัพท์ บางทีเขามีเรื่องด่วน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หยุดกระทันหันแบบนี้ใช่ไหม?"เมื่อเฟนด์มาถึงประตูหน้า เขาก็ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรถสปอร์ตสีดําก็พุ่งตรงมาทางเขา จอดตรงจุดที่เขาอยู่พอดีมีหญิงสาวหน้าตาดีสวมหมวกนั่งอยู่ภายในม่านหลังรถ เธอแต่งตัวทันสมัย“นายท่าน”ลาน่าร้องออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเฟนด์"เธอเรียกฉันว่าอะไร?"สีหน้าของเฟนด์เริ่มตึงเครียด สงสัยความจําของเด็กคนนี้ดูไม่ค่อยดีนัก โชคยังดีที่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ไม่งั้นเรื่องของเขาจะถูกเปิดโปง"ขอโทษค่ะ ฉันเผลอดีใจมาก ๆ ดังนั้น...”ลาน่าหัวเราะอย่างเขิน ๆ หลังจากนั้นเธอกล่าวว่า "อ่ะแฮ่ม คุณเฟนด์รีบขึ้นรถ แล้วเราไปเดินคุยกัน!""เอาสิ!"เฟนด์รีบขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว"พระเจ้า นั่นบอดี้การ์ดคนนั้นไม่ใช่หรือใช่เฟนด์ใช่ไหม?" เขาให้ผู้หญิงเซ็กซี่มารับเขา?”“ใช่ แล้วยังอยู่ในรถสปอร์ตด้วย!""โอ๊ย นายเฟนด์คนนี้ช่างลึกลับเหลือเกิน ถึงแม้ว่าเขาจะมีอํานาจมากกว่าผู้ช่วยผู้บัญชาการฮาร์วีย์ก็ตาม ไม่อย่างนั้นคุณทันย่า คงไม่จ้างเขาในราคา 20 ล้านต
“ใช่ ใช่ ใช่ ตอนนี้เราอยู่อย่างสงบสุขแล้ว พวกเธอควรพักผ่อนบ้าง และผ่อนคลายบ้าง!"เฟนด์หัวเราะเบา ๆ ว่า "พี่ชายของเธอ อับเนอร์ ส่งข้อความมาบอกผมว่า เขาเบื่อจะตายอยู่แล้วและเขาก็กำลังจะไปพักร้อน”"จริงเหรอ? ตอนที่พี่จอห์นสันกลับมา เขาถูกผู้คนรายล้อมรุมกันอยู่ในหมู่บ้านของเขา ได้ยินว่ามีคนรอลายเซ็นเขาเยอะมาก โอ้ พระเจ้า ฉากนั้นมัน…”ลาน่าหัวเราะและพูดว่า "จริงสิ พี่เฟนด์ แล้วคุณล่ะ? ภรรยาคุณและคนอื่น ๆ รู้ไหมว่าคุณเป็นใคร?""ไม่!"ใบหน้าของเฟนด์เผยให้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ในตอนนั้นไม่มีใครเคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้เลย เขากล่าวว่า "ฉันยังไม่อยากให้พวกเขารู้ ฉันกลัวว่าพวกเขาอาจจะไม่สามารถยอมรับตัวตนของฉันได้ ฉันปรารถนาที่จะมีชีวิตที่สงบสุขและไม่ถูกรบกวน"“เฮ้อ!”ลาน่าคร่ำครวญอีกครั้งหลังได้ยินคําพูดของเฟิร์น เธอกล่าวว่า "โอ้ ฉันอิจฉาเธอเหลือเกิน ถ้าฉันอย่างนี้รู้ ฉันไม่ต้องชื่อเสียงนี้ และไม่ต้องการให้มันถูกประกาศอย่างเป็นทางการ มันจะดีแค่ไหน ถ้าฉันอยู่อย่างสงบได้ ตอนนี้ชาวแคทธิเซียทุกคนรู้ว่าพวกเราทั้งเก้าคน เทพเจ้าแห่งสงครามหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ฉันจะออกไปข้างนอกได้โดยไม่ต้องใส
“โอ้ เพื่อที่จะไม่เปิดเผยตัวตนของฉัน เธอควรประมูล ซื้อไข่มุกเรืองแสงนั่นทันทีเลย!”เฟนด์พูดพร้อมกับหัวเราะ"ใช่!"ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น ลาน่าหัวเราะอย่างกล้ำกลืนในขณะนี้มีบอดี้การ์ดประมาณเจ็ดถึงแปดสิบคน สวมชุดสูทสีดํายืนขวางประตูประมูล พวกเขาดูเต็มไปด้วยพลังและสูงใหญ่ พวกเขาดูมีอํานาจมาก"คุณทั้งคู่มาประมูลกันใช่ไหม?"บอดี้การ์ดคนหนึ่งถามเมื่อเห็นเฟนด์และลาน่าอยู่ตรงหน้า"แน่นอน!"ลาน่ายิ้มและหยิบบัตรดําออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ และโบกมันต่อหน้าเขา“เชิญ เข้ามาด้านใน!”เมื่อบอดี้การ์ดเห็นเข้าก็เดินเปิดทางถอยหลังทันที ให้พวกเขาเข้าไปเมื่อพวกเขาไปถึงงานประมูล ข้างในเต็มไปด้วยผู้คน เฟนด์และลาน่าเจอที่นั่งด้านหลังของหัวมุมก็เลยนั่งลง"ไอ้หนุ่มเฟนด์มันมาอะไรที่นี่"ขณะนั้น นายน้อยคลาร์กที่นั่งรอการประมูลได้สังเกตเห็นเฟนด์เขาขมวดคิ้ว แล้วจ้องมองลาน่าที่อยู่ข้าง ๆ พลางเอ่ยขึ้นว่า "นี่มันไม่ถูกต้อง ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาไม่ใช่เซเลน่า อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? รูปร่างของเธอไม่เลว ดูเซ็กซี่และสง่างามเหมือนกัน!"เคนพึมพําขณะนั้นนัยน์ตาเขาสว่างขึ้นว่า "ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวไม่เหมือนคน
“ใช่ ฉันก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกัน เขามาทําอะไรที่นี่"เคนยิ้มเยาะเบา ๆ แล้วพูดว่า "นายน้อยวิลสัน ดูผู้หญิงที่อยู่ข้างเด็กนั่นสิ เธอเป็นผู้หญิงที่มีฐานะอย่างเห็นได้ชัด! แล้วพอจะรู้ไหมว่าทําไมเธอถึงแต่งตัวแบบนี้ ต้องใส่แว่นตากันแดดกับหน้ากาก""แน่นอน เธอกลัวว่าคนอื่นจะจําเธอได้!"ไมเคิลยิ้มเยาะ เขาไม่ได้โง่ ทําไมเขาต้องถามคําถามโง่ ๆ แบบนี้ด้วย"งั้นลองคิดดูสิ ทําไมเธอกลัวคนจะจําเธอได้""ในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงที่มีฐานะ แน่นอนว่าเธอกลัวสามีจะจําเธอได้!""ในเมื่อเธอกลัวสามีของเธอจะจําเธอได้ นั่นแปลว่าอะไร?แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟนด์ ก็ไม่ธรรมดา ไม่สามารถตรงไปตรงมาได้!”เคนวิเคราะห์ทุกอย่าง อย่างละเอียด“ใช่ ไม่คิดว่าไอหนุ่มคนนี้จะเป็นคนสารเลว เขาอาจจะทำทุกอย่างเพื่อเซเลน่า แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะกล้านอกใจเซเลน่า ด้วยการมาคบหาผู้หญิงรวย ๆ ลับหลังเธอ!” ไมเคิลกําหมัดไว้แน่น เขารู้สึกโกรธมากถ้าไม่ใช่เพราะเฟนด์ เซเลน่าจะกลายมาเป็นแม่คนได้อย่างไร? เธออาจจะยังคงเป็นดอกไม้ที่อ่อนวัน สวยงาม ใสซื่อ รอให้เขาเด็ดดม!หลังจากไมเคิลพูดจบ เขาก็แอบเอามือถือออกมาถ่ายรูปพวกเขาบอกว่า "ถ้าเซเ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ