“เยี่ยมไปเลยค่ะพ่อ! ในที่สุดพ่อก็คิดได้แล้ว เราจะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของเราอย่างแน่นอน!” ดาเนียลล่าสบตากับเฮเลน่าหลังจากที่ได้ยินคำตัดสินของอเล็กซานเดอร์ ก่อนจะรับของจากเขา เธอจับมือของเฮเลน่าและวิ่งไปที่ที่เฟนด์และคนอื่น ๆ จากไปอเล็กซานเดอร์ตกตะลึงมองดูร่างงามทั้งสองค่อย ๆ จางหายไปจากสายตาของเขา "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมดาเนียลล่าถึงดูตื่นเต้นกว่าเฮเลน่าอีก?”วีนัสที่อยู่ข้าง ๆ มีสีหน้าแปลก ๆ ขณะที่เธอยิ้มและพูดว่า “อาจเป็นเพราะดาเนียลล่าขี้เล่นมากกว่าและกำลังคิดว่าจะได้ออกไปเที่ยวเล่น!”หลายคนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของเธอหลังจากที่พวกเขาเดินทางออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว อเล็กซานเดอร์ก็ถามว่า “เอาล่ะ วีนัส ตอนนี้เราเดินทางออกมาไกลมากแล้ว พ่อมีคำถามจะถามลูก…”โดยไม่คาดคิด วีนัสก็ขัดจังหวะอเล็กซานเดอร์ก่อนที่เขาจะพูดจบ “พ่อคะ หนูรู้ว่าพ่อต้องการจะถามอะไร แต่รอให้เรากลับบ้านกันก่อนเถอะ”"ก็ได้" อเล็กซานเดอร์พยักหน้าอย่างอึดอัดใจด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วนบนใบหน้าเฟนด์และคนอื่น ๆ เดินทางออกจากภูเขาโกเบอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้พวกฮันท์สงสัยหรือบอกให้พวกเขารู้ว่าเขามีอาวุธวิญญาณระดับสุดย
ผู้อาวุโสลำดับที่สองตกตะลึงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดติดตลกว่า “คุณทั้งสองวิ่งมาหาเราเพราะคุณทนไม่ได้ที่จะแยกจากนายน้อยของเรางั้นเหรอ?”ทั้งเฮเลน่าและดาเนียลล่าหน้าแดงกับคำพูดที่กล้าได้กล้าเสียของเขา“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!” ดาเนียลล่าเงยหน้าขึ้นแล้วหยิบหญ้าวิญญาณออกมายื่นให้แนช “นายท่านวู๊ด พ่อของฉันยอมรับว่าเฟนด์ช่วยชีวิตพวกเราในระหว่างการแข่งขันครั้งนี้ และเขาเป็นคนช่วยพี่สาวของฉันแก้ไขวิกฤตของเธอในเหตุการณ์ครั้งก่อน จากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาหวังว่าความบาดหมางระหว่างทั้งสองตระกูลจะสามารถคคลี่คลายลงได้ นี่เป็นสัญลักษณ์แสดงความขอบคุณจากพ่อของฉันเพื่อขอบคุณเฟนด์!”“ฮ่าฮ่า! ไม่คิดเลยว่าพ่อของคุณจะใจดีขนาดนี้!” แนชเลิกหาเรื่องทะเลาะกับอเล็กซานเดอร์มานานแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่เคยหยุดเอง และเพราะพฤติกรรมแบบนั้นจึงนำไปสู่การทะเลาะวิวาท เขายังขอให้สมาชิกในตระกูลของเขาอย่าอดทนมากนักเขาหยิบหญ้าวิญญาณและเก็บไว้ก่อนจะยิ้มออกมา “เยี่ยมไปเลย! ปล่อยให้เรื่องราวไม่ดีระหว่างตระกูลของเรามลายหายไปกับสายลม หวังว่าทั้งสองตระกูลจะสามารถสร้างมิตรภาพได้มากขึ้นในอนาคต!”ดาเนียลล่าเอามือไขว้หลังแล้วถามอย่างมีความสุขว่า “
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูดเฟนด์กล้าอวดอ้างว่าเขาสามารถต่อกรกับนายน้อยลำดับที่หนึ่งของตระกูลฮันท์ได้ด้วยตัวคนเดียว?แนชคิดเกี่ยวกับมันก่อนที่จะมีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นกับเขา ทำให้เขาค่อนข้างใจหวิวขณะที่พูดออกมาว่า “เฟนด์ ลูกทะลวงข้ามไปได้แล้วเหรอ”โฮ่!ผู้อาวุโส ไททัส และคนอื่น ๆ สูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขายังจำได้ว่าเฟนด์เพิ่งบรรลุขั้นกลางของระดับเทพแท้จริงไปเมื่อสองสามเดือนก่อน พลังการต่อสู้ของเขาเทียบได้กับปรมาจารย์ระดับเทพแท้จริงขั้นสูงหากเฟนด์ทะลวงผ่านไปได้อีกครั้งภายในสองสามเดือนนี้ เขาช่างมีพรสวรรค์มากเกินไปจริง ๆ!นอกจากนั้น ถ้าเฟนด์ทะลวงผ่านไปยังขั้นสูงของระดับเทพแท้จริงแล้ว พลังการต่อสู้ของเขาจะไม่เทียบเท่ากับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงเหรอ เพราะอาวุธวิญญาณระดับสุดยอดสามารถช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาได้มากขนาดนั้น? ถ้าเป็นอย่างนั้น นายน้อยลำดับที่หนึ่งของตระกูลฮันท์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟนด์หรอกหากเขายังมีชีวิตอยู่และพวกเขามีการต่อสู้กันอีกครั้ง"เป็นไปไม่ได้! คุณทะลวงผ่านไปได้อีกแล้วเหรอ?” ดาเนียลล่าและเฮเลน่าก็ตกใจขณะที่พวกเธอมองเฟนด
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพยักหน้าและดูเหมือนจะผ่อนคลายลงไปไม่น้อย “ใช่แล้ว เรามีปรมาจารย์สามคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง ในขณะเดียวกัน พวกฮันท์ประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ ประกอบกับความจริงเรื่องที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลแลงคาสเตอร์และได้แก้ไขความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลคาเบลโลแล้ว ตระกูลฮันท์คงไม่กล้าทำอะไรโดยไม่มีข้ออ้าง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่านายน้อยเฟนด์เป็นคนฆ่านายน้อยทั้งสองของพวกเขาก็ตาม! เราแค่ต้องไม่ทำให้ตระกูลอื่นขุ่นเคือง”“เอาล่ะ ตอนนี้เราเดินมาไกลแล้ว ขึ้นมาเถอะ เรามาคุยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันอย่างละเอียดระหว่างทางกันเถอะ!” ด้วยการพลิกมือของเฟนด์ เขาก็หยิบดาบบินออกมาและทำให้มันลอยต่อหน้าทุกคนฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!ทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่พวกเขากระโดดขึ้นไปบนดาบทีละคน ส่วนเฟนด์เขาควบคุมดาบบินและเริ่มบินมุ่งหน้าไปยังที่พักอาศัยของตระกูลวู๊ดในเวลานั้น ตระกูลอื่น ๆ ได้จากไปกันหมดแล้ว ยกเว้นสมาชิกของตระกูลลาโกริโอและตระกูลเชิร์ช ทุกคนยังรู้สึกขมขื่นและดูสิ้นหวังนายท่านลาโกริโอมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ “นายท่านฮันท์ คุณคิดว่าใค
ผู้นำตระกูลเชิร์ชพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่ฝีมือของคนตระกูลเราเหมือนกัน! ที่จริงแล้วการจะสืบสาวเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากเลย เพราะนายน้อยลำดับที่หนึ่งและลำดับที่สองของตระกูลฮันท์นั้นแข็งแกร่งและมีระดับพลังยุทธสูง ดังนั้นเหล่านักสู้และพวกอัจฉริยะของตระกูลชั้นสองหรือชั้นสามจึงตัดออกไปได้ทันที เพราะพวกนั้นไม่อาจฆ่าพวกเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยลำดับที่สามของตระกูลนอร์แมนเองก็เสียชีวิตแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงเหลือเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้เท่านั้นที่จะสามารถเป็นผู้กระทำความผิดได้ ใช่ไหม?” เควนตินพยักหน้า “เฮ้อ! นอกจากกลืนความแค้นและแบกรับความสูญเสียแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้เลย!” “แค่ก แค่ก! นายท่านฮันท์เกี่ยวกับข้อตกลงที่เรามีร่วมกันก่อนเริ่มการแข่งขันคุณสัญญากับพวกเราไว้ว่าหลังจบการแข่งขัน คุณจะให้หญ้าวิญญาณหรืออุปกรณ์วิญญาณแก่ตระกูลลาโกริโอและตระกูลเชิร์ช อีกอย่างในการแข่งขันนี้ตระกูลของเราทั้งคู่ต่างก็ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ คุณจะไม่กลับคำใช่ไหม?” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เทรนตัน ลาโกริโอก็กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนที่จะเอ่ยถามอย่างไร้ยางอาย เหตุผลหลักที่ทั้งเขาและนายท่า
“อย่าห่วงไปเลยพี่สาว ตอนนี้ฉันอยู่ในขั้นหนึ่งของระดับปรมาจารย์ และฉันก็ไม่ได้ขี้เกียจเสียหน่อย ฉันแค่ลงจากภูเขามากับเอเลนเพื่อเดินเล่นเป็นครั้งคราวก็เท่านั้น!”เบ็นยิ้มและถามว่า “พรสวรรค์ของพี่ดีกว่าของฉัน พี่แค่อยู่เฉย ๆ ก็ฝึกได้แล้ว ฉันไม่ค่อยเห็นพี่ออกไปผ่อนคลายอะไรเลย ดังนั้นระดับพลังยุทธของพี่ควรจะอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสามแล้วใช่ไหม?”ทันใดนั้นเอง เซเลน่าหัวเราะอย่างมีความสุข “ปรมาจารย์ขั้นสามเหรอ? นี่! เธอประเมินพี่สาวของเธอต่ำไป! ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสี่ต่างหาก!”เซเลน่าชะงักและขมวดคิ้ว เธอดูไม่พอใจกับระดับพลังยุทธปัจจุบันของเธอ “เฮ้อ! ถ้าฉันสามารถบรรลุไปยังระดับกึ่งเทพได้ก็คงดี ระดับปรมาจารย์นั้นก็ไม่ได้แย่ แต่ด้วยระดับนี้ ฉันยังบินไม่ได้! ระดับกึ่งเทพนั้นดีกว่าตั้งเยอะ อย่างน้อยนักสู้ที่อยู่ในระดับกึ่งเทพก็สามารถบินได้ครู่หนึ่ง ต่อให้ปรมาจารย์ระดับเก้าหลายคนจะรวมพลังกัน พวกเขาก็เอาชนะนักสู้ระดับกึ่งเทพไม่ได้!”“เอาน่า พี่ไม่ทะเยอทะยานเกินไปหน่อยเหรอ? ระดับพลังยุทธปัจจุบันของพี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว! หลายคนอิจฉาที่พี่บรรลุระดับพลังยุทธได้เร็วขนาดนี้! นี่! ฉันค
“เดี๋ยวก่อน เธอกำลังพูดถึงลูกสาวคนโตของตระกูลคาเบลโลหรือเปล่า? เฮเลน่า คาเบลโลใช่ไหม? เธอเป็นพี่สาวของดาเนียลล่าใช่หรือเปล่า?”เซเลน่าขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ข่าวนี้ทำให้เธอไม่ทันตั้งตัว ไม่เพียงแต่คุณหนูลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลจะเป็นฝ่ายจูบก่อนเท่านั้น ทว่าเธอยังจูบเฟนด์ต่อหน้าผู้คนมากมายในเมืองอีก นี่มันเรื่องกลับตาลปัตรอะไรกัน?“ใช่ เฮเลน่า คาเบลโล่ คือตัวเอกในข่าวลือนี้!”เอเลนผงกศีรษะแล้วพูดว่า “ใช่แน่ ๆ!”“เป็นไปไม่ได้หรอกใช่ไหม? ถ้าเป็นดาเนียลล่าถึงจะฟังดูสมเหตุสมผล เพราะฉันรู้สึกได้ว่าดาเนียลล่ามองเฟนด์ต่างออกไป อันที่จริง ฉันเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว ผู้นำตระกูลที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ก็มีภรรยาหลายคน แม้แต่ผู้อาวุโสบางคนก็มีภรรยาหลายคนด้วย! ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่จะทำให้ผู้หญิงหลายต่อหลายคนตกหลุมรักเขา ดังนั้นฉันจึงเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์แบบนี้ไว้แล้ว!”เซเลน่ายิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นกล่าวเสริมว่า “และฉันคิดว่า ถ้าดาเนียลล่าและเฟนด์อยู่ด้วยกันก็คงจะดีไม่น้อย ตระกูลวู๊ดจะได้ยิ่งพัฒนาขึ้นไปอีก ดาเนียลล่าเป็นผู้หญิงที่เรียบง่ายและใจดี เธอเคยคิดที่จะม
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ เฟนด์ไปกับคุณพ่อและคนอื่น ๆ ด้วย จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน!” เซเลน่าปลอบโยนโจแอนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เมื่อพูดจบประโยค บนท้องฟ้าอันไกลโพ้น ก็ปรากฏดาบบินเล่มหนึ่งกำลังบินมายังทิศทางของพวกเธออย่างรวดเร็ว แถมยังมีคนหลายร้อยคนยืนอยู่เหนือดาบบินเล่มนั้นอีกด้วย “พวกเขากลับมาแล้ว! ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาแล้ว!” เอเลนเป็นคนแรกที่ได้เห็นเฟนด์และคนอื่น ๆ เธอลุกขึ้นจากที่นั่งและตะโกนออกไป เขาแทบจะไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของตัวเองไว้ได้ “คุณแม่ดูสิคะ พวกเขากลับมาแล้ว!” เซเลน่ายิ้มอยู่ข้างใน เธอไม่ได้เจอเฟนด์มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว และด้วยความสัตย์จริง หากเธอจะบอกว่าไม่ได้คิดถึงเขาเลยก็คงเป็นเรื่องโกหก แต่เธอก็พบว่าเมื่อเธอพยายามฝึกฝนและฝ่าฟันมันไปอย่างสุดความสามารถ ทำให้วันเวลาผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว เธอจึงไม่มีเวลาคิดถึงเฟนด์มากนัก “ใช่ ดีจริงที่พวกเขากลับมาแล้ว!” โจแอนพยักหน้าเป็นการตอบแทน “ว้าว คุณพ่อสุดยอดไปเลย! พ่อมีดาบบินด้วย! โตขึ้นหนูอยากเท่เหมือนพ่อ!” เมื่อเธอเห็นเฟนด์ ดวงตาที่สวยงามของไคลี่นั้นโตราวกับไข่ห่าน และความรักที่เต็มเปี่ยมก็ส่องประกายอยู
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ