“ตระกูลวู๊ดได้รางวัลมหาศาลในครั้งนี้ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งได้ทั้งสองประเภท!”"ถูกต้อง เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า ‘อย่าตัดสินคนจากภาพลักษณ์ภายนอก เช่นเดียวกันกับอย่าตัดสินความร่ำรวยด้วยการวัดปริมาณ’ นายน้อยของตระกูลวู๊ดเป็นที่โปรดปรานของเทพเจ้าจริง ๆ เขาได้อันดับหนึ่งด้วยความสามารถในการต่อสู้ระดับเทพแท้จริงขั้นกลาง แถมเขายังได้รับแผ่นป้ายมามากมาย!”“เขาอาจจะโชคดี เพราะยังไงซะ การแข่งขันนี้เป็นการค้นหาแผ่นป้ายและไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับผู้อื่น ฉันมั่นใจว่าเขาคงไม่อาจสู้กับสัตว์อสูรอื่น ๆ ที่อยู่ในขั้นสุดท้ายของระดับเทพแท้จริงได้!” หลายคนที่อยู่รอบ ๆ เริ่มพากันพูดคุยกันเองแดริลเดินเข้ามาหาเควนติน คิดทบทวนแล้วถามว่า “นายท่านฮันท์ คุณคิดว่านายน้อยใหญ่ยังไม่ตายจริง ๆ เหรอ? ถ้าเขายังไม่ตาย ค่ายกลก็จะส่งเขาออกมาใช่ไหม?”เควนตินพยักหน้าและพูดว่า “ยังมีความเป็นไปได้อยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เราใช้ค่ายกลแบบนี้ และมีความเป็นไปได้ว่า มันอาจไม่รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของเขา นอกจากนั้น ถ้าลูกชายของฉันแกล้งทำเป็นตายล่ะ? สิ่งที่ฉันสามารถยืนยันได้ในตอนนี้คือ การเชื่อมโยงระหว่างฉันกับคลา
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งถอนหายใจขณะที่เขาอธิบายอย่างหมดหนทางเควนตินโกรธมากจนกัดฟันแน่น ร่างของเขาสั่นอย่างโกรธจัดพร้อมกับคำรามออกมา “อ๊าก!”อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเองไม่มีใครคิดว่าเฟนด์จะเหาะขึ้นไป และกลายเป็นคนที่ดึงดูดความสนใจของทุกคนเควนตินมองไปที่เฟนด์และถามออกมาว่า "เฟนด์ ทำไมนายถึงเหาะขึ้นไป? นายรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าลูกชายของฉัน?”เฟนด์มองเขาแล้วพูดว่า "นายท่านฮันท์ ผมเสียใจกับการสูญเสียของคุณ แต่คนที่ตายแล้วไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ และคุณก็พูดเองหนิว่านี่คือกฎของการแข่งขัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทุกคนต้องยอมรับผลที่ตามมา จริงไหม?”“นาย…” เควนตินโกรธจัดแต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน เพราะมันเป็นคำพูดที่เขาบอกกับทุกคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า“แล้วทำไมนายถึงเหาะขึ้นไปล่ะพ่อหนุ่ม? นายอยากได้ความสนใจจากทุกคนรึไง?” เทรนตันถามในขณะที่เขาชี้ไปที่เฟนด์ ตระกูลของเขาสูญเสียอัจฉริยะไปเป็นจำนวนมาก และความคิดนี้ทำให้พวกเขารู้สึกขุ่นเคือง“ผมเหาะขึ้นมาเพราะอยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบเกี่ยวกับสิ่งที่ทุกคนอยากรู้!” เฟนด์ตอบพลางยิ้มไปด้วย “เราค้นสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างที่นั่น และมันอาจเกี่ยวข้องกับการหาวิธีที่จะ
หัวหน้าของตระกูลหนึ่งรู้สึกตกใจเมื่อนึกถึงมัน “จริงด้วย รูปแบบนั้นดูเหมือนแผนที่แคทธีเซีย ของเรา ก่อนหน้านี้เราไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่ตอนนี้ลองคิดดูดี ๆ แล้วมันตรงกันจริง ๆ!”“จริงด้วย สถานที่อันตรายทั้งเจ็ดนั้นมีชื่อเสียงมากและไม่ค่อยมีใครรอดออกมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่อันตรายเหล่านั้น! แม้ว่าจะมีสิ่งของล้ำค่าอยู่ในสถานที่เหล่านั้น แต่พวกเราก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปข้างในนั้นจริง ๆ!”ผู้หญิงอีกคนก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพยักหน้า “เราเคยไปค้นหาตามสถานที่หลายแห่งแต่ก็ไม่ได้ข่าวใด ๆ เกี่ยวกับระดับเทพสูงสุดเลย เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับระดับเทพสูงสุดจะอยู่ในสถานที่อันตรายทั้งเจ็ดนี้”"นั่นสิ เราไม่เคยเข้าไปในพื้นที่ลึก ๆ ของสถานที่อันตรายเหล่านี้เลย มีอะไรอยู่ในนั้นเหรอ? พระเจ้า เราควรจะลองไปดูไหม? แม้ว่ามันจะยากสำหรับคนที่มีความสามารถการต่อสู้อยู่ในระดับกึ่งเทพที่จะรอดออกมาหลังจากเข้าไป แต่นั่นเป็นเพราะไม่มีคนที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงเข้าไปในพื้นที่ มันจะดีกว่าไหมถ้าพวกเราจำนวนมากพร้อมกับคนที่มีความสามารถในการต่อสู้ในระดับเทพแท้จริงเข้าไปในพื้นที่เหล่านั้น” ดูเหมื
หัวหน้าแต่ละตระกูลค่อย ๆ จากไปพร้อมกับตระกูลของพวกเขา“พ่อคะ เฟนด์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหนู หนูขอไปเที่ยวที่ตระกูลวู๊ดแล้วค่อยกลับมาตระกูลคาเบลโลเดือน…เดือนหน้าได้ไหม?” ดาเนียลล่าขอร้องอย่างลังเลหลังจากที่พวกเขาเดินออกไปได้ไม่ไกล “โอ้ จริงด้วย พี่ใหญ่ก็ตามไปด้วยสิ เฟนด์ช่วยชีวิตพวกเราไว้ในระหว่างการแข่งขันใช่ไหม? เขาเป็นแฟนพี่! พี่ไม่อยากไปด้วยกันเหรอ?”ดาเนียลล่าจงใจพูดถึงเฮเลน่าเพราะกลัวว่าอเล็กซานเดอร์ พ่อของเธอจะสงสัยและจะห้ามไม่ให้เธอไปเฮเลน่ารู้สึกอึดอัดใจเมื่อเห็นว่าดาเนียลล่านั้นถลำลึกไปมาก เฟนด์จากไปเพียงครู่เดียวน้องสาวของเธอก็อยากตามเขาไปแล้ว เธอติดแฟนของตัวเองมากเกินไปอย่างไรก็ตาม เฮเลน่าทำได้เพียงแสดงไปด้วยพลางยิ้มให้อเล็กซานเดอร์ “พ่อคะ พวกเราขอไปเที่ยวได้ไหม? คิดว่ามันเป็นวิธีผ่อนคลายแล้วกัน พ่อคิดว่าไง?"“ตระกูลวู๊ดเป็นศัตรูของเรา ลูกสองคน…” อเล็กซานเดอร์อยากจะเตือนลูกสาวทั้งสองเหมือนที่เคยทำเมื่อก่อน แต่เขาก็ล้มเลิกกลางคันขณะที่เขาคิดว่าจะพูดอะไรต่อ เขาก็พูดว่า “มันคงดีกว่าถ้าพวกลูกสองคนไม่ตามพวกเขาไป พ่อรู้ว่าเฮเลน่าแกล้งพูดว่าเฟนด์เป็นแฟนของลูกเพื่อปฏิเสธไ
“เยี่ยมไปเลยค่ะพ่อ! ในที่สุดพ่อก็คิดได้แล้ว เราจะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของเราอย่างแน่นอน!” ดาเนียลล่าสบตากับเฮเลน่าหลังจากที่ได้ยินคำตัดสินของอเล็กซานเดอร์ ก่อนจะรับของจากเขา เธอจับมือของเฮเลน่าและวิ่งไปที่ที่เฟนด์และคนอื่น ๆ จากไปอเล็กซานเดอร์ตกตะลึงมองดูร่างงามทั้งสองค่อย ๆ จางหายไปจากสายตาของเขา "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมดาเนียลล่าถึงดูตื่นเต้นกว่าเฮเลน่าอีก?”วีนัสที่อยู่ข้าง ๆ มีสีหน้าแปลก ๆ ขณะที่เธอยิ้มและพูดว่า “อาจเป็นเพราะดาเนียลล่าขี้เล่นมากกว่าและกำลังคิดว่าจะได้ออกไปเที่ยวเล่น!”หลายคนหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของเธอหลังจากที่พวกเขาเดินทางออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว อเล็กซานเดอร์ก็ถามว่า “เอาล่ะ วีนัส ตอนนี้เราเดินทางออกมาไกลมากแล้ว พ่อมีคำถามจะถามลูก…”โดยไม่คาดคิด วีนัสก็ขัดจังหวะอเล็กซานเดอร์ก่อนที่เขาจะพูดจบ “พ่อคะ หนูรู้ว่าพ่อต้องการจะถามอะไร แต่รอให้เรากลับบ้านกันก่อนเถอะ”"ก็ได้" อเล็กซานเดอร์พยักหน้าอย่างอึดอัดใจด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วนบนใบหน้าเฟนด์และคนอื่น ๆ เดินทางออกจากภูเขาโกเบอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้พวกฮันท์สงสัยหรือบอกให้พวกเขารู้ว่าเขามีอาวุธวิญญาณระดับสุดย
ผู้อาวุโสลำดับที่สองตกตะลึงเล็กน้อยก่อนที่จะพูดติดตลกว่า “คุณทั้งสองวิ่งมาหาเราเพราะคุณทนไม่ได้ที่จะแยกจากนายน้อยของเรางั้นเหรอ?”ทั้งเฮเลน่าและดาเนียลล่าหน้าแดงกับคำพูดที่กล้าได้กล้าเสียของเขา“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!” ดาเนียลล่าเงยหน้าขึ้นแล้วหยิบหญ้าวิญญาณออกมายื่นให้แนช “นายท่านวู๊ด พ่อของฉันยอมรับว่าเฟนด์ช่วยชีวิตพวกเราในระหว่างการแข่งขันครั้งนี้ และเขาเป็นคนช่วยพี่สาวของฉันแก้ไขวิกฤตของเธอในเหตุการณ์ครั้งก่อน จากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาหวังว่าความบาดหมางระหว่างทั้งสองตระกูลจะสามารถคคลี่คลายลงได้ นี่เป็นสัญลักษณ์แสดงความขอบคุณจากพ่อของฉันเพื่อขอบคุณเฟนด์!”“ฮ่าฮ่า! ไม่คิดเลยว่าพ่อของคุณจะใจดีขนาดนี้!” แนชเลิกหาเรื่องทะเลาะกับอเล็กซานเดอร์มานานแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่เคยหยุดเอง และเพราะพฤติกรรมแบบนั้นจึงนำไปสู่การทะเลาะวิวาท เขายังขอให้สมาชิกในตระกูลของเขาอย่าอดทนมากนักเขาหยิบหญ้าวิญญาณและเก็บไว้ก่อนจะยิ้มออกมา “เยี่ยมไปเลย! ปล่อยให้เรื่องราวไม่ดีระหว่างตระกูลของเรามลายหายไปกับสายลม หวังว่าทั้งสองตระกูลจะสามารถสร้างมิตรภาพได้มากขึ้นในอนาคต!”ดาเนียลล่าเอามือไขว้หลังแล้วถามอย่างมีความสุขว่า “
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูดเฟนด์กล้าอวดอ้างว่าเขาสามารถต่อกรกับนายน้อยลำดับที่หนึ่งของตระกูลฮันท์ได้ด้วยตัวคนเดียว?แนชคิดเกี่ยวกับมันก่อนที่จะมีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นกับเขา ทำให้เขาค่อนข้างใจหวิวขณะที่พูดออกมาว่า “เฟนด์ ลูกทะลวงข้ามไปได้แล้วเหรอ”โฮ่!ผู้อาวุโส ไททัส และคนอื่น ๆ สูดหายใจเข้าลึก ๆ เมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขายังจำได้ว่าเฟนด์เพิ่งบรรลุขั้นกลางของระดับเทพแท้จริงไปเมื่อสองสามเดือนก่อน พลังการต่อสู้ของเขาเทียบได้กับปรมาจารย์ระดับเทพแท้จริงขั้นสูงหากเฟนด์ทะลวงผ่านไปได้อีกครั้งภายในสองสามเดือนนี้ เขาช่างมีพรสวรรค์มากเกินไปจริง ๆ!นอกจากนั้น ถ้าเฟนด์ทะลวงผ่านไปยังขั้นสูงของระดับเทพแท้จริงแล้ว พลังการต่อสู้ของเขาจะไม่เทียบเท่ากับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงเหรอ เพราะอาวุธวิญญาณระดับสุดยอดสามารถช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาได้มากขนาดนั้น? ถ้าเป็นอย่างนั้น นายน้อยลำดับที่หนึ่งของตระกูลฮันท์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟนด์หรอกหากเขายังมีชีวิตอยู่และพวกเขามีการต่อสู้กันอีกครั้ง"เป็นไปไม่ได้! คุณทะลวงผ่านไปได้อีกแล้วเหรอ?” ดาเนียลล่าและเฮเลน่าก็ตกใจขณะที่พวกเธอมองเฟนด
ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งพยักหน้าและดูเหมือนจะผ่อนคลายลงไปไม่น้อย “ใช่แล้ว เรามีปรมาจารย์สามคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง ในขณะเดียวกัน พวกฮันท์ประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ ประกอบกับความจริงเรื่องที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลแลงคาสเตอร์และได้แก้ไขความสัมพันธ์ของเรากับตระกูลคาเบลโลแล้ว ตระกูลฮันท์คงไม่กล้าทำอะไรโดยไม่มีข้ออ้าง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่านายน้อยเฟนด์เป็นคนฆ่านายน้อยทั้งสองของพวกเขาก็ตาม! เราแค่ต้องไม่ทำให้ตระกูลอื่นขุ่นเคือง”“เอาล่ะ ตอนนี้เราเดินมาไกลแล้ว ขึ้นมาเถอะ เรามาคุยเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันอย่างละเอียดระหว่างทางกันเถอะ!” ด้วยการพลิกมือของเฟนด์ เขาก็หยิบดาบบินออกมาและทำให้มันลอยต่อหน้าทุกคนฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!ทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะที่พวกเขากระโดดขึ้นไปบนดาบทีละคน ส่วนเฟนด์เขาควบคุมดาบบินและเริ่มบินมุ่งหน้าไปยังที่พักอาศัยของตระกูลวู๊ดในเวลานั้น ตระกูลอื่น ๆ ได้จากไปกันหมดแล้ว ยกเว้นสมาชิกของตระกูลลาโกริโอและตระกูลเชิร์ช ทุกคนยังรู้สึกขมขื่นและดูสิ้นหวังนายท่านลาโกริโอมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ “นายท่านฮันท์ คุณคิดว่าใค
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ