“ไอ้หนุ่มนั่นเป็นทหารมาห้าปี สการ์ เขาถือว่าเป็นตัวเองเป็นที่นับหน้าถือตา เขามีทักษะพิเศษ อย่าประเมินเขาต่ำไป!" เนทเตือนพวกเขา เมื่อเขานึกถึงว่าแดนกลัวแค่ไหน เมื่อเจอกับเฟนด์แดนอ้างว่าเขาสามารถเอาชนะคนร้อยคน ด้วยตัวคนเดียวได้ แม้ว่าเนทจะคิดว่ามันเป็นการโอ้อวดที่เกินจริง ถึงกระนั้นการที่แดนพูดถึงเขาอย่างสูงส่งเหนือที่จินตนาการไว้ แสดงว่าเฟนด์จะต้องมีทักษะในระดับหนึ่ง“ไม่ต้องกังวลไปหรอก มีคนอยู่รอบตัวเราเยอะขนาดนี้ สองวันก่อนฉันเจอไอ้งั่งตัวยุ่ง ๆ และตอนนี้มันก็ตายเพราะฉัน! อีกอย่างที่นี่เรามีคนเยอะขนาดนี้!"สการ์หัวเราะและมองเนทอย่างเย็นชา "นายคิดจริง ๆ เหรอว่า ฉันจะอยู่ระดับเดียวนายหลังจากได้เป็นผู้ช่วยอาวุโสของนายท่านฮาวเวิร์ด?" ฮ่าๆ! ฉันได้พิสูจน์คุณค่าของฉันด้วยกําปั้น!"“ทั้งคู่ยังคุยกันต่อ หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาสังเกตเห็นแสงสีแดงที่ส่องลงมาใต้ต้นไทร และกระพริบอยู่เป็นระยะ ๆ ดูเหมือนมีคนยืนอยู่ตรงนั้น“มีคนไปทำอะไรที่นั่น”สการ์โบกมือให้ คนของเขาหยุดในเส้นทางของพวกเขา“นี่มันเวลาเที่ยงคืนครึ่งแล้ว มีใครสูบบุหรี่ใต้ต้นไม้บ้างไหม?"เนทมีความสงสัยอยู่เต็มใบหน้า มันดึกมากแล
"ภรรยาของเขา เซเลน่า เทย์เลอร์ เป็นสาวงาม!" ข้าง ๆ พวกเขาสการ์หัวเราะอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินสิ่งที่เนทพูด“เฮ้ เฮ้ สการ์นายอยากเล่นด้วยไหม" เนทยิ้มเยาะอย่างดีใจ“ไม่เป็นไร ฉันไม่สนใจผู้หญิงหรอก!" สการ์ก็หัวเราะอย่างเยือกเย็นแล้วจ้องมองเฟนด์ "พ่อหนุ่ม ฉันสัญญาว่าจะตามแกไปที่ตึกร้างนั่น ถ้าพวกเราไม่ได้ให้แกได้อยู่ในหลุดศพที่แกเลือก มันจะไปสนุกได้ยังไง เราก็คงต้องปล่อยแกไว้ในสุสานของแกเอง”“ฮ่า ๆ ไปกันเลย!" เฟนด์หัวเราะและเดินไปที่ตึกร้างนั้นสการ์และคนอื่น ๆ เดินตามเขาไป พวกเขาถึงกับเดินด้วยท่าตำแหน่งครึ่งวงกลมเพื่อป้องกันไม่ให้เฟนด์หลบหนีหลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มก็เข้าไปในตึกร้างนั้น“หนุ่มน้อยเป็นยังไง ฉันจะให้โอกาสนายในวันนี้ตามความจริงที่ว่านายเคยรับใช้แคทธีเซียมาห้าปีแล้ว!"คนกลุ่มหนึ่งล้อมเฟนด์ไว้ตรงกลาง เนทหัวเราะและพูดว่า "แกโทรหาเมียแกก็ได้ ให้เธอมาที่นี่ก็ได้ แล้วคํานับ 100 ครั้ง ขอร้องฉันให้ฉันไปนอนกับเธอ! ถ้าเธอทํา ฉันจะปล่อยแกไป"“ใช่ ลูกสาวของนายจะได้ไม่ต้องเจอเจ้านายของเราและเมียของนาย..." ผู้ชายผมเหลืองอีกคนพูดแล้วหัวเราะอย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันจบ สีหน้าของเฟนด์ก็
สการ์ไม่กล้าประมาท เขาเห็นว่าเฟสด์นั้นน่ากลัวแค่ไหน เขาก็เตรียมพร้อมที่จะโจมตีครั้งใหญ่"ลุย!" คนอื่น ๆ รีบวิ่งขึ้นไปข้างหน้าเพื่อล้อมเฟนด์ ท่ามกลางกลุ่มคนที่รุมล้อมอยู่ไม่ห่างเฟนด์วิ่งเร็วมาก แม้มีผู้คนมากมายวิ่งเข้าหาเขา แต่ไม่มีสักคนที่เข้าใกล้เขาได้เลย พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทั้งคู่กลับถูกมีดของเฟนด์แทงตายทั้งหมดบางคนเห็นเพียงแค่เงาสะท้อนของมีดก่อนที่จะตาย และศีรษะของพวกเขาก็ไม่ได้อยู่บนคออีกต่อไป“ไม่ ... ไม่มีทาง!”ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที ทั่วทั้งสถานที่ก็เต็มไปด้วยซากศพ และกลิ่นคาวเลือดนองเต็มพื้นที่ด้านเนทและผู้ติดตามของเขาที่ยืนดูอยู่ด้านข้าง และมีรอยยิ้มที่บนใบหน้าของเขาในตอนแรกนั้น ในสายตาของพวกเขาเฟนด์ก็แค่รนหาที่ตาย เขาจะตายจากการต่อสู้เป็นกลุ่มรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาค่อย ๆ เลือนหายไป แทนที่ด้วยความประหลาดใจและความหวาดกลัวเฟสด์ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีแม้แต่เลือดหยดเดียวบนเสื้อขาวของเขา หลังจากที่เขาฆ่าคนไปเหมือนอยู่ในงานรื่นเริงเหนือสิ่งอื่นใด เนทรู้ตัวดีว่าเฟนด์ใส่รองเท้าแตะคู่เดียว แต่เขาก็ยังสามารถขยับได้เร็วมาก เขาทําได้ยังไง?"เจ้าหนุ่ม นายค
"อา!" เนทคุกเข่าลงกับพื้น ร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อขาข้างหนึ่งของเขาคุกเข่าลงกับพื้น อีกข้างหนึ่งหมอบลงกับพื้น เขาพยายามจะลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดที่ขาของเขาทําให้ขาของเขาสั่น ทำให้เขาล้มเหลวทุกครั้งที่พยายามเขากัดฟันแล้วหันกลับมามอง เฟนด์เคลื่อนที่เร็วมากราวกับเขากลายเป็นเงาหลายเงา ผู้ติดตามที่อยู่ข้างหลังเขาถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง ตึกร้างแห่งนี้กลายเป็นนรกบนดิน“อ๊ากก!”เพื่อความอยู่รอด เนทกัดฟันและดึงมีดออกจากขาของเขาอย่างสุดกําลัง มันเจ็บปวดมากสมองเขาแทบแข็ง เขาแทบเป็นลมหลังจากที่เขาชักมีดออกมา กางเกงของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเลือดหมดหลังจากพักไปสักพัก เนทพยายามลุกขึ้นเดินโซเซและพยายามจะหนีออกไปอย่างระวังๆ แต่คนที่อยู่ข้างหลังเขา ได้ล้มลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา และยืนอยู่ตรงหน้าเขาหลังจากที่วิ่งไปไม่กี่ก้าว"พี่ใหญ่ ผมขอร้อง... ปล่อยผมเถอะ ผมจะเป็นคนรับใช้ของพี่! ผม... ผมให้เงินคุณได้ ผมสามารถหาเงินให้คุณได้มากมาย!"เนทหันไปดูซากศพที่พื้น เขาตกใจกลัวมากและสั่นไปหมดเวลาพูด เหงื่อยังคงหยดอยู่เขาเพิ่งรู้ว่า เขาทําให้ใครไม่พอใจ
เบ็นถามหลังจากรู้ว่ามีอะไรผิดปกติซีนายิ้มอย่างหดหู่ แล้วทําหน้าขมวดคิ้วว่า “เมื่อวานฉันวิพากษ์วิจารณ์ต่อว่าพี่เขยของคุณ ฉันเป็นห่วงครอบครัวคุณ ฉันพูดเพราะฉันกลัวว่าเขาจะทําให้พวกเดรคโกรธ ฉันกลัวว่าเขาจะเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจและสร้างปัญหาให้ฉันในอนาคต!"“เขาจะทําเหรอ? เขาดูเหมือนไม่ใช่คนแบบนั้น อีกอย่างเขายังติดหนี้ครอบครัวเราเยอะขนาดนี้ จะกล้ามาชี้หน้าคุณได้ยังไง""มันมากกว่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันเป็นการเข้าใจผิด เรากลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาให้กับครอบครัวเทย์เลอร์ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ!" เบ็นพูดอย่างมั่นใจ“ฉันกลัวว่าเขาจะโกรธ และที่เขาสัญญาว่าจะให้รถกับคุณก็จะหายไปตามลมด้วย!" ซีน่าแสดงความคิดของเธอให้เขาฟัง"เฮ้ ไม่มีอะไรหรอก!" ฟีโอน่าพูดทันทีว่า "ไม่ต้องกังวล ถ้าเขาไม่ซื้อรถให้ลูก แม่จะเอาเงินที่เขาให้แม่ค่าสินสอดทองหมั้น 20 ล้าน ไปซื้อให้ลูกเอง เงินหนึ่งล้านสำหรับคันนึง มันก็คงเหมือนเค้กชิ้นหนึ่ง!”“ว้าว เยี่ยมมาก! ขอบคุณค่ะแม่!" ซีน่ายิ้มกว้าง เธอกระโดดโลดเต้น ด้วยความตื่นเต้นทันที"ตราบใดที่ลูกชายของฉันมีความสุข"ฟีโอน่ามองใบหน้าสวยของซีน่
ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? เขามีพลังมากถึงขนาดที่เขาจะฆ่าสการ์ได้!" ชายตัวอ้วนทําหน้าบึ้งตึง ดูเคร่งขรึม “มีคนจำนวนมากอยู่ที่นั่น อาจจะทำให้เขาต้องเหนื่อย ฉันรู้ดีความสามารถสการ์นั้นเก่งแค่ไหน! เขามีกลอุบายพิเศษ เก่งเกินกว่าจะหนีใครได้!"ชายอีกคนก็ดูเคร่งขรึมเหมือนกัน "ประเด็นตอนนี้คือ ขณะนี้สถานที่ถูกปิดตายและศพกำลังถูกจัดการ เราจึงไม่สามารถตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ เมื่อเราไม่สามารถตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ เราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!"เขาหยุดสักพักก่อนที่จะพูดต่อ “เป็นไปได้ไหมที่ผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว?”“เราไม่รู้เรื่องนี้!” เจ้านายฮาร์วีย์นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วทําสีหน้าหม่นหมอง "ฉันยังไม่รู้เลยว่าคนนั้นเป็นใคร ที่ฉันรู้ทั้งหมดก็คือ เนทและคนอื่น ๆ ยกพวกกันออกไปจัดการกับทหารผ่านศึกที่ทำร้ายเขา เนทบอกว่าคน ๆ นั้น แข็งแกร่งมาก และขอให้ฉันพาคนมาเพิ่ม เขาต้องการกำลังมากกว่าสองร้อยคน ดังนั้นฉันเลยขอให้สการ์ช่วยพาคนของเขาไปด้วย ฉันไม่รู้เลยว่า…”“ถ้าเป็นเช่นนั้น ผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้มีโอกาสที่จะเตรียมตัว มีโอกาสมากที่เขาจะอยู่คนเดียว ถ้าเป็นการแสดงคนเดียวคน ๆ นี้ต้องแข็งแกร่งมากแน่ ๆ!”
อีวานมองไปรอบ ๆ เขาพูดไปเดินไปหลังจากนั้นไม่นั้น เขาก็เห็นห้องทำงานของผู้จัดการ“คุณ... นายน้อยเทย์เลอร์ ขอฉันแจ้งกับผู้จัดการของฉันก่อนนะคะ!” ซอนย่าเข้าใจและบอกกับเขา"ไม่จําเป็นหรอก ผมเจอแล้ว นี่ไม่ใช่ห้องทํางานผู้จัดการเหรอ? สาวสวย คุณจัดการเรื่องของตัวเองก็พอ ๆ นะ ผมจะเข้าไปเอง!"อีวานยิ้มและหันมาสั่งบอดี้การ์ดของเขาว่า "รอฉันที่ประตู!"พอพูดจบ เขาก็ผลักประตูเข้าไปแล้วปิดประตู และล็อคประตูทันที"ทําไมไม่เคาะประตูล่ะ" เซเลน่ากําลังยุ่งอยู่กับงาน ในขณะที่ก้มหัวถาม เธอแปลกใจเมื่อเงยหน้าขึ้น "อีวาน เทเลอร์ ทําไมนายมาอยู่ที่นี่?"เซเลน่าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพอเศษกับอีวาน หลายปีก่อน เมื่อคุณปู่ไล่ครอบครัวของเธอออกจากตระกูลเทย์เลอร์ เขาโกรธและกังวลกับชื่อเสียงของตระกูลเทย์เลอร์เซเลน่าไม่ได้โทษปู่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายใหญ่ได้บอกเธอลับหลังว่า เมื่อเธอตัดสินใจทำแท้งลูกแล้ว เธอก็สามารถกลับไปอยู่บ้านเทย์เลอร์ได้ทันทีแต่มันเป็นเพราะเธอดื้อดึงและตั้งใจที่จะมีลูก ถึงยังไงมันก็เป็นชีวิตของลูกเธอเอง เด็กนั่นบริสุทธิ์!นายใหญ่ไล่ครอบครัวของเธอออกจากบ้านเทย์เลอร์แล้ว แต่ยังไม่จบ
“คุณปู่ให้คุณมาเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้"เซเลน่าขมวดคิ้วสงสัยว่าเธอกำลังได้ยินผิดหรือเปล่า"แน่นอน" ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อตัวฉันเอง ฉันทําเพื่อพวกเทย์เลอร์ ฉันมาที่นี่ในฐานะตัวแทนของปู่ เพื่อมาเซ็นสัญญากับเธอ!ใบหน้าของอีวานเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และบอกกับเซเลน่าว่า "แน่นอน ฉันเป็นคนค่อนข้างขี้เกรงใจ เพื่อให้เธอมีอนาคตที่ดีในตระกูลเดรค ฉันจะไม่ทำให้เธอลำบากเกี่ยวกับการแบ่งปันผลกำไรในเรื่องนี้!”“เป็นไปไม่ได้!”หน้าของเซเลน่าหม่นลง "นายจะต้องโกหกฉันแน่ ๆ" คุณปู่บอกว่า ตอนที่ฉันเริ่มทํางานที่นี่ เขาจะไม่บังคับฉันให้ทํางานร่วมกับพวกเทย์เลอร์ ถ้าพวกเดรครู้ พวกก็จะหมดความไว้วางใจจากฉัน"ยังไงซะ เซเลน่าก็รู้จักอีวานเป็นอย่างดี เป็นไปได้ว่าเขาจะโกหกเพื่อแสวงหากําไรให้ตัวเอง"อ่า… ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน ให้ฉันโทรหาปู่เดี๋ยวนี้ก็ได้" ฉันไม่มีความจําเป็นต้องที่จะต้องโกหกเธอในเรื่องเหล่านี้"อีวานยิ้มและเล่าต่อไปว่า "เธอน่าจะรู้ว่า นายใหญ่หวังจะให้ครอบครัวเทย์เลอร์ได้หนึ่งในครอบครัวชนชั้นสูงขั้นที่สองมานานแล้ว เป็นโอกาสดีที่เราจะได้เป็นครอบครัวขุนนางชั้นแนวหน้า เธอคิดว่าเขาจะพลาดโอกาสครั้งนี้หรือเปล่า
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ