แชร์

บทที่ 1305

ผู้เขียน: โมเนโต้
ในขณะนี้แดร์ริลก็ยืนขึ้นและหัวเราะเบา ๆ “ตระกูลนอร์แมนก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน นายใหญ่เทย์เลอร์” เขากล่าวต่อ “ผู้ชายทุกคนจะเข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นมันก็ยุติธรรมดีไม่ใช่รึ? แล้วพวกคุณกลัวอะไรกัน?”

"เอาล่ะ ถ้าไม่มีใครทักท้วงอะไรอีก ก็เป็นอันยุติเรื่องลงตรงนี้”

เควนตินยกแขนขึ้นและเรียกร้องให้ทุกคนเงียบ “แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเขาจะไม่ได้จับกลุ่มกันหรอก เราได้ซ่อมแซมวงแหวนอัญเชิญที่ภูเขาโกเบซึ่งเป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษแล้ว เมื่อผู้เข้าแข่งขันเข้าไปในพื้นที่แล้ว วงแหวนอัญเชิญจะส่งพวกเขาให้กระจัดกระจายไปยังที่ต่าง ๆ มันยุติธรรมสำหรับทุกคนนั่นแหละ!”

“วงแหวนอัญเชิญนั่นได้รับการแก้ไขแล้วงั้นเหรอ? ฉันได้ยินมาว่านายท่านฮันท์ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับมัน แต่ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะอุสาหะได้ขนาดนี้ เขาอาจจะเป็นคนเดียวในโลกที่รู้วิธีสร้างและแก้ไขวงแหวนอัญเชิญ!”

สีหน้าของนายท่านจอร์จเหยเกด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยคิดว่าวงแหวนอัญเชิญที่เก่าและทรุดโทรมที่เชิงเขาโกเบจะได้รับการแก้ไขโดยเควนติน

บางทีสมาชิกตระกูลฮันต์เลือกที่จะจัดการแข่งขันที่นี่เพื่อแสดงทักษะการใช้วงแหวนอัญเชิญของเควนติน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1306

    แนชอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นหลังจากคิดเรื่องนี้ เขายกมือขึ้นทำความเคารพแบบกำปั้นชนฝ่ามือไปทางเควนติน “ผมขอถามนายท่านฮันต์ แผ่นไม้สีต่าง ๆ มีความสำคัญอย่างไรหรือครับ? ทำไมต้องมีสีที่แตกต่างกันถึงสามสีด้วย”เควนตินหัวเราะ “แน่นอนว่าสีมีความสำคัญ แผ่นไม้สีดำเป็นพื้นฐานที่สุด ในขณะที่แผ่นไม้สีขาวมีค่าเท่ากับแผ่นไม้สีดำสิบแผ่น และสำหรับแผ่นไม้สีแดงจำนวนของพวกมันมีไม่มาก แต่หนึ่งแผ่นมีค่าเท่ากับแผ่นสีดำหนึ่งร้อยแผ่นทีเดียว ดังนั้นหากคุณโชคดีพอที่จะพบแผ่นไม้สีแดง ก็เท่ากับว่าคุณจะได้รับแผ่นป้ายสีดำถึงหนึ่งร้อยแผ่น!”เควนตินหยุดพูดไปหนึ่งอึดใจ ก่อนที่จะพูดต่อ "ผมจำเป็นต้องบอกทุกอย่างแก่คุณ - ในเมื่อพวกคุณรู้แล้วว่ายิ่งเข้าไปได้ลึก ก็จะยิ่งมีแผ่นไม้มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นแผ่นไม้สีขาวและสีแดงก็กระจัดกระจายไปตามความลึกเช่นกัน ในการแข่งขันครั้งนี้นอกจากความแข็งแกร่งแล้ว คุณต้องมีโชคด้วย!”“อัญเชิญวงแหวนกันเถอะ!”หลังจากที่เควนตินอธิบายกฎทั้งหมดแล้ว เขาก็มองไปที่ประตูจากก้อนหินสูงทั้งสองก้อนใกล้ ๆ แล้วตะโกนขึ้นในชั่วพริบตา ผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลฮันท์ก็เหาะไปที่ประตูหินนั้น พวกเขาแต่ละคนหยิบศิลาวิ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1307

    เควนตินหยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดต่อ “แต่เนื่องจากวิธีการอัญเชิญนี้ทรงพลังมาก ผมจึงพูดได้อย่างเต็มปากว่ามีวิธีที่จะทะลวงสู่ระดับมหาเทพอยู่ และนั่นไม่ใช่แค่ตำนาน!”ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลซึ่งปกติเป็นคนพูดน้อยรู้สึกตื่นเต้น เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและประกาศให้ทุกคนรู้ “สิ่งที่นายท่านฮันท์พูดนั้นถูกต้อง ฉันยังกล้าพูดได้ว่าเทคนิคศิลปะการต่อสู้ระดับสุดยอดและระดับมหาเทพนั้นมีอยู่จริง แต่เรายังไม่พบวิธีที่จะทำให้บรรลุผลสำเร็จ!”"โอ้จริงเหรอ? คุณมีหลักฐานอะไรบ้างไหม ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโล”เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ นักสู้หลายคนที่อยู่จุดสูงสุดของระดับเทพแท้จริงรู้สึกตื่นเต้น พวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามระดับเทพแท้จริงไปได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างน่าเบื่อไปวัน ๆ เหมือนคนทั่วไปสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุระดับได้ หลังจากได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับอาณาจักรเทพขั้นสูงสุด พวกเขาหวังที่จะก้าวข้ามมันและมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองร้อยปีในฐานะสิ่งมีชีวิตอันสูงส่งนั่นเป็นเหตุผลที่ผู้คนที่อยู่จุดสูงสุดหรือระดับสูงของระดับเทพแท้จริงทุกคนรู้สึกตื

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1308

    คนเรามีความเห็นแก่ตัวโดยธรรมชาติ อย่าว่าแต่สูตรยาเม็ดระดับสามเลย เขาจะไม่ปล่อยให้นายน้อยลำดับที่สองของตระกูลฮันท์เห็นสูตรยาเม็ดระดับสองด้วยซ้ำนั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลเก็บหนังสืออย่างระมัดระวังอยู่เสมอ แม้แต่นายท่านคาเบลโลก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ สิ่งที่เขาทำได้มากที่สุดคือพลิกกระดาษไปสองสามหน้าก่อนที่จะต้องส่งคืนหนังสือนั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลไม่ลังเลแม้แต่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะปฏิเสธทุกสิ่ง"ช่างเถอะ ลืมมันไปเสีย ในเมื่อผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลไม่ไว้ใจพวกเราขนาดนัน แต่มีบางสิ่งที่คุณไม่อาจค้นพบได้ด้วยตัวเอง!”เควนตินโบกมืออย่างไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด"ถูกต้อง คุณถือหนังสือเล่มนั้นมาตั้งนาน แต่คุณก็ยังไม่พบอะไรเลยหลังจากผ่านเวลามาขนาดนี้ ผมว่าหนังสือเล่มนั้นคงจะมีแค่บันทึกการรักษาด้วยยาและสูตรยานิดหน่อย แต่คงไม่มีเรื่องการทะลวงสู่ระดับมหาเทพ!”นายใหญ่ฮันท์ก็ยิ้มเช่นกัน “แต่ตั้งแต่คุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ใคร ๆ ก็เดาได้ว่ายาเม็ดระดับสามและหญ้าวิญญาณระดับสี่นั้นมีอยู่จริง—และระดับมหาเทพนั้นมีอยู่จริงด้วย ท้ายที

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1309

    เฟนด์เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ยอดเขาในระยะไกล เขาลอยขึ้นจากพื้นเพียงหนึ่งหรือสองเมตรแล้วเหาะไปข้างหน้าโฮก!ในส่วนลึกของป่า เสียงคำรามที่น่ากลัวของสัตว์ร้ายดังก้องไปทั่วบริเวณ เฟนด์รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมากมายที่นี่ แต่เขาก็ไม่กลัวเพราะระดับการต่อสู้ของเขาค่อนข้างสูงแต่ถึงอย่างนั้นสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็จะสร้างปัญหาให้กับผู้เข้าแข่งขันบางคนจากตระกูลชั้นสามที่ยังอยู่ในระดับปรมาจารย์“เอ๊ะ!”ระดับการต่อสู้ของเฟนด์นั้นสูง และเขาก็รวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงเห็นแผ่นป้ายสีดำอย่างรวดเร็วหลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เขาเหาะไปหยิบมันขึ้นมาและเก็บไว้ในแหวนจอมยุทธของตัวเอง“เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน ไม่ต้องรีบร้อน การต่อสู้จะดุเดือดยิ่งกว่านี้ในตอนท้าย!”เฟนด์คิดกับตัวเองในขณะที่เขาเหาะ มีหลายคนค้นหาแผ่นป้ายล่วงหน้า ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะมีแผ่นป้ายมากมายในช่วงเวลาวิกฤต และบางคนก็พยายามใช้กำลังเพื่อชิงแผ่นป้ายนั้น จะมีหลายกรณีที่ผู้คนต้องตายเพราะแผ่นป้ายเหล่านั้นผู้เข้าแข่งขันจากตระกูลเดียวกันอาจรวมตัวกัน จากนั้นการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลก็จะปะทุขึ้น“คนจากตระกูลวู๊ดไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้แข็งแ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1310

    “สุภาพบุรุษทั้งหลาย คุณช่วยไว้ชีวิตฉันเพื่อตระกูลของพวกเราทั้งคู่จะได้ไหม? ครอบครัวของเราสนิทกันมาก่อนนี่ แถมฉันก็เพิ่งจะเข้ามา พวกคุณคงไม่ได้ต้องการจะฆ่าฉันหรอก ใช่ไหม” ไนกินี่ถอนหายใจออกมาดัง ๆ ในใจของเธอสาปแช่งความโชคร้ายที่เธอได้รับในวันนี้ มันยากอยู่แล้วที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน เธอมาที่การแข่งขันนี้ด้วยความหวังที่จะพัฒนาตัวเองและประเมินว่าตัวเองอยู่ในระดับใด และเธอไม่คาดคิดว่าจะถูกตั้งค่าหัวอย่างนี้ ยิ่งกว่านั้น สามคนนี้จะไม่โชคดีเกินไปหรืออย่างไร? พวกเขาเจอคนตระกูลวู๊ดได้ง่าย ๆ แบบนี้ “ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก คนสวย ครอบครัวของเรา 'เคยสนิทกัน' แต่ตอนนี้ล่ะ? ก่อนที่เราจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ อาจารย์เตือนเราซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหากเราพบคนจากตระกูลวู๊ดระหว่างทาง ก็อย่าไว้ชีวิตพวกเขา โดยเฉพาะคนที่เดินทางคนเดียว” ชายคนหนึ่งเย้ยหยันอย่างชั่วร้ายและประเมินไนกินี่อย่างระมัดระวัง “คนสวย เธอมีร่างกายที่เร่าร้อนจริง ๆ ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าตระกูลวู๊ดมีคนน่ารัก ๆ อย่างเธอด้วย” ชายอีกคนของตระกูลลาโกริโอพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย “จุ๊ ๆ สาวงามคนนี้เธอฮอตมาก! ฆ่าเธอทิ้งไปตอนนี้คงน่าเสียดา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1311

    ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์น่าตกใจขึ้น ลาโกริโอที่อยู่ขั้นกลางของระดับกึ่งเทพถูกหมัดของแซลลี่อัดกระเด็นไปอย่างง่ายดายและถูกทุบลงบนพื้นพร้อมกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส “ไม่…ไม่มีทาง! ความแข็งแกร่งนี้… เธออยู่ขั้นสุดท้ายของระดับกึ่งเทพ!”เขาหน้าซีดหลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างดูไม่ได้เลยและเขารู้สึกตกใจมากอยู่ในใจ ความแข็งแกร่งที่แซลลี่มีในตอนนี้ไม่ใช่พลังขั้นกลางของระดับกึ่งเทพอย่างแน่นอน! “ถูกต้องแล้ว! เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของระดับกึ่งเทพ! งั้นตอนนี้นายก็ไปลงนรกอย่างสงบได้แล้ว!”แซลลี่เย้ยหยันอย่างเย็นชา เธอพลิกฝ่ามือ ดาบชั้นดีปรากฏขึ้นในกำมือของเธอ แล้วเธอก็ปรากฏตัวต่อหน้าชายคนนั้นในพริบตาและตวัดดาบออกไป“อะไรวะเนี่ย!”ชายอีกสองคนมองหน้ากัน ทั้งคู่ตกใจกลัวจนรองเท้าแตะขาด ขาของพวกเขาอ่อนแรงและล้มลงบนพื้น ถ้าแซลลี่อยู่ในขั้นสุดท้ายของระดับกึ่งเทพจริง ๆ งั้นพวกเขาทั้งสองก็คงถูกฆ่าตาย พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะต่อสู้กลับได้ในตอนแรกพวกเขาคิดว่า ตราบใดที่นายน้อยฟาบิโอยังยืนหยัดได้อยู่สักพัก และรอจนกว่าพวกเ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1312

    "เดี๋ยวก่อน! ลองค้นหาแหวนจอมยุทธของพวกเขาและดูว่ามีสมบัติอะไรอยู่ในหรือเปล่า!” ไนกินี่คิดขึ้นมาได้จึงวิ่งไปที่ศพทั้งสามอย่างรวดเร็ว และถอดแหวนจอมยุทธของพวกเขาออก “เอ๊ะ? ไม่เลวเลย! มียาสมานแผลสองสามเม็ดและหญ้าวิญญาณระดับหนึ่งสองสามอัน เดี๋ยวก่อน แล้วนี่อะไร? พระเจ้า! มีป้ายสีดำสองอันอยู่ในแหวนของผู้ชายคนนี้! เราเจอสมบัติแล้ว!” ไนกินี่อุทานออกมาเสียงดังขณะที่เธอหยิบสมบัติออกมาจากแหวนและมอบให้แซลลี่ “พี่แซลลี่ ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้! สมบัติเหล่านี้ยกให้พี่ทั้งหมดเลย! พวกมันเป็นของที่ยึดได้มาจากการต่อสู้ของพี่!” “เธอให้ฉันทั้งหมดเลยเหรอ? ไม่ มาแบ่งกันเถอะ! ใครมีส่วนร่วมก็เอามาแบ่งปันกัน จริงไหม? ฮ่าฮ่า อีกอย่าง ด้วยหญ้าวิญญาณเหล่านี้จะทำให้เธอสามารถทะลวงไปสู่ระดับถัดไปได้เร็วขึ้น!” แซลลี่เป็นคนยุติธรรม เธอไม่ได้เอาไปทั้งหมด แต่หยิบสมบัติไปแค่ครึ่งเดียว แล้วที่เหลือก็มอบให้ไนกินี่ เธอยังแบ่งป้ายสีดำอันหนึ่งให้กับไนกินี่ด้วย “พี่เก็บป้ายไว้เถอะ ความสามารถในการต่อสู้ของฉันไม่แข็งแกร่งเท่าพี่ มันไม่ปลอดภัยที่ฉันจะรักษามันไว้ พี่แข็งแกร่งกว่าฉันมาก พี่ควรเก็บมันไว้ และถ้าเราต้องเจอกับอ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1313

    ออร่าจางๆ เปล่งออกมาจากงูเหลือม เฟนด์สามารถสรุปได้ทันทีว่างูเหลือมตัวนี้เป็นสัตว์อสูรที่มีพลังเทียบเท่ากับคนที่อยู่ขั้นต้นของระดับกึ่งเทพเลย มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจและน่าตกใจมากที่สัตว์อสูรเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่รอบนอกของป่าแห่งนี้ เพราะยังไงซะ งูเหลือมตัวนี้ก็ถือว่าหายากมาก ความแข็งแกร่งและพลังของมันแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วไป แกร่งกว่ามือสมัครเล่นพวกนั้นอีก พูดอีกอย่างก็คือ ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ขั้นต้นของระดับกึ่งเทพก็สู้กับสัตว์อสูรดังกล่าวไม่ได้ และแม้แต่ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ขั้นกลางของระดับกึ่งเทพก็อาจจะไม่สามารถฆ่าสัตว์อสูรที่มีพลังอยู่ในขั้นต้นของระดับกึ่งเทพเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เฟนด์ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นกลางของระดับเทพแท้จริงแล้ว สัตว์ร้ายดังกล่าวไม่อยู่ในสายตาของเขาหรอกเขากำหมัดแน่น และในพริบตา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนหัวของงูเหลือม จากนั้นจึงใช้หมัดชกลงไปที่หัวของงูเหลือมเปรี้ยง! งูเหลือมขนาดใหญ่และยาว ซึ่งยาวประมาณเจ็ดถึงแปดฟุตเลย เฟนด์ไม่เคยเห็นงูเหลือมยาวขนาดนี้มาก่อน เพราะยังไงซะ เขาก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรและต่อสู้กับมันจริง ๆ เขาเคยแต่ได้ยินมาจากคนอื่

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status