แนชอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นหลังจากคิดเรื่องนี้ เขายกมือขึ้นทำความเคารพแบบกำปั้นชนฝ่ามือไปทางเควนติน “ผมขอถามนายท่านฮันต์ แผ่นไม้สีต่าง ๆ มีความสำคัญอย่างไรหรือครับ? ทำไมต้องมีสีที่แตกต่างกันถึงสามสีด้วย”เควนตินหัวเราะ “แน่นอนว่าสีมีความสำคัญ แผ่นไม้สีดำเป็นพื้นฐานที่สุด ในขณะที่แผ่นไม้สีขาวมีค่าเท่ากับแผ่นไม้สีดำสิบแผ่น และสำหรับแผ่นไม้สีแดงจำนวนของพวกมันมีไม่มาก แต่หนึ่งแผ่นมีค่าเท่ากับแผ่นสีดำหนึ่งร้อยแผ่นทีเดียว ดังนั้นหากคุณโชคดีพอที่จะพบแผ่นไม้สีแดง ก็เท่ากับว่าคุณจะได้รับแผ่นป้ายสีดำถึงหนึ่งร้อยแผ่น!”เควนตินหยุดพูดไปหนึ่งอึดใจ ก่อนที่จะพูดต่อ "ผมจำเป็นต้องบอกทุกอย่างแก่คุณ - ในเมื่อพวกคุณรู้แล้วว่ายิ่งเข้าไปได้ลึก ก็จะยิ่งมีแผ่นไม้มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นแผ่นไม้สีขาวและสีแดงก็กระจัดกระจายไปตามความลึกเช่นกัน ในการแข่งขันครั้งนี้นอกจากความแข็งแกร่งแล้ว คุณต้องมีโชคด้วย!”“อัญเชิญวงแหวนกันเถอะ!”หลังจากที่เควนตินอธิบายกฎทั้งหมดแล้ว เขาก็มองไปที่ประตูจากก้อนหินสูงทั้งสองก้อนใกล้ ๆ แล้วตะโกนขึ้นในชั่วพริบตา ผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลฮันท์ก็เหาะไปที่ประตูหินนั้น พวกเขาแต่ละคนหยิบศิลาวิ
เควนตินหยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดต่อ “แต่เนื่องจากวิธีการอัญเชิญนี้ทรงพลังมาก ผมจึงพูดได้อย่างเต็มปากว่ามีวิธีที่จะทะลวงสู่ระดับมหาเทพอยู่ และนั่นไม่ใช่แค่ตำนาน!”ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลซึ่งปกติเป็นคนพูดน้อยรู้สึกตื่นเต้น เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและประกาศให้ทุกคนรู้ “สิ่งที่นายท่านฮันท์พูดนั้นถูกต้อง ฉันยังกล้าพูดได้ว่าเทคนิคศิลปะการต่อสู้ระดับสุดยอดและระดับมหาเทพนั้นมีอยู่จริง แต่เรายังไม่พบวิธีที่จะทำให้บรรลุผลสำเร็จ!”"โอ้จริงเหรอ? คุณมีหลักฐานอะไรบ้างไหม ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโล”เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ นักสู้หลายคนที่อยู่จุดสูงสุดของระดับเทพแท้จริงรู้สึกตื่นเต้น พวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามระดับเทพแท้จริงไปได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างน่าเบื่อไปวัน ๆ เหมือนคนทั่วไปสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุระดับได้ หลังจากได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับอาณาจักรเทพขั้นสูงสุด พวกเขาหวังที่จะก้าวข้ามมันและมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสองร้อยปีในฐานะสิ่งมีชีวิตอันสูงส่งนั่นเป็นเหตุผลที่ผู้คนที่อยู่จุดสูงสุดหรือระดับสูงของระดับเทพแท้จริงทุกคนรู้สึกตื
คนเรามีความเห็นแก่ตัวโดยธรรมชาติ อย่าว่าแต่สูตรยาเม็ดระดับสามเลย เขาจะไม่ปล่อยให้นายน้อยลำดับที่สองของตระกูลฮันท์เห็นสูตรยาเม็ดระดับสองด้วยซ้ำนั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลเก็บหนังสืออย่างระมัดระวังอยู่เสมอ แม้แต่นายท่านคาเบลโลก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ สิ่งที่เขาทำได้มากที่สุดคือพลิกกระดาษไปสองสามหน้าก่อนที่จะต้องส่งคืนหนังสือนั่นเป็นเหตุผลที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลไม่ลังเลแม้แต่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะปฏิเสธทุกสิ่ง"ช่างเถอะ ลืมมันไปเสีย ในเมื่อผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งตระกูลคาเบลโลไม่ไว้ใจพวกเราขนาดนัน แต่มีบางสิ่งที่คุณไม่อาจค้นพบได้ด้วยตัวเอง!”เควนตินโบกมืออย่างไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด"ถูกต้อง คุณถือหนังสือเล่มนั้นมาตั้งนาน แต่คุณก็ยังไม่พบอะไรเลยหลังจากผ่านเวลามาขนาดนี้ ผมว่าหนังสือเล่มนั้นคงจะมีแค่บันทึกการรักษาด้วยยาและสูตรยานิดหน่อย แต่คงไม่มีเรื่องการทะลวงสู่ระดับมหาเทพ!”นายใหญ่ฮันท์ก็ยิ้มเช่นกัน “แต่ตั้งแต่คุณพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ใคร ๆ ก็เดาได้ว่ายาเม็ดระดับสามและหญ้าวิญญาณระดับสี่นั้นมีอยู่จริง—และระดับมหาเทพนั้นมีอยู่จริงด้วย ท้ายที
เฟนด์เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ยอดเขาในระยะไกล เขาลอยขึ้นจากพื้นเพียงหนึ่งหรือสองเมตรแล้วเหาะไปข้างหน้าโฮก!ในส่วนลึกของป่า เสียงคำรามที่น่ากลัวของสัตว์ร้ายดังก้องไปทั่วบริเวณ เฟนด์รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังมากมายที่นี่ แต่เขาก็ไม่กลัวเพราะระดับการต่อสู้ของเขาค่อนข้างสูงแต่ถึงอย่างนั้นสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็จะสร้างปัญหาให้กับผู้เข้าแข่งขันบางคนจากตระกูลชั้นสามที่ยังอยู่ในระดับปรมาจารย์“เอ๊ะ!”ระดับการต่อสู้ของเฟนด์นั้นสูง และเขาก็รวดเร็ว ดังนั้นเขาจึงเห็นแผ่นป้ายสีดำอย่างรวดเร็วหลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เขาเหาะไปหยิบมันขึ้นมาและเก็บไว้ในแหวนจอมยุทธของตัวเอง“เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือน ไม่ต้องรีบร้อน การต่อสู้จะดุเดือดยิ่งกว่านี้ในตอนท้าย!”เฟนด์คิดกับตัวเองในขณะที่เขาเหาะ มีหลายคนค้นหาแผ่นป้ายล่วงหน้า ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะมีแผ่นป้ายมากมายในช่วงเวลาวิกฤต และบางคนก็พยายามใช้กำลังเพื่อชิงแผ่นป้ายนั้น จะมีหลายกรณีที่ผู้คนต้องตายเพราะแผ่นป้ายเหล่านั้นผู้เข้าแข่งขันจากตระกูลเดียวกันอาจรวมตัวกัน จากนั้นการต่อสู้ระหว่างสองตระกูลก็จะปะทุขึ้น“คนจากตระกูลวู๊ดไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้แข็งแ
“สุภาพบุรุษทั้งหลาย คุณช่วยไว้ชีวิตฉันเพื่อตระกูลของพวกเราทั้งคู่จะได้ไหม? ครอบครัวของเราสนิทกันมาก่อนนี่ แถมฉันก็เพิ่งจะเข้ามา พวกคุณคงไม่ได้ต้องการจะฆ่าฉันหรอก ใช่ไหม” ไนกินี่ถอนหายใจออกมาดัง ๆ ในใจของเธอสาปแช่งความโชคร้ายที่เธอได้รับในวันนี้ มันยากอยู่แล้วที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน เธอมาที่การแข่งขันนี้ด้วยความหวังที่จะพัฒนาตัวเองและประเมินว่าตัวเองอยู่ในระดับใด และเธอไม่คาดคิดว่าจะถูกตั้งค่าหัวอย่างนี้ ยิ่งกว่านั้น สามคนนี้จะไม่โชคดีเกินไปหรืออย่างไร? พวกเขาเจอคนตระกูลวู๊ดได้ง่าย ๆ แบบนี้ “ฉันทำอะไรไม่ได้หรอก คนสวย ครอบครัวของเรา 'เคยสนิทกัน' แต่ตอนนี้ล่ะ? ก่อนที่เราจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ อาจารย์เตือนเราซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหากเราพบคนจากตระกูลวู๊ดระหว่างทาง ก็อย่าไว้ชีวิตพวกเขา โดยเฉพาะคนที่เดินทางคนเดียว” ชายคนหนึ่งเย้ยหยันอย่างชั่วร้ายและประเมินไนกินี่อย่างระมัดระวัง “คนสวย เธอมีร่างกายที่เร่าร้อนจริง ๆ ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าตระกูลวู๊ดมีคนน่ารัก ๆ อย่างเธอด้วย” ชายอีกคนของตระกูลลาโกริโอพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย “จุ๊ ๆ สาวงามคนนี้เธอฮอตมาก! ฆ่าเธอทิ้งไปตอนนี้คงน่าเสียดา
ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์น่าตกใจขึ้น ลาโกริโอที่อยู่ขั้นกลางของระดับกึ่งเทพถูกหมัดของแซลลี่อัดกระเด็นไปอย่างง่ายดายและถูกทุบลงบนพื้นพร้อมกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส “ไม่…ไม่มีทาง! ความแข็งแกร่งนี้… เธออยู่ขั้นสุดท้ายของระดับกึ่งเทพ!”เขาหน้าซีดหลังจากกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างดูไม่ได้เลยและเขารู้สึกตกใจมากอยู่ในใจ ความแข็งแกร่งที่แซลลี่มีในตอนนี้ไม่ใช่พลังขั้นกลางของระดับกึ่งเทพอย่างแน่นอน! “ถูกต้องแล้ว! เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของระดับกึ่งเทพ! งั้นตอนนี้นายก็ไปลงนรกอย่างสงบได้แล้ว!”แซลลี่เย้ยหยันอย่างเย็นชา เธอพลิกฝ่ามือ ดาบชั้นดีปรากฏขึ้นในกำมือของเธอ แล้วเธอก็ปรากฏตัวต่อหน้าชายคนนั้นในพริบตาและตวัดดาบออกไป“อะไรวะเนี่ย!”ชายอีกสองคนมองหน้ากัน ทั้งคู่ตกใจกลัวจนรองเท้าแตะขาด ขาของพวกเขาอ่อนแรงและล้มลงบนพื้น ถ้าแซลลี่อยู่ในขั้นสุดท้ายของระดับกึ่งเทพจริง ๆ งั้นพวกเขาทั้งสองก็คงถูกฆ่าตาย พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะต่อสู้กลับได้ในตอนแรกพวกเขาคิดว่า ตราบใดที่นายน้อยฟาบิโอยังยืนหยัดได้อยู่สักพัก และรอจนกว่าพวกเ
"เดี๋ยวก่อน! ลองค้นหาแหวนจอมยุทธของพวกเขาและดูว่ามีสมบัติอะไรอยู่ในหรือเปล่า!” ไนกินี่คิดขึ้นมาได้จึงวิ่งไปที่ศพทั้งสามอย่างรวดเร็ว และถอดแหวนจอมยุทธของพวกเขาออก “เอ๊ะ? ไม่เลวเลย! มียาสมานแผลสองสามเม็ดและหญ้าวิญญาณระดับหนึ่งสองสามอัน เดี๋ยวก่อน แล้วนี่อะไร? พระเจ้า! มีป้ายสีดำสองอันอยู่ในแหวนของผู้ชายคนนี้! เราเจอสมบัติแล้ว!” ไนกินี่อุทานออกมาเสียงดังขณะที่เธอหยิบสมบัติออกมาจากแหวนและมอบให้แซลลี่ “พี่แซลลี่ ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้! สมบัติเหล่านี้ยกให้พี่ทั้งหมดเลย! พวกมันเป็นของที่ยึดได้มาจากการต่อสู้ของพี่!” “เธอให้ฉันทั้งหมดเลยเหรอ? ไม่ มาแบ่งกันเถอะ! ใครมีส่วนร่วมก็เอามาแบ่งปันกัน จริงไหม? ฮ่าฮ่า อีกอย่าง ด้วยหญ้าวิญญาณเหล่านี้จะทำให้เธอสามารถทะลวงไปสู่ระดับถัดไปได้เร็วขึ้น!” แซลลี่เป็นคนยุติธรรม เธอไม่ได้เอาไปทั้งหมด แต่หยิบสมบัติไปแค่ครึ่งเดียว แล้วที่เหลือก็มอบให้ไนกินี่ เธอยังแบ่งป้ายสีดำอันหนึ่งให้กับไนกินี่ด้วย “พี่เก็บป้ายไว้เถอะ ความสามารถในการต่อสู้ของฉันไม่แข็งแกร่งเท่าพี่ มันไม่ปลอดภัยที่ฉันจะรักษามันไว้ พี่แข็งแกร่งกว่าฉันมาก พี่ควรเก็บมันไว้ และถ้าเราต้องเจอกับอ
ออร่าจางๆ เปล่งออกมาจากงูเหลือม เฟนด์สามารถสรุปได้ทันทีว่างูเหลือมตัวนี้เป็นสัตว์อสูรที่มีพลังเทียบเท่ากับคนที่อยู่ขั้นต้นของระดับกึ่งเทพเลย มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจและน่าตกใจมากที่สัตว์อสูรเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่รอบนอกของป่าแห่งนี้ เพราะยังไงซะ งูเหลือมตัวนี้ก็ถือว่าหายากมาก ความแข็งแกร่งและพลังของมันแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วไป แกร่งกว่ามือสมัครเล่นพวกนั้นอีก พูดอีกอย่างก็คือ ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ขั้นต้นของระดับกึ่งเทพก็สู้กับสัตว์อสูรดังกล่าวไม่ได้ และแม้แต่ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ขั้นกลางของระดับกึ่งเทพก็อาจจะไม่สามารถฆ่าสัตว์อสูรที่มีพลังอยู่ในขั้นต้นของระดับกึ่งเทพเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เฟนด์ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นกลางของระดับเทพแท้จริงแล้ว สัตว์ร้ายดังกล่าวไม่อยู่ในสายตาของเขาหรอกเขากำหมัดแน่น และในพริบตา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนหัวของงูเหลือม จากนั้นจึงใช้หมัดชกลงไปที่หัวของงูเหลือมเปรี้ยง! งูเหลือมขนาดใหญ่และยาว ซึ่งยาวประมาณเจ็ดถึงแปดฟุตเลย เฟนด์ไม่เคยเห็นงูเหลือมยาวขนาดนี้มาก่อน เพราะยังไงซะ เขาก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรและต่อสู้กับมันจริง ๆ เขาเคยแต่ได้ยินมาจากคนอื่