บทที่ 4
“โอเค เราจะขับรถไปตามถนนทุกสายในกรุงเทพฯ และรอบนอก เอาเป็นว่าเราแยกกันไปก็แล้วกัน...” อัคนีกล่าวซึ่งทั้งสองหนุ่มก็พยักหน้าเห็นด้วยในใจของอัครวัฒน์ก็นึกถึงแต่อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ชื่อเนวิน ซึ่งคอยขัดแข้งขัดขาและหาเรื่องทำร้ายเขามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เรื่องของปมแค้นใจของเนวินมันเกิดจากความเข้าใจผิดล้วนๆ ซึ่งเขาเองก็จนปัญญาจะทำให้คนโง่เขลาอย่างเนวินเข้าใจ และเขามั่นใจว่าการหายตัวไปของชลิตามันเกิดจากการแก้แค้นของเนวินแน่ๆ แต่การที่เนวินเอาตัวชลิตาไปหรือทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนี้ มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี...
แต่ก่อนที่ทั้งสามหนุ่มจะเดินไปยังรถของตนเองเสียงโทรศัพท์ของอัครวัฒน์ก็ดังขึ้นและเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอทำให้เขาตัวเย็นเฉียบไม่รู้ด้วยความยินดีหรือเพราะอะไร... แต่เขารู้สึกไม่ดีเลย อัครวัฒน์รีบรับสายทันที...
“หนูเล็ก หนูเล็กอยู่ไหนครับ พี่โดมเป็นห่วงหนูเล็กมากนะ...”
“ตอนนี้คุณหนูเล็กอยู่ที่ถนน... หากคุณรักเธอรีบมารับตัวเธอด่วน เธอเสียเลือดมาก... ผมขอโทษ...”
เสียงผู้ชายที่พูดมาตามสายนั้นฟังดูร้อนรนทว่าแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย แต่สิ่งที่กระตุกหัวใจของเขาคือเขารู้ได้ทันทีว่าเธอคงกำลังได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส อัครวัฒน์รีบขึ้นรถของตนแล้วขับออกไปยังสถานที่ที่ชายคนนั้นบอกทันทีท่าทางผลุนผันของเขาทำให้พี่ชายทั้งสองรีบขับรถตามไป...
ทันทีที่ไปถึงถนนตามที่ชายปริศนาโทร. มาบอกเขาด้วยเบอร์ของชลิตา อัครวัฒน์ก็รู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกควักออกมาขยี้จนแหลกละเอียดเมื่อเจอรถยนต์ของเธอเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ริมทาง ประตูด้านคนขับถูกเปิดแง้มไว้น้อยๆ เห็นเงาร่างของเธอพิงพนักเบาะคนขับนิ่งสนิทไม่เคลื่อนไหว ยิ่งเมื่อเขาเปิดประตูออกก็แทบผงะด้วยความช็อกและโกรธแค้น...
“โอ หนูเล็ก... ไม่ หนูเล็กของพี่...” ร่างกึ่งเปลือยของเธอเต็มไปด้วยเลือดเกรอะกรัง ลำคอระหงที่เขาเคยซุกไซ้ดอมดมเป็นแผลเหวอะหวะมองเห็นเส้นเลือดเต้นอ่อนแรงทว่าเลือดก็ยังไหลไม่หยุดแม้จะดูเหมือนว่ามีคนคอยห้ามเลือดให้เธอและอยู่ดูแลเธอจนกว่าเขาจะมาก็ตามที แต่บัดนี้ผ้าที่ใช้ห้ามเลือดนั้นหล่นมาอยู่บนตักของเธอจนเลือดไหลทะลักออกมาราวทำนบพัง ตามใบหน้างามและเนินอกขาวผ่องเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเห็นเป็นรอยนิ้วมือของบุรุษที่พยายามจะทำร้ายเธอยิ่งบีบคั้นจิตใจของเขาจนแทบหายใจไม่ออก...
“พาหนูเล็กไปส่งโรงพยาบาลเร็วเข้าเถอะโดม...”
“มะ ไม่... หนูเล็ก...”
“โดม เธอเสียเลือดเยอะมาก เธอต้องได้รับการช่วยเหลือด่วน...” อัคราเตือนสติน้องชายที่โอบกอดคนรักแน่นน้ำตาลูกผู้ชายนองหน้า...
“เธอจากผมไปแล้วพี่เด่น พี่เดียว... เธอจากพวกเราไปแล้ว...”
อัครวัฒน์พูดออกมาทั้งสะอื้นไห้เขากอดร่างชุมโชกด้วยเลือดของชลิตาไว้แน่น... ทั้งยังไม่ให้ใครได้เข้าใกล้ร่างไร้วิญญาณของเธออีกด้วย...
อัครากับอัคนีต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึงและคาดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะจากพวกเขาไปเร็วเช่นนี้... แต่มันก็เป็นไปแล้ว
ชลิตาเสียชีวิตแล้ว...
สามพี่น้องดีแลนด์ตกอยู่ในห้วงโศกเศร้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อัคนีถึงกับชกแรงๆ ลงตัวถังรถยนต์คันเล็กของ ชลิตาจนมือแกร่งแตกเลือดไหลซึมออกมา...
สำหรับเขาแล้วชลิตาเหมือนน้องสาวที่น่ารัก เธอเป็นเพื่อนรักของบารนีผู้เป็นภรรยา แล้วเขาจะมีหน้ากลับไปบอกภรรยาของตนได้อย่างไรว่าเพื่อนรักของเธอได้เสียชีวิตแล้วโดยที่เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรชลิตาได้เลย พวกเขามาพบเพียงร่างไร้วิญญาณเพื่อนรักของเธอที่ถูกทิ้งไว้ข้างถนนอย่างนั้นหรือ...
“ไอ้สารเลวคนไหนมันทำกับหนูเล็กแบบนี้มันต้องชดใช้นะพี่เด่น”
“พี่รู้ดี เราจะจัดการมันให้สาสมแน่ นายไม่ต้องห่วง... แต่ตอนนี้เราต้องจัดการปิดข่าวนี้ก่อน เอาล่ะเดียว เรามีงานต้องสะสางแล้ว ฉันจะให้คนของฉันมาช่วยจัดการเรื่องที่นี่ ส่วนเรามีงานหลายอย่างต้องทำ ไปเถอะ ปล่อยให้โดมอยู่กับคนรักของเขา...”
อัครากล่าวเสียงเรียบใบหน้าที่แกร่งกระด้างไร้รอยยิ้มอยู่แล้วของนายใหญ่แห่งไร่อัครายิ่งดูน่ากลัวดุดันมากขึ้นกว่าเดิมร่างสูงใหญ่ผมยาวยุ่งเหยิงของเขาส่งให้อัคราดูดิบเถื่อนมากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่าหากใครสักคนมาเห็นเขาตอนนี้ คงไม่มีใครรู้ว่าเขาคือมหาเศรษฐีหนึ่งในสามหนุ่มแห่งตระกูลดีแลนด์แน่นอน...
ในขณะที่ทั้งสามพี่น้องดีแลนด์กำลังโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของชลิตา ในอีกมุมหนึ่งซึ่งมืดมิดและลับตาคนมีสายตาคู่หนึ่งมองมายังพวกเขาอย่างเสียใจไม่แพ้กันทั้งยังรู้สึกหวาดกลัวจนแทบจะไม่มีสติคิดอะไรออกได้ในตอนนี้ คิดได้เพียงอย่างเดียวว่า
เขาต้องหนีไปให้สุดขอบโลก... เท่านั้น... แต่จะหนีไปที่ไหน...
บทนำร่างเล็กทว่าอวบอิ่มได้สัดส่วนส่ายพลิ้วอยู่ใต้ร่างแกร่งซึ่งเปลือยเปล่าไม่แพ้กันด้วยความเสียวซ่านรัญจวนจากฤทธิ์ลิ้นร้ายของชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวของเธอในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หนูเล็ก หรือ ชลิตา หลับตาพริ้มบิดกายเปลือยเปล่าหลบสายตาคมอย่างเอียงอายเมื่อเขาละลิ้นร้อนจากยอดอกสีหวานมามองใบหน้าแดงก่ำของเธอด้วยประกายตาพราวพรายของเขา ก่อนจะวกลงไปไล้เลียลิ้นร้อนตามผิวกายขาวละเอียดอ่อนของเธอจนถึงกึ่งกลางกายสาวก่อนจะละเลิงลิ้นร้อนลงบนกลีบดอกไม้สดฉ่ำที่มีเขาเพียงคนเดียวที่ดื่มกินหยาดน้ำหวานหอมละมุนลิ้นนี้แต่เพียงผู้เดียว ...พี่โดม อัครวัฒน์ ดีแลนด์ หรือ คุณโดมแห่งดีแลนด์แอร์ไลน์ หนุ่มหล่อไฮโซวัยสามสิบเอ็ดเจ้าของสายการบินกระดับโลกผู้โด่งดังด้วยเสน่ห์อันล้นเหลือทั้งยังร่ำรวยมหาศาล เขาเพียบพร้อมและเป็นที่หมายปองของสาวๆ ครึ่งค่อนโลก แต่หญิงสาวผู้โชคดีกลับเป็นเธอและตอนนี้เขาก็ทำให้เธอต้องทรมานเพราะเพลิงเสน่หาจากปลายลิ้นร้อนของเขาจนร่างสาวแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่สุดท้ายเธอก็เหาะเหินไปบนอากาศร้อนระอุแต่ก็หนาวสะท้านละลิ่วลอยไปยังดินแดนงดงามของเกมสวาทที่เขาเป็นผู้ปรนเปรอจนเธอสุขสมทุกครั้งคราไป..
บทที่ 1 “ให้พี่ไปส่งดีกว่าไหมครับ ผู้หญิงเดินทางคนเดียวได้ยังไงมันอันตรายนะ...” อัครวัฒน์เดินตามมาคลอเคลียคู่หมั้นสาวเมื่อช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันสิ้นสุดลงวันนี้ทั้งวันเขากับเธอควงคู่กันไปมอบการ์ดเชิญตามบ้านของเพื่อนสนิทจนครบหมดทุกคน ก่อนจะถึงเวลาที่เธอจะต้องไปดูชุดเจ้าสาวกับเพื่อนรัก ความจริงเขาอยากจะไปกับเธอด้วยเพราะรู้สึกแปลกๆ ในใจอย่างไรไม่รู้ แต่ก็รู้ดีว่าชลิตานั้นดื้อดึงและมีความเป็นตัวของตัวเองสูงหากเธอคิดจะทำอะไรเธอจะต้องตั้งใจทำอย่างนั้นซึ่งข้อนี้เขาเข้าใจดีและยอมรับได้เพราะคนที่จะเคียงข้างเขาก็จะต้องเป็นผู้หญิงแบบเธอนี่ล่ะ... “พี่โดมทำงานไปเถอะค่ะ นี่มันเพิ่งสี่โมงเย็นเองนะคะไม่ใช่สี่ทุ่ม หนูเล็กโตแล้วกลับบ้านเองได้ค่ะ ทำงานดีๆ ล่ะ แล้วก็เอาของชำร่วยไปจัดการให้เรียบร้อยด้วย แล้วหนูเล็กก็ไปดูชุดเจ้าสาวกับบีค่ะไม่ได้ไปคนเดียวเสียหน่อย”“ครับๆ พี่โดมผิดเองที่ห่วงว่าที่คุณเมียมากไป”“พี่โดมน่ะ พูดน่าเกลียดจัง...”หญิงสาวเอียงอายแล้วเดินไปขึ้นรถของตัวเองหน้าแดงก่ำแต่ก็หันมาโบกมือให้คู่หมั้นหนุ่มอย่างสดใส อัครวัฒน์โบกมือตอบด้วยรอยยิ้มละลายหัวใจที่แม้ว่าเขากำลังจะแต่งานแ
บทที่ 2 “แต่พวกพี่เป็นหนักกว่านี้เพราะเมียหนี เมียเชิดใส่ น่ะสิ เลยไม่เข้าใจว่าการที่เมียเต็มใจจะแต่งงานงานด้วยเป็นแบบไหน อย่างว่าล่ะนะ เสน่ห์ของคนเรามันต่างกัน ผมน่ะแต่งงานกันด้วยความรักที่เปิดเผยจริงใจไม่ขี้เก๊ก ไม่เหมือนพี่ๆ หรอก ท่ามากเรื่องเยอะจนเมียพากันหอบลูกหนีเดือนร้อนงอนง้อกันอุตลุด”“ไอ้โดม พูดแบบนี้หาเรื่องนี่หว่า ไอ้นี่มันปีนเกลียวพี่ แบบนี้ต้องโดนนน...” ว่าแล้วสามพี่น้องแห่งดีแลนด์ที่ความหล่อเหลาแข็งแกร่งไม่เป็นรองกันก็พากันวิ่งไล่จับเหมือนเด็กชายวัยเก้าขวบสิบขวบมากกว่าชายหนุ่มที่อายุอานามก็ต่างเลยเลขสามกันมาแล้วหลายปีทั้งนั้น...“ดูเอาเถอะ เล่นกันเป็นเด็กๆ” ยอดรัก ภรรยาของอัคราซึ่งกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกได้แปดเดือนแล้วกล่าวยิ้มๆ กับบารนีภรรยาของอัคนีซึ่งจูงลูกน้อยคนที่สอง น้องนาเดีย หรือ หนูเดีย วัยสามขวบออกมาเยี่ยมหน้ามองบรรดาสามีที่รัก“ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ พวกไม่รู้จักโต” สองสาวหัวเราะให้กัน หนูน้อยนาเดียนึกสนุกที่เห็นคุณพ่อ คุณลุงและคุณอาเล่นสนุกกันอยู่บนสนามหญ้าก็สะบัดมือเล็กๆ ออกจากอุ้งมือคุณแม่คนสวยแล้ววิ่งตื๋อไปร่วมวงด้วย นี่ถ้าหาก พี่บูม พี่ชายของเธออยู่ก็
บทที่ 3 เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับยุกยิกเมื่อฤทธิ์ยาที่เธอได้รับเริ่มหมดไปก่อนที่มันจะเบิกกว้างอย่างตกใจ หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยความตื่นตระหนก แล้วก้มลงสำรวจตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเธอยังไม่ได้รับอันตรายหรือถูกล่วงเกินใดๆ แต่ เธอก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัยสักนิด เมื่อรู้สึกถึงสายตาของใครสักคนมองมาที่ตน ขนอ่อนในกายของเธอลุกชันเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เธอรู้สึกว่าเขากำลังจ้องมองเธอด้วยแววตาหื่นกระหาย...“คุ คุณ เนวิน...” ชื่อที่หลุดออกมาจากริมฝีปากแห้งผากนั้นเบาราวกระซิบ...“ขอบคุณครับ แหม.. ดีใจจังที่คุณหนูเล็กอุตส่าห์จำกันได้...”เนวิน...ชายหนุ่มผู้มีรูปกายสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาดใบหน้าหล่อเหลาแบบที่สาวๆ กำลังชื่นชมนิยมกันว่า หล่อแบบหนุ่มเกาหลีนั้นเขาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นเดียวกับอัครวัฒน์และมีชื่อเสียงพอสมควรทั้งในด้านดีและลบแต่จะออกไปด้านลบเสียมากกว่า และเธอก็รู้มาบ้างว่าเขากับอัครวัฒน์นั้นไม่ค่อยกินเส้นกันแต่เธอไม่นึกว่าเนวินจะต้องทำลายหรือเอาชนะกันด้วยวิธีการแบบนี้...ชลิตาหน้าซีดกวาดตามองหาทางหนีทีไล่เมื่อรับรู้ถึงกระแสความไม่ปลอดภัย แต่ก็จนปัญญาเมื่อเธอไม่รู้เลยว่าตนเองอ