“ให้พี่ไปส่งดีกว่าไหมครับ ผู้หญิงเดินทางคนเดียวได้ยังไงมันอันตรายนะ...” อัครวัฒน์เดินตามมาคลอเคลียคู่หมั้นสาวเมื่อช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันสิ้นสุดลง
วันนี้ทั้งวันเขากับเธอควงคู่กันไปมอบการ์ดเชิญตามบ้านของเพื่อนสนิทจนครบหมดทุกคน ก่อนจะถึงเวลาที่เธอจะต้องไปดูชุดเจ้าสาวกับเพื่อนรัก ความจริงเขาอยากจะไปกับเธอด้วยเพราะรู้สึกแปลกๆ ในใจอย่างไรไม่รู้ แต่ก็รู้ดีว่าชลิตานั้นดื้อดึงและมีความเป็นตัวของตัวเองสูงหากเธอคิดจะทำอะไรเธอจะต้องตั้งใจทำอย่างนั้นซึ่งข้อนี้เขาเข้าใจดีและยอมรับได้เพราะคนที่จะเคียงข้างเขาก็จะต้องเป็นผู้หญิงแบบเธอนี่ล่ะ...
“พี่โดมทำงานไปเถอะค่ะ นี่มันเพิ่งสี่โมงเย็นเองนะคะไม่ใช่สี่ทุ่ม หนูเล็กโตแล้วกลับบ้านเองได้ค่ะ ทำงานดีๆ ล่ะ แล้วก็เอาของชำร่วยไปจัดการให้เรียบร้อยด้วย แล้วหนูเล็กก็ไปดูชุดเจ้าสาวกับบีค่ะไม่ได้ไปคนเดียวเสียหน่อย”
“ครับๆ พี่โดมผิดเองที่ห่วงว่าที่คุณเมียมากไป”
“พี่โดมน่ะ พูดน่าเกลียดจัง...”
หญิงสาวเอียงอายแล้วเดินไปขึ้นรถของตัวเองหน้าแดงก่ำแต่ก็หันมาโบกมือให้คู่หมั้นหนุ่มอย่างสดใส อัครวัฒน์โบกมือตอบด้วยรอยยิ้มละลายหัวใจที่แม้ว่าเขากำลังจะแต่งานแต่ก็ยังมีสาวๆ หมั่นมาทอดสะพานให้เขาเสมอ แต่มันไม่ได้ทำให้เขาสนใจพวกเจ้าหล่อนเลยแม้แต่คนเดียว...
ชลิตาขับรถออกไปแล้วอัครวัฒน์จึงหันมาทำงานของตนที่คั่งค้างไว้ก่อนจะไปทำธุระให้ว่าที่ภรรยาในอนาคตด้วยความรื่นรนรมย์ วันแต่งงานของเขาใกล้เข้ามาแล้ว เขาไม่นึกเลยว่าเขาจะรู้สึกตื่นเต้นมากขนาดนี้มาก่อน พี่ๆ ของเขารู้สึกเหมือนกันไหมนะ...
อัครากับอัคนี มองน้องชายที่นั่งยิ้มไม่หุบอยู่ตรงหน้าอย่างหมั่นไส้แล้วต่างก็ปาเม็ดถั่วอบกรอบใส่อัครวัมน์อย่างหมั่นไส้ที่เอาแต่นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ตรงหน้า
“โอ๊ยๆ อะไรกันครับนี่”
“ไอ้เวอร์...” พี่ชายทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมกันแล้วส่ายหน้ากับอาการของน้องชาย...
“แหม ทำอย่างกับตัวเองไม่เคยเป็นอย่างผม พวกพี่น่ะเป็นมากกว่าผมอีกนะครับ ผมนี่แค่เบาะๆ เบาๆ อาการคล้ายๆ พวกพี่ตอนจะมีเมียเท่านั้นล่ะครับ...”
“เฮ้ย ฉันไม่ได้มีอาการยิ้มไม่หุบเหมือนคนบ้าอย่างนายนะไอ้โดม” อัคราปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมรับ
“ฉันก็ด้วย ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้” อัคนีก็แย้งทั้งที่เขานั่นล่ะอาการหนักกว่าใคร
บทที่ 2 “แต่พวกพี่เป็นหนักกว่านี้เพราะเมียหนี เมียเชิดใส่ น่ะสิ เลยไม่เข้าใจว่าการที่เมียเต็มใจจะแต่งงานงานด้วยเป็นแบบไหน อย่างว่าล่ะนะ เสน่ห์ของคนเรามันต่างกัน ผมน่ะแต่งงานกันด้วยความรักที่เปิดเผยจริงใจไม่ขี้เก๊ก ไม่เหมือนพี่ๆ หรอก ท่ามากเรื่องเยอะจนเมียพากันหอบลูกหนีเดือนร้อนงอนง้อกันอุตลุด”“ไอ้โดม พูดแบบนี้หาเรื่องนี่หว่า ไอ้นี่มันปีนเกลียวพี่ แบบนี้ต้องโดนนน...” ว่าแล้วสามพี่น้องแห่งดีแลนด์ที่ความหล่อเหลาแข็งแกร่งไม่เป็นรองกันก็พากันวิ่งไล่จับเหมือนเด็กชายวัยเก้าขวบสิบขวบมากกว่าชายหนุ่มที่อายุอานามก็ต่างเลยเลขสามกันมาแล้วหลายปีทั้งนั้น...“ดูเอาเถอะ เล่นกันเป็นเด็กๆ” ยอดรัก ภรรยาของอัคราซึ่งกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกได้แปดเดือนแล้วกล่าวยิ้มๆ กับบารนีภรรยาของอัคนีซึ่งจูงลูกน้อยคนที่สอง น้องนาเดีย หรือ หนูเดีย วัยสามขวบออกมาเยี่ยมหน้ามองบรรดาสามีที่รัก“ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ พวกไม่รู้จักโต” สองสาวหัวเราะให้กัน หนูน้อยนาเดียนึกสนุกที่เห็นคุณพ่อ คุณลุงและคุณอาเล่นสนุกกันอยู่บนสนามหญ้าก็สะบัดมือเล็กๆ ออกจากอุ้งมือคุณแม่คนสวยแล้ววิ่งตื๋อไปร่วมวงด้วย นี่ถ้าหาก พี่บูม พี่ชายของเธออยู่ก็
บทที่ 3 เปลือกตาบางค่อยๆ ขยับยุกยิกเมื่อฤทธิ์ยาที่เธอได้รับเริ่มหมดไปก่อนที่มันจะเบิกกว้างอย่างตกใจ หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยความตื่นตระหนก แล้วก้มลงสำรวจตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อเธอยังไม่ได้รับอันตรายหรือถูกล่วงเกินใดๆ แต่ เธอก็ไม่ได้รู้สึกปลอดภัยสักนิด เมื่อรู้สึกถึงสายตาของใครสักคนมองมาที่ตน ขนอ่อนในกายของเธอลุกชันเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เธอรู้สึกว่าเขากำลังจ้องมองเธอด้วยแววตาหื่นกระหาย...“คุ คุณ เนวิน...” ชื่อที่หลุดออกมาจากริมฝีปากแห้งผากนั้นเบาราวกระซิบ...“ขอบคุณครับ แหม.. ดีใจจังที่คุณหนูเล็กอุตส่าห์จำกันได้...”เนวิน...ชายหนุ่มผู้มีรูปกายสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาดใบหน้าหล่อเหลาแบบที่สาวๆ กำลังชื่นชมนิยมกันว่า หล่อแบบหนุ่มเกาหลีนั้นเขาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจรุ่นเดียวกับอัครวัฒน์และมีชื่อเสียงพอสมควรทั้งในด้านดีและลบแต่จะออกไปด้านลบเสียมากกว่า และเธอก็รู้มาบ้างว่าเขากับอัครวัฒน์นั้นไม่ค่อยกินเส้นกันแต่เธอไม่นึกว่าเนวินจะต้องทำลายหรือเอาชนะกันด้วยวิธีการแบบนี้...ชลิตาหน้าซีดกวาดตามองหาทางหนีทีไล่เมื่อรับรู้ถึงกระแสความไม่ปลอดภัย แต่ก็จนปัญญาเมื่อเธอไม่รู้เลยว่าตนเองอ
บทที่ 4“โอเค เราจะขับรถไปตามถนนทุกสายในกรุงเทพฯ และรอบนอก เอาเป็นว่าเราแยกกันไปก็แล้วกัน...” อัคนีกล่าวซึ่งทั้งสองหนุ่มก็พยักหน้าเห็นด้วยในใจของอัครวัฒน์ก็นึกถึงแต่อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ชื่อเนวิน ซึ่งคอยขัดแข้งขัดขาและหาเรื่องทำร้ายเขามาตลอดหลายปีที่ผ่านมาเรื่องของปมแค้นใจของเนวินมันเกิดจากความเข้าใจผิดล้วนๆ ซึ่งเขาเองก็จนปัญญาจะทำให้คนโง่เขลาอย่างเนวินเข้าใจ และเขามั่นใจว่าการหายตัวไปของชลิตามันเกิดจากการแก้แค้นของเนวินแน่ๆ แต่การที่เนวินเอาตัวชลิตาไปหรือทำร้ายผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนี้ มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี...แต่ก่อนที่ทั้งสามหนุ่มจะเดินไปยังรถของตนเองเสียงโทรศัพท์ของอัครวัฒน์ก็ดังขึ้นและเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอทำให้เขาตัวเย็นเฉียบไม่รู้ด้วยความยินดีหรือเพราะอะไร... แต่เขารู้สึกไม่ดีเลย อัครวัฒน์รีบรับสายทันที...“หนูเล็ก หนูเล็กอยู่ไหนครับ พี่โดมเป็นห่วงหนูเล็กมากนะ...”“ตอนนี้คุณหนูเล็กอยู่ที่ถนน... หากคุณรักเธอรีบมารับตัวเธอด่วน เธอเสียเลือดมาก... ผมขอโทษ...”เสียงผู้ชายที่พูดมาตามสายนั้นฟังดูร้อนรนทว่าแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อย แต่สิ่งที่กระตุกหัวใจของเขาคือเขารู้ได้ทันทีว่าเธ
บทนำร่างเล็กทว่าอวบอิ่มได้สัดส่วนส่ายพลิ้วอยู่ใต้ร่างแกร่งซึ่งเปลือยเปล่าไม่แพ้กันด้วยความเสียวซ่านรัญจวนจากฤทธิ์ลิ้นร้ายของชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวของเธอในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หนูเล็ก หรือ ชลิตา หลับตาพริ้มบิดกายเปลือยเปล่าหลบสายตาคมอย่างเอียงอายเมื่อเขาละลิ้นร้อนจากยอดอกสีหวานมามองใบหน้าแดงก่ำของเธอด้วยประกายตาพราวพรายของเขา ก่อนจะวกลงไปไล้เลียลิ้นร้อนตามผิวกายขาวละเอียดอ่อนของเธอจนถึงกึ่งกลางกายสาวก่อนจะละเลิงลิ้นร้อนลงบนกลีบดอกไม้สดฉ่ำที่มีเขาเพียงคนเดียวที่ดื่มกินหยาดน้ำหวานหอมละมุนลิ้นนี้แต่เพียงผู้เดียว ...พี่โดม อัครวัฒน์ ดีแลนด์ หรือ คุณโดมแห่งดีแลนด์แอร์ไลน์ หนุ่มหล่อไฮโซวัยสามสิบเอ็ดเจ้าของสายการบินกระดับโลกผู้โด่งดังด้วยเสน่ห์อันล้นเหลือทั้งยังร่ำรวยมหาศาล เขาเพียบพร้อมและเป็นที่หมายปองของสาวๆ ครึ่งค่อนโลก แต่หญิงสาวผู้โชคดีกลับเป็นเธอและตอนนี้เขาก็ทำให้เธอต้องทรมานเพราะเพลิงเสน่หาจากปลายลิ้นร้อนของเขาจนร่างสาวแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่สุดท้ายเธอก็เหาะเหินไปบนอากาศร้อนระอุแต่ก็หนาวสะท้านละลิ่วลอยไปยังดินแดนงดงามของเกมสวาทที่เขาเป็นผู้ปรนเปรอจนเธอสุขสมทุกครั้งคราไป..