“ตกหลุมพรางของผมเหรอ” เย่เทียนหยู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี“ไม่ใช่เหรอ คุณจงใจบอกให้ผมเริ่มก่อน ยั่วยุเพื่อให้ผมทำแบบนั้น แล้วจะได้ใช้โอกาสลอบโจมตีผมได้”“คราวนี้ ถ้าผมไม่ฉลาดป้องกันเอาไว้ ก็คงถูกคุณรอบโจมตีสำเร็จไปแล้ว”หม่าจวิ้นกล่าวขอบคุณโชคชะตาเย่เทียนหยู่ทำหมดคำจะพูด เขาส่ายหน้าแล้วพูดว่า “โอเค คุณก็จีเนียสดี”“เหอะ ของมันแน่อยู่แล้ว ก็เพราะผมมองออกหมดแล้วยังไงละ”“ตอนนี้ผมจะไม่ให้โอกาสคุณอีกแล้ว ผมลืมบอกคุณว่าสภาพร่างกายของผมโดดเด่นมาตั้งแต่เด็ก คนระดับเดียวกันไม่เหมาะกับผม”“ดังนั้น แม้ว่าคุณจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงพลังงาน คุณก็จะพ่ายแพ้ให้กับผมอย่างแน่นอน”หม่าจวิ้นพูดด้วยความภาคภูมิใจเย่เทียนหยู่ยิ้มแห้ง ไม่นึกเลยว่าเจ้าหมอนี่จะน่ารักเฉิ่มเบ๊อะแบบนี้ เขาส่ายหน้าและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ใครบอกคุณว่าผมเป็นจอมยุทธ์ระดับพลังผลัดเปลี่ยนตอนต้น”“ผมก็ต้องมองออกด้วยเองอยู่แล้วสิ คิดว่าซ่อนมันไว้มิดแล้วสินะ แต่ด้วย IQ อันสูงส่งของผม แค่ผมมองดูก็รู้แล้วว่าพลังคุณอยู่ระดับไหน”“เป็นยังไง ประทับใจกับความฉลาดของผมสินะ”หม่าจวิ้นถามอย่างภาคภูมิใจ“…”“ช่
“ตลอดชีวิตของผม เขาเป็นไอดอลเพียงคนเดียวที่ผมเคารพบูชา”เมื่อเขาคิดถึงราชามังกรดวงตาของหม่าจวิ้นเต็มไปด้วยความชื่นชม ความปรารถนาสูงสุดในชีวิตนี้คือการได้พบกับราชามังกรสักครั้งหากสามารถทำงานให้ราชามังกรได้ เขาจะยิ่งมีความสุขมากกว่านี้อีกหลิวเมิ่งพูดไม่ออกเล็กน้อย ชื่นชมราชามังกรมากแต่ซัดเขาอย่างกับจัดการเด็กเหลือขอ “แล้วนายเคยเจอราชามังกรรึเปล่า” เธอค่อย ๆ เอ่ยปาก“แน่นอนว่าไม่ ราชามังกรมีตัวตนลึกลับไม่อาจคาดเดา เป็นราชามังกรผู้หลบซ่อนตัวตน อย่างผมจะมีโอกาสเจอเขาได้ยังไง!” หม่าจวิ้นส่ายหน้าพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา“จริงเหรอ แต่อันที่จริง ฉันว่านายเคยเจอราชามังกรแล้วนะ” หลิวเมิ่งกล่าวทันที“ไร้สาระ เป็นไปไม่ได้”หลังจากที่หม่าจวิ้นพูดจบ เขาก็รีบกล่าวเสริมทันที “หลิวเมิ่ง ผมก็ไม่อยากจะอะไรกับคุณหรอกนะ แต่สิ่งที่คุณพูดมันจะอัศจรรย์เกินไป ถ้าผมเคยเจอราชามังกรจริง ผมจะไม่รู้เรื่องนั้นได้ยังไง”“นายเคยเจอจริง ๆ นะ”“เป็นไปไม่ได้ ถ้าผมเคยเจอราชามังกร ผมต้องรีบเข้าไปขอลายเซ็นของเขาด้วยความเคารพแล้วสิ”“…”“ทำไมนายต้องอยากได้ลายเซ็นคนที่เป็นจอมยุทธ์ด้วย ไม่ใช่ต้องให้เขาสอน
เห็นได้ชัดว่าเย่เทียนหยู่ไม่รู้เรื่องเลย เขาขับรถออกไป แต่ในขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น หลังจากดูเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้ว เขาก็รับสายอย่างไร้ทางเลือกประเด็นเป็นเพราะ ครั้งก่อนในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนั้น อีกฝ่ายยังคงให้ทางเลือกแก่เขาและบอกว่าเขาจะช่วยเขาแต่แน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยไม่เลว เพียงแต่สมองมีเสี้ยนต่ำจนน่าจะแล่นได้ไม่ดีเท่าไหร่ทันทีที่โทรติด คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็พูดด้วยความโกรธ “เย่เทียนหยู่ นายเก่งจริง ๆ นะ ไม่รับสายฉันเลย”เย่เทียนหยู่ยิ้มอย่างขมขื่นและอยากถามว่า ความสัมพันธ์ของเราคืออะไร ทำไมฉันจะต้องรับสายของคุณ เขาพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าหน้าที่หลงตามหาผมมีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ”“เรื่องอะไรเหรอ หลินหว่านหรูไม่ได้บอกนายเหรอ”“บอกอะไรเหรอ” เย่เทียนหยู่ไม่ตอบ“ดูเหมือนคุณจะไม่รู้เลย และนั่นก็เข้าใจได้”หลงเจี๋ยตะคอกอย่างเย็นชา “นายไม่รู้เหรอว่า นายทำให้ตระกูลเย่ขุ่นเคืองขนาดนั้น แต่ตระกูลเย่ไม่ได้ส่งคนไปสร้างปัญหาให้นายต่อด้วยซ้ำ”เย่เทียนหยู่ตกใจเล็กน้อยและพูดด้วยความสับสน “เรื่องนั้นผมรู้แล้ว แต่มันเกี่ยวอะไรกับคุณ”“ต้องเกี่ยวอยู่แล้วสิ!”“ก็ถ้าฉั
เอวของเธอบอบบางจนอาจกุมรอบได้ไม่อยากเนินอกที่อวบอิ่มถูกห่อด้วยชุดกระโปรงยาวสีดำ เป็นทิวทัศน์ที่สมบูรณ์แบบและเต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนให้ผู้คนจับจ้องสิ่งที่งดงามยิ่งกว่านั้น คือดวงตาสีชมพูทรงนกฟีนิกซ์ของเธอ เพียงมองแวบเดียว ก็อาจตกหลุมรักดวงตาทั้งสองข้างได้อย่างง่าย จนอาจโงหัวไม่ขึ้นแม้ว่าเธอเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองที่แท้แล้ว เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เย่เทียนหยู่ในระยะไกล และก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็วแม้แต่เย่เทียนหยู่ก็ประหลาดใจ ภาพลักษณ์ของเธอตอนนี้ทำให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์แบบขนาดไหน แต่ในสายตาของเขา มีเพียงหลินหว่านหรูเท่านั้นที่สามารถเรียกได้ว่างามอย่างไม่อาจเทียบแน่นอนว่า หยางเฉียนเฉียนที่ได้รับการฝึกฝนพลังมาแล้วก็พอกันเย่เทียนหยู่เพิกเฉยอีกฝ่าย และหาที่นั่งให้นั่งรอการมาถึงของหลงเจี๋ยหลงเจี๋ยมาอย่างรวดเร็วและมาถึงภายในเวลาไม่นาน เขาเหลือบมองเย่เทียนหยู่ที่นั่งอยู่ที่นั่น ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาทันที และเขากระซิบ “ทำไมคุณถึงจองที่นี่”“ที่นี่ไม่ดีเหรอ ผมว่าสภาพแวดล้อมที่นี่ค่อนข้างดี”“ดีอะไรละคะ คนที่มาที่นี่มีแต่คู่รักกันเท่านั้นละค
“ว่ายังไงนะ นายคือราชามังกรแห่งพรรคมังกรเหรอ”“เย่เทียนหยู่ นายดูถูกฉันรึไง ต่อให้นายอยากหลอกฉัน ก็ช่วยหาเหตุผลที่ปกติหน่อยได้ไหม” หลงเจี๋ยโกรธทันทีเขาไม่มองกระจกหน่อยเหรอ จะได้ดูว่าตัวเองมีท่าทางทรงอำนาจเหมือนกับราชามังกรแห่งพรรคมังกรหรือไม่ ในใจของเธอ ราชามังกรเป็นบุคคลที่มีอำนาจเหนือกว่า ทรงพลัง และน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอนแม้ว่าอีกฝ่ายจะอายุยังน้อย แต่ก็ไม่มีทางเป็นเย่เทียนหยู่อย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่มีสีหน้าสิ้นหวัง ฉันบอกความจริงกับคุณแล้วคุณไม่เชื่อฉัน เขาพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะ ฉันไม่ใช่ราชามังกร ฉันแค่ล้อเล่น!”“ก็พอจะรู้หรอกว่านายชอบขี้จุ๊ ต้องหลอกฉันอยู่แน่ ถูกฉันจับได้แล้วใช่มั้ยละ ตอนนี้ บอกฉันมาว่าตกลงนายเป็นใครกันแน่”“เรื่องนั้น ผม คุณอยากให้ผมเป็นอะไรละ”“อะไรเรียกว่าฉันอยากให้นายเป็นอะไร นายล้อเล่นกับฉันอยู่เหรอ ฉันว่านายกำลังปกปิดตัวตน ไม่เหมาะจะเปิดเผย ถ้างั้นนายก็กระซิบบอกฉันหน่อยแล้วกัน”“นี่เป็นความลับมากเลยนะ อันที่จริงผมเป็นสายลับ” เย่เทียนหยู่หาเหตุผลขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ“ว่าอยู่แล้วเชียว ฉันเดาไว้นานแล้วว่านายเป็นสายลับ”หลงเจี๋ยพูดด้วยความตื่นเต้
คราวหน้ายังมีโอกาส ค่อย ๆ ถามไปก็แล้วกันหลงเจี๋ยออกจากที่นี่และกลับไปที่สำนักงานตำรวจหลังจากที่ได้พบกับสารวัตจาง เธอก็ลืมคำสัญญาของเธอกับเย่เทียนหยู่ไปโดยสิ้นเชิง และพูดอย่างภาคภูมิใจ “ลุงจาง คุณคิดว่าฉันจะไม่รู้จักตัวตนของเย่เทียนหยู่ด้วยตัวเองถ้าคุณไม่บอกฉันหรือเปล่า”จางเจิ้งตกใจเล็กน้อยและพูดว่า “เธอรู้แล้วเหรอ”เขาเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ไม่นาน คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเย่เทียนหยู่ก็คือราชามังกรในตำนานคนนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีความสามารถมากมายและทำตัวมีอำนาจเหนือกว่าเขากลายเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมรัฐมนตรีหวงจึงให้ความสำคัญกับเขามากเมื่อหลงเจี๋ยได้ยินแบบนั้น เขาคิดกับตัวเองว่าลุงจางรู้เรื่องนี้จริง ๆ ในเมื่อเขารู้ มันไม่สำคัญว่าเขาจะพูดออกไปหรือไม่ เขาก็กระซิบทันที “แน่นอน เขาเป็นตัวแทน แม้ว่านี่จะเป็นความลับก็ตาม ลุงจางไม่จำเป็นต้องซ่อนมันจากฉัน”“อะไรนะ”“สายลับ”จางเจิ้งนึกว่าตัวเองฟังผิด“ใช่ มีอะไรผิดปกติเหรอคะ”“เปล่าหรอก เธอโอเคก็ดีแล้วละ เราไปประชุมกันเถอะ”จางเจิ้งพูดไม่ออก เธอคนนี้คงถูกราชามังกรเย่เทียนหยู่หลอกมาแน่นอนแต่ราชามังก
“คนสวย ดูเหมือนคุณได้ยินเรื่องที่ผมพูดแล้วจะอารมณ์ดีนะ หรือคุณคนสวยคิดจะดึงดูดผมอยู่เหรอ” เย่เทียนหยู่ถามอย่างจงใจเมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบควบคุมอารมณ์อย่างรวดเร็ว ปกติแล้วเธอจะสงบมาก แต่วันนี้เธอตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพราะเพียงไม่กี่คำของนายน้อยเธอสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็วและถามว่า “คุณทำกับผู้หญิงทุกคนแบบนี้หรือเปล่าคะ”“ฮ่าฮ่า แน่นอนว่าไม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดติดตลกแบบนี้นะ”“ผมชื่อเย่เทียนหยู่ ไหน ๆ เราก็ถูกกำหนดให้มารู้จักกันอยู่แล้ว ผมขอถามชื่อคุณบ้างได้มั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“จูเก่อหลิวหลี!”หญิงสาวตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกับท่าทีไม่ถือสา“จูเก่อหลิวหลีช่างเป็นชื่อที่ดีจริง ๆ บนโลกมีคนสกุลจูเก่อน้อยมาก คุณมาจากตระกูลจูเก่อเหรอครับ” เย่เทียนหยู่ถามอย่างไม่มั่นใจด้วยรอยยิ้มยกเว้นกลุ่มคนชั้นบน ในโลกปัจจุบันมีคนน้อยมากที่จะรู้ว่า ตำนานของตระกูลจูเก่อยังคงแพร่สะพัดอยู่เพียงแต่พวกเขาแตกต่างจากนักรบทหารที่วางแผนกลยุทธ์ออกรบในสมัยโบราณ ตอนนี้พวกเขามีความสามารถและความสำเร็จอันน่าทึ่งในการทำธุรกิจที่น่าฉงนกว่านั้นคือ พวกเขาไม่เคยทำเพื่อตัวเองเลย ล้วนแต่เป็นสาวกของกษ
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร เขาไม่เข้าใจจริง ๆ บางทีการค้นหาบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้นที่จะทำให้เข้าใจได้ว่า พวกเขามีแผนการอะไรกันแน่“ไม่ต้องหรอกค่ะ!”“ขอบคุณนะคะคุณเย่ แต่ฉันขับรถมาน่ะ”ขณะที่จูเก่อหลิวหลีพูด เขาก็เดินไปที่รถสปอร์ตเฟอร์รารี่ จากนั้นสตาร์ทรถและจากไปทันทีเมื่อรถออกไป เย่เทียนหยู่ก็สตาร์ทรถอย่างรวดเร็วและไล่ตามเธอไปขณะเดียวกัน เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขหน่วยพิทักษ์ความลับหลงเหมิน และสั่ง “ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนของเฟอร์รารีให้ผมหน่อย ดูว่าใครซื้อรถ ใครใช้ โดยเฉพาะระยะนี้”“ตรวจสอบจูเก่อหลิวหลีด้วย ผมอยากรู้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเธอ”หลังจากวางสายโทรศัพท์ เย่เทียนหยู่ก็ทิ้งความรักหรือความชื่นชมในสายตาของเขาเหลือเพียงความเย็นชาเท่านั้นหลังจากการสังเกตอยู่สักพัก รวมกับสัญชาตญาณของตัวเอง เขาก็บอกเขาว่าจูเก่อหลิวหลีรู้จักเขามาเป็นเวลานาน และอาจต้องการบางอย่างจากเขาด้วยหวังว่าเธอจะไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่ เพราะใครก็ห้ามทำร้ายผู้หญิงของเขาไม่อย่างนั้นต่อให้อีกฝ่ายเป็นเทพเซียน เขาก็จะไม่เมตตาเมื่อถึงเวลา อย่าโทษที่เขาต้
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป