“ว่ายังไงนะ นายคือราชามังกรแห่งพรรคมังกรเหรอ”“เย่เทียนหยู่ นายดูถูกฉันรึไง ต่อให้นายอยากหลอกฉัน ก็ช่วยหาเหตุผลที่ปกติหน่อยได้ไหม” หลงเจี๋ยโกรธทันทีเขาไม่มองกระจกหน่อยเหรอ จะได้ดูว่าตัวเองมีท่าทางทรงอำนาจเหมือนกับราชามังกรแห่งพรรคมังกรหรือไม่ ในใจของเธอ ราชามังกรเป็นบุคคลที่มีอำนาจเหนือกว่า ทรงพลัง และน่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอนแม้ว่าอีกฝ่ายจะอายุยังน้อย แต่ก็ไม่มีทางเป็นเย่เทียนหยู่อย่างแน่นอนเย่เทียนหยู่มีสีหน้าสิ้นหวัง ฉันบอกความจริงกับคุณแล้วคุณไม่เชื่อฉัน เขาพูดอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะ ฉันไม่ใช่ราชามังกร ฉันแค่ล้อเล่น!”“ก็พอจะรู้หรอกว่านายชอบขี้จุ๊ ต้องหลอกฉันอยู่แน่ ถูกฉันจับได้แล้วใช่มั้ยละ ตอนนี้ บอกฉันมาว่าตกลงนายเป็นใครกันแน่”“เรื่องนั้น ผม คุณอยากให้ผมเป็นอะไรละ”“อะไรเรียกว่าฉันอยากให้นายเป็นอะไร นายล้อเล่นกับฉันอยู่เหรอ ฉันว่านายกำลังปกปิดตัวตน ไม่เหมาะจะเปิดเผย ถ้างั้นนายก็กระซิบบอกฉันหน่อยแล้วกัน”“นี่เป็นความลับมากเลยนะ อันที่จริงผมเป็นสายลับ” เย่เทียนหยู่หาเหตุผลขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ“ว่าอยู่แล้วเชียว ฉันเดาไว้นานแล้วว่านายเป็นสายลับ”หลงเจี๋ยพูดด้วยความตื่นเต้
คราวหน้ายังมีโอกาส ค่อย ๆ ถามไปก็แล้วกันหลงเจี๋ยออกจากที่นี่และกลับไปที่สำนักงานตำรวจหลังจากที่ได้พบกับสารวัตจาง เธอก็ลืมคำสัญญาของเธอกับเย่เทียนหยู่ไปโดยสิ้นเชิง และพูดอย่างภาคภูมิใจ “ลุงจาง คุณคิดว่าฉันจะไม่รู้จักตัวตนของเย่เทียนหยู่ด้วยตัวเองถ้าคุณไม่บอกฉันหรือเปล่า”จางเจิ้งตกใจเล็กน้อยและพูดว่า “เธอรู้แล้วเหรอ”เขาเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้ไม่นาน คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเย่เทียนหยู่ก็คือราชามังกรในตำนานคนนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีความสามารถมากมายและทำตัวมีอำนาจเหนือกว่าเขากลายเป็นราชามังกรแห่งพรรคมังกรในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมรัฐมนตรีหวงจึงให้ความสำคัญกับเขามากเมื่อหลงเจี๋ยได้ยินแบบนั้น เขาคิดกับตัวเองว่าลุงจางรู้เรื่องนี้จริง ๆ ในเมื่อเขารู้ มันไม่สำคัญว่าเขาจะพูดออกไปหรือไม่ เขาก็กระซิบทันที “แน่นอน เขาเป็นตัวแทน แม้ว่านี่จะเป็นความลับก็ตาม ลุงจางไม่จำเป็นต้องซ่อนมันจากฉัน”“อะไรนะ”“สายลับ”จางเจิ้งนึกว่าตัวเองฟังผิด“ใช่ มีอะไรผิดปกติเหรอคะ”“เปล่าหรอก เธอโอเคก็ดีแล้วละ เราไปประชุมกันเถอะ”จางเจิ้งพูดไม่ออก เธอคนนี้คงถูกราชามังกรเย่เทียนหยู่หลอกมาแน่นอนแต่ราชามังก
“คนสวย ดูเหมือนคุณได้ยินเรื่องที่ผมพูดแล้วจะอารมณ์ดีนะ หรือคุณคนสวยคิดจะดึงดูดผมอยู่เหรอ” เย่เทียนหยู่ถามอย่างจงใจเมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบควบคุมอารมณ์อย่างรวดเร็ว ปกติแล้วเธอจะสงบมาก แต่วันนี้เธอตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพราะเพียงไม่กี่คำของนายน้อยเธอสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็วและถามว่า “คุณทำกับผู้หญิงทุกคนแบบนี้หรือเปล่าคะ”“ฮ่าฮ่า แน่นอนว่าไม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดติดตลกแบบนี้นะ”“ผมชื่อเย่เทียนหยู่ ไหน ๆ เราก็ถูกกำหนดให้มารู้จักกันอยู่แล้ว ผมขอถามชื่อคุณบ้างได้มั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“จูเก่อหลิวหลี!”หญิงสาวตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกับท่าทีไม่ถือสา“จูเก่อหลิวหลีช่างเป็นชื่อที่ดีจริง ๆ บนโลกมีคนสกุลจูเก่อน้อยมาก คุณมาจากตระกูลจูเก่อเหรอครับ” เย่เทียนหยู่ถามอย่างไม่มั่นใจด้วยรอยยิ้มยกเว้นกลุ่มคนชั้นบน ในโลกปัจจุบันมีคนน้อยมากที่จะรู้ว่า ตำนานของตระกูลจูเก่อยังคงแพร่สะพัดอยู่เพียงแต่พวกเขาแตกต่างจากนักรบทหารที่วางแผนกลยุทธ์ออกรบในสมัยโบราณ ตอนนี้พวกเขามีความสามารถและความสำเร็จอันน่าทึ่งในการทำธุรกิจที่น่าฉงนกว่านั้นคือ พวกเขาไม่เคยทำเพื่อตัวเองเลย ล้วนแต่เป็นสาวกของกษ
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจุดประสงค์อะไร เขาไม่เข้าใจจริง ๆ บางทีการค้นหาบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเท่านั้นที่จะทำให้เข้าใจได้ว่า พวกเขามีแผนการอะไรกันแน่“ไม่ต้องหรอกค่ะ!”“ขอบคุณนะคะคุณเย่ แต่ฉันขับรถมาน่ะ”ขณะที่จูเก่อหลิวหลีพูด เขาก็เดินไปที่รถสปอร์ตเฟอร์รารี่ จากนั้นสตาร์ทรถและจากไปทันทีเมื่อรถออกไป เย่เทียนหยู่ก็สตาร์ทรถอย่างรวดเร็วและไล่ตามเธอไปขณะเดียวกัน เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดหมายเลขหน่วยพิทักษ์ความลับหลงเหมิน และสั่ง “ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนของเฟอร์รารีให้ผมหน่อย ดูว่าใครซื้อรถ ใครใช้ โดยเฉพาะระยะนี้”“ตรวจสอบจูเก่อหลิวหลีด้วย ผมอยากรู้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเธอ”หลังจากวางสายโทรศัพท์ เย่เทียนหยู่ก็ทิ้งความรักหรือความชื่นชมในสายตาของเขาเหลือเพียงความเย็นชาเท่านั้นหลังจากการสังเกตอยู่สักพัก รวมกับสัญชาตญาณของตัวเอง เขาก็บอกเขาว่าจูเก่อหลิวหลีรู้จักเขามาเป็นเวลานาน และอาจต้องการบางอย่างจากเขาด้วยหวังว่าเธอจะไม่ใช่คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี่ เพราะใครก็ห้ามทำร้ายผู้หญิงของเขาไม่อย่างนั้นต่อให้อีกฝ่ายเป็นเทพเซียน เขาก็จะไม่เมตตาเมื่อถึงเวลา อย่าโทษที่เขาต้
ที่แท้แล้วทันทีที่เย่เทียนหยู่เห็นรถของจูเก่อหลิวหลีเร่งความเร็ว เขาก็รู้ว่าเธอรู้ตัวแล้วว่าถูกเขาตามสาวน้อยคนนี้ตื่นตัวใช้ได้เลยปฏิกิริยาแรกของเขาคือการเหยียบคันเร่งเตรียมพร้อมที่จะตามไปหากเขาต้องการไล่ตาม ต่อให้อีกฝ่ายมีสามหัวหกแขนก็คงสลัดเขาไม่พ้น ต่อให้สมรรถนะของรถของเขาจะด้อยกว่าอีกฝ่ายมากก็ตามแต่สุดท้ายเย่เทียนหยู่ก็ยอมแพ้ เพราะถึงยังไง ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่มีอะไรขัดแย้งกัน ถ้าเขาตามเธอไปแบบนี้ ต่อให้เขาตามทันแล้วจะได้อะไรจะบอกว่าหน้าตาเธอดูไม่เหมือนคนดี ผมจะลงทัณฑ์คุณคงไม่ได้ยังไงซะเขาก็จัดคนไปตรวจสอบแล้ว ไปหาข้อมูลที่ต้นตอเลยไม่ดีกว่ากันเหรอในที่สุด เย่เทียนหยู่ก็เลิกไล่ล่า และให้คนอื่นดูว่าพวกเขาสามารถหาโรงแรมของจูเก่อหลิวหลีได้หรือไม่ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะตรวจสอบพบผู้หญิงคนนั้นใช้ชื่อจริงของเธอจริง ๆ เขานึกว่าอีกฝ่ายจะใช้นามแฝงเสียอีก เพราะอย่างนั้นเมื่อครู่ เขาเลยพยายามหลอกล่อเธอผ่านตระกูลจูเก่อไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องจริงหลังจากได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว เย่เทียนหยู่ก็ขับรถไปที่โรงแรมด้วยตัวเอง ในด้านหนึ่ง เขาขอให้ผู้คนตรวจสอบต่อไปทันทีและดูว่าใครอยู่กับจ
เธอพยักหน้าทันทีและพูดว่า “ค่ะ ท่านผู้หญิง ไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้อีกแม้แต่คำเดียว”“ลองดูสถานการณ์ก่อนเถอะ”“พวกเขาไม่ใช่ศัตรู เธอสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง คำขอเดียวคืออย่าให้เขารู้ว่าฉันอยู่ในเมืองเทียนไห่”อีกฝ่ายทิ้งคำพูดไว้ แล้วรีบเก็บข้าวของพอประมาณ ก่อนจะออกจากโรงแรมไปพร้อมกับคนของเธอเธอเดินเร็วมากและไม่แม้แต่จะใช้ลิฟต์ แต่เลือกใช้บันไดเพื่อเลี่ยงกล่องวงจรปิดทั้งหมด และเดินย่างไร้เสียงทันทีที่เธอออกจากรถ รถของเย่เทียนหยู่ก็เข้ามาใกล้ เขาได้สอบถามและรู้ว่าจูเก่อหลิวหลีอาศัยอยู่ในห้องไหน เขาจึงเดินเข้าไปเมื่อมาถึงหน้าประตูห้องของจูเก่อหลิวหลีเขาก็เคาะเบา ๆจูเก่อหลิวหลีเปิดประตูเย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเพราะในเวลานี้ จูเก่อหลิวหลีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และเธอยังสวมเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ ขาของเธอเรียวยาว ใบหน้างดงามราวดอกบัวที่เพิ่งบานทำให้หัวใจของคนที่เห็นเต้นผิดจังหวะผิวพรรณที่เผยออกมาเล็กน้อยของเธอขาวโดดเด่น ทำให้ใครเห็นก็ไม่อาจกระพริบตา“คุณเย่เหรอคะ” จูเก่อหลิวหลีพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ“ผมเอง คุณจูเก่อจะนอนแล้วเหรอ”“ใช่ คุณเย่ เจอที่นี่ได้ยังไ
“ถ้าคุณจูเก่อชอบก็ทำตามที่ชอบเถอะครับ!” เย่เทียนหยู่กล่าวเสียงเรียบจูเก่อหลิวหลีเริ่มโกรธเล็กน้อยและพูดว่า “คุณเย่ คุณต้องการอะไร”“บอกผมมา ผู้หญิงที่อยู่กับคุณคือใคร ทำไมคุณถึงไม่อยากให้ฉันอยู่กับ หลินหว่านหรูและอยากให้ฉันแต่งงานกับหยางเฉียนเฉียน” เย่เทียนหยู่กล่าว“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร!”“ดูเหมือนว่าคุณจะหลั่งน้ำตาไม่ได้จริง ๆ จนกว่าคุณจะเห็นโลงศพ” เย่เทียนหยู่รู้สึกหงุดหงิด ลุกขึ้นยืนตรง ก้าวไปข้างหน้า และจู่ๆ ก็ดึงจูเก่อหลิวหลีตรงหน้าเขาจูเก่อหลิวหลีสะดุ้ง และสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย“คุณ คุณจะทำอะไร”“ทำอะไรเหรอ คุณคิดว่าผู้ชายจะทำยังไง เวลาเผชิญหน้ากับผู้หญิงสวยแบบคุณน่ะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจงใจแต่เมื่อเขาหรี่ตาลง เขาเห็นจูเก่อหลิวหลีสีขาวจาง ๆ ซึ่งสูงและสมบูรณ์แบบมากจนแทบจะกระโดดออกจากผ้าเช็ดตัวผิวโดยรอบเป็นสีขาวพราว และดวงตากลมโตที่สดใสเหล่านั้นปรากฏให้เห็นอารมณ์แสนซับซ้อน รวมถึงความเขินอาย ความกังวลใจ และแม้แต่ความหลงใหลเย่เทียนหยู่ไม่สามารถจัดการมันได้ในทันทีทั้งที่ถูกเขารุกขนาดนี้แล้ว แต่เธอยังมองเขาด้วยสายตาร้อนแรงแบบนั้นหมายความว่ายังไงจู
จูเก่อหลิวหลีตกใจมาก นายน้อยคนนี้เก่งเชื่อมโยงเกินไปแล้ว อุตส่าห์เดาถูกเสียหมด แต่เธอรีบตอบทันทีว่า “เธอเป็นแค่หุ้นส่วนของฉัน คุณคงไม่คิดว่าเธอเป็นแม่ของคุณหรอกนะคะ”“คุณคิดมากไป ถ้าเธอเป็นแม่ของคุณจริง ๆ เธอคงออกมาพบคุณนานแล้ว”“ก็ใช่นะ”เย่เทียนหยู่พยักหน้าเห็นด้วย แต่เขาก็พูดต่อทันที “แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นหรอก ตามที่คุณพูด แม่ของผมยังมีชีวิตอยู่ แต่เธอไม่มาเจอผมด้วยตัวเองเลย บางทีเธออาจมีเหตุผลบางอย่าง”“…”จูเก่อหลิวหลียิ้มอย่างขมขื่น นายน้อยคนนี้สมองเร็วเสียจรงิ “ถ้าคุณอยากจะคิดแบบนั้นก็ตามใจ” เธอตอบอย่างเป็นหลาง“เอาล่ะ ถ้างั้น ผมขอถามคุณ ว่าตอนนี้แม่ของผมเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ต้องห่วง เธอสบายดี เธอแค่ยุ่งอยู่กับเรื่องใหญ่ เมื่อเสร็จแล้ว เธอจะมาที่เมืองเทียนไห่เพื่อตามหาคุณเอง”“จริงเหรอ” เย่เทียนหยู่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับแม่ของเขา ตอนนี้เขารู้ว่าเธอปลอดภัย เขาก็ย่อมมีความสุข“จริงแท้แน่นอนค่ะ”“คุณคือคนที่คอยจัดการให้ผมหย่ากับหลินหว่านหรูแล้วแต่งงานกับหยางเฉียนเฉียนเหรอ” เย่เทียนหยู่ถาม“ถูกต้อง!”จูเก่อหลิวหลียืนยัน“เพร
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย