หลิวเจี๋ยรู้สึกหวาดกลัวมาก และต้องการที่จะปกป้องตัวเองหลินจื่อตงก็โกรธขึ้นทันที และพูดออกไปเสียงดัง “ใช่แล้ว เป็นนายน้อยหลิวนั่นแหละ คุณรู้ไหมว่านายน้อยหลิวเป็นใคร เขาเป็นถึงนายน้อยของตระกูลหลิว เป็นนายน้อยของฉีเฟยกรุ๊ป กล้ายั่วโมโหเขา ฉันว่าแม้แต่คำว่าตายแกยังสะกดไม่ถูกด้วยซ้ำ”เวรเอ้ย!ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หลิวเจี๋ยก็เกือบจะทรุดตัวลง เขาจึงพูดด้วยความกลัว “ไม่ใช่ มันไม่ใช่อย่างนั้น...... ”“นายน้อยหลิว คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณต้องกลัวเขาด้วย เขาทำให้พวกเราไม่พอใจขนาดนี้ คุณก็แค่เชิญคนใหญ่คนโตมา ในพวกเขาได้รู้ว่ายังมีคนที่อยู่เหนือกว่าพวกเขาอยู่”หลินจื่อตงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ“หุบปาก ฉันสั่งให้แกหุบปากเดี๋ยวนี้! ”หลิวเจี๋ยแทบจะจะหลั่งน้ำตาออกมา เขาจึงตะคอกด้วยความโกรธนายท่านหลินเองก็พูดอย่างเร่งรีบ “จื่อตง หยุดพูดได้แล้ว ท่านนี้คืออาจารย์ซา เป็นถึงปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่”“เป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง ตอนนี้เราอยู่ในสังคมแบบไหนกันแล้ว ทักษะศิลปะการต่อสู้ของเขาน่าทึ่งมากรึไง แค่โทรศัพท์จากนายน้อยหลิวเพียงสายเดียว ก็ทำให้เขาตายฝังดินได้ภายในไม่กี่นาที”หลังจากพูดจบ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หลิวเจี๋ยก็กังวลมากจนแทบจะผายลมเรออยู่ตรงนั้นเมื่อซาป้าเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็โกรธขึ้นทันที และพูดอย่างโกรธแค้น “เจ้าหนู ที่แท้ก็เป็นแกที่บุกเข้าไปในโรงพยาบาล และทำร้ายลูกสะใภ้ของฉัน ฉันจะฆ่าแกทิ้งซะ! ”ทันทีที่เขาพูดจบ ก่อนที่หลิวเจี๋ยจะทันได้ตอบสนอง เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก ตัวคนได้ลอยออกไปชนกับเสา แล้วล้มลงกับพื้นรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในทั้งหมดกำลังย้ายที่แต่ตอนนี้เขาแทบจะไม่สนใจความเจ็บปวดในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะความกลัวทางจิตทำให้เขาสิ้นหวังมากกว่า เขาคุกเข่าลงอีกครั้งและร้องขอความเมตตา “ไม่ใช่ ไม่ใช่จริง ๆ เรื่องพวกนี้ผมไม่ได้ทำจริง ๆ”“จริงอยู่ที่ตระกูลหลิวของผมพอจะมีกำลังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้”“ก็จริงอยู่ที่ว่าไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้ แต่ไม่ใช่ว่าแกยังมีบริษัทที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์คอยสนับสนุนอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ใช้สิทธิ์ในผู้ถือหุ้นของแกเชิญคนใหญ่คนโตมาล่ะ? ” ซาป้าเทียนพูดอย่างเย็นชา “หรือที่จริงแล้ว ที่พวกนั้นพูดมาทั้งหมด เป็นเรื่องโกหกอย่างงั้นน่ะเหรอ? ”“แน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหกครั
“ไอ้สารเลว เสียแรงที่พวกเราเชื่อใจแกมากตลอด แต่แกกลับกล้าโกหกพวกเรา”“แกมันคนโกหกไร้ยางอาย คืนเงิน รีบคืนมาให้เราเดี๋ยวนี้”หลิวอวิ๋นซิ่วกังวลมาก นั่นคือเงินออมทั้งหมดของเธอ“คืนเงินงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่าเงินก้อนนั้นถูกโอนไปต่างประเทศตั้งนานแล้ว สักแดงเดียวก็ไม่เหลือ แล้วอย่างมาโทษกันล่ะ ถ้าจะโทษ ก็โทษที่พวกคุณน่ะมันโลภเกินไปต่างหาก”“เพราะไม่อย่างงั้น ตอนนั้นที่เย่เทียนหยู่พยายามโน้มน้าวพวกคุณมากขนาดนั้น พวกคุณทุกคนก็คงจะไม่ค้านหัวชนฝาขนาดนั้นเหรอก”เมื่อคนตระกูลหลินได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า วันนี้ไม่ได้มีแต่ครอบครัวของนายท่านเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ แต่สมาชิกหลายคนจากตระกูลของลูกพี่ลูกน้องของนายท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยทุกคนต่างรู้สึกเสียใจอย่างมากโดยเฉพาะตอนที่หลิวเจี๋ยพูดถึงเย่เทียนหยู่ ก็ทำให้นึกถึงฉากในวันนั้นขึ้นมานายท่านหลินยิ้มอย่างขมขื่น เขาคิดไม่ถึงว่าแม้จะอายุปูนนี้แล้ว ก็ยังสามารถทำผิดพลาดในเรื่องที่ไร้สาระได้ขนาดนี้อยู่อีก เขาเชื่อใจว่าหลิวเจี๋ยมากเกินไป คิดว่าเขาจะชอบหลินหว่านหรูมากกว่าสิ่งอื่นใดซะอีกยิ่งไปกว่านั้น ตัวเองยัง
“จริงครับ อาจารย์ซา จะต้องเป็นเน่เทียนหยู่แน่นอน อย่าดูถูกว่ามันเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีแผนการ ครั้งก่อน มันก็พึ่งใบบุญที่มันเคยรักษาลูกสาวของประธานหยาง จนทำให้ตระกูลหลินได้เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิง”เมื่อซาป้าเทียนได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เย่เทียนหยู่เองก็อยู่ในรายชื่อที่เขาต้องการจะแก้แค้นด้วยเพราะก็ยังเป็นเย่เทียนหยู่ ที่บุกเข้าไปในวิลล่าของตระกูลซา“ยังมีอีกเรื่อง ผมสามารถมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย” หลิวเจี๋ยนึกถึงเรื่องในโรงพยาบาล“เรื่องอะไร? ”“คนที่บุกไปโรงพยาบาล และทำร้ายคุณนายซา ก็คือเย่เทียนหยู่”หลิวเจี๋ยยังพูดยืนยันอีกว่า “ผมรับประกันได้ว่านี่เป็นความจริงอย่างแน่นอน หากคุณไม่เชื่อ ก็สามารถไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าโรงพยาบาล และตรวจสอบตามเวลาได้เลย หรือจะสอบถามพยาบาลแถวนั้นด้วยก็ได้”ซาป้าเทียนกระตือรือร้นกับเรื่องการตามหาว่าใครเป็นสาเหตุที่วางแผนจับกุมคนของตระกูลซาเอาไว้ล่วงหน้าอย่างมาก แต่เขารีบมาเร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงรู้แค่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล จนไม่ทันได้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่า
แต่เมื่อได้มาเจอกับตนที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่าวันตายของอีกฝ่ายได้กำหนดเอาไว้แล้ว“แกสินะที่เป็นคนบุกเข้าไปในวิลล่าของตระกูลซา และทำร้ายผู้พิทักษ์ตระกูลซาจนบาดเจ็บสาหัส? ” ซาป้าเทียนถามด้วยท่าทีที่เย็นชา“ใช่! ”เย่เทียนหยู่เดินออกไปอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง ในดวงตาของเขาไม่มีร่องรอยของความกลัวเลยแม้แต่น้อยพอมาถึงตอนนี้ หัวใจของหลินหว่านหรูก็สั่นไหวเล็กน้อย ต้องเลยบอกว่า คนอย่างเย่เทียนหยู่ไม่รู้จักความกลัวเลยว่าคืออะไร และมักจะเป็นคนที่สงบนิ่งอยู่เสมอแต่ปัญหาคือ แบบนี้มันก็จะทำให้บุคคลที่น่ากลัวอย่างซาป้าเทียนโมโหได้ง่าย ๆ สุดท้ายก็ต้องทิ้งชีวิตของตัวเองหากสิ่งที่หลิวเจี๋ยพูดเป็นความจริง งั้นตอนนี้เย่เทียนหยู่ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะแน่นอนว่าเมื่อซาป้าเทียนต้องมาเผชิญกับทัศนคติของเย่เทียนหยู่ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เจตนาฆ่าก็ยิ่งรุณแรงมากกว่าเดิม และพูดออกไปว่า “แกบุกเข้าไปในโรงพยาบาล และตบลูกสะใภ้ของฉันใช่ไหม? ”“ใช่! ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ“แล้วก็เป็นแกที่เรียกให้คนมาจับกุมคนตระกูลซาล่วงหน้าใช่ไหม? ”คำถามนี้ ไม่ได้มีแค่ซาป้าเทียนที่อยากรู้ แต่คนอื่น ๆ
หลังจากได้ยินคำพูดของไช่เสี่ยวโป ใบหน้าของซาป้าเทียนก็ดูไม่ค่อยดีนัก เขาจึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ทำไมเหรอครับ?”“เพราะเขาคือผู้มีพระคุณของฉัน”“เมื่อก่อนตอนที่หลานชายที่ฉันรักมากที่สุดถูกวางยา หากว่าเขาไม่ช่วยรักษา หลานชายของฉันอาจจะตายไปแล้ว”“เหล่าซา นายลองบอกมาสิ แบบนี้พอจะมีค่าให้ฉันออกหน้าแทนเขาสักครั้งไหม”หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ ทุกคนในตระกูลหลินก็เข้าใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะเย่เทียนหยู่บังเอิญเคยช่วยชีวิตลูกชายของไช่ซูจี้เอาไว้คราวที่แล้วก็เป็นลูกสาวของประธานหยาง คราวนี้ก็เป็นลูกชายของไช่ซูจี้ ดวงของเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมาดาเลยจริง ๆหลินหว่านหรูรู้สึกประหลาดใจ ที่แท้ก็เป็นเพราะทักษะทางการแพทย์ของเขาอีกแล้วเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็แสดงว่าทักษะทางการแพทย์ของเย่เทียนหยู่นั้นดีมาก ๆ งั้นเมื่อก่อนที่เขาเคยคุยโม้ว่าทักษะทางการแพทย์ของตัวเองนั้นเก่งนักเก่งหนา ถึงขั้นพูดว่าเป็นถึงแพทย์เซียนอะไรนั่น คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกใช่ไหมเนี่ย?แต่พอมาลองคิดดูอีกครั้ง แพทย์เซียนอาจจะเป็นไปไม่ได้ ยังไงซะ อายุก็ยังน้อยอยู่เลย ยังไงก็คงแค่คุยโวเท่านั้นแต่ทักษะทางการแพทย์ของเขาก็น่าจะใช้ได้ อย่า
คราวนี้ หลิวอวิ๋นซิ่วก็พูดอีกครั้งว่า “ถ้าเขาจากไป แล้วซาป้าเทียนหาเขาไม่เจออีก จะต้องกลับมาระบายความโกรธกับตระกูลหลินเราอีกแน่นอน”“ถูกตัอง! ”“จะให้เขาจากไปแบบนี้ไม่ได้”“เขาเป็นคนที่ก่อปัญหาขึ้น เขาก็ต้องเป็นคนที่รับผลที่ตามมาเอง พวกเราทุกคนต่างก็เป็นแค่พลเมืองดีที่ปฏิบัติตามกฎเท่านั้น เราไปรับเคราะห์แทนเขาไม่ได้”“ถูกต้องแล้ว เย่เทียนหยู่ ตั้งแต่นี้ไป แกจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อยู่ที่ตระกูลหลินอย่างเชื่อฟังซะเถอะ”“ใช่ ใช่ ต้องขังเอาไว้ด้วย! ”ทุกคนในตระกูลหลินต่างก็พยายามขวางเขาเอาไว้คนแล้วคนเล่า หลินจื่อตงถึงกับพูดขึ้นมาว่า “จากนี้ไป พวกเราจะคอยจับตาดูมันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีไปได้”สำหรับความช่วยเหลือของเลขาธิการไช่เมื่อกี้ ทุกคนต่างก็ได้ยินหมดแล้ว ก็แค่เป็นการตอบแทนบุญคุณที่ช่วยรักษาให้กับหลานชายของเขาก็เท่านั้น เมื่อตอบแทนเสร็จ ก็จะไม่มีเกี่ยวข้องอะไรกันอีกดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วเย่เทียนหยู่ก็ยังคงเป็นผู้แพ้ที่ไร้ประโยชน์อยู่ดี ยังไงก็จะต้องจบเห่อย่างแน่นอนในเวลานี้ หลิวเจี๋ยก็เห็นว่าไม่มีใครสนใจ เขาจึงรีบเดินออกไป เรื่องการล้มละลายก็ได้ถูกเปิ
“เอาล่ะ พวกเธอยังขายหย้ากันไม่พอรึไง?” ในเวลานี้ นายท่านหลินอดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ และหยุดการกระทำของทุกคนเอาไว้จากการดุด่า ทุกคนก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง และอดไม่ได้ที่จะหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดลง“เทียนหยู่ ต่อให้คำพูดของหลิวเจี๋ยอาจไม่จริงไปซะทั้งหมด แต่ไม่ว่ายังไง เธอกับหว่านหรูก็มีชะตากรรมร่วมกัน เพราะงั้นวันนี้ ฉันจะไม่ขาวเธอเอาไว้”“เธอออกไปได้แล้ว ซ่อนให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ตระกูลหลินของเราจะไม่เกี่ยวข้องกับเธออีก! ”นายท่านหลินพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเมื่อได้ยินแบบนั้น เย่เทียนหยูก็ตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่านายท่านหลินยังคงมีอคติกับเขาอยู่ กระทั่งไม่ยอมให้เขากลับเข้าไปในตระกูลหลินอีกหลินหว่านหรูรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างอธิบายไม่ถูก เธอมักจะรู้สึกว่ามีความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เอ่อล้นอยู่ในใจ ราวกับว่าเธอกำลังจะสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไปแต่ว่า ตอนนี้นอกจากการหลบหนีแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว“พ่อคะ ไม่ได้นะคะ คือว่า...... ”“หุบปาก ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว”นายท่านหลินพูดขัดจังหวะเย่เทียนหยู่ถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็ได้ คุณปู่หลิน ด