เมื่อเห็นนายน้อยฉู่จากไปอย่างเด็ดเดี่ยวแบบนั้นแล้ว หลินหว่านรูก็หน้าซีดลง ได้แต่นั่งลงอย่างว่างเปล่าหลิวเจี๋ยถอนหายใจและพูดว่า “หว่านหรู ผมไม่ได้จะตำหนิคุณนะ แต่ทำไมคุณถึงยังเข้าไปพัวพันกับคนอย่างเย่เทียนหยู่อยู่อีก? ตราบใดที่ยังมีเขาอยู่ ช้าเร็วเขานั่นแหละที่อาจจะทำร้ายคุณได้”“ไม่ใช่สิ ตอนนี้เขาก็ได้ทำร้ายคุณไปแล้ว”“ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะโผล่มา” หลินหว่านหรูรู้สึกหดหู่มาก และถามออกไปว่า “นายน้อยหลิว คุณพอจะคิดหาวิธีอื่นได้อีกไหมคะ? ”“ผมขอลองคิดดูก่อนก็แล้วกัน”หลิวเจี๋ยเข้าใจดี ว่าวันนี้หากมีเย่เทียนหยู่อยู่ด้วย เขาก็จะไม่ประสบความสำเร็จแน่ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนแผนการหน่อย“คุณอยู่ที่นี่รอผมนะ ผมจะลองตามไปดู”“ได้ค่ะ! ”หลินหว่านหรูกลัวว่านายน้อยฉู่จะไม่ต้องการพบเธออีก ดังนั้นเธอจึงได้แต่นั่นรอขณะที่หลิวเจี๋ยกำลังจะลงไปชั้นล่าง เขาก็เห็นเย่เทียนหยู่ เขาพูดถูก เย่เทียนหยู่กำลังจับตาดูเขาอยู่ตลอด หากอยู่ที่นี่วันนี้แผนที่วางไว้ก็จะไม่มีทางสำเร็จแน่นี่ทำให้ในใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อไม่มีหลินหว่านหรูอยู่ข้าง ๆ หลิวเจี๋ยก็ไม่อ่อนโยนเหมือนปกติอีกต่อไป และพูดอย่
“เฮ้อ เย่เทียนหยู่เองก็ทำเกินไปจริง ๆ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้มีเจตนาเลวร้ายอะไรเลย แค่บางทีเขาอาจจะอิจฉาและเข้าใจเราผิดไปก็เท่านั้น” หลินหว่านหรูไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอธิบายเพื่อเย่เทียนหยู่“จนถึงตอนนี้ คุณยังหาเหตุผลเพื่อเข้าข้างเขาอีกเหรอ? ”“ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ ขืนคุณยังไม่กำจัดคนแบบนี้ออกไปจากชีวิต ช้าเร็วก็จะถูกเขาทำร้ายในสักวัน ไม่สิ ตอนนี้ก็ถูกเขาทำร้ายไปแล้วนี่” หลิวเจี๋ยโกรธมากหลินหว่านหรูยิ้มอย่างขมขื่น ในเวลานี้ปู่ของเธอโทรมาถามถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ ด้วยความสิ้นหวัง เธอเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่าเกิดอะไรขึ้นนายท่านโกรธมากในตอนแรก แต่ไม่นานก็ถอนหายใจ บางที นี่อาจเป็นชะตากรรมก็ได้จากนั้นเธอก็กลับไปทานอาหารเย็น พอดีกับที่ครอบครัวได้มีโอกาสพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง แม้แต่หลิวเจี๋ยเองก็ได้รับเชิญให้กลับไปด้วย หลิวเจี๋ยเองก็มีความสุขมากที่ได้ไปด้วยหลังจากกลับไปแล้ว ทุกคนต่างก็พูดดูถูกเย่เทียนหยู่ จากนั้นจึงกล่าวชมเชยหลิวเจี๋ยในทุก ๆ เรื่องอาหารมื้อนี้ หลิวเจี๋ยทานได้อย่างมีความสุขมากหลังจากที่เย่เทียนหยู่และหลินหว่านรู่แยกจาก
“เจ้าหนู ยังถือว่าแกพอจะฉลาดอยู่บ้าง” ซาป้าเทียนพูดอย่างเย็นชาทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนในตระกูลหลินก็ตกตะลึงและหน้าซีดเผือดกันหมด คิดไม่ถึงเลยว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าหรือก็คือซาป้าเทียน ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงผู้ทรงพลังที่โด่งดังในเมืองเทียนไห่หลินจื่อตงเพิ่งจะออกมา เลยไม่รู้ชื่อเสียงของซาป้าเทียนผู้นี้ หลังจากที่โดนโจมตี ก็กลับทำให้เขาโกรธมาก จนเกือบจะพ่นคำด่าออกไป แต่นายท่านหลินก็ได้หยุดเขาเอาไว้ก่อนสีหน้าของนายท่านหลินดูไม่สบอารมณ์อย่างมาก ในที่สุดซาป้าเทียนก็ไล่ตามมาถึงที่จนได้ แถมยังป่าวประกาศว่าต้องการตัวลูกสาวของตนอีกจะทำยังไงดี ตอนนี้จะทำยังไงดีซาป้าเทียนเหลือบมองทุกคนอย่างเย็นชา และพูดว่า “พวกแกฟังไว้ดี ฉันคือซาป้าเทียน วันนี้ที่ฉันมาที่นี่ ก็มีแค่จุดประสงค์เดียวเท่านั้น ก็คือตามหาคนที่ทำร้ายคนของตระกูลซา”“ดังนั้น ตราบใดที่พวกแกตอบคำถามของฉันอย่างตรงไปตรงมา ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย แต่ถ้าไม่ล่ะก็ ฉันรับประกันได้เลย ว่าวันนี้ในปีหน้า มันจะกลายเป็นวันระลึกถึงพวกแกแทน”“ใช่ ใช่ หากอาจารย์ซามีอะไรอยากจะถามก็เชิญถามมาได้เลย ไม่ว่ายังไง หากเป็นสิ่งที่พวกเรารู้
หลิวเจี๋ยรู้สึกหวาดกลัวมาก และต้องการที่จะปกป้องตัวเองหลินจื่อตงก็โกรธขึ้นทันที และพูดออกไปเสียงดัง “ใช่แล้ว เป็นนายน้อยหลิวนั่นแหละ คุณรู้ไหมว่านายน้อยหลิวเป็นใคร เขาเป็นถึงนายน้อยของตระกูลหลิว เป็นนายน้อยของฉีเฟยกรุ๊ป กล้ายั่วโมโหเขา ฉันว่าแม้แต่คำว่าตายแกยังสะกดไม่ถูกด้วยซ้ำ”เวรเอ้ย!ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หลิวเจี๋ยก็เกือบจะทรุดตัวลง เขาจึงพูดด้วยความกลัว “ไม่ใช่ มันไม่ใช่อย่างนั้น...... ”“นายน้อยหลิว คุณเป็นอะไรไป ทำไมคุณต้องกลัวเขาด้วย เขาทำให้พวกเราไม่พอใจขนาดนี้ คุณก็แค่เชิญคนใหญ่คนโตมา ในพวกเขาได้รู้ว่ายังมีคนที่อยู่เหนือกว่าพวกเขาอยู่”หลินจื่อตงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ“หุบปาก ฉันสั่งให้แกหุบปากเดี๋ยวนี้! ”หลิวเจี๋ยแทบจะจะหลั่งน้ำตาออกมา เขาจึงตะคอกด้วยความโกรธนายท่านหลินเองก็พูดอย่างเร่งรีบ “จื่อตง หยุดพูดได้แล้ว ท่านนี้คืออาจารย์ซา เป็นถึงปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่”“เป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง ตอนนี้เราอยู่ในสังคมแบบไหนกันแล้ว ทักษะศิลปะการต่อสู้ของเขาน่าทึ่งมากรึไง แค่โทรศัพท์จากนายน้อยหลิวเพียงสายเดียว ก็ทำให้เขาตายฝังดินได้ภายในไม่กี่นาที”หลังจากพูดจบ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หลิวเจี๋ยก็กังวลมากจนแทบจะผายลมเรออยู่ตรงนั้นเมื่อซาป้าเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็โกรธขึ้นทันที และพูดอย่างโกรธแค้น “เจ้าหนู ที่แท้ก็เป็นแกที่บุกเข้าไปในโรงพยาบาล และทำร้ายลูกสะใภ้ของฉัน ฉันจะฆ่าแกทิ้งซะ! ”ทันทีที่เขาพูดจบ ก่อนที่หลิวเจี๋ยจะทันได้ตอบสนอง เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก ตัวคนได้ลอยออกไปชนกับเสา แล้วล้มลงกับพื้นรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในทั้งหมดกำลังย้ายที่แต่ตอนนี้เขาแทบจะไม่สนใจความเจ็บปวดในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะความกลัวทางจิตทำให้เขาสิ้นหวังมากกว่า เขาคุกเข่าลงอีกครั้งและร้องขอความเมตตา “ไม่ใช่ ไม่ใช่จริง ๆ เรื่องพวกนี้ผมไม่ได้ทำจริง ๆ”“จริงอยู่ที่ตระกูลหลิวของผมพอจะมีกำลังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้”“ก็จริงอยู่ที่ว่าไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้ แต่ไม่ใช่ว่าแกยังมีบริษัทที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์คอยสนับสนุนอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ใช้สิทธิ์ในผู้ถือหุ้นของแกเชิญคนใหญ่คนโตมาล่ะ? ” ซาป้าเทียนพูดอย่างเย็นชา “หรือที่จริงแล้ว ที่พวกนั้นพูดมาทั้งหมด เป็นเรื่องโกหกอย่างงั้นน่ะเหรอ? ”“แน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหกครั
“ไอ้สารเลว เสียแรงที่พวกเราเชื่อใจแกมากตลอด แต่แกกลับกล้าโกหกพวกเรา”“แกมันคนโกหกไร้ยางอาย คืนเงิน รีบคืนมาให้เราเดี๋ยวนี้”หลิวอวิ๋นซิ่วกังวลมาก นั่นคือเงินออมทั้งหมดของเธอ“คืนเงินงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่าเงินก้อนนั้นถูกโอนไปต่างประเทศตั้งนานแล้ว สักแดงเดียวก็ไม่เหลือ แล้วอย่างมาโทษกันล่ะ ถ้าจะโทษ ก็โทษที่พวกคุณน่ะมันโลภเกินไปต่างหาก”“เพราะไม่อย่างงั้น ตอนนั้นที่เย่เทียนหยู่พยายามโน้มน้าวพวกคุณมากขนาดนั้น พวกคุณทุกคนก็คงจะไม่ค้านหัวชนฝาขนาดนั้นเหรอก”เมื่อคนตระกูลหลินได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า วันนี้ไม่ได้มีแต่ครอบครัวของนายท่านเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ แต่สมาชิกหลายคนจากตระกูลของลูกพี่ลูกน้องของนายท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยทุกคนต่างรู้สึกเสียใจอย่างมากโดยเฉพาะตอนที่หลิวเจี๋ยพูดถึงเย่เทียนหยู่ ก็ทำให้นึกถึงฉากในวันนั้นขึ้นมานายท่านหลินยิ้มอย่างขมขื่น เขาคิดไม่ถึงว่าแม้จะอายุปูนนี้แล้ว ก็ยังสามารถทำผิดพลาดในเรื่องที่ไร้สาระได้ขนาดนี้อยู่อีก เขาเชื่อใจว่าหลิวเจี๋ยมากเกินไป คิดว่าเขาจะชอบหลินหว่านหรูมากกว่าสิ่งอื่นใดซะอีกยิ่งไปกว่านั้น ตัวเองยัง
“จริงครับ อาจารย์ซา จะต้องเป็นเน่เทียนหยู่แน่นอน อย่าดูถูกว่ามันเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีแผนการ ครั้งก่อน มันก็พึ่งใบบุญที่มันเคยรักษาลูกสาวของประธานหยาง จนทำให้ตระกูลหลินได้เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิง”เมื่อซาป้าเทียนได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เย่เทียนหยู่เองก็อยู่ในรายชื่อที่เขาต้องการจะแก้แค้นด้วยเพราะก็ยังเป็นเย่เทียนหยู่ ที่บุกเข้าไปในวิลล่าของตระกูลซา“ยังมีอีกเรื่อง ผมสามารถมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย” หลิวเจี๋ยนึกถึงเรื่องในโรงพยาบาล“เรื่องอะไร? ”“คนที่บุกไปโรงพยาบาล และทำร้ายคุณนายซา ก็คือเย่เทียนหยู่”หลิวเจี๋ยยังพูดยืนยันอีกว่า “ผมรับประกันได้ว่านี่เป็นความจริงอย่างแน่นอน หากคุณไม่เชื่อ ก็สามารถไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ทางเข้าโรงพยาบาล และตรวจสอบตามเวลาได้เลย หรือจะสอบถามพยาบาลแถวนั้นด้วยก็ได้”ซาป้าเทียนกระตือรือร้นกับเรื่องการตามหาว่าใครเป็นสาเหตุที่วางแผนจับกุมคนของตระกูลซาเอาไว้ล่วงหน้าอย่างมาก แต่เขารีบมาเร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงรู้แค่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาล จนไม่ทันได้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่า
แต่เมื่อได้มาเจอกับตนที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่าวันตายของอีกฝ่ายได้กำหนดเอาไว้แล้ว“แกสินะที่เป็นคนบุกเข้าไปในวิลล่าของตระกูลซา และทำร้ายผู้พิทักษ์ตระกูลซาจนบาดเจ็บสาหัส? ” ซาป้าเทียนถามด้วยท่าทีที่เย็นชา“ใช่! ”เย่เทียนหยู่เดินออกไปอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง ในดวงตาของเขาไม่มีร่องรอยของความกลัวเลยแม้แต่น้อยพอมาถึงตอนนี้ หัวใจของหลินหว่านหรูก็สั่นไหวเล็กน้อย ต้องเลยบอกว่า คนอย่างเย่เทียนหยู่ไม่รู้จักความกลัวเลยว่าคืออะไร และมักจะเป็นคนที่สงบนิ่งอยู่เสมอแต่ปัญหาคือ แบบนี้มันก็จะทำให้บุคคลที่น่ากลัวอย่างซาป้าเทียนโมโหได้ง่าย ๆ สุดท้ายก็ต้องทิ้งชีวิตของตัวเองหากสิ่งที่หลิวเจี๋ยพูดเป็นความจริง งั้นตอนนี้เย่เทียนหยู่ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะแน่นอนว่าเมื่อซาป้าเทียนต้องมาเผชิญกับทัศนคติของเย่เทียนหยู่ เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เจตนาฆ่าก็ยิ่งรุณแรงมากกว่าเดิม และพูดออกไปว่า “แกบุกเข้าไปในโรงพยาบาล และตบลูกสะใภ้ของฉันใช่ไหม? ”“ใช่! ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ“แล้วก็เป็นแกที่เรียกให้คนมาจับกุมคนตระกูลซาล่วงหน้าใช่ไหม? ”คำถามนี้ ไม่ได้มีแค่ซาป้าเทียนที่อยากรู้ แต่คนอื่น ๆ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันมหาศาลกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง น่าสะพรึงกลัวและน่าตกใจอย่างมากอึก!มารโลหิตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งออกมาจากปาก ก่อนที่ตัวเขาจะเดินถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่หมัดเดียว อวัยวะภายในของเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพดูน่าอนาถมาก เห็นได้ชัดว่าภายในได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงต้องเข้าใจก่อนว่า ความสามารถของเขาเองก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเช่นกันแม้ว่าระยะเวลาในการบรรลุจะเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้วพูดตามตรง ความแข็งแกร่งของเขายังห่างจากหยางผั่วจวินอยู่มาก ซึ่งความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินตอนนี้ก็ได้ไปถึงคอขวดของระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว บวกกับร่างกายที่ไม่เหมือนใครของหยางผั่วจวินที่ทำการโจมตีอย่างฉับพลันนั่นอีก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะสามารถรับกระบวนท่านี้ของอีกฝ่ายได้ ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ!เป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวมาก!ทุกคนที่เห็นฉากนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน แบบนี้มันน่ากลัวเกินไปแล้วเมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้
ทันทีที่พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงทันที!สามหาว!สามหาวเกินไปแล้ว!นี่มันสามหาวจนเกินเยียวยาแล้วจริง ๆ!เยว่เหลียนหานและคนจากสำนักดอกไม้ตกตะลึงไปตาม ๆ กัน จนเกือบคิดว่าตัวเองประสาทหลอนไปแล้วเสียอีก แม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยางผั่วจวินคนนี้แข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่นี่มันก็บ้าเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองจะมีความสามารถมากขนาดนั้น ถึงคิดที่จะสู้กับปรมาจารย์ยอดฝีมือพร้อมกันทีเดียวหลาย ๆ คนอีกอย่าง แค่เจวี๋ยซินคนเดียวก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานได้แล้ว ยังไงซะ นั่นก็เป็นถึงคนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับชิงหลงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่มู่หรงอินเองก็ยังชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกตกใจเผยออกมาจากแววตาของเธอลูกน้องของลูกชายตนช่างอวดเก่งเสียจริง ไม่เห็นเจวี๋ยเทียนอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ คิดจะลุยเดี่ยวเลยรึไงดวงตาของทูตใหญ่เบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจจูเก่อหลิวหลีกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สมแล้วที่เป็นลูกน้องของคุณชาย ยอดเยี่ยมจริง ๆอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เย่เทียนหยู่เองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกันเชี่ย!เจ้าเด็กนี่ เพื่อที่จะแย่งคู่ต่อสู้มาให้ได้ จำเป็นต้องขนาดนี้เ