เมื่อเห็นว่าภายใต้คำขู่ของเย่เทียนหยู่ ทำให้ทุกคนก็ไม่กล้าขยับตัว คุณนายไป๋ก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินเข้ามาใกล้เธอจึงพูดอย่างรีบร้อนออกไปว่า “แกหยุดนะ ในที่สาธารณะแบบนี้ หรือแกคิดจะฆ่าฉันงั้นเหรอ?”“แล้วทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ คุณคิดว่ามีแค่ตระกูลของคุณเท่านั้นเหรอ ที่สามารถทำแบบนั้นได้?” เย่เทียนหยู่พูดพร้อมกับก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะเหยียบลงบนฝ่ามือข้างขวาของคุณนายไป๋อ้าก!คุณนายไป๋ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่บนส้นเท้า เขากดน้ำหนักลงบนนิ้วมือทั้งห้าของเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เธอจึงพูดออกไปว่า “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”“ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันเถอะ!”สิบนิ้วเชื่อมถึงใจ มันช่างเจ็บมากเหลือเกินในเวลานี้ เธอไม่เหลือความสูงส่งที่เคยมี และไม่เหลือความดุดันหรือเกรี้ยวกราดอีกต่อไป มีเพียงความเจ็บปวดและความกลัวที่ปรากฏขึ้นจนเต็มใบหน้าเพียงเท่านั้น“นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเอง คุณก็มาขอร้องผมแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แสดงให้เห็นว่าเขายังมีวิธีทรมานอีกมากมายที่ยังไม่ได้เอาออกมาใช้ทันใดนั้น คุณนาย
“ไม่ได้นะ ขอร้องล่ะ ขอให้เธอเปลี่ยนเงื่อนไขได้ไหม ขืนฉันโขกศีรษะให้พวกเธอ ฉันก็ไม่มีหน้าจะไปเจอคนอีกแล้ว”“หน้าของคุณงั้นเหรอ ตั้งแต่ตอนที่คุณตบพวกเธอไปเมื่อกี้ คุณก็ได้สูญเสียมันไปนานแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสี่สิบห้าวินาที” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา ขณะที่เขาพูด มีดสั้นในมือของเขาส่องประกายเย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อย ๆเวลาเดินไปอย่างช้า ๆ คุณนายไป๋เหงื่อไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ห้า สี่ สาม สอง......”“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว!”คุณนายไป๋ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดและความกลัวได้อีกต่อไป เธอจึงรีบคลานไปหา และคุกเข่าลงต่อหน้าทั้งสามคนทันทีการที่เธอคลานเข้าไปหาแบบนี้ มันจึงทำให้เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจอยู่นิดหน่อยผู้คนที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดทั้งหมดด้านนอก ต่างก็พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ใครจะไปคิดล่ะว่า คุณนายไป๋จะกล้าคุกเข่าจริง ๆ เขากลัวมากขนาดนั้นเลยเหรอถึงยังไง นี่ก็เป็นที่สาธารณะ เด็กหนุ่มคนนี้จะกล้าฆ่าคนจริง ๆ น่ะเหรอแต่เห็นได้ชัด ว่าเพราะพวกเขาไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง จึงไม่ได้รับแรงกดดันจากพลังจิตที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเย่เทียนหยู่ ความรู้สึกที่พวกเขาได้รับจึงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงกล
คำพูดนี้ ทำให้จางผิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันทีหลายคนเองก็อดยิ้มอย่างขมขื่นออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นฉากนี้ก็รู้สึกว่าแปลก ๆในเวลานี้ เหมือนว่าคุณนายไป๋จะลืมความเจ็บปวดไปจนหมดสิ้นแล้ว ร่างกายชาไปทั้งตัววันนี้เธอไม่เพียงแค่ประสบกับความเจ็บปวดทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องเสียหน้าในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้น เธอแทบจะเหมือนถูกกดให้จมดิน แล้วบดขยี้อย่างบ้าคลั่งอีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่ได้สนใจคุณนายไป๋อีกต่อไป เขาพูดอย่างเฉยเมยออกมาว่า “เมื่อกี้ใครบ้างที่ลงมือ ตอนนี้ก็ก้าวออกมาเองซะ!”ทันทีที่คำนี้ถูกพูดออกมา บอดี้การ์ดที่เคยลงมือต่างก็หน้าซีดกันหมดพวกเขานอนดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างมาโดยตลอด กระทั่งมีคนแกล้งทำเป็นหมดสติไปเลยด้วยซ้ำ ในใจรู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าเย่เทียนหยู่จะเริ่มคิดบัญชีกับพวกเขาแต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เลยรู้สึกว่าคงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี“อย่าคิดว่าการแกล้งตายจะทำให้หนีรอดไปได้นะ ให้เวลาพวกแกอีกสิบวินาที”เย่เทียนหยู่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ พร้อมกับเสียงพูดที่ดูเย็นชาเมื่อเย่เ
ถึงยังไง ก็เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่ง แม้จะลงมือรุนแรงแค่ไหน แต่ความผิดก็ยังไม่ถึงตายแต่ฉากนี้ก็กลับทำให้อีกคนที่ยังแกล้งสลบอยู่ตกใจจนพูดไม่ออกครั้งนี้ ไม่ต้องรอให้เย่เทียนหยู่ถาม เขาก็รีบพุ่งตัวออกมาทันที พร้อมกับพูดอย่างลนลานว่า “ขอโทษครับ ผมทำเอง ผมยอมรับผิด ผมออกมายอมรับผิดเองแล้วครับ”“สายไปแล้ว!”“แกหักขาข้างหนึ่งของตัวเองซะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเฉยเมย“ครับ ๆ!”เขาไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะรีบไปหาอุปกรณ์ แล้วลงมือทำทันที อันที่จริง เขาไม่กล้าลงมือจริง ๆ แต่เมื่อเห็นสภาพของพวกพ้องแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรที่ไม่กล้าทำอีกในตอนนั้นเอง คุณนายไป๋ก็ได้สติ เธอมองดูเย่เทียนหยู่ที่กำลังทำตัวหยิ่งยโสอวดดี มันก็ยิ่งทำให้เธอทั้งโกรธและโมโห แต่เธอก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปสู้กับอีกฝ่ายเพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่เป็นผลดีกับตัวเองเป็นแน่เพราะคนคนนี้มันบ้า คนบ้าที่ไม่รู้จักเกรงกลัวอะไรเลยเธอจะต้องทำให้อีกฝ่ายเสียใจอย่างแน่นอนเมื่อจัดการกับคนที่ต้องจัดการเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่ก็ไม่อยากสนใจพวกเขาอีกต่อไป เขาจึงเดินไปหาเฉินเฟยเฟย พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พวกเราไปกันเถอะ”เฉ
เมื่อกลับมาถึงห้อง เหอฉุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “คุณเย่คะ ฉันรู้ว่าคุณเก่งกาจมาก แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น เราไปที่โรงพยาบาลกันเถอะนะคะ”“ทำไม?” เย่เทียนหยู่ถาม“แบบนั้นเราก็จะสามารถตรวจสอบร่องรอยบาดแผลได้ เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าเราถูกพวกเขาทำร้าย เพื่อให้คุณได้สามารถตอบโต้กับข้อกล่าวหาของอีกฝ่ายได้ เพราะไม่อย่างนั้น ตำรวจก็อาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้ก็ได้”เหอฉุนพยายามอธิบายเย่เทียนหยู่ส่ายหัว และพูดออกไปว่า “ต่อให้จะมีบาดแผลอยู่จริง ๆ แต่หากนำไปที่สถานีตำรวจ พวกเราก็ยังไม่ถือว่าเป็นฝ่ายถูกอยู่ดี กลับกัน อาจกลายเป็นผู้รับผิดชอบด้วยซ้ำ”“เรื่องนั้น......”“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อฉันกล้าลงมือ นั่นก็หมายความว่า ฉันไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย”“หากเป็นแบบนั้น ฉันคิดว่าคุณนายไป๋คงจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แน่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เก่งเท่าคุณเย่ แต่ถึงยังไงก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองตะวันออก อำนาจคับฟ้า ยังไงก็ควรจะระมัดระวังเอาไว้บ้างนะคะ”เหอฉุนเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลไป๋มาอยู่บ้าง รู้ว่าตระกูลไป๋นั้นน่ากลัวและทรงพลังมากแค่ไหน โดยเฉพาะหั
“ไม่ว่าจะยังไง ต่อไปจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ได้อีก มันอันตรายเกินไป เอาแบบนี้นะ เดี๋ยวพี่จะจัดกำลังคนมาคอยปกป้องพวกเธอเอง”เย่เทียนหยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจว่าจะหาคนมาคุ้มครองเฉินเฟยเฟย รอจนกว่าพวกเธอจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องพวกเธออีกเช่นเดียวกับคนอื่นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เช่นเฉินเข่อซิน เขาเองก็ได้ส่งยอดฝีมือไปคอยปกป้องเธออย่างลับ ๆ ด้วยเช่นกัน ส่วนหยางเฉียนเฉียนและจูเก่อหลิวหลี เดิมพวกเธอก็เป็นยอดฝีมืออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการปกป้องใด ๆและหลินหว่านหรูที่อยู่ข้างกายเขา เธอมียอดฝีมือระดับสูงเป็นผู้หญิงที่คอยปกป้องเธอมากกว่าหนึ่งคนด้วยซ้ำ เพียงแค่ตัวหลินหว่านหรูเองไม่ทันได้สังเกตุก็เท่านั้นการปกป้องภรรยานั้น สำหรับเขามันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เย่เทียนหยู่ถึงได้จากไปตอนนี้เวลาก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เย่เทียนหยู่จึงโทรไปหาเลขาส่วนตัวของหลินหว่านหรู เพื่อสอบถามว่าหลินหว่านหรูได้ให้เธอสั่งอาหารเที่ยงมาแล้วรึยังเมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนหยู่ก็รีบบอกให้เธออย่าเพิ่งสั่ง ก่อนที่เขาจะโทรสั่งให้โร
“อะไร ยังยืนอยู่อีกทำไม หรืออยากให้ฉันเปลี่ยนคนจริง ๆ?” แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธ นี่คิดว่าฉันไม่กล้าเปลี่ยนตัวหล่อนจริง ๆ งั้นเหรอ?“ไม่ใช่นะคะ!”หลิวเหวินพยายามควบคุมอารมณ์ และตอบออกไปว่า “วัตถุดิบนี้หาซื้อไม่ได้ค่ะ”“หาซื้อไม่ได้ แล้วก่อนหน้านี้ได้มาจากไหน?” แม่ตระกูลหลินถาม“ปกติประธานเย่เป็นคนจัดการค่ะ”“ประธานเย่ ประธานเย่คนไหน?” แม่ตระกูลหลินสงสัย บริษัทของพวกเขาไม่น่าจะมีประธานที่นามสกุลเย่ได้“เย่เทียนหยู่ค่ะ!”“ว่าไงนะ เธอบอกว่าเป็นเขางั้นเหรอ!”แม่ตระกูลหลินขมวดคิ้วขึ้นทันที ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “ทำไมจะต้องให้เขาเป็นคนจัดหาด้วย พวกเราหาซื้อกันเองไม่ได้รึไง?”“ไม่ได้ค่ะ เพราะนี่คือส่วนผสมที่เขาปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง ตอนนั้นที่ทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบและขโมยสูตร ดังนั้นนอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครทำได้ค่ะ” หลิวเหวินอธิบาย“ว่าไงนะ ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ เวรเอ้ย ฉันว่ามันไม่ได้กลัวถูกขโมยสูตรอะไรหรอก มันตั้งใจขัดขวางพวกเรามากกว่า” แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธแต่ไม่นานแม่ตระกูลหลินก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “นาน
เย่เทียนหยู่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอันนุ่มนวลที่ฝ่ามือข้างขวา ก่อนที่เขาจะบีบมันเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เป็นสัมผัสที่ไม่เลวเลยเมื่อเขาหันหน้าไปมอง ใบหน้าอันงดงามดุจสาวงามล่มเมืองก็เข้าสู่วิสัยทัศน์ของเขา ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด และเปล่งปลั่งนุ่มนิ่ม“อ๊ะ…”หลินหว่านหรูถูกบีบจนตื่น ก่อนจะพบว่าเธอกำลังโป๊เปลือย เธอกรีดร้องแล้วผลักเย่เทียนหยู่ออกมือข้างหนึ่งดึงผ้าห่มไว้ และมืออีกข้างก็ถือหมอนทุบออกไปอย่างแรง“ไอ้คนชั่ว ไอ้คนลามก แกทำอะไรฉัน!”“เรื่องนั้น เหมือนจะทำไปทุกท่าเลย”“หน้าด้าน ไอ้คนไร้ยางอาย” หลินหว่านหรูทั้งอับอายทั้งโกรธ“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกมั้งครับ เมื่อคืนคุณเป็นคนเริ่มก่อนนี่” เย่เทียนหยู่น้อยเนื้อต่ำใจ“เหลวไหล ก็…”หลินหว่านหรูอยากจะเถียงแต่ก็พูดต่อไม่ออก เพราะสมองของเธอกำลังฉายภาพฉากเมื่อคืนเมื่อคืนวานเพื่อจะเก็บหนี้ก้อนโต เธอถูกคนวางยา และเมื่อพบความผิดปกติก็ใช้โอกาสหนีออกมาตอนไปเข้าห้องน้ำอีกฝ่ายพาเธอมาส่งที่ประตูโรงแรมและจะกลับออกไป แน่นอนว่าเธอเองเป็นคนรั้งเขาไว้และกระโจนใส่เขา“ฮือ ฮือ…”หลินหว่านหรูกลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เธ
“อะไร ยังยืนอยู่อีกทำไม หรืออยากให้ฉันเปลี่ยนคนจริง ๆ?” แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธ นี่คิดว่าฉันไม่กล้าเปลี่ยนตัวหล่อนจริง ๆ งั้นเหรอ?“ไม่ใช่นะคะ!”หลิวเหวินพยายามควบคุมอารมณ์ และตอบออกไปว่า “วัตถุดิบนี้หาซื้อไม่ได้ค่ะ”“หาซื้อไม่ได้ แล้วก่อนหน้านี้ได้มาจากไหน?” แม่ตระกูลหลินถาม“ปกติประธานเย่เป็นคนจัดการค่ะ”“ประธานเย่ ประธานเย่คนไหน?” แม่ตระกูลหลินสงสัย บริษัทของพวกเขาไม่น่าจะมีประธานที่นามสกุลเย่ได้“เย่เทียนหยู่ค่ะ!”“ว่าไงนะ เธอบอกว่าเป็นเขางั้นเหรอ!”แม่ตระกูลหลินขมวดคิ้วขึ้นทันที ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “ทำไมจะต้องให้เขาเป็นคนจัดหาด้วย พวกเราหาซื้อกันเองไม่ได้รึไง?”“ไม่ได้ค่ะ เพราะนี่คือส่วนผสมที่เขาปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง ตอนนั้นที่ทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบและขโมยสูตร ดังนั้นนอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครทำได้ค่ะ” หลิวเหวินอธิบาย“ว่าไงนะ ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ เวรเอ้ย ฉันว่ามันไม่ได้กลัวถูกขโมยสูตรอะไรหรอก มันตั้งใจขัดขวางพวกเรามากกว่า” แม่ตระกูลหลินพูดด้วยความโกรธแต่ไม่นานแม่ตระกูลหลินก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “นาน
“ไม่ว่าจะยังไง ต่อไปจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ได้อีก มันอันตรายเกินไป เอาแบบนี้นะ เดี๋ยวพี่จะจัดกำลังคนมาคอยปกป้องพวกเธอเอง”เย่เทียนหยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจว่าจะหาคนมาคุ้มครองเฉินเฟยเฟย รอจนกว่าพวกเธอจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องพวกเธออีกเช่นเดียวกับคนอื่นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เช่นเฉินเข่อซิน เขาเองก็ได้ส่งยอดฝีมือไปคอยปกป้องเธออย่างลับ ๆ ด้วยเช่นกัน ส่วนหยางเฉียนเฉียนและจูเก่อหลิวหลี เดิมพวกเธอก็เป็นยอดฝีมืออยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีการปกป้องใด ๆและหลินหว่านหรูที่อยู่ข้างกายเขา เธอมียอดฝีมือระดับสูงเป็นผู้หญิงที่คอยปกป้องเธอมากกว่าหนึ่งคนด้วยซ้ำ เพียงแค่ตัวหลินหว่านหรูเองไม่ทันได้สังเกตุก็เท่านั้นการปกป้องภรรยานั้น สำหรับเขามันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เย่เทียนหยู่ถึงได้จากไปตอนนี้เวลาก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เย่เทียนหยู่จึงโทรไปหาเลขาส่วนตัวของหลินหว่านหรู เพื่อสอบถามว่าหลินหว่านหรูได้ให้เธอสั่งอาหารเที่ยงมาแล้วรึยังเมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนหยู่ก็รีบบอกให้เธออย่าเพิ่งสั่ง ก่อนที่เขาจะโทรสั่งให้โร
เมื่อกลับมาถึงห้อง เหอฉุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็พูดออกมาว่า “คุณเย่คะ ฉันรู้ว่าคุณเก่งกาจมาก แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น เราไปที่โรงพยาบาลกันเถอะนะคะ”“ทำไม?” เย่เทียนหยู่ถาม“แบบนั้นเราก็จะสามารถตรวจสอบร่องรอยบาดแผลได้ เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าเราถูกพวกเขาทำร้าย เพื่อให้คุณได้สามารถตอบโต้กับข้อกล่าวหาของอีกฝ่ายได้ เพราะไม่อย่างนั้น ตำรวจก็อาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้ก็ได้”เหอฉุนพยายามอธิบายเย่เทียนหยู่ส่ายหัว และพูดออกไปว่า “ต่อให้จะมีบาดแผลอยู่จริง ๆ แต่หากนำไปที่สถานีตำรวจ พวกเราก็ยังไม่ถือว่าเป็นฝ่ายถูกอยู่ดี กลับกัน อาจกลายเป็นผู้รับผิดชอบด้วยซ้ำ”“เรื่องนั้น......”“ไม่ต้องห่วง ในเมื่อฉันกล้าลงมือ นั่นก็หมายความว่า ฉันไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย”“หากเป็นแบบนั้น ฉันคิดว่าคุณนายไป๋คงจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ แน่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เก่งเท่าคุณเย่ แต่ถึงยังไงก็เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองตะวันออก อำนาจคับฟ้า ยังไงก็ควรจะระมัดระวังเอาไว้บ้างนะคะ”เหอฉุนเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลไป๋มาอยู่บ้าง รู้ว่าตระกูลไป๋นั้นน่ากลัวและทรงพลังมากแค่ไหน โดยเฉพาะหั
ถึงยังไง ก็เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่ง แม้จะลงมือรุนแรงแค่ไหน แต่ความผิดก็ยังไม่ถึงตายแต่ฉากนี้ก็กลับทำให้อีกคนที่ยังแกล้งสลบอยู่ตกใจจนพูดไม่ออกครั้งนี้ ไม่ต้องรอให้เย่เทียนหยู่ถาม เขาก็รีบพุ่งตัวออกมาทันที พร้อมกับพูดอย่างลนลานว่า “ขอโทษครับ ผมทำเอง ผมยอมรับผิด ผมออกมายอมรับผิดเองแล้วครับ”“สายไปแล้ว!”“แกหักขาข้างหนึ่งของตัวเองซะ” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเฉยเมย“ครับ ๆ!”เขาไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะรีบไปหาอุปกรณ์ แล้วลงมือทำทันที อันที่จริง เขาไม่กล้าลงมือจริง ๆ แต่เมื่อเห็นสภาพของพวกพ้องแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรที่ไม่กล้าทำอีกในตอนนั้นเอง คุณนายไป๋ก็ได้สติ เธอมองดูเย่เทียนหยู่ที่กำลังทำตัวหยิ่งยโสอวดดี มันก็ยิ่งทำให้เธอทั้งโกรธและโมโห แต่เธอก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปสู้กับอีกฝ่ายเพราะไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่เป็นผลดีกับตัวเองเป็นแน่เพราะคนคนนี้มันบ้า คนบ้าที่ไม่รู้จักเกรงกลัวอะไรเลยเธอจะต้องทำให้อีกฝ่ายเสียใจอย่างแน่นอนเมื่อจัดการกับคนที่ต้องจัดการเสร็จแล้ว เย่เทียนหยู่ก็ไม่อยากสนใจพวกเขาอีกต่อไป เขาจึงเดินไปหาเฉินเฟยเฟย พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พวกเราไปกันเถอะ”เฉ
คำพูดนี้ ทำให้จางผิงรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันทีหลายคนเองก็อดยิ้มอย่างขมขื่นออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นฉากนี้ก็รู้สึกว่าแปลก ๆในเวลานี้ เหมือนว่าคุณนายไป๋จะลืมความเจ็บปวดไปจนหมดสิ้นแล้ว ร่างกายชาไปทั้งตัววันนี้เธอไม่เพียงแค่ประสบกับความเจ็บปวดทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังต้องเสียหน้าในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้น เธอแทบจะเหมือนถูกกดให้จมดิน แล้วบดขยี้อย่างบ้าคลั่งอีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่ได้สนใจคุณนายไป๋อีกต่อไป เขาพูดอย่างเฉยเมยออกมาว่า “เมื่อกี้ใครบ้างที่ลงมือ ตอนนี้ก็ก้าวออกมาเองซะ!”ทันทีที่คำนี้ถูกพูดออกมา บอดี้การ์ดที่เคยลงมือต่างก็หน้าซีดกันหมดพวกเขานอนดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างมาโดยตลอด กระทั่งมีคนแกล้งทำเป็นหมดสติไปเลยด้วยซ้ำ ในใจรู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าเย่เทียนหยู่จะเริ่มคิดบัญชีกับพวกเขาแต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เลยรู้สึกว่าคงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี“อย่าคิดว่าการแกล้งตายจะทำให้หนีรอดไปได้นะ ให้เวลาพวกแกอีกสิบวินาที”เย่เทียนหยู่กวาดสายตามองไปรอบ ๆ พร้อมกับเสียงพูดที่ดูเย็นชาเมื่อเย่เ
“ไม่ได้นะ ขอร้องล่ะ ขอให้เธอเปลี่ยนเงื่อนไขได้ไหม ขืนฉันโขกศีรษะให้พวกเธอ ฉันก็ไม่มีหน้าจะไปเจอคนอีกแล้ว”“หน้าของคุณงั้นเหรอ ตั้งแต่ตอนที่คุณตบพวกเธอไปเมื่อกี้ คุณก็ได้สูญเสียมันไปนานแล้ว ยังเหลือเวลาอีกสี่สิบห้าวินาที” เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชา ขณะที่เขาพูด มีดสั้นในมือของเขาส่องประกายเย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อย ๆเวลาเดินไปอย่างช้า ๆ คุณนายไป๋เหงื่อไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ห้า สี่ สาม สอง......”“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว!”คุณนายไป๋ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดและความกลัวได้อีกต่อไป เธอจึงรีบคลานไปหา และคุกเข่าลงต่อหน้าทั้งสามคนทันทีการที่เธอคลานเข้าไปหาแบบนี้ มันจึงทำให้เฉินเฟยเฟยรู้สึกตกใจอยู่นิดหน่อยผู้คนที่มองดูเหตุการณ์ที่เกิดทั้งหมดด้านนอก ต่างก็พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน ใครจะไปคิดล่ะว่า คุณนายไป๋จะกล้าคุกเข่าจริง ๆ เขากลัวมากขนาดนั้นเลยเหรอถึงยังไง นี่ก็เป็นที่สาธารณะ เด็กหนุ่มคนนี้จะกล้าฆ่าคนจริง ๆ น่ะเหรอแต่เห็นได้ชัด ว่าเพราะพวกเขาไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้อง จึงไม่ได้รับแรงกดดันจากพลังจิตที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเย่เทียนหยู่ ความรู้สึกที่พวกเขาได้รับจึงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงกล
เมื่อเห็นว่าภายใต้คำขู่ของเย่เทียนหยู่ ทำให้ทุกคนก็ไม่กล้าขยับตัว คุณนายไป๋ก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม โดยเฉพาะในตอนที่เย่เทียนหยู่เดินเข้ามาใกล้เธอจึงพูดอย่างรีบร้อนออกไปว่า “แกหยุดนะ ในที่สาธารณะแบบนี้ หรือแกคิดจะฆ่าฉันงั้นเหรอ?”“แล้วทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ คุณคิดว่ามีแค่ตระกูลของคุณเท่านั้นเหรอ ที่สามารถทำแบบนั้นได้?” เย่เทียนหยู่พูดพร้อมกับก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะเหยียบลงบนฝ่ามือข้างขวาของคุณนายไป๋อ้าก!คุณนายไป๋ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่บนส้นเท้า เขากดน้ำหนักลงบนนิ้วมือทั้งห้าของเธอ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เธอจึงพูดออกไปว่า “ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”“ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันเถอะ!”สิบนิ้วเชื่อมถึงใจ มันช่างเจ็บมากเหลือเกินในเวลานี้ เธอไม่เหลือความสูงส่งที่เคยมี และไม่เหลือความดุดันหรือเกรี้ยวกราดอีกต่อไป มีเพียงความเจ็บปวดและความกลัวที่ปรากฏขึ้นจนเต็มใบหน้าเพียงเท่านั้น“นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเอง คุณก็มาขอร้องผมแล้วเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แสดงให้เห็นว่าเขายังมีวิธีทรมานอีกมากมายที่ยังไม่ได้เอาออกมาใช้ทันใดนั้น คุณนาย
หลังจากที่คุณนายไป๋ร้องออกมาเสียงดัง เธอก็รู้สึกมึนงงอยู่พักหนึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คนทั่วไปไม่มีใครกล้าหายใจออกมาเสียงดังต่อหน้าเธอ แต่วันนี้เธอกลับถูกคนตบหน้าอย่างเปิดเผยแล้วนี่จะให้เธอยอมรับได้อย่างไร เมื่อเธอรู้สึกตัว เธอก็รีบลุกขึ้นด้วยความตกใจทันที ก่อนจะพูดด้วยความโกรธขึ้นว่า “แกกล้าตบฉันเหรอ แกกล้าตบหน้าฉัน ฉันจะฆ่าแก!”สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูเย็นชา มองไปยังคุณนายไป๋ที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด มือขวาของเขาก็ยกขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่การยกมือครั้งนี้เป็นการใช้หลังมือ เขาเหวี่ยงกระแทกเธอจนเกิดเสียงดังสนั่นครั้งนี้ เขาได้เหวี่ยงคุณนายไป๋ที่เพิ่งจะลุกขึ้นจากพื้นจนเธอหงายหลังกลับลงไปที่เดิมทันทีและเนื่องจากเขาใช้หลังมือ จึงเป็นการตบอีกด้านของใบหน้า ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนว่าจะแรงยิ่งกว่าเดิม เขาตบจนใบหน้าของคุณนายไป๋บวมเป่งคุณนายไป๋รู้สึกเจ็บจนต้องกัดฟัน พร้อมกับแสดงความโกรธออกมา ก่อนจะตะโกนออกไปว่า “ไอ้หนู แกตายแน่ แกจะต้องตายสถานเดียว ฉันจะไม่มีทางปล่อยแกไปแน่!”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ สีหน้าดูเย็นชา เขาก้าวไปข้างหน้า แล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ เป็นผมต่างหากที่จะไม่ป
ในสายตาของคุณนายไป๋ เฉินเฟยเฟยมีโอกาสถึงแปดในสิบที่จะเป็นผู้หญิงของเย่เทียนหยู่ เพราะไม่อย่างนั้น อีกฝ่ายคงไม่ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อเธอมากมายขนาดนี้แน่อีกอย่าง ต่อให้จะไม่ใช่ แต่ความสัมพันธ์ก็ต้องมีความใกล้ชิดอย่างแน่นอน เธอจะต้องทำให้พวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดให้ถึงที่สุดแต่พยัคฆ์ทมิฬกลับรู้สึกสับสน ในใจรู้สึกหงุดหงิดอย่างช่วยไม่ได้ คุณนาย นี่เธอไม่เข้าใจสถานการณ์เลยใช่ไหมเนี่ย เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้ว โอกาสที่ฉันจะสู้เข้าได้มีไม่ถึงสองส่วนด้วยซ้ำ!ตอนนี้เธอไม่แค่ให้ฉันจัดการเขา แถมยังบอกให้ไว้ชีวิตเขาอีกต่างหาก เธอเห็นฉันเป็นตัวอะไรเมื่อเห็นว่าพยัคฆ์ทมิฬยังคงนิ่งเฉย คุณนายไป๋ก็พูดด้วยความโกรธออกไปว่า “พยัคฆ์ทมิฬ ยังไม่ลงมืออีกเหรอ อย่าบอกนะ ว่าแกที่มีอายุมากกว่า กลับกลัวเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่จริง ๆ?”พยัคฆ์ทมิฬโกรธจัด นี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องกลัวหรือไม่กลัว แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยต่างหาก“ดี ดีนี่ ดูท่าแกคงปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ฉันทำอะไรแกไม่ได้แล้วใช่ไหม”คุณนายไป๋โกรธจัด เมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่เธอเกลียดมากที่สุด ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้