ท่ามกลางเสียงร้องฮึกเหิมของฝูงชน ในที่สุดเพลงก็จบลง และคอนเสิร์ตเองก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกันปิงเยว่ค่อย ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง เธอเติบโตมากับอาจารย์ของเธอ เธอจึงไม่รู้จักเพลงนี้จริง ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อฟังพวกเขาร้องเพลง เธอถึงได้รู้สึกว่าเลือดของเธอนั้นเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ราวกับว่าความยากลำบากต่าง ๆ นั้นไม่ได้รู้สึกยากลำบากอีกต่อไปเมื่อมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง เธอก็กลับไม่รู้สึกเกลียดเขาอีกต่อไป อย่างน้อยผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ก็เหมือนจะต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจคนอื่นอยู่บ้างแน่นอน ว่าเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม เขาไม่คู่ควรที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมีควรค่าให้เพ้อฝันถึงตนด้วยซ้ำ“ต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากเลยนะคะ เขาทำให้พวกเรามีช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในคอนเสิร์ตนี้” ทันทีที่เฉินเฟยเฟยพูดจบ เธอก็เดินไปข้างหน้า ก่อนที่จะอ้าแขนโอบกอดเย่เทียนหยู่หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเฟยเฟยพูด ทุกคนต่างก็เห็นด้วย กระทั่งตอนที่เฉินเฟยเฟยเป็นฝ่ายเริ่มกอดชายบนเวทีก่อน พวกเขาก็กลับรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่รับได้ต้องเข้าใจก่อนว
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ปิงเยว่ก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณเองก็ไม่เลว คุณสามารถยับยั้งเขตแดนแรงกดดันของฉันได้ในทันที ไม่ทราบว่าพอจะบอกได้ไหม ว่าความแข็งแกร่งของคุณอยู่ในระดับไหน?”ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่จะไม่บอกเธอ เขายิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า “ก็แค่เทคนิคเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร”ปิงเยว่ที่ได้ยินเช่นนนั้น เธอก็รู้แล้วว่าตนนั้นเดาไม่ผิด ว่ามันเป็นแค่เทคนิคอะไรบางอย่างจริง ๆ ขณะที่เธอกำลังจะพูดในตอนนั้นเอง ก็มีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ หน้าต่างรถถูกลดระดับลง เห็นได้ชัดว่ามารับพวกปิงเยว่ทั้งสองคนเธอไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนที่จะรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเสี่ยวลู่ขณะที่มองดูทั้งสองคนเดินจากไป สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “หลิวหลี ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา ส่งคนไปตรวจสอบพวกเขาหน่อย ดูว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกันแน่”“อืม!”“ฉันส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ” จูเก่อหลิวหลียกโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอยังได้ทำการแอบถ่ายรูปของทั้งสองคนเอาไว้อีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่สามารถหุบยิ้มได้ “คุณนี่ฉ
ทันทีที่เดินไปถึงข้างรถ เย่เทียนหยู่ก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน การแต่งตัวค่อนข้างประหลาด เสื้อเชิ้ตเปิดออกเล็กน้อย ท่าทางก็ดูหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวใคร“ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าแกทำผิดพลาดอะไรไป?”ชายหนุ่มที่ว่าคือไป๋หยาง เขามองไปยังเย่เทียนหยู่ และเล่นกับไม้เบสบอลในมือด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย พร้อมกับถามคำถามออกมา“ไม่รู้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว เขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้มีใครบอกเขาด้วย“แกไม่รู้งั้นเหรอ?”“ไอ้หนู แกทำอะไรลงไปบ้าง แกจะบอกว่าไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” ชายคนที่เพิ่งพาตัวเย่เทียนหยู่มากล่าวด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากคุณชายไป๋ เขาคงจะลงมือไปนานแล้วเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “มีอะไรก็เชิญพูดมาตรง ๆ เถอะ ฉันไม่ได้มีเวลามามัวไร้สาระกับพวกแกมากขนาดนั้น!”“โอ้ ไอ้เด็กนี่ยังทำตัวหยิ่งอีกด้วย”ชายหนุ่มโกรธจัด ขณะที่เขาเตรียมจะลงมือแต่คุณชายไป๋ก็ได้โบกมือไปมา และพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูสีหน้าท่าทางของไอ้เด็กนี่สิ เกรงว่ามันคงจะไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรลงไป หรือเผลอไปล่วงเกินใครเขาเข้า”“ก็คงใช่ ถ
เดี๋ยวนะ หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของเทียนเฟิงกรุ๊ปงั้นเหรอ?“ยังจะมัวคิดอยู่อีก!”ไป๋หยางทำหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อฉันเองก็พูดออกไปมากขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะช่วยให้แกได้รู้แจ้งขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน ลองคิดดูสิ ว่าแกเผลอทำอะไรลงไปบ้าง!”“เฉินเฟยเฟยงั้นเหรอ?”จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง อาจเป็นเรื่องผู้หญิงก็ได้“โอ้ ถือว่าแกยังพอมีสมองอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว คุณชายหนานกงพูดเอาไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการแกให้ได้ แกไม่เหลือเวลาให้ต้องเสียใจแล้วล่ะ”ไป๋หยางพูดคำสุดท้ายอย่างเย็นชา “ลงมือ!”“ช้าก่อน!”เย่เทียนหยู่บอกให้อีกฝ่ายหยุดอีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายบอกข้อมูลกับเขามากมายขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เขาค่อย ๆ เอ่ยปากขึ้นว่า “นี่พวกแกคิดจะจัดการกับฉันเพื่อตระกูลหนานกงจริง ๆ น่ะเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่งั้นแกคิดว่าพวกฉันมาทำอะไรที่นี่กันวะ?!”“ฉันคิดว่า ทางที่ดีแกเปลี่ยนใจจะดีกว่านะ เพราะไม่อย่างนั้น ฉันกลัวว่าผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะทำให้พวกแกรับไม่ไหว!” เย่เทียนหยู่ยังคงมีความเมตตาอยู่มาก“ตลกสิ
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
หนานกงเล่อพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามร่างของบอดี้การ์ดวัยกลางคนออกไปแต่ก่อนที่จะจากไป เย่เทียนหยู่เหลือบมองไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ไอ้เด็กนี่ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกสิ้นหวังเท่านั้น แต่กลับดูเหมือนว่าจะมีความหวังในการมีชีวิตอยู่ยังไงอย่างงั้น ทั้งยังรู้สึกถึงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัดคงไม่ใช่ว่าจะมีวิธีฟื้นฟูกลับมาได้หรอกนะ แต่นั่นก็เป็นไปไม่ได้ ตนเป็นคนลงมือ ยังไงตนก็รู้ดีที่สุดเว้นเสียแต่ว่า เขาจะไปฝึกวิชาจากตำราขุยฮวาอะไรนั่น!เดี๋ยวนะ ตำราขุยฮวาไม่ได้อยู่ในคลังสมบัติของอาณาจักรมังกรหรอกเหรอ งั้นหนานกงเล่อก็มีโอกาสที่จะได้มันมา นี่ก็เท่ากับว่าเขากำลังสร้างศัตรูให้ตัวเองไม่ใช่รึไงเขาไม่กลัวหากว่าหนานกงเล่อต้องการจะแก้แค้นตน แต่เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายคนรอบข้างมากกว่าดูท่าแล้ว จะปล่อยหนานกงเล่อคนนี้ไปไม่ได้ ความเกลียดชังของคนที่เคยถูกทำร้ายไม่ควรมองข้าม เกิดว่าอีกฝ่ายพุ่งเป้าทำร้ายคนรอบข้างเข้า ก็อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ได้อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขาได้ให้สัญญากับตระกูลหนานกงไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถลงมืออย่างเปิดเผยได้
แต่หากทำการสืบค้นต่อไป ข้อมูลนั้นจะต้องถูกค้นพบเข้าสักวันเนื่องจากเธอรู้ถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ บวกกับที่ได้ทราบข่าวว่าหนานชายเจ้าชู้ของตนก็อยู่ที่เมืองตะวันออกด้วยเช่นกัน เธอจึงกลัวว่าเขาจะเผลอไปสนใจหลินหว่านหรูเข้า จนทำให้เย่เทียนหยู่ไม่พอใจถึงยังไง หลินหว่านหรูก็มีความงามที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึงอยู่แล้วถ้าหากหลานชายคนนี้เห็นเข้า คงจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาแน่นอน ถ้าเกิดเผลอไปยั่วยุเย่เทียนหยู่เข้า ตอนนี้คงจะกลายเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียวปัจจุบันตระกูลหนานกงก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญเพื่อพัฒนาให้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่อยู่ ดังนั้นจึงไม่ควรมีศัตรูที่น่ากลัวอย่างพรรคมังกรเพิ่มขึ้นมาเด็ดขาดแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ตนจะช้าไปหนึ่งก้าว ยังไม่ทันที่จะเตือน หลานชายของเธอก็ไปพัวพันเข้าจนได้ถึงแม้จะไม่รู้ว่าสาเหตุคืออะไร แต่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็น่าจะเกี่ยวกับผู้หญิงเมื่อเห็นว่าป้าของตนเงียบไปนาน สีหน้าของหนานกงเล่อก็ยิ่งหมดหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่เย่เทียนหยู่ทำตัวหยิ่งยโสและอวดดีมากขนาดนี้ หรือพวกเขาจะไม่มีวิธีแล้วจริง ๆ น่ะเหรอ?ทั้งตระกูลหนานกงจะจัดการกับเ
การสนทนาเช่นนี้ ทำให้หนานกงเล่อรู้สึกตกใจอย่างสิ้นเชิงเสียงของป้าดังมาก แล้วก็โกรธมากด้วย แม้จะอยู่ห่างกัน แต่ก็ยังได้ยินเสียงที่ค่อนข้างชัดเจนยิ่งไปกว่านั้น เขายังตั้งใจเปิดโหมดลำโพงอีกด้วย เพราะเขาต้องการให้พวกเฉินเฟยเฟยได้สัมผัสถึงความน่ากลัวของตระกูลหนานกง ทำให้พวกเธอรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังแต่คิดไม่ถึงเลยว่า การสนทนาจะเป็นแบบนี้ไปได้แม้จะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นมีพลังที่ไม่ธรรมดา แต่ก็มักจะรู้สึกว่านั่นเป็นเพราะตนคิดมากไปเท่านั้น เลยเข้าใจผิด ยังไงซะ ใครบ้างที่ไม่รู้ถึงความน่ากลัวของอำนาจตระกูลหนานกงยิ่งไปกว่านั้น ทั้งที่ป้าโกรธมากขนาดนั้น แล้วทำไมป้ายังต้องการพูดกับอีกฝ่ายให้ได้ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะสั่งสอนอีกฝ่าย กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเนื้อหาที่พูดคุยกันจะเป็นแบบนี้แต่ฟังดูสิ เขาพูดว่าอะไร เขาแทบไม่สนใจเลยด้วยซ้ำว่าตระกูลหนานกงจะขุ่นเคืองรึเปล่า แถมยังจะใช้ฝ่ามือเดียวจัดการอีกต่างหากเขาไม่เห็นตระกูลหนานกงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยหากคำพูดเช่นนี้ถูกพูดต่อหน้าเขาก็ช่างเถอะ แต่นี่คือป้าของเขา เธอถือเป็นตัวแทนคนสำคัญของตระกูลหนานกงเชียวนะ เขากล้าพูดแบบนั้นไปได้ยังไง
“มันเป็นใครกันแน่?”หนานกงย่าเปิดเผยตัวตนออกมาอย่างสมบูรณ์ ตงลงแล้วเป็นใครกันแน่ ถึงลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนี้“เป็นเขา เขาเป็นคนทำ” หนานกงเล่อที่อยู่ภายใต้ความสิ้นหวังและความโกรธ เขาไม่แม้แต่จะรู้สึกกลัวเย่เทียนหยู่เลยด้วยซ้ำ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นโหมดเป็นกล้องถ่ายรูป และบันทึกภาพเย่เทียนหยู่เอาไว้เหอฉุนรู้สึกตกใจ ก่อนจะรีบพูดเตือนขึ้นว่า “คุณเย่คะ รีบหลบไปสิคะ!”“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ทำไมต้องหลบด้วย”สีหน้าเย่เทียนหยู่ดูน่าเกลียดมาก ไม่เพียงแต่ไม่หลบเท่านั้น แต่ถึงขั้นเดินหน้าไปอีกสองสามก้าว เพื่อให้ตัวเองถูกถ่ายรูปได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกด้วยเหอฉุนพูดอะไรไม่ออกโดยสิ้นเชิง นี่คุณเย่รู้จริง ๆ รึเปล่า ว่าตระกูลหนานกงนั้นน่ากลัวมากแค่ไหนในตอนนั้นเอง หนานกงเล่อก็รู้สึกงงงวยอีกครั้ง และตกตะลึงไปชั่วขณะเขากำลังจะถูกกำจัดแท้ ๆ ไอ้เด็กนี่เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้หยิ่งผยอง และแปลกประหลาดได้มากขนาดนี้สิ่งที่ทำให้หนานกงเล่อตกใจยิ่งกว่าก็คือ เมื่อเขาพลิกโทรศัพท์กลับมา ก็สังเกตเห็นว่าป้า ซึ่งเป็นคนที่รักเขามากที่สุด ก็กำลังรู้สึกตกตะลึงด้วยเช่นกันสีหน้าของหนานกงย่าดูไม่ดีมากนั
เสียงร้องที่เจ็บปวดของหนานกงเล่อดังขึ้นอย่างน่าสงสาร!อ้าก!เสียงกรีดร้องที่น่าสยดสยองนี้ แสดงให้เห็นว่าหนานกงเล่อได้ก้าวเข้าสู่วงการขันทีอย่างเป็นทางการแล้ว เขานั่งกองอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าซีดเซียว และเลือดก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องทำไมกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!หรือนี่คือบทลงโทษจากสวรรค์ที่เมื่อก่อนตนเคยทำร้ายผู้หญิงมามากมายอย่างนั้นน่ะเหรอ?สิ่งที่ทำให้เขาทุกข์ทรมานและสิ้นหวังมากที่สุดคือ เขาไม่เพียงแต่ถูกตอนธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นการตัดตอนแบบถอนรากถอนโคน จนไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้อีกแล้วหากว่ามันไม่ได้หนักเหมือนตอนนี้ หากว่าเขาสามารถไปถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลา บางทีอาจจะพอมีทางรักษาได้ แต่อีกฝ่ายกลับทำลายความหวังของเขาไปอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้ หนานกงเล่อเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความเจ็บปวด เขาจ้องมองเย่เทียนหยู่ด้วยสีหน้าแสดงโกรธแค้นและเกลียดชัง ราวกับว่าต้องการให้เขาถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ณ เดี๋ยวนั้นเลยสีหน้าของเหอฉุนดูซีดเซียว เดิมเธอคิดว่าเย่เทียนหยู่อาจแค่ต้องการขู่หนานกงเล่อเท่านั้นแต่ที่คิดไม่ถึงเลยก็คือ เขากล้าที่จะทำมันจริง ๆเราจบเห่แน่!พวกเราคงต้องจบเห่แ
ตระกูลหนานกงนั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปว่า “คุณเย่คะ ความสามารถของคุณนั้นแข็งแกร่งมากก็จริง แต่พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับตระกูลหนานกงก็ได้นี่คะ”เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจออกไปว่า “งั้นตามที่เธอพูด การที่มันทำเรื่องเลวทรามขนาดนี้ รังแกเฟยเฟยขนาดนี้ ก็คิดจะปล่อยมันไปง่าย ๆ เลยอย่างนั้นน่ะเหรอ?”“เอ่อ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เราสามารถให้คุณชายหนานกงทำการชดเชยบางอย่างได้นี่คะ” เหอฉุนกล่าวอย่างไร้หนทางแต่ยิ่งเหอฉุนทำแบบนี้มากเท่าไหร่ หนานกงเล่อก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้นก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังดูไม่ฟังคำพูดของเหอฉุนอยู่เลย ตอนนี้กลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิงจะต้องถูกความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของตระกูลหนานกงทำให้ตกใจแล้วแน่ ๆ ดังนั้นหนานกงเล่อจึงพูดด้วยท่าทีใด้ใจขึ้นว่า “ไม่จำเป็นต้องชดใช้แล้วล่ะมั้ง เมื่อกี้คุณชายเย่ก็เพิ่งจะตบหน้าฉันไป ก็ถือว่าเป็นการชดใช้เลยก็แล้วกัน”เหอฉุนที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปทันที ไม่เห็นรึไงว่าอารมณ์ของคุณเย่คนนี้แทบจะระเบิดออกมาเต็มกลืนแล้ว ฉันพยายามแทบตายกว่าจะทำให
เมื่อมองไปยังสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าของเย่เทียนหยู่ หนานกงเล่อก็รู้สึกว่าตนอาจจะตัดสินใจผิดไป ไอ้เด็กนี่อาจจะไม่ต้องการเจรจากับเขาจริง ๆเขาต้องการที่จะทำลายไอ้นั่นของตนจริง ๆแม้ไอ้นั่นของเขาที่อยู่หว่างขาจะสั้นและไม่มีประโยชน์ และมักจะต้องพึ่งยาอยู่เสมอแต่อย่างน้อยก็ยังใช้การได้อยู่ จะให้มันหายไปไม่ได้ครั้งนี้หนานกงเล่อตกใจมากจริง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว จนต้องเดินถอยหลัง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คะ คุณชายเย่ อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับ ผมผิดไปแล้ว คุณอยากให้ผมชดใช้ยังไง บอกผมมาได้เลยครับ ขอแค่เป็นสิ่งที่ผมให้ได้ ไม่ว่าอะไรผมก็จะให้คุณทุกอย่าง!”“แกให้ไม่ได้หรอก”เย่เทียนหยู่พูดพลางส่ายหัว“ให้ได้สิครับ ขอแค่คุณเอ่ยออกมา ผมก็ให้ได้ทั้งนั้น” หนานกงเล่อรู้สึกลนลานมากจริง ๆ“ถ้าฉันบอกว่าต้องการทั้งตระกูลหนานกงล่ะ แกให้ได้ไหม?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาพอจะรู้เรื่องที่ตระกูลหนานกงกดดันตระกูลเย่มาอยู่บ้างบวกกับเรื่องที่คนของตระกูลหนานกงเพิ่งจะมาหาเรื่องหลินหว่านหรูไป ตอนนี้ก็มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกสำหรับตระกูลหนานกงแล้ว เย่เทียนหยู่ไม่ได้รู้สึกดีด้ว
บนใบหน้าไม่ได้มีแค่รอยนิ้วมือที่ชัดเจนปรากฏเท่านั้น แต่ยังบวมขึ้นมาอีกด้วยซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงมือครั้งนี้นั้นหนักหนาสาหัสเพียงใดหนานกงเล่อพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดที่ใบหน้าอย่างมาก เขาจ้องมองเย่เทียนหยู่ด้วยความโกรธ ไม่ใช่ว่าแกควรจะกลัวตระกูลหนานกง และคิดหาวิธีแกไขปัญหารึไงวะแต่แกกลับลงมือรุนแรงขนาดนี้ แล้วแกจะให้ฉันเจรจากับแกได้ยังไง?สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เขายังไม่ทันจะยืนขึ้น เย่เทียนหยูก็เดินเข้ามาอีกครั้ง หนานกงเล่อรู้สึกตกใจ ไอ้เด็กนี่มันไม่เล่นตามกฎเลยจริง ๆสีหน้าของเหอฉุนเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเมื่อต้องการที่จะเจรจา อาจจะต้องมีการข่มขู่กันบ้าง แต่อย่างน้อยก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง เธอคิดว่าเย่เทียนหยู่จะฉลาด และคิดวิธีออกแล้วเสียอีกแต่กลับยังคงเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ขนาดนั้นเธออยากที่จะเตือน แต่ก็รู้สึกอายเกินกว่าที่จะพูด เพราะตั้งแต่ที่เธอได้เจอกับเขา เธอยังไม่เคยพูดคุยกับเขาเลยสักประโยค ความสัมพันธ์ก็ยังไม่มี จะให้เธอพูดยังไงแต่หากไม่รีบสอนเด็กหนุ่มคนนี้ล่ะก็ เขาอาจจะเผลอทำเรื่องผิดพลาดก็ได้เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา หนานก
เย่เทียนหยู่รู้สึกงงงวยเล็กน้อย ว่าตอนนี้ในหัวเด็กสาวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ช่างเถอะ ยังไงก็ควรแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อน เย่เทียนหยู่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะสังเกตเห็นสองสาวที่ถูกมัดอยู่ข้าง ๆ ซึ่งก็คือเหอฉุนและจางผิงเห็นว่าพวกเธอถูกมัดโดยเอามือไขว้หลังเอาไว้อยู่ และปากก็ถูกปิดด้วยเทปกาว พวกเธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้เลยตนเข้ามาก็นานพอสมควร แต่ก็กลับลืมช่วยพวกเธอแก้มัดเสียอย่างนั้น อันที่จริงมันก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ทันใดนั้น เย่เทียนหยู่ก็สะบัดมือขวา ซึ่งไม่รู้ว่าเขาทำยังไง เชือกที่ผูกมือของทั้งสองสาวก็ขาดออกได้ในทันทีสองสาวดูตกใจเล็กน้อย พวกเธอสัมผัสได้ว่าเชือกมันขาดไปแล้ว ทั้งแม้จะรู้สึกประหลาดใจกับวิธีการอันมหัศจรรย์ของเย่เทียนหยู่ก็ตาม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจพี่ชาย ในที่สุดคุณก็จำได้เสียที ว่ายังมีพวกเราอยู่ด้วย!พวกเราถูกเชือกมัดเอาไว้อยู่ตลอด แค่จะพูดก็ยังทำไม่ได้ แถมยังต้องมานั่งดูพวกคุณแสดงความรักต่อกันอีกเย่เทียนหยู่เองก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่นิดหน่อยจริง ๆ ก่อนที่จะถามออกไปว่า “พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเย่ พวกเราโอเค ขอบคุณมากนะคะ”จางผิงพูดด้วย